Scandal นอกใจฉาวระดับตำนานของคนดังรุ่นใหญ่แห่ง Hollywood

57 18

ชู้รักคนดังสุดฉาวสะเทือนเกาะอังกฤษ

คุณทราบไหมว่า ภาพของ Emma Thompson ที่แสดงฝีมือการแสดงจากบทบาทแม่บ้านที่ใจสลายเมื่อพบว่าสามีนอกใจใน Love Actually  จนทำให้หลายคนอินจนหลั่งน้ำตาตามไปด้วยนั้นมาจากการใช้ประสบการณ์ในชีวิตจริงของเธอมาเป็นแรงบันดาลใจ

ในปัจจุบัน เมื่อพูดถึงสองนางเอกเจ้าบทบาท Emma Thompson และ Helena Bonham Carter สำหรับคนยุคใหม่ก็อาจจะนึกถึงความเชื่อมโยงของทั้งสองได้จากหนังตระกูล Harry Potter ทั้งสองมีสัญชาติอังกฤษและเคยร่วมงานกันมาก่อน และก็ไม่แปลกหากจะมีความสัมพันธ์ฉันเพื่อนสาวตามแบบฉบับคนดังระดับ high profile

แต่สิ่งที่ผูกชื่อทั้งคู่ติดกันอย่างเหนียวแน่นไม่ใช่เรื่องมิตรภาพ  แต่กลับกลายเป็น scandal รักนอกใจ  เมื่อพวกเธอมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนเดียวกัน...ในเวลาเดียวกัน


คู่รักนักแสดงหลายคู่ได้พัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนร่วมงานก้าวไปสู่การใช้ชีวิตสามีภรรยา Kenneth Branagh และ Emma Thompson ก็เป็นหนึ่งในนั้น พวกเค้าประชันบทบาทกันในซีรีส์ช่อง BBC ในปี 87 และศึกษาดูใจกันราวๆสองปีก่อนจะควงแขนเข้าสู่ประตูวิวาห์ ดูภายนอกแล้ว พวกเค้าดูรักใครกันดี ทั้งยังเป็นร่วมสร้างความโด่งดังแบบ power couple ด้วยการร่วมประชันบทบาทด้วยกันในหลายผลงาน

Emma คงไม่คาดคิดว่า เพียงไม่กี่ปีต่อมา    Kenneth จะลักลอบมีความสัมพันธ์กับนางเอกสาวที่แสดงบทบาทร้อนฉ่าคู่กันใน  Mary Shelley’s Frankenstein   หลายสื่อได้นำเสนอว่า  ทั้งสองตกหลุมรักกันในกองถ่าย  แต่ความจริงแล้ว  Helena รู้จักมักคุ้นกับ Kenneth และ Emma เป็นอย่างดีอยู่แล้ว    ฝ่าย Kenneth ก็เป็นผู้เลือกเธอให้มารับบทนางเอกด้วยตัวเอง  เพราะนอกจากว่าเขาจะแสดงเป็น Frankenstein    ก็ยังรับหน้าที่เป็นผู้กำกับอีกด้วย   จริงๆแล้วพวกเขาเริ่มคบหากันตั้งแต่เมื่อไร เรื่องนอกจากคนวงใน ก็คงไม่มีใครรู้แน่ชัด 


แม้ในยุค 90s จะไร้ social media แต่ข่าวนางเอกสาวไฮโซ Helena Bonham Carter กำลังแอบมีความสัมพันธ์ร้อนฉ่ากับพระเอกที่มีเจ้าของแล้วก็หลุดรอดมาถึงสื่อจนกลายเป็น talk of the town แม้จะยังไม่มีใครออกมาชี้แจง-ตอบโต้ หรือถูกนักสืบออนไลน์ตามขุดคุ้ยเหมือนกับ scandal ในยุค digital แต่หลายฝ่ายเชื่อมั่นว่า นี่ไม่ใช่เพียงการปั้นข่าวเพื่อใส่ร้ายกัน เพราะหลังจากนั้นเพียงไม่นาน Emma และ Kennethก็ยุติความสัมพันธ์ฉันสามี-ภรรยา เขาหันไปคบหากับ Helena อย่างออกหน้าออกตา แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพนักแสดงมากเท่าใด

ฝ่าย Emma ถึงจะ unlucky in love  แต่ก่อนจะหย่าเธอก็ทะยานสู่ทำเนียบนักแสดง A List อย่างเต็มตัวจากการคว้ารางวัล Oscar และอีกอีกหลากหลายผลงานที่ตอกย้ำความสำเร็จ   เธอยังได้รับคะแนนความสงสารจากสังคมที่มองว่าเธอเป็นเหยื่อของพฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์ของอดีตสามีและเพื่อนนางเอกรุ่นน้อง  ในขณะที่อีกฝ่ายถูกโจมตีหนักถึงขั้นว่าเป็นคู่ชู้รักไร้ยางอาย

Helena โอดครวญ  ถูกมองเป็นนางร้าย

"ฉันถูกมองเป็นยายคนที่ทำลายครอบครัวคนอื่นจนกลายเป็นนิสัย มันทำให้จิตตกเพราะฉันเป็นฝ่ายที่รู้เรื่องราวจริงๆ  มันจึงรู้สึกเจ็บปวดนะคะ ให้พูดตรงๆ บางอย่างที่คนเขาว่าฉันมันถือเป็นการสบประมาทกัน แต่นั่นก็เป็นราคาที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับการเป็นคนดังที่อยู่ท่ามกลางสายตาสาธารณชน"

"ผู้คนจะแต่งเสริมเรื่องราวเพิ่มสีสันให้กับความเป็นจริงอยู่เสมอค่ะ"


หลังจากที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่สามทำให้คู่สามีภรรยานักแสดงต้องหย่าร้างกัน     Helena และ Kenneth ก็หวานชื่นเปิดเผยอยู่ประมาณ 5 ปี จึงประกาศแยกทางและขอร้องให้สื่อเคารพความความเป็นส่วนตัว    ภาพที่ฉาวโฉ่ของเธอค่อยๆถูกลบเลือนไปหลังจากสร้างชื่อเสียงโด่งดังเมื่อได้ร่วมงานกับ Tim Burton  ผู้กำกับหนังแฟนตาซีผู้โด่งดัง  เขาได้กลายมาเป็นสามีและพ่อของลูกของเธอ และใช้ชีวิตคู่กัน 13 ปี ก่อนที่จะหย่าขาดจากกัน

Emma เปิดใจ   "ที่แล้วก็ให้แล้วกันไป"

ฝ่ายคนที่ถูกนอกใจเลือกนิ่งเงียบไม่ตีโพยตีพายมาเกินยี่สิบปี และเมื่อถูกถามความรู้สึกที่มีต่อ Helena เธอก็ให้ความเห็นแบบไร้ความอาฆาตแค้นว่า

"ผ่านไปแล้วก็ให้แล้วกันไปค่ะ จะให้ผูกใจเจ็บก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ฉันไม่ใช้พลังงานกับเรื่องแบบนี้หรอก"

"Helenaและฉันปรับความเข้าใจกันตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วค่ะ "

เวลาที่ผ่านไปได้เยียวยาจิตใจของนางเอกรุ่นใหญ่จนแกร่งพอที่จะพูดเรื่องในอดีตแบบติดตลก

"เรามีอะไรที่เหมือนกันนะคะ บ้านิดๆและกล้าแต่งตัวแหวกแนว มันอาจจะเป็นเหตุผลที่Ken รักเราทั้งสองคน เธอเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมนะคะ"







ในปี2018 Emma ยังได้บรรยายถึงฉากสุดเศร้าใน Love Actually ไว้ว่า

" ฉากที่ฉันต้องยืนร้องไห้อยู่ข้างเตียงสร้างเสียงกล่าวขวัญเพราะเป็นสิ่งที่ผู้คนมากมายเคยพานพบมาแล้ว หัวใจฉันเคยเจ็บช้ำมากมายเพราะ Ken ฉันจึงเข้าใจถึงความรู้สึกเมื่อได้รู้ว่าสร้อยเส้นนั้นไม่ได้เป็นของขวัญของตัวเอง มันเป็นเช่นไร"


แฟน Harry Potter บางคนอาจจะรู้สึกแปลกๆ เมื่อได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ในชีวิตจริงของนักแสดงทั้งสามคน



scandal กระชากตำแหน่ง'หวานใจอเมริกา'ไปจากนางเอก A List


ตำแหน่ง America's Sweetheart ของคนดัง Hollywood มีความเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ไม่ใช่ว่าพวกเค้าทุกคนจะรักษาความนิยมจากภาพลักษณ์ที่ผู้คนมากมายปลาบปลื้มไปได้ตลอดรอดฝั่ง แม้ในอเมริกา วัฒนธรรมการ cancel ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงชีวิตส่วนตัวของคนดัง เห็นได้จากหลากหลายกรณีเมื่อคนดังพัวพันกับความสัมพันธ์ที่ผิดศีลธรรม ก็ไม่กระทบต่อเรื่องงานในวงการบันเทิง แต่มันก็อาจจะทำให้สังคมไม่สามารถมองภาพพวกเค้าผ่านเลนส์แว่นสีกุหลาบได้อีกต่อไป


เรื่องราวความสัมพันธ์ของ Julia Roberts และสามี ก็เป็นหนึ่งในความฉาวติดลำดับต้นๆของ Hollywood เช่นเดียวกัน   หลายคนอาจจะลืมเลือนไปแล้ว รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทัน     แล้วมันเกิดอะไรขึ้นนะ ?
นับแต่ยุค90s  Julia Roberts คือนางเอกที่ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่ง  เธอคือเจ้าของรอยยิ้มกว้างขวาง(จนสื่อไทยเรียกว่านางเอกปากกว้าง)  เสียงหัวเราะที่โดดเด่นเป็นที่สุด  ภาพของนางเอกที่แสนสดใสทำให้เธอคว้าใจอเมริกาได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี หนังromance ที่เธอรับบทนางเอกประสบความสำเร็จติดต่อกันหลายเรื่อง  และทำให้สื่อคอยติดตามชีวิตรักนอกจอของเธออย่างไม่ลดละ  โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับพระเอกหนุ่ม  Benjamin Bratt ที่มักจะถูกมองว่า เป็นแฟนหนุ่มที่ถูกราศรีความเป็น superstar ของJulia บดบัง   ตามมาด้วยคำติฉินนินทาว่า เธอควรจะควงคู่กับผู้ชายที่โด่งดังในระดับเดียวกันมากกว่า  จากในอดีตที่เคยคบหากับพระเอก A List มาก่อน

เมื่อมีการเปิดเผยชัดเจนว่า Julia และBenjamin ปิดฉากความสัมพันธ์สี่ปี สื่อก็พยายามค้นหาต้นตอของความแตกแยก ABC News รายงานอย่างมั่นใจว่า ฝ่ายชายหึงหวงมิตรภาพที่แนนแน่นของJulia และGeorge Clooney ( ปัจจุบันทั้งสองก็ยังสนิทกันมาก) ทำให้นางเอกขวัฯใจอเมริกาต้องออกโรงชี้แจงกับ David Letterman ว่า พวกเค้าตัดสินใจแยกทางกันอย่างสันติ แต่สื่อไม่สามารถยอมรับว่าคู่รักสามารถจบกันอย่างละมุนละม่อม และใส่สีตีไข่ให้เรื่องราวดูย่ำแย่เพื่อขายข่าว


แต่เรื่องราวที่เปิดเผยออกมาภายหลังส่งผลให้สังคมมองเธอแตกต่างไปจากเดิม    เพราะหลายคนมั่นใจว่า  สาเหตุที่แท้จริงที่เธอเลือกจบความสัมพันธ์กับคนรักก็คือ ช่างภาพหนุ่มที่มีภรรยาแล้วต่างหาก!

Julia ได้ประชันบทบาทคู่กับ Brad Pitt ที่ถูกยกให้เป็นพระเอกสุดhot แห่งยุค แต่นั่นกลับเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์กับตากล้องผู้ช่วยหรือ Danny Moder ผู้ที่ยังมีสถานะแต่งงานกับภรรยาช่างแต่งหน้า ในขณะที่สื่อพยายามจะจับให้ Julia กับพระเอก high profile คนอื่นๆ กลับยังไม่มีใครระแคะระคายว่าเธอกำลังคบหากับตากล้องหนุ่มที่ไม่ได้เป็นคนดัง และก็ยังเป็นที่รับรู้กันว่า เธอยังคบหากับ Benjamin อยู่

มีรายงานว่า Danny ย้ายออกจากบ้านที่อาศัยกับภรรยาหลังจากที่ได้พบ Julia ได้เพียง 6 เดือน เมื่อเธอแยกทางกับ Benjamin ด้วยการประกาศให้สังคมรับรู้อย่างเป็นทางการ ก็เริ่มคบหากับ Danny แบบไม่ต้องหลบซ่อน แต่กระนั้นVera Steimberg ที่ใช้ชีวิตคู่กับเขามาสี่ปีก็ยังไม่ตัดสินใจจะเซ็นใบหย่าให้ไปเริ่มต้นใหม่กับนางเอก superstar

'A Low Vera' เสื้อยืดสโลแกนที่บ่งบอกความในใจของ Julia ว่าชิงชังฝ่ายภรรยาของแฟนหนุ่มมากแค่ไหน แม้จะถูกสื่อตีข่าวอย่างหนักว่าเป็นมือที่สามแย่งสามีชาวบ้าน ท่าทางไม่ยี่หระของJulia ในขณะที่โชว์ข้อความบนเสื้อให้ paparazzi เก็บภาพกันชัดๆ ยิ่งทำให้กระแสความอื้อฉาวพุ่งแรงจนเรียกว่า trending โดยไม่ต้องมี Twitter!  

มีรายงานว่า Julia โกรธเกรี้ยวอย่างหนักที่ Vera ยังไม่ตกลงปลงใจเซ็นใบหย่า และใช้เงินราวๆแสนเหรียญยื่นเป็นข้อเสนอให้กับฝ่ายตรงข้าม นั่นทำให้หลายฝ่ายฟันธงว่า เสื้อยืดตัวนี้ของJulia คือการโจมตีกลับด้วยการกดให้อีกฝ่ายต่ำกว่า เพราะโกรธเกรี้ยวที่ต้องใช้เงินจำนวนมากแลกใบหย่ามานั่นเอง


เสื้อตัวนี้ทำให้ชื่อเสียงของเธอฉาวโฉ่ขึ้นไปอีก และเจ้าตัวก็พกความมาดมั่นอย่างเต็มที่มายังรายการ Oprah เพื่อชี้แจงเรื่องข้อกล่าวหาเรื่องแย่งสามีคนอื่นและเสื้อ A Low Vera เจ้าปัญหา


O: "คุณรู้ว่าเขาแต่งงานแล้ว  เรื่องนี้มีผลกระทบกับคุณเช่นไรบ้าง?"

J: "มันกระทบอย่างแรงค่ะ แต่เขาก็ไปจัดการฝ่ายตัวเองนะคะ เขาแยกตัวห่างจากฉันไป แล้วฉันก็ต้องจัดการเรื่องของตัวเองเหมือนกัน ฉันก็ต้องแยกจากเขา ฉันคิดว่านั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เราตกหลุมรักกันอย่งถอนตัวไม่ขึ้นและอยู่ด้วยกันได้"

O: "งั้นคุณไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตแต่งงานของเขาต้องแตกแยก"

J: "ฉันไม่ใช่ต้นเหตุค่ะ ฉันไม่ต่อว่าคนที่มาชี้หน้าโทษกันหรอกนะคะ   แต่เรื่องราวมันไม่ได้เป็นแบบที่พวกเค้าว่ากัน"

O: "คุณเคยตกหลุมรักมาก่อนหน้านี้ใช่มั้ยคะ?"

J: "ใช่และไม่ใช่  ฉันก็เคยมีความรู้สึกแบบเหมือนมีผีเสื้อบินว่อนในท้อง แต่มันไม่เชื่อมโยงกับโลกแห่งความเป็นจริงค่ะ     ถ้าคุณลองพิจารณาถึงมรสุมที่ฉันและDanny ต้องฝ่าฟัน  มันควรจะต้องใช้ความผูกพันจนเป็นความมั่นคง ไม่งั้นความสัมพันธ์ก็คงพังทลายลงไปแล้ว"

O: "ที่คุณบอกว่ามรสุมนี่หมายความว่าอะไรคะ?"

J: "ก็ที่สื่อเล่นข่าวราวกับว่ามันเป็นโชว์ละครสัตว์  เขาไม่เคยต้องรับมือกับอะไรแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ"

O:  "คุณเคยเตรียมพร้อมให้เขารับมือกับเรื่องนี้รึเปล่าล่ะ?"

J: "ฉันก็ไม่เคยทำงานกับสวนสัตว์ซะด้วยสิ"

O:  "คุณใส่เสื้อยืดตัวนั้นเพื่ออะไรคะ?  มันเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร"

J:  "คุณก็รู้นี่ว่ามันเกี่ยวกับอะไร  มันเป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ"
.
O: "โอเค"

J:   "ฉันยังยืนยันตามคำพูดบนเสื้อยืดของฉันนะคะ"

เมื่อถึงจุดนี้ หลายคนก็น่าใจแน่ใจแล้วว่า มุมมองของสังคมที่มีต่อสถานะเจ้าหญิงHollywoodและAmerica's Sweetheart ของJuliaได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แม้มันจะไม่ได้กระทบเส้นทางนักแสดงที่รุ่งโรจน์ เธอยังได้รับข้อเสนอให้แสดงหนังดังอย่างต่อเนื่อง แต่การโจมตีฝ่ายอดีตภรรยาของผู้ชายอย่างท้าทายโดยที่เป็นฝ่ายมาทีหลังนั้น ทำให้เกิดเสียงโจษจันว่า เธอ'แรง' เกินกว่าภาพลักษณ์น่ารักสดใสที่คว้าใจแฟนๆมาก่อนหน้าอยู่มาก


เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ช่วงที่เรื่องนี้ฉาวหนัก Vera ได้ให้สัมภาษณ์กับThe Sunไว้ว่า

"ฉันไม่มีทางจะให้อภัย Julia เธอฉกสามีคนอื่นไป แต่คู่นี้จะไม่อยู่จีรังยั่งยืนหรอกค่ะ เดี๋ยวอีกปีเดียวเธอก็หาผู้ชายมาเป็นสามีใหม่   Danny ก็สอดส่ายสายตาอยู่ไม่สุขเหมือนกัน เขาไม่มีวันเปลี่ยน เขานอกใจฉัน และเขาก็จะนอกใจเธอด้วย"

"Julia อยากจะแต่งงานกับเขาจนทำได้ทุกวิถีทาง เธอได้ตามที่ใจปรารถนาแล้ว ฉันไม่อยากจะเสียเขาไปเลยค่ะ แต่ก็ต้องขอยอมแพ้ตรงนี้"


อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อดีตภรรยาปรามาส (หรือแช่งชัก)ไว้นั่นห่างไกลจากความเป็นจริง Julia แต่งงานกับ Danny หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากเขาหย่าร้างอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพียงไม่กี่ปีต่อมา เธอก็ให้กำเนิดลูกแฝด และพวกเค้าใช้ชีวิตคู่ยืนยาวจนก้าวสู่ทศวรรษที่2





แต่แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานจนหลายคนลืมเรื่องนี้ไปแล้ว สื่อยังควานหาหลักฐานยืนยันจากไดอะรี่ของJyl Moder น้องสาวของ Danny ที่บันทึกไว้ในขณะรับการบำบัดการติดยาเสพติด เธอระบายความในใจว่า พี่สะใภ้คนดังทำลายชีวิตการแต่งงานของพี่ชายและสร้างความร้าวฉานภายในครอบครัวของพวกเธอด้วยพฤติกรรมแบบdiva เมื่อรวมกับดราม่าภายในครอบครัวของ Julia ที่ถูกน้องสาวแฉเรื่องชีวิตส่วนตัว ทำให้ข่าวลือตามมาเรื่อยๆว่า เธอเป็นนางเอกสาวที่แฝงความร้ายกาจไว้เบื้องหลัง



วีรกรรมนอกใจภรรยากับแม่บ้านจนมีลูกนอกสมรส


จากหนุ่มนักเพาะกายจากออสเตรีย Arnold Schwarzenegger ได้ก้าวสู่บันไดแห่งความสำเร็จจากบทบาทนักแสดงหนังaction ผู้โด่งดัง เขากลายมาเป็นหนึ่งในผู้อพยพที่สร้างชื่อเสียงเงินทองในรูปแบบ American Dream และเมื่อถอยจากการแสดงหนัง ก็ยังพบกับเส้นทางใหม่ในแวดวงการเมืองจนได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียร์ คุณคงเห็นด้วยว่า ชีวิตของเขาคนนี้ก็ไม่ต่างจากบทละคร

แต่ยังมีอีกจุดหักเหหนึ่งที่ทำให้เรื่องราวของพระเอกหุ่นล่ำยิ่งดราม่าซะยิ่งกว่าหนังน้ำเน่า

Arnold ตกหลุมรัก Maria Shriver ผู้ประกาศข่าวสาวไฮโซที่มาจากตระกูลการเมืองชื่อดังที่ผู้คนมากมายรู้จัก แม่ของเธอเป็นน้องสาวแท้ๆของประธานาธิบดี John F. Kennedy ส่วนพ่อของเธอก็เป็นนักการเมืองที่เป็นทำงานเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของ JFK ความสัมพันธ์ของพวกเค้าเคยถูกมองว่าเป็นคู่ที่แปลกประหลาด Maria เป็นสมาชิกตระกูลการเมืองขั้ว Democrats อันโด่งดัง แต่ Arnold กลับแสดงจุดยืนชัดเจนว่าอยู่ฝ่าย Republicans และยังเป็นตัวแทนเข้าร่วมชิงชัยในการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่ภาพของครอบครัวที่อบอุ่นแน่นแฟ้นจากการใช้ชีวิตคู่มาเกินสองทศวรรษก็ทำให้ผู้คนเชื่อว่า จะไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ครอบครัวนี้แตกแยกได้

  จนวันหนึ่ง มีผู้ปล่อยข้อมูลเด็ดออกมาว่า  ผู้ว่าการรัฐคนเหล็กมีบุตรชายนอกสมรสจากการนอกใจภรรยาคนงาม   และแม่ของเด็กก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล  เป็นแม่บ้านที่ทำงานใกล้ชิดกับครอบครัว นั่นเอง

Mildred Patricia Baena หรือ Patty แม่บ้านที่ ArnoldและMaria ว่าจ้างให้ทำงานในคฤหาสน์มูลค่า 23.5 ล้านดอลลาร์ตั้งครรภ์ในเวลาที่ใกล้เคียงกับMaria เธอคลอดทารกชายเพียงห้าวันหลังจาก Maria คลอดลูกชายคนสุดท้อง แต่คนรอบข้างยังเข้าใจว่า พ่อของเด็กย่อมเป็นสามีของเธอ แต่เพียง 21 วันหลังจากที่ลูกของPatty ได้ลืมตาดูโลก เธอก็แยกทางจากสามีและทำงานให้กับ Arnold เรื่อยมา ตลอดระยะเวลาหลายปีที่รับทำหน้าที่ผู้ว่าการรัฐ Arnold สามารถปกปิดเรื่องลูกลับๆไว้อย่างแนบเนียน จนกระทั่งเด็กชายเริ่มเติบโต คำว่าDNA อยู่ที่หน้าก็เป็นเหตุให้วีรกรรมนอกใจถูกเปิดโปงขึ้นมา

แต่เมื่อมีรายงานว่า หลังจากArnold ครบวาระการทำหน้าที่ผู้ว่าการรัฐ Maria ตัดสินใจย้ายออกจากบ้านที่ใช้ชีวิตร่วมกันมายาวนาน นั่นทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ถึงสาเหตุของวิกฤติชีวิตคู่ของสามีภรรยาคนดัง ระหว่างการหาเสียงของ Arnold เธอเคยยืนหยัดปกป้องสามีหลังจาก Los Angeles Times รวบรวมข้อมูลจากผู้หญิงถึง15 คนที่ยืนยันว่าถูก Arnold ลวนลาม (หนึ่งในนั้นเป็นนักข่าว BBC ที่ระบุว่าเขาพูดจาแทะโลมและจับหน้าอกของเธอ) เธอประกาศว่าจะเชื่อมั่นในตัวสามีไม่แปรเปลี่ยน แม้ว่าสามีจะตกเป็นข่าวฉาวเพียงนั้นก็ยังเลือกจะอยู่เคียงข้างเขาด้วยความไว้ใจ แต่เป็นเพราะอะไรเธอจึงเลือกยุติเส้นทางชีวิตคู่ 25 ปี ?

เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น  Los Angeles Times ก็ช็อคโลกด้วยข่าวลูกนอกสมรสของ Arnold  และยืนยันว่า  นี่คือสาเหตุที่จะนำไปสู่การหย่าร้างระดับ high profile  ที่โลกต้องจับตามอง

Arnold แถลงการณ์ยอมรับผิดทุกอย่าง และค่อยๆเปิดเผยความจริงออกมาทีละส่วน ในช่วงแรกนั้น เขาประกาศว่าได้เปิดเผยเรื่องลูกชายที่เป็นผลิตผลจากการนอกใจกับภรรยา หลังจากที่ทำหน้าที่ผู้ว่าการรัฐจนครบเทอม และมาเพิ่มเติมข้อมูลว่า Maria เป็นฝ่ายเอะใจจากใบหน้าของลูกชายแม่บ้านดูถอดแบบมาจากเขาไม่มีผิด เธอคาดคั้นความจริงจากแม่บ้านจนมั่นใจ แล้วบีบให้ Arnold ยอมรับความจริงระหว่างการบำบัดชีวิตคู่ นั่นชี้ชัดว่า เขาไม่ได้ตัดสินใจสารภาพผิดเอง แต่ทำไปเพราะจนมุมต่อหลักฐานต่างหาก

ในเวลาต่อมา Arnold ยังได้เขียนหนังสือชีวประวัติยอมรับว่า ก่อนที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากscandalลูกนอกสมรส เขาก็เคยนอกใจMaria จากการลักลอบมีความสัมพันธ์กับนางเอกที่เคยเล่นหนังคู่กัน แม้ในขณะนั้นจะยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่ก็เป็นสิ่งยืนยันเรื่องพฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์ได้ชัดเจน ที่จริงแล้วก็เป็นฝ่ายหญิงเองที่เป็นคนแฉเรื่องนี้กับสื่อก่อน




ความจริงที่ถูกเปิดเผยเปรียบเหมือนกับพายุโหมกระหน่ำโจมตีครอบครัว เมื่ออยู่ดีๆ ลูกทั้งสี่คนก็มีน้องชายเพิ่มขึ้นมาเพราะพ่อคว้าแม่บ้านมาเป็นภรรยาน้อย มันไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลยที่พวกเค้าจะเยียวยาบาดแผลในใจและ move on จากข่าวฉาวที่ทำให้อับอายขายขี้หน้าไปได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Arnold และ Maria จะหย่าขาดจากกันในที่สุด แต่ก็พยายามประคับประคองรักษาความสัมพันธ์ของครอบครัวไว้ Arnold ถือคติว่า จะโทษตัวเองไปก็ไมเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ เขาเลือกโฟกัสที่การก้าวไปข้างหน้า และพยายามสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกๆ

ไม่เพียงแต่จะพยายามชดเชยความผิดที่ทำร้ายจิตใจครอบครัวจนกลับมาสนิทสนมกับลูกๆ  Arnold ได้ทำความรู้จักและทำหน้าที่บทบาทของพ่อเพื่อJoseph ลูกชายนอกสมรส  นอกจากส่งเสียจนเรียนจบปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจ  (ปัจจุบัน เขาเริ่มต้นอาชีพตัวแทนอสังหาริมทรัพย์)    แม้จะคนภายนอกจะเข้าใจว่า   Joseph ไม่ได้เข้ามาทำความรู้จักสร้างความสัมพันธ์ฉันครอบครัวกับกับพี่ต่างแม่ทั้งสี่คน   แต่ก็มีภาพที่พิสูจน์ว่า   Patrick นักแสดงหนุ่มทายาทคนเหล็กได้เปิดใจยอมรับในตัวน้องชายและเคยใช้เวลาตามประสาพี่น้องมาแล้ว


ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความรักของคนดังทรงอิทธิพลหรือคนธรรมดาทั่วไป หลายคนน่าจะเห็นพ้องต้องกันว่า 'รัก..ออกแบบไม่ได้' บางคนนอกใจเพราะพบรักใหม่ บางคนทำไปเพราะความใคร่ (และไม่รักคู่ของตัวเองมากพอ) แม้จะไม่อยากถูกประนามว่าเป็นคนทรยศ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะกล้ายอมรับความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลง หันมาเลือกเส้นทางแห่งการหลอกลวง ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่า บทสรุปของมันมักหนีไม่พ้นความเจ็บปวดของผู้ที่อยู่ในวังวนแห่งความรัก ไม่ว่าจะปิดบังอย่างแนบเนียนไว้ได้นานแค่ไหนก็ตาม



The End 


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE