คิดถึงจัง"ปารีส" ชีวิต 6 วันที่เมืองน้ำหอม เมืองแฟชั่น ใช่แล้ว ฉันคิดถึงฝรั่งเศส

"บองชู่วววววว มาดาม"

คำพูดคุ้นหู ที่เวลาใครไปเที่ยวฝรั่งเศส มักจะได้ยินบ่อยๆ

ชัดในความทรงจำมากๆ ตอนเช้า ลงไปทานอาหารเดินสวนพนักงานโรงแรม

คนที่นั้นจะทักคำนี้ทุกรอบ เห้ออ ...คิดถึงปารีสจัง

วันนี้ได้โอกาสดีๆ จะมาเล่าบรรยากาศและความประทับใจในปารีสให้ฟัง 

ฉบับของชิชานะคะเป็นการเล่าครั้งแรก 

..เริ่มกันเลย

**ภาพถ่ายเมฆตอนอยู่บนเครื่อง ชอบตอนเช้าแสงแบบนี้ คือสวย**

เอาล่ะ เริ่มนั่งเครื่องบินกันก่อน

 ชิชาเดินทางจาก สนามบินสุวรรณภูมิ 

ใช้เวลาทั้งหมด 12 ชั่วโมง สายการบิน Etihad Airways

บิน 6 ชั่วโมง ถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอาบูดาบี

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พักทานอาหาร 

ล้างหน้า แปรงฟัน นั่งเม้ามอยกับเพื่อน 

รอเปลี่ยนไฟล์บิน

และบินต่ออีก 6 ชั่วโมง มุ่งหน้าไป

ท่าอากาศยานปารีสชาร์ลเดอโกล 

(Paris Charles de Gaulle Airport)

ลงเครื่องก็ไม่ได้พักเลย หิวมาก 

เพราะอยู่บนเครื่องกินอะไรไม่ค่อยได้ 

อาหารบนเครื่องอย่าพูดถึง ไม่ถูกปากเราเลยสักนิด T_T

แวะทานอาหาร ไก่มักกะโรนีสักอย่าง 

อร่อยสุดๆหรือเพราะหิวมาก 5555 

เสร็จก็เดินไต่ขึ้นกระเช้าที่เนินเขา 

ไป มหาวิหารซาเคร-เกอร์ Sacre Coeur ในรูปนั้นแหละ 

กำลังจะเดินขึ้นเนินไปชมวิหาร ตอนนั้นก็เหนื่อย 

แต่ตื่นเต้นมากกว่า นี่คือ ภาพวิว จากที่อยู่บนวิหาร

เดินทางไปต่อที่ อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล หรือ ประตูชัยฝรั่งเศส คนเยอะมากๆ วันนั้นที่ไปเหมือนมีเดินขบวนทหารสักอย่าง คนเลยเยอะเป็นพิเศษ มีแสงแฟร์เข้าภาพมาพอดี

แน่นอน มาที่หอไอเฟล ถ่ายรูป จะบอกว่า กว่าจะหาจังหวะที่นั่ง ที่ยืนแล้วคนโล่งได้ คือต้องไว เพราะคนจะเยอะมากๆ แต่ก็คุ้มเพราะได้รูปสวยๆ 55555 

เดินเล่นชิวๆที่ ถนนฌ็องเซลิเซ่ (Champs Elysees) มีแบรนด์เนมเยอะมากอย่างที่ทุกคนรู้ ตามที่ทุกคนน่าจะเห็นกันตามคลิปท่องเที่ยว แต่จริงๆคือ มันดูหรรษามากๆ น่าเดินได้เรื่อยๆ >.<

มาต่อกัน วันนี้ได้ไปเดินเล่นที่เมืองแห่งศิลปะ Saint Joan of Arc' Church ไม่รู้เรียกถูกไหมนะคะ เท่าที่จำได้เป็นเมืองที่มีบ้านสีสันสดใส สวยมากๆ น่าถ่ายรูปมาก ใครไป คือได้มุมถ่ายรูปเยอะแน่ๆ แต่ตอนนั้นฝนตก เลยได้อีกบรรยากาศค่ะ 55555

จากนั้น แวะทานอาหาร เหมือนเป็นบ้านหน่อยๆ แต่คือร้านอาหาร ขึ้นไปทานชั้น 2 จำชื่อร้านไม่ได้ เค้าจะเสริฟขนมปังรอกันก่อน จากนั้น สิ่งที่เราสั่งจะตามมา 

- ชิชาสั่งเนื้อแกะ จำได้ว่าไม่สุกเท่าไหร่ 5555 คนที่นั้นเค้าทานกันแบบนั้น แต่นี่เรียกเชฟมาอีกรอบแล้วให้เค้ากลับไปทำสุกอีกนิดนึง เค้าก็ยินดี 

 - จานที่ 2 ซ้ายล่าง จะเป็นเนื้อปลาแบบนิ่มๆ มีไส้ต่างๆด้านใน อร่อยดีค่ะ ตอนท้าย มีขนมหวาน แครมบรูว์เล ไม่ได้ถ่ายรูปเช่นเคยเป็นถ้วยครีมด้านบนจะเผาไหม้   เหมือนน้ำตาล 

ต่อด้วย ล่องเรือแม่น้ำแซน ชมเมืองปารีส สวยมาก เรือมี 2 ชั้น เดินขึ้นลงไปชมบรรยากาศได้ ใกล้กลัวฝนก็ลงไปชั้น 1 ใครอยากสูดอากาศเมืองปารีสก็ตรงไปชั้น 2 เลยจ้าาาา

ตอนที่ชิชาไป คือช่วงเดือนตุลาคม เลยมีฝนปอยๆเกือบทุกวัน แต่มันโรแมนติกมากๆเลยนะทุกคน แล้วก็อากาศดีมาก ยังเสียดายทุกวันนี้ ทำไมตัวเองไม่อัดคลิปเยอะๆ มีถ่ายรูปบ้าง เสียใจ 55555

ต่อด้วยช่วงกลางคืน ไปจิบไวน์ ชมโชว์ลิโด้ เป็นโชว์ร้องเพลง เต้นรำ สาว Doriss Girls เปลือยกายช่วงบน โชว์ที่แบบอลังการมากๆ คือสนุกมาก ใครที่ชอบดูโชว์คือ ห้ามพลาด เพราะ ที่ปารีสโชว์นี้ชื่อเสียงก้องโลก มีชื่อเสียงและโด่งดังที่สุดในปารีส   อาหารก็อร่อย ได้บรรยากาศ ใครมีแฟน พาแฟนมาคือแบบ โรแมนติกสุดๆ

**แต่ที่นี่ ห้ามถ่ายรูปการแสดงโชว์นะคะ เซลฟี่ตัวเองได้ก่อนการแสดง เลยถ่ายได้แค่นี้ค่ะ ส่วนการแสดงบนเวที ประทับใจอยู่ในความทรงจำพอ**

วันต่อมาในปารีส ไปที่ อาสนวิหารนอทเทรอะดาม แห่งเมืองปารีส (Cathédrale Notre-Dame de Paris) เราได้ไปก่อนที่จะมีข่าวไฟไหม้ นั่งจิบโกโก้ร้อนก่อนข้างฝั่งไปยัง อาสนวิหารนอทเทรอะดาม โกโก้อร่อยมาก เหมือนเดิม วันนี้ก็ฝนตกปอยๆเช่นเคย แต่ไม่ใช่อุปสรรค ตกเบาๆ แบบเดินได้ แปปเดียวก็หยุด 5555

- รูปแรก เป็นจุด ZERO ของโลก (น่าจะมั้งคะ....ฮ่าาา) ถ้าจำไม่ผิดนะ ให้ยืนแล้วอธิฐานหน้าโบสถ์ นี่ก็ทำตามเค้าไปด้วย แล้วก็เรียกทุกคนมาเอาเท้ามาวาง ถ่ายรูปเป็นระลึก ตรงจุด ZERO ภาพแบบที่เห็นเลยจ้า

- รูปสอง เดินข้ามฝั่งจากร้านที่นั่งกินโกโก้ มาก็ถึงแล้ว สังเกตุพื้นยังเปียกๆอยู่เลย

- รูปสาม ถ่ายหน้า อาสนวิหารนอทเทรอะดาม ตอนนั้นยังไม่เป็นนักรีวิวที่ดี 5555 สงสารตัวเอง เลยได้ภาพตามที่เห็น และภาพแบบกระจัดกระจาย และน้อยมาก

 - รูปที่สี่  นั่งกินโกโก้ร้อน อร่อย คลายหนาวดีค่ะ

ภายใน อาสนวิหารนอทเทรอะดาม สวยมาก มีแต่แสงเทียนวางตามจุดต่างๆ มีเพลงเพราะมากๆ จะบอกว่าที่ฝรั่งเศสเพลงบรรเลง หน้าโบสถ์ ในโบสถ์ หรือการถึงโบสถ์จะชอบมีคุณลุง เล่นดนตรีเพราะๆข้างหน้าหรือแถวๆนั้น เพราะจะเพราะมากๆ เข้ากับบรรยากาศสุดๆ

ต่อมา ไปเที่ยวต่อ ที่ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ หลักๆไปดูภาพโมนาลิซ่า 

หวังไว้จากที่ไทยแล้วว่า เราต้องเซลฟี่ กับภาพดังของโลกให้ได้ 555555 

แต่.. แต่.. แต่.. ไปถึงแล้ว 

อย่าให้พูดถึงเลย นอกจากจะมีสายกั้นไม่เท่าไหร่ 

ฝูงชนเยอะมากๆ ได้ภาพยากมากทุกคน 

แบบต้องเบียดๆๆๆๆๆเข้าไปให้ได้ 

แล้วเราต้องกะว่า ต้องไปโผล่ตรงกลางภาพนะ 

กว่าจะได้ เอาจริง ท้อแล้ว

 โมนาลิซ่าจ๋าาา เรามาหาเธอแล้ว แต่เอาที่บุญเรามีล่ะกัน ถ่ายมุมอื่นแทนนะ ฮ่าาาา จำได้ว่าไม่ได้ภาพเซลฟี่ แต่รวบรวมพลังงานที่มี มุดตัวเข้าไปในฝูงชน และยื่นมือให้ยาวที่สุด ได้ภาพมา 1 แช่ะ!! แบบไกลๆ  ตาเปล่ามองได้ชัดและสวยกว่าค่ะ

ตอนนี้หาภาพไม่เจอ แงๆๆๆ ภาพในเนต ในสื่ออื่นๆ ชัดและเหมือนจริงมากกว่า (น่าสงสารน้องเค้านะคะ งื้ออ)

มื้อค่ำนี้ แวะร้านอาหารชื่อดัง แต่จำชื่อไม่ได้ ไกค์บอกต้องจองคิวกันยาว หอยทาก เอสคาโก้ เดอ บูร์กอญ (Escargots de Bourgogne) อร่อยมาก หอมเนย เนื้อหอยทากกำลังดี 

จริงๆเค้าเสิร์ฟพร้อมกัน เป็นถาดหิ้วใหญ่ๆ มีหอยนางรม ปู กุ้ง แต่หอยตัวใหญ่มากๆ แต่กุ้งสุ้บ้านเราไม่ได้ หรือเป็นเพราะคนละสายพันธุ์ คนละเมนูรึเปล่า ไม่รู้เหมือนกัน

วันนี้ ไปเที่ยว พระราชวังแวร์ซาย (Versailles Palace) จะบอกว่าทางเดินไปเรื่อยๆ ทางเข้าคือเดินเยอะ แต่สวยมากจริงๆ แนะนำให้ใส่ผ้าใบ สบายๆไป คนที่นั้นเค้าแต่งตัวกันง่ายๆค่ะ อย่าหาทำส้นสูงหรือคัทชู บูธมีส้น แน่นอน ชิชาใส่บูธส้นสูง กะว่าถ่ายรูปต้องสวย แต่คือ ปวดเมื่อยเท้ามาก วันหลังๆ เดินแบบปวดร้าวทั้งเท้า ..นิ้วเท้า ..ขา ระบมสุด

ในภาพคือ ห้องกระจกที่เป็นเหมือนจุดโดดเด่นของ พระราชวังแวร์ซาย คนเยอะ เดินไปตามห้องต่างๆ จะมีลำแสงส่องตามหน้าต่างเข้าไปในห้องของวัง เห็นละอองฝุ่นเยอะมาก แต่อย่าได้แคร์ เดินไปตามกลุ่มน่ะแหละ เดินต่อไป 

**ขโมยเยอะมาก อาศัยช่วงเบียดๆกัน เพื่อนชิชาที่ไปด้วยกัน เห็นโจรกำลังล่วงกระเป๋านักท่องเที่ยวอีกคนในพระราชวัง นางตะโกนชี้ว่า "โจรๆๆ" พูดภาษาไทยเนี่ยแหละ คนก็หันมามอง ไอ้โจรก็คงตกใจ วิ่งหนีไป โดนพี่ๆที่ไปด้วยเตือนว่า ระวังความปลอดภัยตัวเองด้วย ทำแบบนี้ เดวโจรหันมาทำร้าย 55555**

ทางจะออก มีขายของที่ระลึก แน่นอนเราก็ต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง สกิลภาษาอังกฤษก็พอตัวอยู่ ฮ่าาาาาา ตอนเลือกน้ำหอมก็ดมๆเลือกๆที่ชอบ พอได้ที่ชอบ ชี้บอกพนักงานว่า "This one" ได้มาล่ะ ง่ายๆ อิอิ จากนั้น ออกมาถ่ายรูปเล่น ตามมุมต่างๆ ของแวร์ซาย ที่นี่สวย หามุมได้ไม่ยากมาก เข้าใจเลย ทำไมเป็นพระราชวังที่ติดอันดับความสวยติด1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

จากนั้น แวะ outlet marne la vallée ไม่ควรพลาดที่นี่สุด แบรนด์เนมที่บ้านเราแพงๆ ราคาคือน่าสอยมากเว่อร์ ซื้อ longchamp หูหิ้ว M รุ่น ลิมิเตดลายเสือ จำได้ว่าคิดเป็นเงินไทยแล้ว ประมาณ 3,000 เอง แล้วก็ Guess แบบถูกมาก ได้เป็นเซท กระเป๋า กับ กระเป๋าสตางค์ หรือ จะเป็นกระเป๋าแยกก็ได้ ราคาไม่เท่าไหร่ ถ้าเทียบกับไทย คือที่ไทยแพง แถมตอนกลับที่สนามบิน มีใบเสร็จ Tax Refund ได้อีก เริ่ดดดดดแม่   ^_^

จากนั้นเที่ยว ลาฟาแยตต์ (Galleries Lafayette) ก็เหมือนไปเดินเล่น ชมนั้นชมนี้ เพราะไม่ได้ซื้ออะไรเลย 5555555 เดินชมกระเป๋า เครื่องสำอางค์ น้ำหอม แบรนด์เนมต่างๆ ข้างหน้าทางเข้ามีขาย พวงกุญแจหอไอเฟลเยอะมากๆ นอกจากที่ลานหอไอเฟล ก็มีตรงนี้ 

หอไอเฟล เป็นคนผิวสีขายเยอะมาก และพูดไทยชัดมากๆ 7 อัน 1 ยูโร 5555555 สอยเพียบ ครบสี เอาไว้แจกเพื่อนๆ พี่ๆ ลุง ป้า น้า อา ญาติโกโหติกา

แวะ Sephora จำได้ว่าซื้อ naked eyeshadow ตอนนั้น Sephora ยังไม่มีสาขาที่ไทย สอยกลับมา ราคาถูกกว่าพรีออเดอร์ naked เยอะมาก ซื้อฝากน้าด้วยตอนนั้น Sephora คือ แบบสุดๆ เก็บทุกอย่างที่อยากได้ เพราะตอนนั้น Sephora ในไทยไม่มี 

เอาล่ะ สรุปจากที่ได้ไปเที่ยวฝรั่งเศส จากส่วนตัวนะคะ

บอกต่อเพื่อนๆที่กำลังไปครั้งแรก หรือว่า จะเตรียมตัวยังไงดี ?

- รองเท้า สำคัญมาก พยามอย่าเป็นส้นสูง หรือเอาไปคู่เดียว ควรติดผ้าใบไปด้วย เพราะปารีส เป็นทางเดินขึ้นๆลงๆ เดินเยอะแต่ไม่เหนื่อยเลย เมื่อยมากกว่าเพราะชิชาเอาบูธสูงไป ทางเดินจะเป็นพื้นขลุขละ เป็นรูเป็นหลุม เป็นอิฐบล๊อกตลอดทาง

- ระวังอึน้องหมา มีเยอะตามท้องถนน เดินระวังน๊าาาา !!! 5555 >.<

- อย่าถือชูโทรศัพท์หรือกล้องถ่ายรูปเซลฟี่ข้างถนน ในที่เปิดกว้าง มือถืออาจวาร์ปหายไป ไม่รู้ตัว

- ทานอาหารฝรั่งเศสไม่ได้ทุกมื้อ คิดถึงอาหารไทยมาก พี่ไกค์เอาน้ำจิ้มแจ๋วไปกับน้ำจิ้มซีฟู้ดใส่ขวดพลาสติกไป ช่วยชีวิตได้มาก ใช้เกือบทุกมื้อ บางมื้อได้เข้าร้านอาหารไทย ที่คนไทยเป็นเจ้าของ คิดถึงข้าวสวยผัดกระเพรา แกงจืด ได้เข้าคือดีใจมากๆ บางทีก็ต้องแวะร้านอาหารจีน เกี๊ยวน้ำ เส้นหมี่ผัด อะไรแบบนี้ อาหารไทยกับจีนคือที่สุด

- คนที่นั้น แต่งตัวธรรมดาปกติ เสื้อยืด กางเกงยีนส์ เสื้อคลุมปกติ สบายๆ แต่ให้มีคลาสสวยๆ แต่ตอนนั้นกลุ่มชิชากับเพื่อนจัดเต็ม เฟอร์เบาๆงี้ บูธงี้ เสื้อโค๊ชงี้ หมวกปีกงี้ จัดเต็ม แต่...5555 เหมือนตอนนั้นมีกลุ่มนักเรียนวัยรุ่นที่นั้นทัศนศึกษา เค้ามองกลุ่มชิชากับเพื่อน นี่เลยขำกับเพื่อนว่า หรือเราเว่อร์กันไปป่ะไรงี้ กะถ่ายแฟชั่นกันเลย แต่ใครนึกไม่ออกจะแต่งประมาณไหน แต่งสวยๆ ประมาณ Emily in Paris ในวันที่นางแต่งตัวธรรมดาๆกำลังดีค่ะ

- ร้านขายยาที่ปารีส ชี้เป้า Bioderma ถูกมากๆๆๆๆ หิ้วกลับมาเรียกเหมาเลยดีกว่า เป็นหลายแพ็ค ไม่ขายนะคะ เอามาใช้เองได้ บ้านเราเป็นพัน ที่นั้นแค่ 300 ฮ่าาาา

**คนฝรั่งเศสน่ารักนะคะ เท่าที่เจอ เค้าจะพยามมองกล้อง โบกมือทักทายกันตลอด Say Hi เข้ามาในกล้อง หรือมีรูปยิ้มให้กล้องเรา ตอนเราเซลฟี่ติดมาด้วยหลายภาพมาก เช่นแบบนี้ 5555**

สุดท้ายล่ะ จะบอกว่า ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่เราประทับใจเพราะบ้านเมืองสวย ตึกสวยมาก มีโรงละคร Opera Library-Museum นั่งรถผ่านแต่ไม่ได้เข้าไป ไม่ได้อยู่โปรแกรม เสียดายมากๆ ถ้าเลือกได้กลับไปอีกรอบ คำตอบเราคือ ไปฝรั่งเศสอีกครั้ง คราวนี้จะตั้งใจถ่ายรูปให้เป็นเรื่องเป็นราว และก็ ถ่ายวิดิโอแบบละเอียดๆเลยค่ะ ฮ่าาาาา

**จริงๆ ตอนไปเที่ยวและมีเรื่องราวโก๊ะๆอีก เช่น เหรียญเข้าห้องน้ำในร้านอาหาร ที่นั้น ทานอาหาร แบบร้านโกโก้ ถ้าจะเข้าห้องน้ำ จะมีเหรียญหยอดประตู ไว้เปิดล๊อก แบบเปิดไม่ออก ช่วยกันกับเพื่อน เพื่อนก็ งงๆ ฮามากกกกกกก**

ล่ะนี้...ก็คือการบอกเล่าความประทับใจสถานที่เที่ยว หวังว่าเพื่อนๆจะชอบน๊าา เป็นการเล่าประสบการณ์ท่องเที่ยวกระทู้แรกของชิชา นั่งเขียน นั่งย้อนอดีต ค้นหาภาพมาทั้งวันเลย แต่ก็เก็บไว้อ่านได้ ปกติรีวิวแต่ Beauty Skincare ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีๆที่ได้มีกระทู้นี้ขึ้นมา ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ ^^