จับตามองมาตรการคุมเข้มความมาดแมนของคนดังแดนมังกร

45 16
ข่าวคราวสุดฉาวของคนดังระดับ superstarแห่งจีนแผ่นดินใหญ่ไม่เพียงแต่จะสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์สนั่นหวั่นไหวจากผู้คนในสังคมเท่านั้น   แต่ทำให้รัฐบาลคอมมิวนิสต์ตัดสินใจเข้ามาแทรกแซงเพื่อจัดระเบียบอุตสาหกรรมบันเทิงที่สร้างมูลค่ามหาศาล   จากจำนวนประชากรจีนที่มากกว่าประชากรทวีปเมริกาเหนือและอเมริกามารวมกัน   อาจจะไม่ต้องแปลกใจหากsuperstarจีนจะกอบโกยรายได้ไม่แพ้ดารา Hollywood   แต่ในตอนนี้ พวกเค้ากำลังถูกเพ่งเล็งเรื่องพฤติกรรมที่ส่อถึงความขาดศีลธรรมจรรยาและเป็นตัวอย่างอันเลวร้าย       หากต้องการจะโลดแล่นในฐานะนักแสดง-ศิลปินต่อไป ก็จำต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาควบคุมอย่างเข้มงวด

แต่สำหรับหลายประเทศจากโลกเสรีประชาธิปไตย  กฎเข้มบางข้อที่รัฐบาลจีนยื่นคำขาดให้คนบันเทิงปฏิบัติตามหาได้อิงหลักสิทธิมนุษยชน   โดยเฉพาะเรื่องการแสดงออกชายหนุ่มที่ไม่ได้อยู่ในคำจำกัดความว่า "มาดแมน"ตามมาตรฐานของผู้ปกครอง         


วัฒนธรรม K-Pop ที่ส่งอิทธิพลต่อวัยรุ่นทุกหัวระแหง


หากเป็นในอดีตสักยี่สิบปีก่อน  พวกเราคงไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นภาพของหนุ่มสาวจากแผ่นดินใหญ่ที่มุ่งมั่นฝึกฝนเพื่อจะก้าวไปประสบความสำเร็จที่เกาหลีใต้   ในอดีตนั้นจีนเคยกวาดความสำเร็จระดับ mainstream ด้วยผลงานซีรีส์และหนังยอดนิยม  รวมถึงดาราฮ่องกงที่สร้างความคลั่งไคล้ในหมู่แฟนๆหลายประเทศ แต่วันเวลาที่เปลี่ยนแปลง  K-Pop ผงาดขึ้นมาเป็นวัฒนธรรมบันเทิงกระแสหลักในเอเชีย และแผ่อิทธิปลมหาศาลไปถึงทวีปอื่นๆ   จนอาจจะการันตีได้ว่า   หากไอดอล K-Pop สามารถสร้างความโด่งดังในเกาหลีใต้ได้  ก็มีโอกาสที่จะต่อยอดความสำเร็จไปสู่ระดับนานาชาติ   วัยรุ่นจำนวนมากจากต่างประเทศจึงพยายามฝ่าฟันเพื่อสร้างชื่อเสียงในฐานะไอดอล K-Pop        เห็นได้ชัดเจนจากไอดอลชื่อดังสัญชาติจีนหลายคน  เมื่อแยกตัวกับต้นสังกัดที่เกาหลีใต้ ก็ยังมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ที่บ้านเกิดรออยู่
จากพลังการบริโภคของจำนวนประชากรมหาศาลของประเทศจีน  ความนิยมแบบก้าวกระโดดไม่มีถอยหลังของ K-Pop ทำให้แดนมังกรกลายมาเป็นตลาดสำคัญที่เกาหลีใต้ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง  แม้ว่าในช่วงหลัง  แรงกดดันจากความขัดแย้งระหว่างประเทศทำให้รัฐบาลจีนออกกฏกีดกันไม่ให้ศิลปินสัญชาติเกาหลีปรากฏตัวหรือมีผลงานใดๆผ่านสื่อจีน  หรือแม้กระทั่งบล็อคไม่ให้แฟนๆชาวจีนมองเห็นบัญชี social media ของศิลปินเกาหลี      แต่ก็เริ่มมีแนวโน้มว่าจะมีการผ่อนคลายกฎเหล็กนี้ลงไป  จากการอนุโลมให้คนดังเกาหลีเริ่มกลับมารับงานที่แผ่นดินใหญ่ได้บ้าง  

ที่สำคัญ วงการบันเทิงจีนก็ได้มีความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ นั่นคือ การปั้นไอดอลสัญชาติจีนขึ้นมาสร้างแทนที่ไอดอลเกาหลีที่เคยกวาดความนิยมแบบกินเรียบ เรียกได้ว่า หากไม่รู้จักมาก่อนแล้วนำวงไอดอลเกาหลีและจีนมาเปรียบเทียบกันก็อาจจะแยกไม่ออก ที่จีนก็ไม่ต่างจากเมืองไทย เมื่อกลุ่มวัยรุ่นใช้วลี "ดูเกาหลี"บรรยายสิ่งต่างๆในแง่บวก ดูเริ่ด ทันสมัย ดึงดูดใจ

และนั่นรวมไปถึงเทรนด์ไอดอลหนุ่มที่มีรูปลักษณ์แบบ feminine อีกด้วย




เมื่อมองไปยังประเทศที่ตั้งอยู่ไม่ไกลออกไปอย่างญี่ปุ่น ศิลปินชาย Visual Kei อยู่คู่กับลุค feminine มายาวนานตั้งแต่ยุค 80s ส่วนเกาหลีก็สร้างความลือลั่นด้วยไอดอลชายที่แต่งหน้าจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการคัดเบ้าจนตาคมหลายมิติ เขียนคิ้วทรงสวย ทาลิปสติกสีสดใส ผู้ชายลุค feminine ไม่ได้เป็นสิ่งที่อยู่ห่างไกลวัฒนธรรมจีนเลย บทประพันธ์ระดับขึ้นหิ้งหลายเรื่องได้บรรยายตัวเอกชายที่มีความงามซะยิ่งกว่าผู้หญิง และยังมีศิลปะการแสดงงิ้วที่นักแสดงชายจะต้องแต่งหน้าแต่งกายข้ามเพศ

แต่ในวันนี้  การรับเอาเทรนด์ผู้ชายสวยหวานที่สร้างความนิยมล้นหลามในหมู่แฟนๆได้กลายเป็นสิ่งที่ร้ายแรงจนะถูก boycott!

Idol & Influencer มีสิทธิ์ถูก ban หากมีนำเสนอภาพลักษณ์ที่ feminine เกินไป


วงการ C-Pop ที่ขยายตัวในช่วงไม่กี่ปีมานี้ได้รับเอาเทรนด์หนุ่ม feminine จนดูเหมือนเป็นสิ่งปกติ  จากsurvivor showเฟ้นหาไอดอลที่ได้รับความนิยมอย่างสูง  (และกำลังจะถูกรัฐบาล ban เช่นกัน)   คุณจะได้พบหนุ่มวัยรุ่นหน้าใสแต่งหน้าทาปากดูเป๊ะไม่แพ้ไอดอลหญิง   ศิลปินหนุ่มหลายคนรับงานโฆษณาเครื่องสำอาง แทบไม่แตกต่างจากไอดอล K-Popเลย

ก่อนหน้าที่รัฐบาลจีนจะมีความเคลื่อนไหวต้านหนุ่มfeminine ในวงการบันเทิง   สื่อจีนก็เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับ 'ยุคสมัยแห่งไอดอล' ในประเทศจีนว่า  เหล่าหนุ่มสวยที่สร้างปรากฏการณ์ความคลั่งไคล้ในหมู่แฟนๆวัยเยาว์นั้นจะส่งผลเสียต่ออนาคตของชาติหรือไม่   บ้างก็ทักท้วงถึงการรับเอาวัฒนธรรมจากเกาหลีที่ไม่ค่อยจะกินเส้นกัน และทอดทิ้งค่านิยมเชิดชูชายแข็งแกร่งมาดแมนที่สืบทอดกันมานานของคนชาติจีน

อะไรที่เป็นข้อกำหนดว่า ผู้ชายดู feminine เกินไป ?
ในเกาหลีใต้จะใช้คำว่า 'กนมีนัม (꽃미남)' หรือหนุ่มดอกไม้เพื่อบรรยายผู้ชายที่มีลุคfeminine      แต่ในจีน มีการหยิบยกคำว่า 'เหนียงเปา (娘 炮)'มาเปรียบเทียบ ซึ่งไม่ได้มีความหมายครอบคลุมเพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่ดู feminine แต่กลายคนยังใช้มันในเชิงเหยียดจากอคติต่อผู้ชายที่ดูตุ้งติ้ง มีกิริยาหรือชอบทำบางสิ่งเหมือนผู้หญิง  และอาจจะไม่เป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อนผู้ชาย


เมื่อสื่อบางเจ้านำภาพไอดอลชื่อดังอย่างไช่สวีคุนและลู่หานมาประกอบกับการนำเสนอข่าวมาตรการจัดระเบียบวงการบันเทิงของรัฐบาลจีน ก็ทำให้แฟนคลลับออกอาการไม่พอใจอย่างหนัก ร่วมเรียกร้องให้ยุติการตัดสินศิลปินขวัญใจจากรูปลักษณ์ภายนอก แฟนของไช่สวีคุณยืนยันว่า แม้จะแต่งหน้าแต่งกายสไตล์หนุ่มสวย แต่เขาก็มาดแมนเกินร้อย พร้อมกับนำภาพตอนออกกำลังฟิตกล้ามมายืนยัน



ล่าสุด influencerหน้าหวาน เฟิ่ง เสี่ยวยี่ กลายมาเป็นกรณีเชือดไก่ให้ลิงดู เพราะเขาถูกแบนจาก Douyin (TikTokแห่งแผ่นดินใหญ่) หลังจากนำเสนอวีดีโอที่นำเสนอลุคและกิริยาเหมือนกับผู้หญิง  แม้วีดีโอตอนกินพีชแบบมุ้งมิ้งจะมีผู้กด like กินเจ็ดแสนครั้ง  แต่ก็ถูกชาวเน็ทถล่มเละเทะว่า 'แต๋ว'ชวนแหวะ
 นี่คือได้รวมอยู่ในข้อปฏิบัติ 8 ข้อที่ทางการจีนยัญญัติขึ้นมาให้คนบันเทิงได้น้อมปฏิบัติ

"ผู้จัดรายการจะต้องยุติการนำเสนอชายที่ดูออกสาว รวมถึงการแสดงออกที่ผิดปกติแบบอื่นๆ"

ใช่แล้วล่ะ feminine style ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่แฟนๆ C-Pop ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่'ไม่ปกติ'จำพวกหนึ่ง!



เทรนด์ little fresh meat (小鲜肉) สร้างความเห็นที่แตกแยกในสังคมจีน


มีคำอธิบายว่า 'เสี่ยวเสียงเหรา' หรือการเปรียบเทียบเหล่าดาวรุ่งชายในวงการว่าเป็นเนื้อสดอ่อนกรุบกริบ เป็นสิ่งที่แสดงถึงความเปลี่ยนแปลงทางสังคม จากในอดีตที่ผู้หญิงวัยแรกแย้มจะดึงดูดความสนใจจากชายมากหน้าหลายตา และหนุ่มใหญ่สามารถมีความสัมพันธ์กับสาวเอ๊าะโดยไม่ต้องเกรงสังคมพิพากษา แต่ปัจจุบันมีการสลับบทบาทกัน หนุ่มใสหน้าสวยได้สร้างความคลั่งไคล้ในหมู่สาวน้อยสาวใหญ่ พวกเธอสามารถแสดงความปรารถนาและความพึงพอใจที่มีต่อ 'เนื้อสด' จากในอดีต สตรีที่จะได้รับการชื่นชมว่ามีคุณค่าดีงามต้องสงวนท่าทีความพึงใจต่อเพศตรงข้าม


แต่ประชากรเกินพันล้านของจีนไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับเทรนด์เสี่ยวเสียงเหราไปแบบเอกฉันท์ ยกตัวอย่างอดีตนักว่ายน้ำทีมชาติชื่อดัง หนิง เจ๋อเทา ในช่วงแรกที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังจากการแข่งขันระดับโลก รูปร่างหน้าตาที่ดึงดูดใจแฟนๆก็ทำให้เขาถูกเรียกว่าเสี่ยวเสียงเหราเช่นกัน แต่เจ้าตัวยืนยันว่า ไม่ชอบใจคำๆนี้ และไม่ต้องการฉายาที่ฟังดูแล้วไม่มาดแมนนัก



ไม่เพียงแต่พวกกผู้ชายที่ยึดมั่นกับความไม่อยากจะถูกเหมารวมว่าเป็นเหนียงเปาหรือเสี่ยวเสียงเหรา    กลุ่มคนที่ต่อต้านเทรนด์หนุ่มสวยสุดตัวคือผู้ปกครองที่หวาดหวั่นว่า บุตรหลานจะเอาอย่างเหล่าคนดังทาง TV และ internet โดยเฉพาะเมื่อsurvivor show ชื่อดังได้ปั้นไอดอลทรงอิทธิพลแห่งวงการ C-Popมาแล้วหลายคน  แต่แม้จะมียอดผู้ชมสูงลิบลิ่ว แต่มักจะตามมาพร้อมกับคำร้องเรียนจากพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไม่สามารถทำใจยอมรับลุคหนุ่มสวยของไอดอลในรายการ   ตลอดระยะเวลาไม่กี่ปีที่ยุคสมัยแห่งไอดอลจีนได้กอบดกยความสำเร็จ ก็มักจะมี debate ที่ไม่สิ้นสุดระหว่างกลุ่มที่ปลาบปลื้มคนดังจากรูปลักษณ์ที่ไม่ระบุเพศ (androgynous)  กับกลุ่มที่ยึดมั่นค่านิยมดั้งเดิมว่า   คุณค่าความเป็นชายจะต้องถูกถ่ายทอดออกมาเป็นความแข็งแกร่ง มาดแมน อย่าได้ให้คนอื่นดูแคลนได้ว่า 'อ่อนปวกเปียกราวกับผู้หญิง'



รัฐชี้ ต้องแก้ไข Beauty Standard ให้ถูกต้อง เพื่อเป็นตัวอย่างอันดีงามของสังคมจีน



ผู้คยมากมายอาจจะคาดไม่ถึงว่า หน่วยงานรัฐบาลจะออกกฎเหล็กเพื่อปรับเปลี่ยนแนวคิดที่มีต่อbeauty standard ที่เฉพาะเจาะจงไปยังรูปลักษณ์ของหนุ่มคนดัง ที่ห้าม feminine เกินไป ด้วยความคิดที่ว่า ลุคหนุ่มสวยเปรียบดั่งอันตรายที่อาจจะนำสังคมไปสู่ความเสื่อมถอย เพราะหนุ่มยุคใหม่ที่เป็นอนาคตของชาติขาดความมาดแมน ไม่สมกับเป็น'ชายที่แท้จริง'

จากภาพด้านบนคือ อู๋จิง พระเอกร่างล่ำที่ทั้งกำกับและรับบทนำใน Wolf Warrior 2 หนังธีมทหารกล้าแกร่งที่สร้างรายได้มหาศาลจนขึ้นแท่นอันดับ1ในประวัติศาสตร์จีน ทำให้กลุ่มที่ต่อต้านหนุ่มสวยได้แสดงความหวังว่า ความสำเร็จหนัง actionเรื่องนี้จะทำให้เทรนด์เสี่ยวเสียงเหราเสื่อมความนิยมลงไป เพราะหนังที่นำเสนอเรื่องราวของชายสุดแกร่งน่าจะเป็นเครื่องมือจูงใจให้เหล่าวัยรุ่นเลิกชื่นชมผู้ชายที่ดูคล้ายผู้หญิงจากสื่อต่างๆ แต่นับตั้งแต่หนังเรื่องนี้ลงโรงเมื่อปี 2017 ก็ไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงมากมายนัก บรรดาไอดอลชายยังแต่งหน้าสวยปิ๊งเต็มรายการ TV จุดกระแสอันฮือฮาจากแฟนคลับที่ถูกอกถูกใจกับลุคหนุ่มสวย สวนทางกับความคิดเห็นจากคนนอกกลุ่มที่เหยียดว่า นี่คือลุคของชายไม่แท้ที่ชวนอับอายขายขี้หน้า หลายคนยังประชดว่า ไอดอลสาวใสทั้งหลายถูกแย่งซีนไปหมด เพราะไอดอลชายหันมาแข่งสวยกันเอง


เมื่อรัฐพยายามปฏิรูปวงการบันเทิงให้ปราศจาก'มลภาวะ' หลังจากข่าวฉาวของ superstarจีนที่ลากยาวติดต่อกันหลายคน  ก็ได้ใช้โอกาสนี้กวาดล้างหนุ่มสวยออกจากสื่อซะเลย!     เป็นวิธีการแสดงออกที่ชัดยิ่งกว่าชัดว่า จะไม่ยอมให้คนในสังคมเปลี่ยนแปลงแนวคิดเรื่องความงามที่เปิดกว้างกว่าเดิมอย่างเด็ดขาด  


รัฐสั่งโครงการรณรงค์เริ่มตั้งแต่ในรั้วโรงเรียน  ว่าจ้างครูพละสุดแมนเพื่อจูงใจสร้างความแข็งแกร่งให้เด็กผู้ชาย

จากความเชื่อมั่นว่าเมื่อประชากรชายไม่แมนพอจะกลายมาเป็นวิกฤติถ่วงความเจริญของชาติ เนื่องจากบทบาทอันชัดเจนที่เพศชายถูกกำหนดให้เป็นผู้นำ ผู้ตัดสินใจ  รัฐจึงเตรียมแผนเพื่อสร้างเสริมความเป็นชายให้กับเด็กรุ่นใหม่  เริ่มต้นคือการขอความร่วมมือโรงเรียนให้จัดหาครูพลศึกษาที่ใช้วิธีการสอนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อกระตุ้นเยาวชนทั้งหลายได้เรียนรู้ฝึกฝนจิตใจร่างกายให้แข็งแกร่งสมชาย  รวมถึงนำเสนอวิธีการฝึกฝนที่เพิ่มพูน 'พลังหยาง'*เพื่อเร่งความแมนมาตั้งแต่ภายใน    


*พลังเพศชายที่อยู่คู่และตรงข้ามกับพลังยิน(หญิง)  ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ในการกำเนิด เปลี่ยนแปลง และพัฒนาของสรรพสิ่งในโลกที่ได้สืบทอดกันมาแต่ยุคจีนโบราณ   ต่อมา สื่อจีนบางเจ้าได้ท้วงว่า พลังหยางไม่ได้สื่อถึงพฤติกรรมและการแสดงออกสุดมาดแมนของผู้ชายแต่อย่างใด 


พ่อแม่ตื่นตัว ส่งลูกเข้าฝึกเข้มในแคมป์สร้างเสริมความเป็นลูกผู้ชายป้องกันไม่ให้เป็นหนุ่มนุ่มนิ่ม


เจ้าของกิจการเอกชนบางเจ้าได้เล็งเห็นถึง 'วิกฤติ' ความเป็นชายในสังคมจีน จึงจัดตั้งแคมป์สำหรับเด็กชายที่พ่อแม่ผู้ปกครองกังวลใจว่า จะเติบโตขึ้นมาเป็นชายไร้ความมาดแมน ในช่วงเวลาปิดเทอม เด็กๆจะถูกส่งตัวไปฝึกฝนขัดเกลาด้วย method ต่างๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทีบ่งบอกถึงความเปราะบาง เอาแต่ใจ ขลาดกลัว ให้เป็นชายที่รับผิดชอบ กล้าหาญอดทน หรือลักษณะของลูกผู้ชายในอุดมคติจีนนั่นเอง





ถัง ไห่เหยียน ผู้ก่อตั้งคลับ 'ลูกผู้ชายปักกิ่ง' ที่ได้เทรนเด็กชายมามากกว่าสองหมื่นคนได้ปลุกใจให้เด็กๆมุุ่งมั่นเป็นผู้ชนะในการแข่งขันด้วยกิจกรรมที่สมกับความเป็นชายที่กล้างแกร่ง    เขายืนยันว่า ต้องการจะช่วยเหลืออนาคตของชาติเหล่านี้ไม่ให้อ่อนแอไปตามสิ่งเร้าต่างๆรอบตัว

ผู้สนับสนุนความเท่าเทียมแสดงความกังวลใจ
norm ที่สร้างเสียงวิจารณ์ไปทั่วนี้ไม่ได้ทำให้คนในสังคมคล้อยตามไปได้หมด   ผู้ที่สนับสนุนความเท่าเทียมหลายคนได้แสดงความวิตกกังวลว่า    มาตรการอันเข้มงวดของรัฐบาลที่บีบบังคับไม่ให้ผู้คนแสดงตัวตนได้อย่างอิสระ  นับเป็นการก้าวถอยไปสู่สังคมอันล้าหลังที่เอาแต่กีดกันความแตกต่าง      การใช้ชีวิตอย่างกดดันภายในขอบเขตศีลธรรมจรรยาที่มีรัฐเป็นผู้วางกรอบอันคับแคบให้นั้นไม่ได้ส่งผลดีต่อความเจริญทางจิตใจแต่อย่างใด


นักการเมืองดังกราด 'ชายจีนรุ่นใหม่ติ๋มเกินไป'

สี เจ๋อฝู ที่ปรึกษาพรรคคอมมิวนิสต์ฉอดแรง ชายจีนยุคใหม่ทั้งอ่อนแอ ขี้ขลาด ขาดความนับถือตัวเองเนื่องจากได้รับการเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมจากแม่และญาติผู้ใหญ่   ทั้งยังเริ่มเรียนกับคุณครูอนุบาลที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง  ทั้งยังลอกเลียนหนุ่มสวยคนดัง จนทุกวันนี้เด็กหนุ่มยุคใหม่เมินหน้าหนีความฝันจะเป็นทหารผู้กล้า    เขายืนยันว่า นี่คือวิกฤติที่อาจจะส่งผลร้ายต่อความอยู่รอดและการพัฒนาของประเทศชาติ  สิ่งที่พอจะช่วยแก้ไขให้ชายจีนมีความมาดแมนมากขึ้น จะต้องเริ่มจากในระบบการศึกษาที่ต้องปลูกฝังให้เด็กๆยึดมั่นกับความเป็นชายในอุมดคติ




การแสดงความเห็นของนักการเมืองผู้นี้สร้างความสนใจในสังคมออนไลน์จนได้รับการเข้าชมถึงสองพันล้านครั้ง และมีผู้คนร่วม debate ทั้งสนับสนุนและต่อต้านมากกว่า 250,000 ความเห็น โดยมีคำถามที่น่าคิดตามจากเด็กรุ่นใหม่นั่นคือ
" แทนที่จะให้โรงเรียนสั่งสอนเด็กชายให้มาดแมนสมชาย  ช่วยเน้นเรื่องการสอนให้เป็นคนดีให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ก่อนจะได้ไหม?'

คุณคิดเช่นใดกับการboycott หนุ่มสวยออกจากสื่อ จริงหรือที่พวกเขาเปรียบเป็นมลภาวะที่ทำให้สังคมเสื่อมถอย ? หรือนี่คือวิธีครอบงำอย่างสุดโต่งที่ผู้คนจะต้องจำใจยอมรับว่าถูกลิดรอนสิทธิ์จนไร้ทางโต้แย้ง?


The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE