เมื่อคนดังลุกมา fight ทัศนคติเหยียดความแก่
candy 52 16คำว่าแก่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่พึงปรารถนา ด้วยธรรมชาติของร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ทั้วประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่างๆ และยังปรากฏให้เห็นเด่นชัดจากรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยเหี่ยวย่น ผมหงอกกล่ามเนื้อหย่อนยาน
ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่ตั้งหน้าตั้งตารอให้ความแก่ชรามาเยือน?
แต่พวกเราต่างก็รู้ดีแก่ใจว่า ไม่ว่าจะสรรหาวิธีการดูแลตัวเองดีสักเพียงใด ก็อาจจะชะลอให้ร่างกายดูกระฉับกระเฉงกว่าคนวัยเดียวกันไปได้ระยะหนึ่ง ทั้งความแข็งแรงของร่างกายและรูปโฉมที่ดูอ่อนกว่าวัย และในที่สุด พวกเราก็ต้องต้อนรับความแก่โดยที่ไม่มีใครจะหลีกเลี่ยงกฎแห่งธรรมชาติไปได้
Sarah Jessica Parker "จะต้องหายตัวไปเลยใช่มั้ยถึงจะพอใจ"
แต่ยังมีผู้คนอีกมากที่ถูกทำร้ายจิตใจเพียงเพราะมีอายุมากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องใส่ใจกับเรื่อง anti aging กันตั้งแต่เนิ่นๆ
ทราบไหมว่า หลังจาก Olivia Colman คว้ารางวัลOscar จากหนัง The Favourite แล้ว เธอได้รับคำถามในห้องสื่อว่ามีความเห็นอย่างไรต่อบทของนางเอก'สูงวัย'ในวงการนี้ Olivia ในวัย45 ทวนคำว่าสูงวัยด้วยท่าทีตะลึง แม้จะรวบรวมสติตอบกลับว่า ยิ่งอายุมากขึ้น ก็มีสิทธิ์มีเสียงในการเข้าถึงบทต่างๆมากขึ้นไปด้วย แต่เหตุการณ์นี้ก็ชี้ชัดว่า ไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จขนาดไหน คนอื่นก็จะหยิบยกเรื่องอายุของคุณมาวิจารณ์เสมอ ในขณะที่ ผู้ชายอาจจะไม่ต้องกดดันกับอคติเรื่องวัยมากนัก เพราะเรานึกไม่ออกเลยว่า ผู้สื่อข่าวจะไล่ต้อนป้อนคำถามแบบเดียวกันให้กับพระเอกอย่าง Robert Downey Jr. หรือ Brad Pitt
ดารา Hollywood อีกหลายคนรับมือกับความคิดเหยียดแก่อย่างไร มาติดตามกันเลยค่ะ
Carrie Bradshaw อาจจจะเป็นตัวละครสุดแซ่บแห่ง Sex And The City แต่ก็เคยจิตตกจากการเปรียบเทียบตัวเองกับคนที่สาวกว่า ในโลกแห่งความเป็นจริง Sarah Jessica Parker ก็ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆกันกับในซีรีส์ หลังจากที่เธอเดินหน้าถ่ายทำ And Just Like That ที่นำเสนอเรื่องราวของแกงค์สาวสุดซี้ที่ดำเนินต่อจาก SATC ที่เคยสร้างความลือลั่นเมื่อหลายปีที่แล้ว เมือมาถึงยุค 2020s พวกเธอได้ก้าวสู่วัยกลางคนอย่างเต็มตัว ลูกเต้าต่างโตเป็นหนุ่มเป็นสาว และแน่นอนว่า รูปลักษณ์ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ภาพของสามสาว (ขาดแต่ Samantha ที่ไม่ได้เข้าร่วม projectนี้) ทำให้แฟนๆซีรีส์จำนวนมากรู้สึกตื่นเต้นและเฝ้ารอติดตามความเปลี่ยนแปลงของตัวละครที่โปรดปราน แต่ก็มีเสียงค่อนขอดถึงความแก่ของนางเอกวัย 56 จนเธอต้องออกมาตอบโต้ผ่านสัมภาษณ์กับนิตยสาร VOGUE
"มันเป็นกระแสตอบรับจากพวกเหยียดเพศหญิงที่ไม่มีทางจะเกิดขึ้นกับพวกผู้ชายค่ะ คนเอาแต่วิจารณ์ว่า ผมหงอกๆๆ เธอมีผมหงอกใช่มั้ยนั่น? ฉันนั่งข้างๆ Andy Cohen และเค้าหงอกทั้งหัว และคนมองว่าเขาช่างหล่อเหลา ทำไมเขาถึงมีผมหงอกได้ไม่มีปัญหาล่ะคะ?"
" ฉันไม่รู้หรอกว่าจะตอบคนอื่นเรื่องนี้ยังไง โดยเฉพาะพวกที่อยู่บนสังคมออนไลน์ ใครๆต่างก็อยากจะออกความเห็นทั้งนั้น เธอมีรอยเหี่ยวย่นมากเกินไปบ้างล่ะ เธอมีรอยเหี่ยวน้อยไปบ้างล่ะ มันรู้สึกเหมือนว่าผู้คนไม่ปรารถนาให้เราพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น ราวกับว่าพวกเค้ารู้สึกสนุกสนานที่ได้เห็นพวกเราต้องเจ็บปวดกับตัวตนของพวกเราเอง ไม่ว่าเราจะเลือกจะแก่ชราไปตามธรรมชาติและไม่ได้มีรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ หรือว่าเราอาจเลือกจะทำอะไรสักอย่างที่ทำให้รู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นก็ตาม ฉันรู้ว่ารูปร่างหน้าตาตัวเองเป็นอย่างไร ฉันไม่มีทางเลือกสักหน่อย จะให้ทำยังไงล่ะคะ? หยุดแก่? หายตัวไปซะเลย?"
Charlize Theron ปรี๊ด อายุเพิ่งขึ้นหลักสี่ก็ถูกยัดเยียดบทแม่ให้กับนักแสดงสาววัยสามสิบ
Wonder Woman อาจจะเป็นหนังที่กอบโกยรายได้ล้นหลามและได้รับเสียงชื่นชมเรื่องารปลุกพลังหญิง แต่หนึ่งในผู้ที่ไม่สบอารมณ์กับการสร้างหนังฮีโร่เรื่องนี้คือ นางเอกดีกรีรางวัลออสการ์ นั่นเป็นเพราะว่า เธอได้รับข้อเสนอจากสตูดิโอให้รับบทราชินีแห่งเผ่า Amazon หรือแม่นางเอกนั่นเอง!
เราอาจจะต้องขยายความกันอีกนิด Charlize Theron ถูกชักชวนให้รับบมแม่ของ Gal Gadot ที่อ่อนกว่าเธอเพียงแค่ 10 ปี แหม ฟังดูคุ้นเคยเหมือนกับประเทศไหนสักแห่งใช่มั้ย!
แต่สำหรับนางเอกA List คนนี้ เธอเจ็บใจจนต้องออกสื่อตอบโต้เลยทีเดียว
Charlize ตอบรับคำเชิญให้สัมภาษณ์ในรายการของ Andy Cohen เพื่อเปิดใจกับประเด็นข่าวลือหนาหูว่าช่วงไม่กี่ปีก่อนนี้ว่า เธอได้ปฏิเสธบท Wonder Woman ไปจริงๆ หรือไม่ และคำตอบของเธอก็สร้างความฮือฮาในสังคม
"ฉันไม่ได้ปฏิเสธบทWonder Woman หรอกนะคะ นี่คือกรณีตัวอย่างอันชัดเจนแจ่มแจ้งว่า เมื่อคุณเริ่มแก่ตัวลงแล้ว วงการHollywoodจะตบหน้าคุณด้วยวิธีใด คือมีคนเกริ่นกับฉันเรื่องบทaction ใน Wonder Woman พวกเราอยากให้คุณพิจารณาบทนี้ด้วย ฉันจึงถามกลับไปว่า แล้ว Wonder Womanจะต้องทำอะไรบ้าง คนๆนั้นตอบกลับมาว่า ไม่ใช่ Wonder Woman แต่เป็นแม่ของ Wonder Woman"
ในขณะนั้น Galวัย 32 ปี แสดงบท Diana ออกมาดูเป็นสาวงามทรงเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ ส่วนบทแม่ของ Wonder Woman ตกไปเป็นของนางเอกเจ้าฝีมือ Connie Nielsen วัย 52 ปี ซึ่งพอจะสมเหตุสมผลขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อ Charlize เปิดเผยเรื่องนี้ออกมาก็ทำให้หลายคนซัดฝ่าย casting ว่า ยึดคิดกับแนวคิดageism ที่ควรจะถูกลบล้างไปนานแล้ว และไม่น่าแปลกใจที่เธอจะรู้สึกเหมือนถูกดูหมิ่น
(แตกต่างจากวงการบันเทิงเอเชียหลายประเทศที่นางเอกวัยสามสิบจะมีรูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์ไม่แตกต่างกันช่วงยี่สิบ หรือแม้แต่สาวสี่สิบก็ดูแทบไม่ออกอยู่ดี นั่นทำให้ผู้ชมต่างเคยชินว่า คนดังจะต้องดูอ่อนกว่าอายุจริงมากๆเป็นเรื่องปกติ)
ในปีเดียวกันที่ Wonder Woman ลงโรง Charlize รับบท spy สาวสุดเร่าร้อนใน Atomic Blonde ตามมาด้วยบทเด่นในหนังดังอีกหลายเรื่อง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ชวนประหลาดใจ จากสถานะ A Lister ทั้งยังขึ้นแท่น producer มาแล้วหลายผลงาน ทำให้เธออยู่ในกลุ่ม'เลือกได้' แต่สำหรับนักแสดงหญิงอีกหลายคนอาจจะไม่ได้มีpower ถึงจะรู้สึกคัดค้านในใจที่ต้องรับบทแม่ทั้งๆที่แก่กว่าผู้ที่แสดงเป็นลูกเพียงไม่กี่ปี เพื่อจะได้งานเพื่อสร้างรายได้แล้ว ก็ไม่มีทางเลือกอื่น
ยืนยัน รูปลักษณ์ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด
เมื่อห้าปีก่อน Charlize ได้ให้เปิดใจเรื่องปัญหา ageism กับ Vanity Fair ไว้ว่า
" มันถึงเวลาแล้วที่เหล่าผู้หญิงจะได้ตระหนักว่า รูปลักษณ์ภายนอกของเราไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดและเรื่องที่ว่าเรามีค่าน้อยลงเพราะแก่ตัวก็ไม่จริงเลยค่ะ"
"ตอนนี้ฉันทำงานมากกว่าและรู้สึกสนุกมากกว่าเมื่อยี่สิบปีที่แล้วเยอะ ผู้หญิงทุกคนที่ฉันรู้จักก็พูดแบบนี้เหมือนกัน ถึงเวลาแล้วที่ต้องทิ้งความคิดเดิมๆแบบนี้ไป"
"หนังก็เปรียบดังกระจกสะท้อนสังคม ปัญหาที่แท้จริงเกิดขึ้นในสังคม การแบ่งแยกทางเพศใน Hollywood นั้นเปรียบเทียบกับปัญหาที่เกิดในสังคมสังคมไม่ได้เลย"
"ฉันจะหวาดกลัวในสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติไปทำไมกันคะ ความแก่ก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา จะหลบเลี่ยงมันก็ทำไม่ได้ ในใจของฉันก็รู้สึกยินดีต่อทุกาิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่ตัวเองเริ่มแก่ ตอนนี้ฉันฉลาดกว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนมาก เอารอยเหี่ยวย่นมาสู้กันไม่ได้หรอกค่ะ"
Bebe Rexha อายุแค่29 ยังถูกโจมตี
คุณอาจจะเคยขมวดคิ้วกับฉาก cliché ในซีรีส์เกาหลี เมื่อนางเอกสาวสวยถูกผู้ชายหรือคนที่เด็กกว่าจิกด้วยน้ำเสียงดูแคลนว่าเป็นอาจุมม่า ทั้งๆที่ดูยังไง เธอก็ดูเป็นสาวสวยผิวเป๊ะวัยไม่เกิน 30 จนทำให้คิดว่าเรื่องทำนองนี้ถูกปลูกรากฝังลึกจนกลายเป็นเรื่องปกติในสังคมเอเชีย เมื่อเปรียบเทียบกับสังคมตะวันตก ก็อาจจะมีคำถามว่า ผู้หญิงในวัยยี่สิบปลายๆหรือสามสิบจะถูกเหยียดแก่บ้างหรือไม่ เรื่องราวของ Bebe Rexha น่าจะอธิบายได้ชัดเจน
ศิลปินสาวที่ประสบความสำเร็จทั้งการทำหน้าที่แต่งเพลงอยู่เบื้องหลังหลายเพลงดัง และก้าวมาสร้างชื่อเสียงในฐานะนักร้องอยู่เบื้องหน้าได้สร้างเสียงโจษจัน เมื่อเธอ Tweet เล่าประสบการณ์ถูกเลือกปฏิบัติจากอายุว่า
"มีผู้บริหารค่ายดนตรีคนหนึ่งเตือนฉันว่า ฉันเริ่มจะแก่เกินไปและการสร้างภาพลักษณ์ของฉันดูสับสน เพราะฉันเป็นนักแต่งเพลงแล้วการโพสต์ภาพsexyบน Instagramไม่ใช่สิ่งที่นักแต่งเพลงผู้หญิงดีๆเค้าทำกัน โดยเฉพาะผู้หญิงในวัยเดียวกันกับฉัน ฉันอายุ 29 และเบื่อหน่ายที่ต้องถูกจำกัดให้อยู่ในกรอบ ฉันเป็นผู้กำหนดเส้นทางของตัวเอง ฉันแสนจะเซ็งที่ผู้หญิงถูกตราหน้าว่าเป็นยายแก่ตอนที่พวกเธอเริ่มมีอายุมากขึ้น ในขณะที่ผู้ชายได้รับคำชมว่ายิ่งแก่ยิ่งดู sexy"
"ฉันจะอายุครบ 30 ปีในวันที่ 30เดือนสิงหาคม และรู้อะไรมั้ย ฉันจะไม่พยายามหลบเลี่ยงมัน ฉันจะไม่โกหกอายุปลอมๆและจะไม่ร้องเพลงที่คิดว่าจะขายได้มากกว่าเพราะมันเป็นเพลงที่ฟังดูอ่อนวัยกว่า ฉันจะแสดงความปลาบปลื้มยินดีเรื่องอายุตัวเองค่ะ"
Bebe ยังแสดงจุดยืนชัดเจนว่า
"ไม่ว่าจะอยู่วัยไหนก็ห้ามคุณ sexy ไม่ได้ "
เมื่อถูกผู้บริหารในวงการดนตรีโจมตีเรื่องวัย Bebe จึงตอบโต้ด้วยผลงานเพลง
Not 20 Anymore คือการประกาศความภาคภูมิใจกับอายุที่มากขึ้น เธอเปรียบตัวเองเหมือนกับไวน์ที่ยิ่งบ่มนานยิ่งรสดี และยังเรียนรู้ว่า ความงามนั้นมีขอบเขตมากกว่าตัวเลขอายุ เมื่อวันเวลาที่หมุนเวียนไปทำให้เธอเริ่มมีริ้วรอยบนใบหน้า แต่ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาให้เธอทั้งแข็งแกร่งและเฉลียวฉลาดมากกว่าสมัยยังเป็นสาวใส จนพูดได้เต็มปากว่า เธอไม่ได้อยากกลับไปมีอายุยี่สิบ เพราะตอนนี้เธอไม่หวาดหวั่นที่จะแสดงตัวตนอีกต่อไป
Maggie Gyllenhaal อายุ 37 ถูกวิจารณ์ว่าดูแก่เกินไปสำหรับบทคู่รักชายวัย 55
ย้อนไปเมื่อหกปีก่อนนางเอกเจ้าของรางวัลลูก โลกทองคำได้เเผยถึงด้านที่ไม่โสภาในวงการมายาไว้ว่า
"อาชีพนางเอก Hollywood มีเรื่องชวนผิดหวังที่ทำให้ฉันประหลาดใจได้เสมอ"
"ฉันอายุ 37 และถูกวิจารณ์ว่าแก่เกินไปที่จะแสดงเป็นคนรักของผู้ชายอายุ 55 มันเป็นเรื่องที่ช่างน่าตกตะลึงสำหรับฉัน ทำให้ฉันรู้สึกย่ำแย่ จากนั้นก็รู้สึกโกรธค่ะ แต่แล้วฉันก็มันทำให้ฉันหัวเราะออกมา"
Maggie อาจจะหัวเราะด้วยความระอากับแนวคิดที่ทั้งเหยียดเพศและเหยียดอายุในวงการบันเทิง ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ผู้หญิงที่อ่อนกว่าชายวัยกลางคนเกือบยี่สิบปีดูแก่เกินไปจนดูไม่เหมาะสมจะเป็นคนรักกัน??
แต่คำพูดทิ่มแทงนั้นไม่ทำให้เธอสิ้นหวัง เธอพยายามมองหาบทที่สร้างความตรึงตราใจต่อไป แต่ปัญหา ageism ก็ยังดำเนินต่อไป ดังความเห็นของ Anne Hathaway ที่ยอมรับว่า เคยได้รับผลประโยชน์จากความสาวของตัวเองมาก่อน ตอนที่ยังอยู่ในช่วงยี่สิบ เธอสามารถคว้าบทละครที่เขียนขึ้นมาสำหรับผู้หญิงอายุห้าสิบได้ แต่พอเธอเข้าสู่วัยสามสิบต้นๆ กลับต้องสงสับว่า เพราะอะไรนางเอกวัยแค่24 จึงได้บทดีๆเหล่านั้นไปจนหมด จนมานึกได้ว่า มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเธออายุ 24 มาก่อน เธอจึงไม่สามารถใช้สิทธิ์ใช้เสียงแสดงความโกรธเกรี้ยวใดๆ ได้แต่ทำใจยอมรับระบบนี้ และต้องพยายามมองถึงข้อได้เปรียบที่เธอได้สร้างชื่อเสียงไว้ก่อนแล้ว ทำให้มีโอกาสคว้าบทหนังที่ดึงดูดความสนใจจากผู้ชม แม้ว่าจะอายุมากขึ้น
เรื่องราวคล้ายๆกันได้เกิดขึ้นกับ Emma Thompson เมื่อมีคนบอกว่าเธอดูแก่เกินไปจะรับบทคู่กับ Hugh Grant ที่อ่อนกว่าเธอแค่ปีเดียว แต่ในขณะเดียวกัน Hollywood ก็ขยันสร้างหนังเกี่ยวกับชายวัยกลางคนที่ควงคู่กับหญิงสาววัยคราวลูก ตอนที่เธออายุเพียง 35 ผู้สร้างหนังก็ต้องเสาะหาพระเอกสูงวัยมาประกบคู่กับเธอ หากถามถึงสถานการณ์ปัจจุบัน Emma ไม่คิดว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นแต่อย่างใด แต่ดูจะแย่ลงซะด้วยซ้ำ
Jennifer Aniston อยากให้คนปรับปรุงมารยาทการพูดเรื่องอายุ
นางเอกชื่อดังแห่ง Friends ได้แชร์ประสบการณ์ที่ได้สัมผัสวัยห้าสิบกับนิตยสาร InStyle ว่า
"เมื่อเข้าสู่วัยห้าสิบเป็นครั้งแรกฉันก็คิดว่า มันก็เป็นแค่ตัวเลข ไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายยังไงเพราะฉันไม่ได้รู้สึกแตกต่างไปจากเดิมเลย ไม่ใช่ว่าอะไรๆมันจะหยุดทำงานไปซะเฉยๆ ถ้าพูดถึงทางด้านร่างกายแล้วฉันรู้สึกยอดเยี่ยมมาก"
"มันจึงทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆเมื่อจู่ๆก็ถูกพูดถึงในทำนองว่า สำหรับคนที่อยู่ในวัยนี้ คุณช่างสวยเริ่ดไปเลย ฉันว่าเราควรกำหนดเรื่องมารยาทในการใช้คำพูดและสนทนากันหน่อยนะ"
ผู้หญิงบางคนไม่ได้เกิดความปลายปลื้มกับคำชมว่า ดูดีสำหรับคนวัยนี้ เพราะเกิดความรู้สึกว่า มันยังแฝงถึงแนวคิดในด้านลบในเรื่องอายุ แม้ว่าจะเป็นคำพูดจากเจตนาดี แต่การยกเอาเรื่องวัยที่เป็นเปราะบางมาพ่วงท้ายคำชมก็อาจจะทำให้บางคนเกิดความเคลือบแคลงใจว่าชื่นชมกันจริงๆ หรือเนียนจิกกัดกัน
"เมื่อเข้าสู่วัยห้าสิบเป็นครั้งแรกฉันก็คิดว่า มันก็เป็นแค่ตัวเลข ไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายยังไงเพราะฉันไม่ได้รู้สึกแตกต่างไปจากเดิมเลย ไม่ใช่ว่าอะไรๆมันจะหยุดทำงานไปซะเฉยๆ ถ้าพูดถึงทางด้านร่างกายแล้วฉันรู้สึกยอดเยี่ยมมาก"
"มันจึงทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆเมื่อจู่ๆก็ถูกพูดถึงในทำนองว่า สำหรับคนที่อยู่ในวัยนี้ คุณช่างสวยเริ่ดไปเลย ฉันว่าเราควรกำหนดเรื่องมารยาทในการใช้คำพูดและสนทนากันหน่อยนะ"
ผู้หญิงบางคนไม่ได้เกิดความปลายปลื้มกับคำชมว่า ดูดีสำหรับคนวัยนี้ เพราะเกิดความรู้สึกว่า มันยังแฝงถึงแนวคิดในด้านลบในเรื่องอายุ แม้ว่าจะเป็นคำพูดจากเจตนาดี แต่การยกเอาเรื่องวัยที่เป็นเปราะบางมาพ่วงท้ายคำชมก็อาจจะทำให้บางคนเกิดความเคลือบแคลงใจว่าชื่นชมกันจริงๆ หรือเนียนจิกกัดกัน
Reese Witherspoon กับเหตุผลที่ไล่ที่ปรึกษาทางการเงินออก
" คำพูดที่ฟังเหยียดแก่ที่สุดที่ฉันได้ยินมาจากที่ปรึกษาทางการเงินที่บอกให้ฉันเริ่มเก็บเงินไว้เลย เพราะถ้าเข้าวัยสี่สิบแล้วจะไม่สามารถทำเงินอีก"
"พอเข้าวัยหลักสี่ ฉันสร้างรายได้มากกว่าที่ทำรวมกันมาตลอดอาชีพการทำงานซะอีก ฉันจำที่ปรึกษาชายคนนั้นได้เลยนะ ลองเดาดูสิ ฉันไล่เขาออกไปแล้ว!"
เมื่อReese ขึ้นรับรางวัลผู้หญิงแห่งปีจาก Glamour เธอได้ฝากคำประชดกรีดเจ็บๆในสุนทรพจน์ว่า ปรารถนาจะเข้าร่วมแสดงหนังชีวประวัติของ Amy Schumer ผู้เป็นผู้หญิงแถวหน้าที่เธอชื่นชม แต่เพราะมีอายุมากกว่าตลกสาวอยู่ 5 ปี สำหรับมาตรฐานHollywood แล้ว เธอคงจะต้องรับบทยายของAmy ฝ่ายตัวAmyเองก็หนีเรื่องageismไม่พ้น ต้องรับบทเป็นแม่ของตัวเองในหนังเรื่องนี้เป็นแน่แท้!
ไม่ใช่ว่ามีแต่เหล่านางเอกที่ออกมาโจมตีปัญหาการเลือกปฏิบัติ แต่พระเอกดังอย่าง Alexander Skarsgard ก็ได้ชี้ให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางเพศในวงการว่า เหล่านักสร้างหนังต่างก็อยากได้สาวงามสุด hot มาแสดง สำหรับนางเอกที่อายุเกินสี่สิบกลับมีบทดีๆให้พวกเธอน้อยลง ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับพระเอกหนุ่มใหญ่แต่อย่างใด
ผู้หญิงจำนวนมากต้องรับมือกับแรงกดดันมหาศาลจากทัศนคติ'เหยียดแก่' หรือแนวคิดการเลือกปฏิบัติจากอายุ (ageism/ ageist) คุณอาจจะพบกับความรำคาญใจเมื่อต้องพบกับความคิดทางด้านลบต่อคนที่ก้าวผ่านพ้นวัยหนุ่มสาว หรือแม้กระทั่งคนที่เพิ่งพ้นวัยมหาวิทยาลัยแล้วใช้ชีวิตแบบพึ่งพาตัวเองได้เพียงไม่กี่ปีก็ถูกบีบให้ยอมรับสรรพนามว่า 'ป้า' ซะแล้ว
จากการส่งต่อความคิดมายาวนานว่า ช่วงเวลาทองที่ peak ที่สุดของคนเราหรือ prime time จะอยู่อยู่ในช่วงวัยยี่สิบเท่านั้น มากไปกว่านี้ก็เตรียมใจรับคำว่าแก่และคำพูดจิกกัดชวนเหนื่อยหัวใจ ทั้งที่เมื่อคุณมองไปรอบข้างก็จะพบว่า มีผู้คนอีกมากมายในวัยสามสิบ สี่สิบ ห้าสิบ หรือมากกว่านั้นกำลังเอนจอยกับ lifestyle ที่สดใสมีชีวิตชีวา ทั้งยังสร้างสรรค์สิ่งมีประโยชน์ได้ไม่ต่างจากวัยหนุ่มสาว นั่นพิสูจน์ได้ว่า แม้อายุที่มากขึ้นจะสร้างความเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ไม่ได้บั่นทอนคุณค่าของคุณแต่อย่างใด