Biotherm Cera Repair Barrier Cream ตัวช่วยเพิ่มความสตรองให้ผิวอย่างสุดปังที่ผิวพังๆ ไม่ควรพลาด
Junjaowkha review
45
21
JEBAN GIVEAWAY / ได้รางวัลจากจีบันนี่แหละ!
เมื่อผิวสตรองปัญหาผิวต่างๆ ก็น้อยลง …
ถ้าเป็นเมื่อก่อน (สมัยที่อายุยังขึ้นต้นด้วยเลข 2 ) เราไม่มีทางรู้ซึ้งกับคำๆนี้แน่นอน เพราะเมื่อก่อนอะไรๆ ก็ดีไปหมด นอนเช้าหรือยังไม่ได้นอนนะผิวหน้ายังไม่โทรมเลยค่ะ!!! แต่เมื่ออายุมากขึ้นจนก้าวเข้าสู่เลขสามกระดึ๊บๆ จนใกล้จะวัยสามสิบห้าในอีกไม่กี่เดือนนี้แล้ว บอกเลยว่าสภาพผิวแปรปรวนเรรวนหนักมาก ผลที่ตามมาคือ สิว ริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง มาเต็ม
โชคดีมากๆ ที่ Biotherm เค้าเห็นความสำคัญของปัญหานี้ ในที่สุดเราก็มี Biotherm Cera Repair Barrier Cream น้องใหม่ล่าสุดในไลน์ Life Plankton ที่จะช่วยให้ผิวของเราแข็งแรง และในที่สุดผิวพังๆ ก็จะกลายเป็นผิวปังๆ แทนค่ะ สาวก Life Plankton แบบเราถูกใจสิ่งนี้ที่สุด
BIOTHERM CERA REPAIR BARRIER CREAM
คุณสมบัติของเค้าก็ตรงตัวตามชื่อเสียงเรียงนามของเค้าเลย นั่นก็คือ เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่จะช่วยเสริมปราการผิวหรือเกราะป้องกันผิวของเราให้แข็งแรง
ด้วยส่วนผสมหลักอย่าง Life PlanktonTM Probiotic Fraction ที่จะช่วยฟื้นบำรุงและเสริมปราการผิวของเราให้แข็งแรง และ Bioceramides ที่อุดมไปด้วย Omega 3,6,9 ที่จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก และฟื้นฟูปราการผิวที่เสียไป ผลลัพธ์อื่นๆ ที่ตามมาก็คือ ผิวเรียบเนียน กระชับ และดูสุขภาพดี
เหมาะกับทุกสภาพผิว ผิวบอบบางและระคายเคืองง่ายก็สามารถใช้ได้
ผลการทดสอบความพึงพอใจในอาสาสมัคร 54 คน
หลังใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง 28 วัน โดยสถาบันวิจัยลอรีอัล
ประเทศฝรั่งเศส เมื่อกุมภาพันธ์ 2021
93% ใช้แล้วรู้สึกสบายผิว
91% รู้สึกผิวได้รับการปลอบประโลม
85% รู้สึกผิวโดยรวมดูดีขึ้น
80% ช่วยมอบสมดุลให้ผิว โดยไม่ทำให้ผิวดูแห้งหรือมันจนเกินไป
74% รู้สึกริ้วรอย ร่องลึก แลดูลดเลือน
** ขอบคุณข้อมูลจากแบรนด์นะคะ ^^
ลักษณะของผลิตภัณฑ์ เป็นเนื้อครีมสีขาว เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมเข้าสู่ผิวได้แบบกลางๆ นะ เพราะว่าหลังทาจะรู้สึกเหมือนมีฟิล์มบาง ๆ เคลือบอยู่บนผิว แต่ยังคงสัมผัสได้ว่าผิวได้รับการบำรุงและมีความชุ่มชื้นมากขึ้น ไม่ได้แค่เคลือบเฉยๆ เจ้าฟิล์มที่เราเห็นเค้าจะทำหน้าที่ปกป้องผิวและล็อกความชุ่มชื้นเอาไว้ค่ะ ใครที่ผิวขาดน้ำง่ายเราว่าตัวนี้เหมาะมาก
ลองมาทาบนผิวหน้าดูบ้างนะคะ จากภาพเราบำรุงผิวด้วยน้ำตบและ Face oil ไปแล้วนะ จากนั้นก็ปิดท้ายด้วย Biotherm Cera Repair Barrier Cream จะเห็นว่าสภาพผิวไม่ได้ดูหนา ดูหนักมากขึ้นเลยนะคะ ความรู้สึกบนผิวคือยังสบายๆ ไม่รู้สึกเหนอะหนะเลย ได้ผิวเงาๆ ฉ่ำๆ เลิฟ…..
หากใครรู้สึกว่าเนื้อครีมยังหนาไปหนักไป ลองใช้วิธีการลงเนื้อครีมบนฝ่ามือแล้ววอร์มก่อนใช้ดูนะคะ วิธีนี้เราจะชอบใช้ในตอนกลางวันเพราะต้องตามด้วยครีมกันแดดอีกหนึ่งจบจะได้ผิวที่ไม่หนักไป ส่วนตอนกลางคืนก็จะใช้วิธีการแต้มดังภาพแล้วนวดให้ทั่วใบหน้าและลำคออย่างเบามือค่ะ
ผลลัพธ์ที่ได้
สภาพผิวของเราคือ ผิวผสมค่อนไปทางแห้งและขาดน้ำนะคะ
หลังจากที่เราใช้ต่อเนื่องทั้งเช้าและเย็นเป็นเวลา 14 วัน ก็ได้ผลลัพธ์ดังภาพเลยค่ะ ผิวดูมีสุขภาพดีมากขึ้นเป็นเพราะผิวแข็งแรงมากขึ้นแหละ ผิวไม่แดง ไม่คัน ไม่ระคายเคือง ซึ่งอาการนี้เราจะเป็นในวันที่ผิวขาดน้ำ นอกจากนี้ยังได้ผิวกระชับและยืดหยุ่นมากขึ้นด้วย ที่เซอร์ไพรส์มากๆ เลยก็คือ รูขุมขน … คุณพระคุณเจ้า!!!! เราใช้น้องคนนี้เสริมเข้าไปใน Skincare routine เดิมๆ ไม่น่าเชื่อว่ารูขุมขนจะลดลงได้แบบชัดเจนมากๆๆๆ เชื่อหรือยังคะว่าเมื่อผิวแข็งแรงอะไรๆ ก็ดี๊ดี
เมื่อผิวแข็งแรงผิวของเราก็จะมีสุขภาพดีตามไปด้วยนะคะ การแต่งหน้าในทุกๆ วันก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น เมคอัพติดทนนานขึ้นด้วย
ดังนั้นในวัยสามสิบนพลัส นอกจากการใช้สกินแคร์ที่มุ่งตรงสู่สกินแคร์ที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านหรือลดเลือนริ้วรอยแล้วก็อย่าลืมเสริมสกินแคร์ที่มีคุณสมบัติในการช่วยเสริมสร้างหรือฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวของเราให้แข็งแรงด้วยน๊า
ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม
แล้วพบกันใหม่นะคะ