iCi en orbite นวัตกรรมใหม่ที่จะมาเปลี่ยนแปลงวงการสกินแคร์

iCi en orbite 

นวัตกรรมใหม่ที่จะมาเปลี่ยนแปลงวงการสกินแคร์

บทความนี้จะยาวสักหน่อยนะคะ เพราะว่ากิ๊ฟตื่นเต้นกับนวัตกรรมนี้มากๆ อยากจะบรรยายทุกดีเทล ทุกรายละเอียดให้ทุกคนได้ตื่นเต้นไปกับกิ๊ฟด้วยจริงๆ อย่างที่ทราบกันดีกว่า ยุคสมัยเปลี่ยนไป อะไรๆ ก็ต้องเปลี่ยนและปรับตัวตาม.. อย่างทุกวันนี้ AI เริ่มเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตมากขึ้น สังเกตง่ายๆ ใกล้ตัวเลยคือโฆษณาใน Facebook ไม่ว่าเราจะอยากได้อะไร มันก็แสนฉลาด เด้งโฆษณาเหล่านั้นขึ้นมาให้ทันที บางทีแค่คิดๆ ในใจ อยากได้กระเป๋าสวยๆ สักใบ เห้ย!! โฆษณากระเป๋าเต็มฟีด มาทุกแบรนด์จ้า.. แม่นยิ่งกว่าหมอดูซะอีก Facebook รู้ได้ยังไง? เคยสงสัยกันใช่ไหมละคะ นั่นเป็นเพราะ Facebook เขาใช้ระบบ AI ตรวจจับพฤติกรรมของเรานั่นเอง.. จึงทำให้ทุกครั้งที่เราต้องการหรือสนใจเรื่องอะไร Facebook ก็จะพยายามสรรหาสิ่งที่เราสนใจมานำเสนอให้ได้ตรงใจเราเสมอๆ ทำให้เราสะดวกสบายมากขึ้น คิดปึ๊บได้ปั๊บ

แต่ถ้าพูดถึง AI กับสกินแคร์แล้วละก็หลายคนก็อาจจะยังคิดไม่ออกกันใช่ไหมละคะ ว่าจะเป็นอย่างไร? ซึ่งเมื่อ 2-3 ปีก่อน กิ๊ฟเองเคยอ่านเจอเรื่อง Beauty Tech เป็นเรื่องเกี่ยวกับความงามที่นำเทคโนโลยีเข้ามาร่วมด้วย เขาบอกว่าจะใช้ AI มาช่วยจัดสรรสกินแคร์ให้เหมาะกับปัญหาผิวของเรามากที่สุด เป็นครีมเฉพาะผิวเราคนเดียว ก็ยังมองภาพไม่ค่อยออก คิดว่าคงเป็นเครื่องมือเครื่องใหญ่ๆ เหมือนเครื่องตรวจร่างกายในโรงพยาบาล แล้วเราจะเข้าไปใช้บริการยังไง? ไปคลีนิกหรอ? ซื้อคอร์สหรอ? ถึงจะได้สกินแคร์หรือเครื่องสำอางสักชิ้นที่เหมาะกับผิวเราโดยเฉพาะ แล้วราคาละ? คงไม่ต่ำกว่า 30,000 – 50,000 บาท เป็นแน่!! ที่แน่ๆ ประเทศไทยมีหรือยัง?  (อันนี้พีคสุด 5555+ และนี่คือความคิดเมื่อหลายปีก่อนที่อ่านเจอเรื่องนี้)

และอยากจะบอกว่า..ตอนนี้กิ๊ฟเจอ Beauty Tech ครั้งแรกในประเทศไทย แล้วค่า นั่นคือ iCi en orbite (ไอซีไอ เอ็นออบิท ) เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มาพร้อมกับนวัตกรรม AI เห็นแล้วก็ตื่นเต้นๆ เรียกได้ว่าเป็นมิติใหม่แห่งการดูแลผิวเลยละคะ และตัวนี้นี่แหละที่จะมาเขย่าวงการสกินแคร์ให้สะเทือนในปี 2022 นี้ ตัวนี้กิ๊ฟไปเจอมาที่ ICONSIAM นะคะ iCi en orbite เป็นแบรนด์จากประเทศไต้หวัน ที่ในปี 2019 ได้ไปเปิดตัวระบบบำรุงรักษา AI ในกรุงปารีส ตัวสแกนผิว Ai เป็นเครื่องสแกนระดับโลกที่ไม่เหมือนใคร ได้รับรางวัลแบรนด์ Cosmetic 360 ซึ่งจัดโดย French LV Group ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมออสการ์ และได้รับการยอมรับในระดับสากล

นอกจากรางวัลที่ทำให้กิ๊ฟว้าวแล้ว แต่สิ่งที่กิ๊ฟรู้สึกว้าวกว่า..นั่นก็คือการใช้งานของ iCi en orbite นั่นเองค่ะ เป็นการผสานสกินแคร์กับ AI (AI x Skincare) ได้อย่างลงตัวและตอบโจทย์ผู้บริโภคสุดๆ กิ๊ฟว่าหลายคนคงอยากรู้แล้วใช่ไหมละคะ ว่า iCi en orbite ตัวนี้เขาใช้ยังไง? เริ่มจากตรงไหนก่อนดี? เริ่มจากแกะกล่องออกมาก่อนละกันเนอะ 5555+

ในกล่องจะมีกระปุกคล้ายๆ แคปซูลเม็ดยักษ์อยู่ด้านใน เปิดกระปุกออกมาจะเจอขวดเซรั่ม สีม่วงที่มี 2 โทนสี ซึ่งถ้าเรามองดีๆ มันคือบรรจุภัณฑ์ 2 ชิ้น ที่ถูกบรรจุอยู่ในขวดเดียว และเครื่องสำหรับสแกนผิวหน้า (iCi Skin Scanner) ที่เล็กกะทัดรัด ใช้ง่าย แถมยังพกพาสะดวกอีกด้วย (ไม่เห็นเหมือนที่คิดไว้ตอนนั้นเลย ว่าต้องเป็นเครื่องใหญ่ๆ 55555+) มาพร้อมกับสายชาร์จ USB หัวแม่เหล็ก

ขั้นตอนต่อไปเราก็ไปโหลด Application กันค่ะ โหลดได้ทั้ง App Store และ Google Play เลยนะคะ พิมพ์คำว่า “iCi en orbite” แค่นี้ก็เจอแล้วค่ะ จากนั้น Application ก็จะแนะนำการใช้งานให้เราเลยทันที ใช้ง่ายมากๆ ทำตามที่ Application แนะนำทีละขั้นตอน คนไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีก็สามารถใช้งานได้สบายๆ เลยค่ะ ซึ่ง Application นี้สามารถเช็คสภาพผิวได้อย่างเรียลไทม์เลยละคะ

จากนั้นเราก็เปิด Bluetooth ที่มือถือของเรา (ถ้า Bluetooth เชื่อมต่อกับเครื่องสแกนผิว (iCi Skin Scanner) เรียบร้อยแล้ว จะเห็นไฟกระพริบสีฟ้าๆ ที่ตัวเครื่องสแกนผิวค่ะ) แล้วเลือกปุ่มสีม่วงตรงกลางจะมีให้เลือกว่าเราต้องการตรวจสอบผิวแบบไหน มีให้เลือกได้ถึง 3 แบบ
1. การทดสอบผิวหนัง Ai (เป็นการถ่ายรูปใบหน้าจากกล้องในมือถือของเรา)
2. การสแกนใบหน้าเต็มที่ (ใช้เครื่องสแกนใบหน้าตามที่กำหนด)
3. สแกนจุดเดียว (ใช้เครื่องสแกนจุดใดจุดหนึ่งในร่างกาย)

และหลังจากที่เราสแกนผิวหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว Application จะ ช่วยเลือกและปรับสูตร skin care ได้ตรงกับปัญหาผิวโดยเฉพาะ ด้านล่างจะมีข้อความว่า.. “โปรดหมุนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวไปที่เลข…” และให้บันทึกจำนวนครั้งที่เราใช้ไป ซึ่งใบหน้าแต่ละคนก็จะใช้ปริมาณแตกต่างกันออกไป (ไม่จำเป็นต้องกด 3 ครั้งก็ได้ค่ะ)

**ตัวเลขสูง >> ดึงส่วนผสมหลักอย่างสารสกัดจากถั่วเหลือง
**ตัวเลขต่ำ >> ดึงส่วนผสมน้ำลายของผึ้งงาน
เดี๋ยวกิ๊ฟจะพูดถึงรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ในหัวข้อถัดไปนะคะ ^^

เสร็จแล้วแอพก็จะแจ้งว่าสภาพผิวหน้าของเราทั้ง 3 จุด ว่าเป็นอย่างไร โดยมีด้วยกันทั้งหมด 4 หมวด ได้แก่ ความชื้น ออกซิเจน เม็ดสีผิว และความมัน ทำให้เราสามารถทราบปัญหาผิวหน้าของเราได้แบบเรียลไทม์เลยค่ะ ว่าตอนนี้ผิวเรากำลังมีปัญหาอะไร ควรแก้ไขหรือบำรุงจุดไหนเป็นพิเศษ คือดีงามมาก กิ๊ฟชอบมากเลยค่ะ เพราะปกติจะบำรุงผิวมั่วตลอด 555+ เพราะไม่เคยทราบปัญหาผิวที่แท้จริงของตัวเองสักที ครั้งนี้ ครั้งแรกเลยก็ว่าได้ค่ะ ที่รู้ว่าผิวตัวเองมีปัญหาอะไร และควรบำรุงจุดไหนเป็นพิเศษ ปลื้มสุด!! ชอบมากกก…

เรามาดูในส่วนของเซรั่มกันดีกว่าค่ะ ใน 1 ขวด จะมีด้วยกัน 2 สูตรนะคะ

1.Premiere Repair Serum No.1
สารสกัดหลักของตัวนี้คือ CORE-LGF เป็นสารสกัดจากเมล็ดถั่วเหลือง คัดสรรคุณภาพพรีเมียม โดยได้ทำการจดสิทธิบัตรเพื่อใช้เป็นส่วนผสมเฉพาะของผลิตภัณฑ์ iCi en orbite เท่านั้น ช่วยเรื่อง จุดด่างดำและรอยสิว ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ลดการอักเสบของผิว ปรับความชุ่มชื่นให้กับผิว แถมยังล็อคความชุ่มชื่นไว้ได้นาน ผิวยังคงมีความชุ่มชื่นไม่เปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศ และสภาวะแวดล้อม และช่วยให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออกได้ตรงตามเวลา ทำให้ผิวหน้าสว่าง กระจ่างใส ผิวเนียนเรียบ ส่งผลให้แต่งหน้าติดทนได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ

2. Premiere Repair Serum No.2
เซรั่มตัวนี้มี ROYAL JELLY เป็นสารสกัดหลักนะคะ เป็นสารสกัดจากน้ำลายผึ้งงาน ที่มีสารอาหารอันทรงคุณค่า อุดมไปด้วยอาหารผิว ช่วยเพิ่มสารอาหารให้แก่เซลล์ ช่วยล็อคความชุ่มชื้นให้กับผิว กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัย และป้องกันการเกิดสิวได้อีกด้วยค่ะ

สำหรับ iCi en orbite กิ๊ฟรู้สึกว้าว และตื่นเต้นกับนวัตกรรมใหม่นี้มากๆ ที่สามารถนำเอา AI มาใช้กับผลิตภัณฑ์ความงามได้อย่างลงตัว ที่ชอบสุดๆ คือ สามารถพกพาได้สะดวก ใช้งานง่าย เช็คสภาพผิวได้แบบเรียลไทม์ ช่วยเลือกและปรับสูตร skin care ได้ตรงกับปัญหาผิวของเราโดยเฉพาะ ทำให้เรารู้ตัวเองตลอดเวลาว่าสภาพผิวหน้าของเราตอนนี้เป็นอย่างไร ควรบำรุงจุดไหนเป็นพิเศษ ส่งผลให้เมื่อสภาวะแวดล้อมเปลี่ยนแต่สภาพผิวไม่เปลี่ยนตามค่ะ ดีงามมากแม่!! เรียกได้ว่า iCi en orbite เป็นมิติใหม่แห่งการดูแลผิวเลยก็ว่าได้ค่ะ สำหรับใครที่สนใจผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยบำรุงผิวคุณโดยเฉพาะ อย่าง iCi en orbite ก็ลองไปหาใช้กันดูนะคะ Search Google ก็เจอแล้วค่ะ