โมเมนต์ในความทรงจำของ Power Couple แห่งยุค 90s
candy 45 18
คู่รักที่กลายเป็นตำนานอันลือลั่นแห่งยุค 90sจะสร้างอิทธิพลต่อผู้คนจนกลายเป็นที่จดจำได้เช่นไร มาติดตามกับเราได้เลยค่ะ
Johnny Depp และ Winona Ryder
คู่รักสุดอินดี้
วันเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปก็อาจจะทำให้หลายคนลนลืมเลือนไปว่า ครั้งหนึ่ง Johnny Depp และ Winona Ryder เคยมีความสัมพันธ์จริงจังถึงขั้นวางแผนแต่งงานกัน พวกเค้าคือคู่รักที่เป็นตัวแทนของหนุ่มสาวหัวขบถที่รักกันอย่างเร่าร้อน ดูราวกับว่า พวกเค้ามีสายตาไว้จ้องมองกันและกันเพียงเท่านั้น โดยไม่ใส่ใจใยดีกับสายตาพิพากษาจากภายนอก
เรื่องราวของ bad boy ที่มีเสน่ห์เกินห้ามใจกับ it girl มีจุดเริ่มต้นแบบ 'ตกหลุมรักแรกพบ' โดยมีคำยืนยันจากฝ่ายชายว่า โมเมนท์ที่ได้พบกับ Winona เปรียบดังกับฉากหนังรักของแกงค์หนุ่มสาวจาก West Side Story เพียงแค่ได้พบเธอทุกสิ่งรอบข้างเบลอไปหมดราวกับมีหมอกปกคลุม
ส่วนความประทับใจของ Winona คือนิสัยขี้อายของอีกฝ่ายที่สวนทางกับภาพลักษณ์พระเอกหนุ่มหล่อเริ่ดแห่ง Hollywood จากเดิมที่เคยคิดว่าเขาอาจจะป็นพระเอกนิสัยย่ำแย่ พวกเค้าหลงรักกันอย่างถอนตัวไม่ขึ้นและตกลงใจหมั้นหมายหลังจากรู้จักกันได้เพียง 5 เดือน Johnny ประกาศว่าไม่เคยรู้สึกกับใครลึกซึ้งไปถึงจิตวิญญาณเหมือนกับ Winona เขายังสลักความรักล้นใจบนไหล่ขวาด้วยคำว่า Winona Forever ซึ่งทำให้แฟนสาวต้องช็อคกับความทุ่มเทนี้
ส่วนความประทับใจของ Winona คือนิสัยขี้อายของอีกฝ่ายที่สวนทางกับภาพลักษณ์พระเอกหนุ่มหล่อเริ่ดแห่ง Hollywood จากเดิมที่เคยคิดว่าเขาอาจจะป็นพระเอกนิสัยย่ำแย่ พวกเค้าหลงรักกันอย่างถอนตัวไม่ขึ้นและตกลงใจหมั้นหมายหลังจากรู้จักกันได้เพียง 5 เดือน Johnny ประกาศว่าไม่เคยรู้สึกกับใครลึกซึ้งไปถึงจิตวิญญาณเหมือนกับ Winona เขายังสลักความรักล้นใจบนไหล่ขวาด้วยคำว่า Winona Forever ซึ่งทำให้แฟนสาวต้องช็อคกับความทุ่มเทนี้
Winona เป็น it girl ที่โดดเด่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องแฟชั่นและชีวิตรักแบบ high profile แต่ที่จริงเธอไร้เดียงสากว่าภาพลักษณ์ภายนอก เจ้าตัวยอมรับว่า Johnny คือผู้ชายคนแรก เพราะเธอเป็นสาวบริสุทธิ์ที่ไม่เคยแม้แต่จะจูบแบบจริงๆจังๆมาก่อน เขาเป็นแฟนคนแรกและกลายมาเป็นคู่หมั้นที่รักกันอย่างดูดดื่ม เมื่อส่งคำประกาศเลิกราหลังจากที่คบหากันมา3 ปี ก็สร้างความตกตะลึงให้กับแฟนๆที่ยกให้พวกเค้าเป็น relationship goal เปรียบเทียบกับในยุคนี้ก็น่าจะสั่นสะเทือนสังคมได้ในระดับ break the internet เลยทีเดียว!
แม้คู่นี้จะดูลุ่มหลงกันมากมายโดยไม่แคร์สายตาที่จ้องจับผิด แต่ก็ไม่สามารถประคองความสัมพันธ์ให้อยู่รอดได้ Johnny ได้บอกเล่าสาเหตุของรักอับปางไว้ว่า ความผิดพลาดของเขาคือการเปิดเผยเรื่องส่วนตัว หลงคิดไปว่าเมื่อคนอื่นได้รับรู้หมดเปลือกแล้วจะคลายความตื่นเต้นกันไปเอง แต่กลายเป็นว่ามันยิ่งทำให้คนเหล่านั้นถือสิทธิ์เข้ามาจุ้นจ้านกับความสัมพันธ์
การแยกทางมีผลกระทบหนักหนาสาหัสกับทั้งสองคน เห็นได้ชัดจากฝ่าย Johnny ที่มีรายงานว่า เขาถึงกับร่ำไห้กลางกองถ่ายหนัง เมื่อขอคำปรึกษาจากTim Burton(ผู้กำกับคู่บุญ) ก็ได้รับคำตอบให้หักห้ามความเสียใจว่า มันไม่ใช่ความผิดของ Winona แต่เป็นตัวเขาเองที่ผิดเต็มๆ ผู้กำกับกับดังได้เปิดเผยในภายหลังว่า แม้ Johnny จะ move on ไปยังผู้หญิงคนใหม่ ก็ไม่มีใครเป็นเหมือนกับ Winona ดูเหมือนว่าการจากไปของเธอจะเป็นการพรากวิญญาณของ Johnny ไปด้วย
ทาง Winona ก็เศร้าโศกไม่น้อยหน้ากัน เธออาการย่ำแย่จนต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากจิตแพทย์ที่วินิจฉัยความอาการป่วยใจและจ่ายยานอนหลับให้ ในคืนหนึ่งเธอเกือบได้รับอันตรายถึงชีวิตเมื่อเผลอหลับไปทั้งๆที่ยังถือบุหรี่ในมือ เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบกับเปลวไฟสุดอันตราย เหตุการณ์เฉียดตายนั้นเองที่ดึงสติให้เธอกลับมาตั้งสติเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
แม้ Winona และ Johnny จะไม่ได้หวนคืนกลับมารักกันตามที่แฟนๆวาดหวังไว้ แต่เมื่อทั้งคู่ก้าวเข้าสู่วัยกลางคน Winona ได้แสดงจุดยืนในการปกป้อง Johnny ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นชายผู้ใช้ความรุนแรงกับภรรยา โดยแบ่งปันประสบการณ์ว่า ไม่เคยถูก Johnny ใช้ความรุนแรง แม้เธอจะขอไม่กล่าวหาว่าฝ่ายใดว่าเป็นคนโกหก แต่ก็ช็อคมากที่อดีตคู่หมั้นต้องเผชิญกับข้อกล่าวหานี้ เพราะ Johnny ที่เธอรู้จักคือผู้ชายแสนดีที่มอบความรักความห่วงใยให้เธอและคนที่เขารัก ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้ๆกัน
เทรนด์ matching outfit อินเป็นที่สุด!
เรามาพูดถึงแฟชั่นแบบ power couple กันสักหน่อยค่ะ เมื่อพูดถึงยุค 90s คุณก็อาจจะจำได้ว่าคู่ David- Victoria Beckham ที่เคยใส่ชุดคู่กันอยู่เรื่อยๆ ( ฝ่ายคุณภรรยาออกมายอมรับภายหลังว่า ยังไม่รู้ประสาในเรื่องแฟชั่น ในตอนนั้นคิดจริงๆว่ามันเป็นสิ่งที่เก๋ไก๋สุดๆ)
แต่ไม่ได้มีแต่คู่คนดังจากอังกฤษที่ใส่ชุดคู่ แต่ชาว Hollywood เค้าก็อินมาแต่ไหนแต่ไร แม้จะไม่ใส่ชุดเหมือนกันเป๊ะตามธรรมเนียมการแสดงสถานะของคู่รักเกาหลี แต่ก็ match กันมากพอที่จะพอจะฟันธงได้ว่าเค้าตั้งใจแต่งตัวมาเป็นแพคคู่ แม้แต่ Johnny - Winona ก็เอากับเค้าด้วย
Johnny Depp และ Kate Moss
พอ move on ก็ match กับคนใหม่
Johnny เยียวยาจิตใจอยู่พักใหญ่ก็พบรักใหม่กับ supermodel ที่ hot สุดๆ หากจะให้เปรียบเทียบกระแสฮือฮากับช่วงที่รักกับกับ Winona ก็น่าจะพูดได้ว่าสูสีมาก ในตอนนั้น Kate Moss เป็นเหมือนกับไอดอลของผู้หญิงมากมาย วัฒนธรรม diet เริ่มแพร่ขยายเป็นวงกว้างเพราะใครๆก็อยากผอมบางเหมือนกับนางแบบผู้นำเทรนด์ Heroin Chic ในสายตาของหลายคน เธอช่างเหมาะสมที่จะมารับหน้าที่รักษาแผลใจที่แตกสลายของ Johnny ให้กลับมามีชีวิตชีวา แน่นอนว่าพวกเค้ากลายมาเป็นศูนย์กลางความสนใจจากสื่อที่ประโคมข่าวลือด้านเสียหายไม่หยุดหย่อน ในที่สุด หลังจากคบกันมา 4 ปี ความรักที่เต็มไปด้วย passion ก็ปิดฉากลง
Johnny ยืดอกยอมรับว่าตัวคือเป็นต้นเหตุของการเลิกรา ด้วยนิสัยที่รับมือได้ยาก และการงานที่รัดตัวทำให้ละเลยคนรักซึ่งเธอสมควรจะได้รับการดูแลที่ดีกว่านี้ ส่วน Kate เป็นฝ่ายที่เปิดเผยว่า หลังจากที่แยกทาง เธอต้องเสียน้ำตาด้วยความเศร้าเสียใจอยู่เป็นปีๆ เพราะก่อนหน้านั้น ไม่เคยมีใครใส่ใจดูแลเธอมาก่อน แต่ Johnnyได้เข้ามาให้ความสำคัญในตัวเธอ เมื่อต้องจากกัน ทำให้รู้สึกว่า เธอสูญเสียคนเชื่อใจได้อย่างเต็มที่ไปแล้วจริงๆ
Brad Pitt และ Gwyneth Paltrow
ทรงผม matching
นี่คือยุคที่คนดังระดับ A List จับคู่กันจนเปรี้ยงปร้างแบบไม่ต้องพึ่งการประชาสัมพันธ์ตัวเองบน social media ดังกรณีการจับคู่ออกงานของ Brad และ Gwyneth ในลุคที่จงใจทำผมทรงเดียวกันที่ยังสร้างเสียงวิจารณ์จากสื่อมาถึงปัจจุบัน
เมื่อไม่นานมานี้เอง Gwyneth ได้อธิบายถึงที่มาของทรงผมแฝดไว้ว่า ใช้บริการช่างตัดผมชื่อดังคนเดียวกัน แต่ไม่ได้นัดกันตัดผมทรงนี้แต่อย่างใด แต่เป็นไอเดียของช่างที่ match ทั้งสีและทรงผมให้เอง
(หากเป็นยุคนี้ก็คงเป็น trending บน Twitter ไปแล้ว)
ทั้งคู่พบรักกันจากการประชันบทบาทใน Se7en หนังโหดอันโด่งดัง และก็รักกันจริงจังกันถึงขั้นหมั้นหมาย แต่ไม่นานหลังจากที่สร้างความฮือฮาด้วยทรงผมแฝดบนพรมแดง ก็แยกทางกันเพราะฝ่ายหญิงยังไม่พร้อมจะใช้ชีวิตคู่ แต่ก็มันก็สร้างผลกระทบต่อตัวเธออย่างใหญ่หลวงจนทำให้พูดได้เต็มปากว่า การเลิกราได้เปลี่ยนชีวิตของเธอ ความเจ็บช้ำได้เปลี่ยนแปลงตัวตนภายใน จนไม่กลับไปเป็นเหมือนก่อนได้อีกเลย
Brad Pitt และ Jennifer Anistion
ภาพเปิดตัวความรักของหวานใจอเมริกาและพระเอกที่hot ที่สุด
เคยมีคนตั้งคำถามว่า เหตุใด การหย่าร้างที่เกิดขึ้นหลังจาก scandal รักนอกใจของ Brad Pitt และ Jennifer Aniston จึงสร้าง impact ต่อมหาชนมากถึงขั้นแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นทีมสนับสนุนอดีตภรรยากับทีมของคนที่มาทีหลัง ทั้งๆที่ในวงการนี้ไม่เคยขาดแคลนเรื่องราวฉาวโฉ่จากความสัมพันธ์แบบเราสามคน แต่ในกรณีของเ Brad & Jen ผู้คนมากมายรู้สึกอินกันราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าใดก็ยังมีเสียงกล่าวขวัญเรื่องอดีตความรักของพวกเค้าไม่ห่างหายไป
นั่นเป็นเพราะว่า ทั้งสองเคยได้รับการยกย่องให้เป็นคู่สร้างคู่สมที่ทำให้แฟนๆจิกหมอนไม่ต่างจากการชมหนังรัก ดังคำบรรยายจากนิตยสาร People ว่าคู่นี้ "เกิดมาเพื่อกันและกัน" พวกเค้าพัฒนาความสัมพันธ์ไปพร้อมเสียงเชียร์จากผู้คนที่คอยเอาใจช่วยให้ได้พบกับบทสรุปแบบ happy ending
ฝ่ายชาย คือ พระเอกหนุ่มผู้หล่อเหลาที่ผู้หญิงมากมายยกให้เป็นรักฝังใจ เขาคบหากับสาวสวยมาหลายคน และสร้างความสงสัยว่า ใครกันที่จะก้าวมาเป็นเจ้าสาวผู้โชคดีของเขาคนนี้
ฝ่ายหญิง คือ Rachel แห่ง Friends! คนที่เกิดทันก็คงจะเข้าใจคำบรรยายนี้ เธอคือนางเอกภาพลักษณ์เลิศเลอจนได้รับการขนานนามว่าขวัญใจอเมริกา ทำให้แฟนๆวางมาตรฐานแฟนหนุ่มของเธอไว้สูงลิบลิ่ว
เมื่อสื่อปล่อยภาพยืนยันความสัมพันธ์ของพวกเค้าในขณะที่แสดงอิริยาบถผ่อนคลายและอินเลิฟ สังคมก็ react ด้วยความตื่นเต้น หลายคนอวยว่า ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูเหมาะสมกันเป็นที่สุด
ดังที่พวกเราได้รู้กันดีว่าคู่นี้จบแบบไม่สวย ด้วยสาเหตุรักซ้อนระดับ high profileสุดฉาวโฉ่ แต่วันเวลาผ่านไปจนพวกเค้าโคจรกลับมาพูดคุยกันเมื่ออายุอานามก้าวสู่หลัก 5 ก ผู้คนมากมายก็ยัง ship คู่ Brad & Jen ด้วยความตื่นเต้น แต่ฝ่ายหญิงยืนยันชัดเจนว่า พวกเค้ารักษาความเป็นเพื่อนที่ดีไว้ และสามารถพูดคุยกันโดยไม่เกิดความกระอักกระอ่วนใจ ซึ่งคนอื่นอาจจะคาดหวังหรือด่วนสรุปว่ามีอะไรมากกว่านั้น
ที่จริงยังมีอีกหลายคนที่ยืนยันว่า มันคงดีกว่าหากอดีตสามีภรรยาคนดังจะไม่พัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่ามิตรภาพ สื่อออนไลน์หลายเจ้าก็นำเสนอบทความหัวข้อคล้ายๆกันออกมา โดยที่ชี้ให้ผู้ชมระลึกถึงสถานการณ์สุดกดดันที่ Jen ถูกกล่าวหาว่า แสร้งทำตัวเป็นเหยื่อน่าสงสาร หรือสมควรที่จะถูกทอดทิ้งเพราะทำตัว'เยอะ' เกินไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่จะก้าวข้ามช่วงเวลาที่น่าอับอายไปได้
Julia Robert และ Kiefer Sutherland
เจ้าสาวผู้กลัวฝนทั้งในจอและชีวิตจริง
Kiefer & Julia คือหนึ่งในคู่รักทรงอิทธิพลแห่งยุค90s The New York Post ยกให้คู่นี้ยิ่งใหญ่ซะยิ่งกว่า Johnny & Wino แต่ชีวิตรักของพวกเค้ากลับมี plot twist ที่ยังตราตรึงใจผู้ใหญ่ Gen X หากคุณไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ขอให้เตรียมใจไว้เลยว่าเป็นความฉาวที่ยุคนี้ยังเปรียบเทียบได้ยาก
แม้จะมีคำยืนยันว่า หนัง Run Away Bride ไม่ได้เกิดจากแรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของนางเอก แต่การเลือก Julia Roberts มารับบทเจ้าสาวหนีพิธีวิวาห์ก็เปรียบเหมือนกับตลกร้าย เพราะเธอเคยตกเป็นข่าวฉาวในเรื่องนี้มาแล้ว
นั่นเป็นเพราะว่า งานวิวาห์ของคู่รัก A List ที่ผู้คนหมกมุ่นสนใจต้องถูกยกเลิกไปเพียงไม่กี่วันก่อนกำหนดการ หนำซ้ำว่าที่เจ้าสาวก็ยังหายตัวไปกับเพื่อนซี้ของว่าที่เจ้าบ่าวซะได้ !!!
หากลองจินตนาการว่า หากในปี 1991 ผู้คนได้ใช้ social media กันแล้ว scandal ในครั้งนั้นอาจจะสนั่นหวั่นไหวไม่แพ้กับเรื่องของ Brangelina ในยุค 2000s เลยทีเดียว
พวกเค้าเคยสร้างความประทับใจภาพลักษณ์คู่รักที่มีบุคลิกคนละขั้ว Julia โดดเด่นไปด้วยความสดใสมีชีวิตชีวาจนทำให้เธอถูกยกให้เป็นหวานใจอเมริกา ส่วน Kiefer เป็นพระเอกที่ขึ้นชื่อเรื่องเสน่ห์หนุ่มอันตรายแต่พวกเค้ากลับมีเคมีเข้ากัน ทั้งยังรักกันหวานชื่นจนตกลงปลงใจวางแผนเข้าพิธีวิวาห์หลังจากคบหากันได้ไม่นานนัก
แต่แม้ว่าจะเตรียมการพิธีวิวาห์อันงดงามไว้เรียบร้อย แต่ก็ไม่ปรากฏว่าทั้งคู่ได้แลกเปลี่ยนคำสาบานต่อหน้าแขกนับร้อยตามกำหนดการเดิม สื่อพยายามขุดต้นตอสาเหตุที่ทั้งคู่ยกเลิกการแต่งงานอย่างกะทันหัน และพบว่า Kiefer ย้ายออกไปจากบ้านที่อาศัยกับ Julia ไปเรียบร้อย จากนั้นยังมีคนเห็นนางเอกดังนัดพบกับ Jason Patric นักแสดงหนุ่มที่เป็นเพื่อนคุ้นเคยกับ Kiefer เป็นอย่างดี ทั้งสองบินลัดฟ้าไปยังไอร์แลนด์ด้วยกัน นั่นทำให้สื่อมั่นใจว่า ปัญหารักสามเส้าคือตัวการที่ทำให้แผนการแต่งงานของคู่รักคนดังพังทลายลงไป
นักแสดงทั้ง 3 ไม่ได้ชี้แจงเรื่องราวให้กระจ่างชัด Julia หันมาคบกับ Jason อย่างเปิดเผย แต่ก็เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น แม้จะถูกสื่อประจานว่าหนีตามเพื่อนคู่หมั้น เธอกลับไม่ได้สูญเสียสถานะเจ้าหญิง Hollywood ไปแต่อย่างใด อาจจะเป็นเพราะว่า ในยุคนั้น Kiefer ถูกจัดเป็นพระเอกหนุ่มเจ้าปัญหาที่ชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก ทั้งยังถูกกล่าวหาว่าเคยร่วมหลับนอนกับนักเต้นเปลื้องผ้า ในขณะที่ Julia ยังได้รับความนิยมล้นหลามแม้จะถูกวิจารณ์ว่าเปลี่ยนคู่ควงบ่อยพอๆกับการเล่นหนัง
( เธอเคยออกเดทกับนักแสดงหรือผู้กำกับที่ร่วมงานกัน ในภายหลัง ฉายาขวัญใจอเมริกาก็เลือนหายไปเมื่อเธอพบรักกับผู้ช่วยช่างภาพที่มีภรรยาอยู่แล้ว เขาคนนั้นได้กลายมาเป็นสามีคนปัจจุบันของเธอนั่นเอง)
นักแสดงทั้ง 3 ไม่ได้ชี้แจงเรื่องราวให้กระจ่างชัด Julia หันมาคบกับ Jason อย่างเปิดเผย แต่ก็เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น แม้จะถูกสื่อประจานว่าหนีตามเพื่อนคู่หมั้น เธอกลับไม่ได้สูญเสียสถานะเจ้าหญิง Hollywood ไปแต่อย่างใด อาจจะเป็นเพราะว่า ในยุคนั้น Kiefer ถูกจัดเป็นพระเอกหนุ่มเจ้าปัญหาที่ชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก ทั้งยังถูกกล่าวหาว่าเคยร่วมหลับนอนกับนักเต้นเปลื้องผ้า ในขณะที่ Julia ยังได้รับความนิยมล้นหลามแม้จะถูกวิจารณ์ว่าเปลี่ยนคู่ควงบ่อยพอๆกับการเล่นหนัง
( เธอเคยออกเดทกับนักแสดงหรือผู้กำกับที่ร่วมงานกัน ในภายหลัง ฉายาขวัญใจอเมริกาก็เลือนหายไปเมื่อเธอพบรักกับผู้ช่วยช่างภาพที่มีภรรยาอยู่แล้ว เขาคนนั้นได้กลายมาเป็นสามีคนปัจจุบันของเธอนั่นเอง)
หลังจากเรื่องเริ่มสงบลง Julia ชี้แจงผ่านสื่อว่า เธอไม่ได้รอเพื่อ cancel งานแต่งจนนาทีสุดท้าย หรือปล่อยให้ Kiefer ไม่รู้เรื่องรู้ราวจนมาเได้ยินข่าวเธอผ่านหน้าจอ TV เรื่องราวเจ้าสาวหนีงานแต่งเป็นเพียงการใส่สีตีไข่จากสื่อเท่านั้น
หลายปีต่อมา Kiefer ได้เปิดใจกับสื่อว่า เขาไมได้ผูกใจเจ็บกับสิ่งที่เกิดขึ้น และรู้ดีว่า แม้จะดูผิดที่ผิดเวลา ก็ไม่สามารถห้ามใจคนเราไม่ให้ตกหลุมรักได้ แต่ก็รู้สึกประหลาดใจที่เพื่อนไม่เคยบอกเล่าความรู้สึกทำให้เขาต้องรับรู้เรื่องความสัมพันธ์นี้จากคนที่ไม่รู้จัก
พระเอกแห่งซีรีส์ 24 ยังกล่าวชมอดีตคู่หมั้นว่า ใช้ความกล้าตัดสินใจที่จะล้มเลิกสิ่งที่ไม่ปรารถนา
วันเวลาได้เยียวยาจิตใจทุกฝ่าย เมื่อได้เรียนรู้ชีวิตจนกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว Kieferและ Jason ที่ห่างเหินกันไปเพราะ scandal ชวนปวดใจก็กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง พวกเขาได้ร่วมงานแสดงกันและพูดถึงอดีตได้อย่างสบายใจ ใจกว้างกันซะจริงๆ!
Tom Cruise และ Nicole Kidman
รักกันดุจปานจะกลืนกินก่อนจะหย่าฟ้าผ่า
เมื่อพูดถึงพระเอก superstar ที่ประสบความสำเร็จล้นหลามมาตั้งแต่ 80s หลายคนาจจะฝังใจกับภาพที่เขากระโดดบนโซฟากลางรายการ The Oprah Show แต่หลายปีก่อนหน้านั้น ชีวิตแต่งงานของ Tom Cruise และ Nicole Kidman ทำให้สื่อหมกมุ่นแบบจิกไม่ปล่อย พวกเค้าทั้งดูสมบูรณ์แบบและแสดงความหวานอย่างไร้ขีดจำกัด บางคนมองว่า การจับคู่ประชันบทบาทร้อนแรงในหนังอีโรติคด้วยกันหลังจากแต่งงานกันน่าจะพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า ชีวิตคู่ของพวกเค้าเต็มไปด้วยความปรารถนาและความผูกพันอันแสนพิเศษมากเพียงใด
แต่เส้นทางภรรยาของพระเอก superstar ไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบสีชมพูเสมอไป แม้ Nicole จะเคยบรรยายความรู้สึกที่ตกหลุมรัก Tom ไว้ว่า ความพิเศษของเขาทำให้เธออ้าปากค้างและอ่อนระทวยราวกับมีกระแสไฟวิ่งวนในร่างกายตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน ไม่นานจากนั้นเธอก็พบว่ายินดีที่จะกระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของเขาโดยไร้ข้อแรงต่อต้าน เมื่อได้เปิดตัวความสัมพันธ์อย่างเต็มรูปแบบ นางเอกสาวออสซี่ที่ยังไม่โด่งดังมากมายนักกลายมาเป้าหมายของสื่อจอมกระหายข่าวอย่างเลี่ยงไม่ได้ พวกเค้าแต่งงานกันอย่างรวดเร็วและมักควงคู่เฉิดฉายบนพรมแดงแผ่กระจายออร่าแห่งความรักล้นใจให้ผู้คนฮือฮา ถึงขั้นมีกระแสข่าวลือตามมาว่า พวกเค้าใช้ความสัมพันธ์จอมปลอมโพรโมทตัวเองและปกปิดรสนิยมทางเพศแบบไม้ป่าเดียวกันของฝ่ายชาย (ใช่แล้วล่ะ เมื่อก่อนนั้น Tom ถูกกล่าวหาว่า 'แอ๊บแมน' จนฟ้องร้องหมิ่นประมาทมาแล้ว)
เป็นระยะเวลาหลายปีก่อนที่ Nicole จะก้าวขึ้นสู่สถานะ A Lister เต็มตัว เธอมักถูกสื่อมองในภาพของภรรยาที่เป็นรองและมีบทบาทส่งเสริมหน้าตาให้สามียิ่งโดดเด่นเท่านั้น เธอหวนรำลึกถึงความรู้สึกในช่วงนั้นว่า เคยถูกตีตราให้เป็นภรรยาไม้ประดับ เพราะผู้คนไม่ได้ใส่ใจรับรู้ถึงตัวตนของเธอ เมื่อได้ควงคู่ออกงานเลิศหรูอย่าง Oscar บทบาทของเธอก็มีแต่การแต่งตัวสวยงามและสนับสนุนสามีเท่านั้น
แม้ Tomและ Nicole จะเผยความรักล้นใจและบรรยายถึงช่วงเวลาสุดแสน romantic ในการใช้ชีวิตคู่ แต่หลังจากใช้ชีวิตคู่กันมาสิบปี พวกเค้าก็ประกาศข่าวแยกทางแบบฟ้าผ่า ทั้งๆที่เพิ่งจะเข้าพิธีย้ำคำมั่นสัญญาจากพิธีแต่งงานไม่กี่สัปดาห์ก่อน
ในตอนนั้น หลายคนเชื่อว่า Nicole เป็นฝ่ายถูกทิ้ง เพราะประชาสัมพันธ์ได้แถลงการณ์แทนว่า เธอไม่ได้เป็นผู้ตัดสินใจเรื่องการหย่า บ้างก็ร่ำลือว่า สาเหตุปัญหาชีวิตคู่มาจากความเห็นที่ไม่ลงรอยจากความเชื่อทางศาสนาของฝ่ายชาย ซึ่งตัวแทนก็ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้อย่างแข็งขัน
การหย่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสถานะพระเอกชั้นนำของ Tom เขารั้งใน list พระเอกรายได้สูงสุดติดต่อกันหลายปี ส่วนฝั่ง Nicole เรียกได้ว่าชีวิตของเธอพลิกไปสู่จุดสูงสุด จากเดิมที่เคยถูกประเมินว่าเป็นเพียงนางเอกที่โด่งดังขึ้นมาเพราะเกาะชื่อเสียงของสามี เธอได้เข้าชิงรางวัล Oscar มาแล้ว 4 ครั้ง และคว้ารางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจาก The Hours นอกจากจะกวาดรางวัลการแสดงมาแล้วหลายตัว เธอได้กลายเป็นนางเอกค่าตัวสูงและยังสร้างความสำเร็จในฐานะ producer อีกด้วย
แม้ว่าจะรับอุปการะลูกบุญธรรมด้วยกัน แต่ดูเหมือนว่า เส้นทางชีวิตของอดีตสามีภรรยาที่ถูกมองว่า perfect จนน่าอิจฉาจะไม่ได้วนเวียนมาบรรจบกันอีก