รีวิวสกินแคร์ทั้งหมดที่ใช้ในปี 2021 ตัวไหนปัง ตัวไหนพังบ้างงงง

38 16
สวัสดีค่ะทุกคนนน วันนี้แว๊บมาเม้ามอยเรื่องสกินแคร์อีกแล้ว ซึ่งวันนี้บีมาแบบจัดหนักจัดเต็มมาก เพราะบีขนสกินแคร์ที่บีได้ใช้ในช่วง 1-2 ปีนี้ มารีวิวว่าตัวไหนปังหรือตัวไหนพัง และตัวไหนจะตำต่อบ้าง ซึ่งวันนี้ขออนุญาตเม้ามอยแบบเรียลๆ ไม่มีสปอนใดๆ ถ้าใช้ไม่ดี ขออนุญาตบ่นออกมาเบาๆ นะคะ ><
บีเป็นคนผิวผสมและบางทีก็แห้ง (ช่วงหลังๆ เลย 25 มานี่ ผิวแห้งตลอดเลยค่ะ) สกินแคร์ที่บีใช้เลยเน้นความชุ่มชื่นและริ้วรอย ซะส่วนใหญ่ค่ะ แต่ก็มีเรื่องอื่นๆ ด้วยค่ะ และบีไม่ได้ใช้ทั้งหมดในช่วงเดียวกันนะคะ บีเป็นสายใช้ไม่เกิน 4-5 ตัว/ไนท์ไทม์ค่ะ ดังนั้นที่รีวิวทั้งหมดเลยเป็นสกินแคร์ที่บีเคยใช้ในช่วงๆ นึง แล้วก็เปลี่ยนมาใช้ตัวอื่นบ้าง หรือบางทีก็หยิบกลับมาใช้อีกบ้าง ประมาณนี้ค่ะ เพราะแต่ก่อนบีเคยลงแบบ 6-7 ตัวแล้วรู้สึกว่าผิวเรามันมีรูขุมขนกว้าง แถมผิวยังไม่ดีเท่าตอนใช้แค่ 4-5 ตัวด้วยค่ะ

เอาล่ะ ไปดูกันเลย!! 

ผิวหน้าปัจจุบันค่ะ รูขุมขนดูเล็กลง ใต้ตาดีขึ้นมากกก ถ้าเทียบกับปีก่อนๆ และยังไม่มีกระหรือฝ้าเพิ่มเติมขึ้นมาค่ะ
เริ่มจาก skincare routine ก่อน ซึ่งก็เป็น routine ที่บางตัวบีก็ได้ใช้มาประมาณ 4-5 ปีแล้ว อารมณ์แบบหมดแล้วก็ซื้อใหม่ ใช้วนไปแบบนี้เรื่อยๆ เพราะรู้สึกว่ามันอยู่ตัวดี ถึงบางตัวอาจไม่ได้เห็นผลมาก แต่พอมันไม่ได้ใช้แล้วรู้สึกว่าผิวแย่ลง ก็เลยต้องกลับไปสอยมาอีก เป็นแบบนี้เรื่อยๆ ค่ะ 555
ซึ่งก็จะมีหลักๆ อยู่ 4-5 ตัว ประมาณนี้ค่ะ และบีเคยรีวิวฉบับไปแล้วรอบนึงที่กระทู้นี้  https://www.jeban.com/topic/299968 และมาอัพเดทอีกรอบว่าผ่านไปเกือบปีนึง ก็ยังยืนพื้นตัวเดิมๆ ค่ะ 555 แต่เดี๋ยวบีจะสรุปสั้นๆ อีกรอบ สำหรับ Skincare routine เซ็ตนี้นะคะ

KIEHL'S SINCE 1851 Calendula Herbal Extract Alcohol Free Toner ตัวนี้เป็นโทนเนอร์ที่บีชอบมากกกค่ะ แต่ก่อนบีจะลงโดยใช้สำลี แต่เดี๋ยวนี้ใช้แบบตบๆ เข้าหน้าทันทีแล้วรู้สึกว่ามันซึมเร็วมาก แถมใช้ได้นานกว่าเดิมด้วย (แอบงกค่ะ แหะๆ)  
ตัวนี่ช่วยเรื่องอะไรบ้าง? คำตอบส่วนตัวที่บีเห็นผลกับตัวเองเลยคือช่วยในเรื่องการลดการระคายเคืองของผิวค่ะ ก่อนหน้าที่ไม่เคยใช้ตัวนี้ ผิวบีจะมีระคายเคือง แดง และผดบ้าง (นานๆๆๆๆครั้ง แต่ก็มีค่ะ) แต่ตั้งแต่รู้จักโทนเนอร์ดาวเรืองตัวนี้ บีไม่รู้จักการระคายเคืองผิวอีกเลยค่ะ (นอกจากแพ้ครีมจริงๆ) และตัวนี้ยังใช้ได้กับคนที่เป็นสิวด้วยนะคะ เหมาะกับคนทุกสภาพผิวเลย และที่สำคัญ บีอ่านเจอมาว่ามันมี Antioxidant ด้วยนะคะ แต่บีก็ไม่รู้ว่ามันคือสารตัวไหน และมากน้อยระดับใด แต่แค่รู้ว่ามีก็อุ่นใจแล้วค่าาาา แหะๆ
ปังหรือพัง ปังค่าาาาา และซื้อต่อแน่นอน เพราะนี่ก็เป็นขวดที่ 4 แล้วค่ะ แต่แอบรู้สึกว่าน้องเค้าจะหมดง่ายหน่อย ใช้แป้ปๆ หมดอีกแล้ว โดยเฉพาะตอนที่ใช้กับสำลี เลยรู้สึกว่าน้องเค้าดูดเงินเยอะมากค่ะ555  
Biotherm life plankton essence และ Hada labo hydrating lotion ตัวที่ทำให้รูขุมขนบีหายไป เบลอจนแทบไม่เห็นรูขุมขนเลย และก็เป็นตัวที่ทำให้บีต้องไปสรรหาตัวอื่นๆ ในแบรนด์ Biotherm มาลองใช้เยอะมาก แต่เอาดีๆ ตัวที่เห็นผลจริงๆ ก็มีแค่ตัวนี้กับมากส์อีกตัว (ที่เดี๋ยวจะรีวิว) และตัวนี้ยังช่วยลดการอักเสบของผิวด้วยค่ะ แถมมีวิจัยรองรับว่ามันช่วยเรื่องเซ็บเดิร์มได้จริง ซึ่งบีก็บอกเลยว่าถ้าใครมีเซ็บเดิร์มควรลอง เพราะมีช่วงนึง ช่วงใกล้ๆ คลอดน้องเจคอป และก็หลังคลอดที่บีเป็นเซ็บเดิร์มและแพ้ยาสีฟัน ตัวนี้ก็ช่วยให้ผิวลดการอักเสบลงจริงๆ ค่ะ แต่ใดๆ คือบางคนอาจรู้สึกว่าแพ้นะคะ ซึ่งก็มีเยอะมาก ดังนั้นถ้าจะสอย แนะนำว่าหาเทสเตอร์มาลองก่อนนะคะ ตัวนี้เป็นตัวที่ถ้าใครชอบ ชอบมาก ชอบยาว ใช้หลายปี ถ้าไม่ชอบคือปาทิ้งตั้งแต่ขวดแรกเลยค่ะ เพราะแพ้ยับเยินนั่นเอง
ปังหรือพัง สำหรับบี ปังมากกกก อันดับ 1 น้ำตบในดวงใจ ใช้มา7-8 ขวดแล้วค่ะ
Estee lauder Advanced Night Repair Synchronized Recovery Complex II
 
เซรั่มที่ใช้มาหลายปีแล้ว เพราะซื้อขวดใหญ่ตุนไว้ แล้วดันใช้ไม่หมดสักทีค่ะ (สารภาพเลยแล้วกันเนอะ แหะๆ) ตัวนี้ช่วยเรื่องอะไรบ้าง หลักๆ ที่บีรู้สึกเลยก็คือความชุ่มชื้นค่ะ สำหรับคนผิวแห้งอาจไม่รู้สึกว่ามันเห็นแบบชัดเจน แต่ถ้าคนผิวมันคงรู้สึกได้จริงๆ ค่ะ เพราะเพื่อนบีที่ผิวมัน ทุกคนชอบ ANR มากเลย และจริงๆ ตัวนี้เคลมเรื่องริ้วรอยค่ะ เป็นเรื่องหลักเลย แต่ด้วยอายุบีที่ยังก้ำๆ กึ่งๆ ริ้วรอย คือยังไม่มี แต่ก็เหมือนจะขึ้นนะ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ทำให้ไม่ค่อยสัมผัสได้แบบชัดเจน แต่ก็รู้สึกว่าผิวมันดูเต็ม ดูอิ่มค่ะ และมีช่วงนึงที่บีไม่ได้ใช้ ANR ประมาณ 2-3 เดือน และพอกลับมาใช้ก็แบบเฮ้ยยย เอาแล้วไง ผิวชั้นดูอิ่มขึ้นมาทันทีหลังใช้แค่อาทิตย์เดียวเอง เอาเป็นว่าตัวนี้ บีให้ใช้ๆ หยุดๆ นะคะ เห็นผลกว่าใช้ต่อเนื่องค่าาา
ปังหรือพัง ถือว่าปังอยู่นะ คือหน้ามันนิ่ม ดูผิวอิ่มๆ เต็มๆ ดีค่ะ ส่วนถามว่าซื้อต่อมั้ย ยังดีกว่าค่ะ เพราะใช้มาหลายขวดแล้ว และรู้สึกว่าอยากลองตัวอื่นด้วย ทุกวันนี้เลยเป็นแนวรีบใช้ให้หมดไวๆ มากกว่า
Clarins double serum 
เป็นตัวที่บีชอบมากกก ก.ไก่ล้านตัวเลย ผิวชุ่มชื้น ฟูสุดๆ เนียนขึ้นแบบสัมผัสได้ด้วยตาเปล่าเลย และจำได้ว่าชอบมากตั้งแต่วันแรกที่ใช้เลยค่ะ ยิ่งใช้ก็ยิ่งเห็นผล แต่ แต๊ แต่ ช่วงนี้ที่ฮ่องกงมันดันขาดตลาด บีไปช็อปทีไร ไม่เคยมีเหลือให้บีเลยค่ะ งงมากกก หรือบีดวงไม่ดี และหลังจากใช้ไป 4 ขวด ก็เลยไม่ได้ต่อสักที แล้วบีเป็นพวกไม่กล้าซื้อสกินแคร์จากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่ช็อปด้วย ตอนนี้ก็เลยเว้นน้องไปเลยค่ะ หลายเดือนแล้ว ฮือๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่มีของอีก ก็จะพุ่งตัวไปสอยทันทีค่ะ ป.ล. มีใครรู้สึกว่าน้องหมดเร็วเหมือนกันมั้ยคะ บีใช้ไซส์ใหญ่ ส่วนใหญ่จะหมดใน 2-3 เดือนเลย งงมากกก ไอ้ต้าว แกจะหมดเก่งแบบนี้ไม่ได้
ปังหรือพัง ปังปุริเย่ยู้หูเย้ๆ มากกกค่ะ ชอบมากถึงมากที่สุด ของมันต้องมีของคนผิวแห้งเลย แต่เตือนนิดนึงนะคะ ตัวนี้คนผิวมันไม่ค่อยถูกใจกันน้า บ่นเรื่องอุดตันเป็นแถวเลยค่ะ
clarins extra firming yeux eye cream 
อายครีมที่บีชอบมากและรู้สึกว่าเห็นผลกว่าใต้ตาแบรนด์อื่นๆ มากเลยค่ะ ทำให้ผิวใต้ตาชุ่มชื้นจริงๆ และมันก็ทำให้ผิวใต้ตาตึงๆ ขึ้นด้วย ณ จุดนี้ เลยไปเหมาน้องมา 2 ขวดแล้วค่ะ แต่ตอนนี้ยังอยู่ที่ขวดแรก ใช้ไม่หมดสักที (ใช้ได้นานมากเลยค่ะ) ก่อนหน้านี้ใช้แบบ travel size ก็ใช้ได้หลายเดือนมากๆ ใครหาใต้ตาดีๆ ใช้ได้นานๆ ต้องตำตัวนี่แล้วค่ะ
ปังหรือพัง ปังมากค่ะ ชอบบบมาก และเท็กเจอร์ครีมก็ดีด้วย ทาตอนเช้าตอนแต้งหน้าก็ไม่ทำให้เครื่องสำอางตกร่องค่ะ แต่ถ้าถามว่าหมดแล้วจะต่อมั้ย ตอบได้เลยว่ายังค่ะ เพราะเหลืออีก 1 ขวดที่ยังไม่ได้เปิด แล้วดันไปเจออีกตัวที่ถูกกว่ามาก และเห็นผลกว่าค่ะ เดี๋ยวจะรีวิวต่อข้างล่างนะคะ
LANCÔME Advanced Génifique Eye Care เคยรีวิวไปว่าไม่ถูกใจ แต่ตอนหมดกระปุกแรกแล้วบีไม่ได้ต่อ ก็รู้สึกคิดถึงนางมากกก จนสุดท้ายไปสอยอีกกระปุกมาค่ะ เพราะรู้สึกว่ามันกู้ผิวเราได้ตอนที่ผิวใต้ตาแห้งค่ะ สรุปติดนางจ้า แต่ถามว่าเห็นผลเรื่องอื่นๆ เช่นริ้วรอยหรือใต้ตาดำ หรือกระชับมั้ย บอกเลยว่าไม่เลยค่ะ สู้ตัว Clarins ไม่ได้เลย และก็สู้อีกตัวที่เพิ่งลองใช้ไม่ได้เช่นกัน
ปังหรือพัง ตอนแรกจะให้ปัง แต่พอมานึกถึงราคาแรงๆ + ได้ความชุ่มชื้นอย่างเดียว ให้พังแล้วกันค่ะ ถามว่าต่อมั้ย อาจจะไม่ เพราะตอนนี้เจอตัวที่ชอบมากกว่าค่ะ จบแล้วสำหรับรูทีนที่ใช้มานาน เดี๋ยวมาต่อกันที่ตัวสกินแคร์ ที่ได้ลองใช้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมากันนะคะ อันนี้จะขอให้ดาวนะคะ เป็นเลเวล 5 ดาวคือดีมาก และไล่ลงมาเรื่อยๆ ค่ะ
Estee lauder Micro Essence Skin Activating Treatment Lotion สอยมาเพราะเป็นทาสการตลาดค่ะ influencer หลายคนรีวิวว่ามันใช้คู่กับ ANR แล้วได้ผลมากๆ ทำให้ ANR มีประสิทธิภาพมากขึ้น นี่ก็ตามไปสอยเลยยยย ปรากฎแพ้ค่ะ เริ่มมีอาการตอน 1 อาทิตย์แรก จริงๆ วันที่ 3 ก็เริ่มรู้สึกละว่ามันมีสิวเม็ดๆ ขึ้นที่หน้า เห้ยยยย ไอ้บ้าาา ชั้นไม่มีสิวมานานมากแล้ว มันจะมาได้ไง ได้ไงงง งอนมาก!!! เลยหยุดใช้ไปพักนึง เกือบเดือน แล้วเอามาใช้อีกรอบ เป็นเหมือนเดิมอีก สรุปอาทิตย์ที่แล้วรีบไปหาว่ายังมีบิลอยู่มั้ย ก็พบว่ายังไม่ได้ทิ้ง กล่องและถุงต่างๆ ยังอยู่ครบด้วย เลยเอาไปเคลมและเป็นสกินแคร์ตัวอื่นมาแทนเลย แหะๆ แต่ตัวนี้ถ้าใครไม่แพ้ก็อาจจะชอบก็ได้นะคะ เพราะเค้าบอกว่ามันมีสรรพคุณคล้ายๆ เจ้าตัว ANR เลยค่ะ แต่แค่ไม่เข้มข้นเท่าและเนื้อเบากว่านั่นเอง เนื้อเค้าจะเป็นน้ำใสๆ ทาแล้วซึมลงผิวทันทีเลยค่ะ ใครผิวมันอยากให้ลองนะคะ ซึมง่ายดี แต่ใดๆ ควรหาเทสเตอร์ก่อนน้า เพราะจากที่อ่านๆ รีวิวในกรุ้ปสกินแคร์มา พบว่ามีคนอาการเดียวกับบีเยอะมากกกกค่ะ (หรือมันขับสิว ไม่แน่ใจจริงๆ)
ปังหรือพัง ให้พังแบบไม่คิดมาก เพราะแพ้ค่ะ แหะๆ
LA MER The Treatment Lotion ตัวนี้เป็นตัวที่มีคนโดนตกเยอะมากกก แบบใช้แล้วชอบทันที (แต่มันก็คงมีคนที่แพ้เช่นกัน อยากให้หาเทสเตอร์จริงๆ เพราะราคาแรงถ้าเทียบกับน้ำตบตัวอื่นค่ะ) ตัวนี้ช่วยเรื่องอะไรบ้าง สำหรับบีมันคือความชุ่มชื้นและความเรียบเนียนของผิวค่ะ อีกอย่างคือผิวนุ่มมาก และมีช่วงนึงที่บีใช้น้องเค้าต่อเนื่องกันไปประมาณ 8 เดือน รู้สึกว่ามันเห็นผลเรื่องผิวนุ่ม เนียนและผิวละเอียดขึ้นเลย ตัวนี้น้ำดูเหมือนจะใส แต่เท็กเจอร์มีความหนืดๆ นะคะ แต่พอทาลงไปก็ซึมไว ไม่ทิ้งความมัน แต่ถ้าใช้ตอนเช้า ระหว่างวันผิวจะมันได้นะคะ (โดยเฉพาะคนผิวมัน)
ปังหรือพัง ปังมากกก แต่ราคาก็แรงอยู่ถ้าเทียบกับ Biotherm ในประสิทธิภาพเท่ากันค่ะ ถามว่าซื้อต่อมั้ย ซื้อค่ะ นี่ขวดสองแล้ว เพราะชอบมากจริงงงง
Clarins Extra-Firming Day Cream For All Skin Types
อันนี้เริ่มจากได้ลองแบบเทสเตอร์ พอลองปุ้บ รู้เลยว่าเดี๋ยวต้องเสียเงินแน่นอน เพราะเนื้อและกลิ่นถูกใจมาก หลังจากนั้นเดือนต่อมาเดินไปที่ช็อปแล้วสอยมาทั้งตัวเดย์ครีมและไนท์ครีมเลยค่ะ ว่าแต่มันดียังไงบ้างงงง ตัวเดย์ครีม บีชอบเนื้อมันมากๆ เพราะเนื้อมันนุ่ม ทาแล้วกลืนกับผิว แถมหลังทาไปแล้วผิวยังนุ่มทันทีด้วย จริงๆ เตัวนี้เคลมว่าช่วยเรื่องความชุ่มชื้นด้วย แต่ส่วนตัวบีไม่ได้รู้สึกว่ามันให้ความชุ่มชื้นเท่าตัวอื่นๆ นะคะ แต่มันช่วยให้ผิวเรามีความนุ่ม มีความเรียบเนียนขึ้นค่ะ ส่วนเรื่องริ้วรอยและความกระชับต่างๆ บีไม่ได้สัมผัสได้ขนาดนั้นค่ะ อาจต้องใช้ในระยะยาวมากๆ หลายๆ ปี อาจชัดเจนมากขึ้น แต่ถ้าพูดถึงความหน้ายก หน้าแน่นนี่จริงๆ ควรไปทางเลเซอร์มากกว่า บีก็เลยไม่ได้คาดหวังมากค่ะ
ปังหรือพัง ปังค่ะ แต่ไม่ได้ว้าวมาก ถ้าเทียบกับดับเบิ้ลเซรั่ม ตัวนั้นทำมาตรฐานไว้สูงจริงงงง แต่ใดๆ คือวงการ Clarins เข้าแล้วออกยากสุดๆ ค่ะ555 แต่ถามว่าซื้อต่อมั้ย พักค่ะ พักก่อน รู้สึกว่าใช้เร็วไปหน่อย อาจต้องรอถึง 30 จะได้เห็นผลเรื่องอื่นๆ เช่น ริ้วรอย หรือความยกกระชับมากขึ้นด้วยค่ะ (เห็นมีวิจัยหรืออะไรสักอย่างของทางแบรนด์ ที่ทำการทดสอบกับคนอายุ 30+ บางทีมันอาจไม่ถึงวัยเราเลยไม่ค่อยเห็นผลด้านนั้น แหะๆ )
Clarins Extra-Firming Night Cream สารภาพว่าเฉยๆ มากๆ กับตัวไนท์ครีมค่ะ แต่เนื้อครีมเค้าดีจริงๆ และสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวเลย เพราะเนื้อมันไม่มัน ไม่เหนอะหนะ เป็นไนท์ครีมที่เท็กเจอร์เบาดี แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ผิวชุ่มชื้นได้ด้วยค่ะ ตัวนี้เคลมว่าช่วยเรื่องริ้วรอยลึกต่างๆ ด้วย ซึ่งบีเองก็ยังไม่รู้สึกเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกว่าผิวมันเด้งๆ ดีเหมือนกัน อาจเพราะยังใช้ไม่นานพอด้วย ตัวนี้น่าจะใช้ราวๆ 2 เดือนเท่านั้นเองค่ะ แล้วก็เปลี่ยนไปใช้ตัวอื่นเลยยังไม่เห็นผลเท่าไหร่ ไว้กลับมาใช้อีกรอบแล้วจะมารีวิวอีกครั้งค่ะ
ปังหรือพัง ยังสรุปไม่ได้จริงๆ ค่ะ ใช้ไม่นานพอเลย ส่วนซื้อต่อมั้ย ตอบได้ว่าอาจจะค่ะ ต้องลองใช้ระยะยาวดูอีกครั้งก่อน
Biotherm Life Plankton Sensitive Balm ด้วยความเป็นสาวกของ Biotherm 3 เดือนก่อนก็เลยลองสอยน้องเค้ามาใช้ค่ะ เพราะเห็นว่ามีแพลงตอนในปริมาณสูงคือ 5% เลยทีเดียว และลองเล่นที่ช็อปก็มีความเอ๊ะ เนื้อดูกำลังดีมาก ไม่หนักไปและไม่เบาไป เลยถอยมาเพื่อใช้เป็นสกินแคร์ตอนเช้าค่ะ ส่วนตัวชอบที่เค้ามีกระปุกแบบใหม่ ดีไซน์เก๋ไก๋และดูสะอาดดีค่ะ และตัวนี้เค้าทำมาสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะเลยนั่นเองค่ะ ใครที่เคยแพ้เอสเซ้นแล้วอยากรู้ว่าไบโอเธิมมันดีจริงมั้ย ก็สามารถลองใช้ตัวนี้ได้ค่ะ ถ้าถามว่าตัวนี้ได้ผลยังไงบ้าง ส่วนตัวรู้สึกว่าผิวชุ่มชื้นค่ะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเค้าแทนตัวเอสเซ้นได้นะคะ ตัวเอสเซ้นนั้นมันช่วยเรื่องรูขุมขนกว่ามากๆ เลยค่ะ โดยรวมบีก็เลยรู้สึกเฉยๆ ค่ะ ได้ความชุ่มชื้น เท่านั้นเอง
ปังหรือพัง ให้พังค่ะ ที่ให้พังไม่ใช่เค้าไม่ดีนะคะ แต่ด้วยราคา 2,100 บาท แล้วได้แค่ความชุ่มชื้นอย่างเดียว เลยรู้สึกว่างั้นเราลองมอยส์ของแบรนด์ไหนก็ได้ คงไม่แตกต่างกันมากค่ะ แต่ใดๆ มันมีจุดเด่นตรงที่เหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายมากๆ ดังนั้นถ้าใครอยากลอง บีแนะนำนะคะ อาจจะถูกใจก็ได้ค่ะ
อีกอย่างคือถ้าเทียบกับตัวเอสเซ้นก็คือชอบเอสเซ้นมากกว่าค่ะ เพราะมันให้ความชุ่มชื้นมากกว่านั่นเอง (ไม่แน่ใจว่าทำไม แต่จากการลองใช้ 2 ตัวนี้ แบบเดี่ยวๆ ในช่วงเวลา 1 สัปดาห์ สรุปว่าตอนใช้เอสเซ้นแค่ตัวเดียว ผิวยังชุ่มชื้นอยู่ แต่กับเจ้าตัวบาล์มนี้ เอาผิวบีไม่อยู่ค่ะ ผิวบีอาจจะแห้งไปหน่อย55)
BIOTHERM Life Plankton™ Mask หลังจากใช้ไบโอเธิมมาหลายๆ ตัว ก็รู้สึก give up เพราะยังไม่เจอตัวไหนที่เวิร์คกว่าหรือดีเท่าตัวเอสเซ้นเลยยย (ยังไม่ได้ลอง elixir เพราะหาซื้อยาก ขาดตลาดเก่งมากกค่ะที่ฮ่องกง) จนกระทั่งมาเจอตัวนี้ เจ้ามาสก์ที่น่ารักกกก หลังจากใช้คืนแรก (ตอนนั้นเป็นตัวเทสเตอร์) ตื่นเช้ามาก็บอกสามีเลยว่า เดี๋ยวบีต้องไปซื้อตัวนี้ละ ชอบมากกก ผิวชุ่มชื้นมากก ฟูมาก และละเอียดมากค่ะ แต่เนื้อเค้าจะหนักนิดนึงนะคะ มีความหนุบหนับพอสมควร และตอนที่ทาลงผิวมันจะมีความร้อนวูบๆ วาบๆ แปลกๆ นิดนึง ประมาณ 5 นาที (ตอนใช้ 3-4 ครั้งแรก) แต่ก็ไม่ได้มีผื่นแพ้ หรือสิวอะไร และพอใช้ไปนานๆ ก็ไม่มีอาการนั้นแล้วค่ะ
ปังหรือพัง ไม่ต้องเดาเลยค่ะ ปังมาก ร้ากกก และราคาน่ารักมากด้วยค่ะ ซื้อต่ออีกแน่นอน จะซื้อให้ครบ 10 กระปุกเลย อิอิ (กระปุกนึงก็น่าจะได้เป็นปีกว่าๆ เลยนะคะ เพราะเยอะมาก และใช้แค่นิดเดียวค่ะ เพราะเนื้อเจ้มจ้นมาก)
Skinplants Bakuchiol+Cacay Oil Super-serum oil หลังจากไม่ได้ใช่เรตินอลมาหลายปี (เพราะตั้งครรภ์ด้วย ให้นมลูกด้วย ไม่สามารถใช้ได้ค่ะ) หลังให้นมเสร็จ ว๊ายยย อยากกลับมาใช้ค่ะ แต่พอดีช่วงนี้มีกระแส Bakuchiol ที่กำลังดังมากๆ เพราะมันมีฤทธิ์ใกล้เคียงเรตินอลแต่การระคายเคืองน้อยกว่ามากๆ บีก็เลยสอยน้องเค้ามาลองซะเลย หลังจากลองใช้มาเกือบ 4 เดือนแล้ว ถามว่า Bakuchiol ได้ผลมั้ย บีตอบเลยค่ะ มากกก ชอบมาก คือบีลองใช้บริเวณหน้าผากเพราะอยากรู้ว่าที่เค้ารีวิวกันมันจะดีแบบนั้นจริงๆ มั้ย ใช้นานๆ แล้วได้ผลจริงรึเปล่า ก็เลยลองเฉพาะช่วงหน้าผากซะเลย (ตรงหน้าผากบีจะมีริ้วรอยตื้นๆ) ก็ปรากฏว่ามันลดจริงค่ะ ลดแบบเห็นได้ตาเลยแหละ และเทียบกับตอนใช้เรตินอลเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว รู้สึกได้เลยว่ามันระคายเคืองน้อยกว่ามาก เอาดีๆ ก็คือมันไม่ระคายเคืองเลยค่ะ ผิวไม่แห้งและไม่แสบหน้าเลย อาจเพราะมันมาในรูปแบบน้ำมันด้วยแหละ และนอกจากเรื่องริ้วรอยบียังรู้สึกว่าผิวหน้าผากเนียนมากกก และนุ่มมากด้วยค่ะถ้าเทียบกับส่วนอื่นของหน้า
แล้วข้อดีของ Bakuchiol ของ Skinplants คือเค้ามาพร้อมกับน้ำมันอื่นๆ ด้วยค่ะ เช่น Cacay oil, Grape Seed oil, Rosehip oil, Pomegranate oil ฯลฯ เนื้อน้ำมันเข้มข้นมากกก เวลาใช้บีใช้แค่หยดเดียวเองค่ะได้ทั้งหน้าผาก จมูกและขมับเลย ใช้เท่าไหร่ก็ไม่ลดลงไปสักที นี่คิดว่าคงใช้ได้เป็นปีเลยแหละขวดนี้
ปังหรือพัง ปังมากกกค่ะ รู้สึกว่าใช้แค่ 4 เดือนก็เห็นผลเลยว่าริ้วรอยมันจากลงแบบจริงๆ และก็ไม่แสบผิว และผิวไม่ไวตอนเจอแดดเหมือนตอนใช้เรตินอบด้วยค่ะ ถามว่าซื้อต่อมั้ย ซื้อค่ะ เพราะพวกเรตินอลและ Bakuchiol นี่มันต้องใช้ระยะยาว ใช้ไปเรื่อยๆ ค่ะ แต่ยังไม่รู้จะได้ซื้อเมื่อไหร่ เพราะใช้ทีละหยดแล้วมันหมดช้ามากจริงๆ แหะๆ
Dr.Different Vitalift-A Eye & Neck ตัวนี้เป็นเรตินอลรอบดวงตาค่ะ ตอนรู้ว่ามีเรตินอลรอบดวงตาแล้วคือเซอไพรส์มากก ด้วยความที่ห่างวงการนี้มานาน มาอีกทีก็พบว่ามันนวัตกรรมใหม่ๆ เยอะมาก ก็เลยกดสั่งจาก olive young ส่งมาฮ่องกงเลย หลังจากลองใช้มา 11 เดือน ก็ตกใจมาก เพราะใต้ตาดีขึ้นมากค่ะ (จริงๆ เรตินอลมันจะเห็นผลจริงๆ คงใช้เวลานานกว่านี้มาก แต่ด้วยความที่ตัวนี้มีส่วนผสมอื่นๆ ด้วย มันเลยทำให้เห็นผลเร็วขึ้นมั้งคะ) ตัวนี้นอกจากเรตินอลแล้วยังมีเปปไทด์ 11 ชนิดเลยค่ะ ซึ่งเปปไทด์ของแบรนด์นี้เค้าทำมาให้เข้าผิวเราได้ง่าย ทำให้มันได้ผลนั่นเองค่ะ ถามว่าใช้มา 10- 11  เดือน รู้สึกอะไรบ้างงง ความกระชับ ความตึงเลยค่ะ เห็นผลได้แบบชัดเลยว่าต่างกับตอนใช้อายครีมอื่นๆ อย่างเดียวมาก และที่ชอบอีกอย่างคือเนื้อครีมเค้ามีเท็กเจอร์น่าสนใจมากค่ะ พอทาลงผิวแล้วมันจะมีความลื่น เกลี่ยง่าย แล้วก็สบายผิวดีค่ะ
ป.ล.ตัวนี่ใช้ได้เฉพาะตอนกลางคืนนะคะ แล้วก็อย่าลืมทากันแดดตอนเช้าด้วยนะคะ เพราะเรตินอลจะทำให้ผิวเราแห้งและไวต่อแสงมากเลยค่ะ
ปังหรือพัง ปัง ชอบค่ะ แต่คงไม่ซื้อต่อเพราะไปลองนิวโทรแล้วเห็นผลมากกกกกกว่าค่ะ
Neutrogena rapid eye cream ใช้ตัวข้างบนว่าดีแล้ว ตัวนี้ดีกว่ามากกกกกกค่ะ มันเห็นผลตั้งแต่ 2 ดือนที่เปลี่ยนมาใช้เลย (อาจเพราะใช้เรตินอลที่ตามาสักพักแล้วด้วยแหละ พอมาใช้ต่อกันมันเลยเห็นผลไว) บีประทับใจจริงๆ จากใต้ตาที่ยับๆ ก็มาดีขึ้นแบบเห็นได้ชัด ใต้ตามันดูเบลอๆ ไปเลยค่ะ ขอบคุณที่ผลิตออกมาขาย ชอบมากจริงๆ ปังมั้ย มากกกก ปัง ปัง ปังงงง ซื้อต่อมั้ย ต่อค่ะ เพราะไปตุนมาอีก 1 หลอดแล้ว เพราะมันลดราคาอยู่ที่ฮ่องกง
TONYMOLY Inky Library Ampoule ซื้อมาเพราะอยากเสริม Ceramide ให้ผิว ผิวจะได้แข็งแรงขึ้น และเวลาลองครีมใหม่ๆ จะได้ไม่แพ้ไม่ระคายเคืองค่ะ แต่ปรากฎว่าใช้แล้วดันแพ้ซะงั้น มีความคันหน้ายุบยิบ แล้วหน้ามีความแดงๆ ขึ้น ก็เลยหยุดใช้ไปตั้งแต่สัปดาห์แรก เลยไม่รู้จริงๆ ว่าผลลัพธ์เป็นยังไง แต่ดูจากเนื้อโปรดักซ์แล้วน่าจะใช้ดีนะคะ ในกรณีที่ไม่แพ้ เพราะมันซึมไวมาก ไม่มัน ไม่เหนอะหนะเลย
ปังหรือพัง เพราะแพ้ก็เลยให้พังค่ะ ถ้าไม่แพ้อาจจะใช้ดีก็ได้น้า
THE ORDINARY Niacinamide 10% + Zinc 1% High-Strength Vitamin And Mineral Blemish Formula สอยตัวนี้มาเพราะเห็นว่ามี Niacinamide = ผิวสว่างดูสดใส แต่พอเอามาใช้ ไอ้ต้าววว คันหน้ายุบยิบไปหมด แล้วก็เลยแพนิคว่าชั้นต้องแพ้แน่ๆ สรุปก็เลยหยุดใช้ไป แต่ด้วยความเสียดายก็เลยเอามาทาก้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือประทับใจ เพราะก้นนวลเนียนมากค่ะ555 สรุปอาจจะไม่แพ้นะ แต่อาจจะระคายเคืองเฉยๆ บวกกับตัวนี้ไม่เหมาะกับคนสภาพผิวแห้งด้วยแหละ มันเลยมีความยุบยิบนิดนึงค่ะ เนื้อเค้าจะเป็นน้ำๆ ค่ะ แต่เท็กเจอร์มีความหนืดหนุบหนับนะคะ แต่พอทาลงไปแล้วก็ซึมง่ายมากเลยค่ะ คนผิวมันน่าจะถูกใจกันมาก
ปังหรือพัง ไม่ปังแต่ก็ไม่พัง แต่ใช้กับก้น ก้นเนียนขึ้นนะคะ555 ใดๆ ก็คือไม่เหมาะกับหน้าบีเพราะผิวบีแห้งด้วยแหละ แต่ถ้าถามว่าซื้อต่อมั้ย ไม่ซื้อค่ะ!
Swisse Blood Orange Brightening Cream Moisturiser
ตัวนี้เคลมว่ามีพวกสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ หลายตัวค่ะ แล้วก็ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและกระจ่างใสขึ้น บีก็เลยสอยมาแบบไม่คิดมาก เพราะส่วนตัวบีไม่ได้ใช้เนื้อมากส์ที่เป็นโคลนๆ แบบนี้นานแล้ว ก็เลย อ๊ะ ลองดูสักหน่อยจะเป็นไร เค้าจะเป็นเนื้อโคลนแบบนี้ ไม่มีกลิ่นเหม็นอะไร และเนื้อจะเหลวๆ พอเรามาสก์ไปแล้วก็รอสักแป้ปนึงจนน้องเริ่มแข็งตัว เราก็ล้างออกค่ะ ซึ่งเราสามารถใช้ได้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ได้เลยค่ะ ส่วนตัวบีใช้แล้วรู้สึกว่าหลังมาสก์เสร็จผิวมันดูตึงๆ แต่ไม่แห้งค่ะ ส่วนเรื่องความกระจ่างใสก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันชัดเจนเท่าไหร่ค่ะ แต่เดี๋ยวจะลองขยันใช้ดู อาจจะเห็นผลเรื่องความกระจ่างใสมากขึ้น แต่ใดๆ แค่แบรนด์เคลมว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระก็คิดว่าใช้ไปดีกว่าเพื่อความสบายใจ
ปังหรือพัง ปังอยู่ค่ะ ดูจากคำเคลมของแบรนด์มันน่าใช้อยู่น้า แต่ถ้าถามว่าหมดแล้วซื้อต่อมั้ย คำตอบคือไม่ค่ะ ยังไม่ได้ถูกใจขนาดนั้น
ATOPALM MLE Moisturizing Cream เป็นมอยส์ที่เหมาะกับคนที่ผิวอยู่ในช่วงอ่อนแอ แดง แพ้ มีผื่นหรือติดสารสเตียรอยต่างๆ ตัวนี้เค้ามีคุณสมบัติในการสร้างเกราะป้องกันของผิวให้ผิวเราแข็งแรง ทำให้ผิวให้มีการกักเก็บความชุ่มชื่นได้ดีค่ะ บีใช้แล้วผิวนุ่มนิ่มมาก แต่แอบรู้สึกว่ามันอุดตันผิว ส่วนตัวว่าเนื้อครีมเจ้มจ้น และหนักพอสมควร เวลาทาต้องวนๆ เข้าผิวนานหน่อยกว่าน้องเค้าจะซึมลงผิว แต่พอซึมแล้วก็ไม่เหนียวเหนอะหนะมากเกินค่ะ แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าเหมาะกับการใช้ก่อนนอนมากกว่าก่อนแต่งหน้าตอนเช้าค่ะ แต่ด้วยความอุดตัน บีเลยเอามาใช้กับมือที่แห้งๆ ลอกๆ ปรากฏผิวมือดีมากกกก อาการแห้งๆ หายไปเลยค่ะ
ปังหรือพัง ปังค่ะ ผิวเราต้องการเกราะแบบ MLE ดังนั้นต้องเสริมเข้าไปค่ะ แต่อยากให้ทุกคนลองหาเทสเตอร์นะคะ เผื่ออุดตันแบบบี
Dr.Different 311 Moisturizer ตัวนี้เป็นมอยส์สำหรับคนผิวแห้งโดยเฉพาะเลยค่ะ ซึ่งเค้าจะมีหลายสูตรมาก เช่นสำหรับคนผิวมันก็จะเป็นหมายเลข 113 อะไรแบบนี้ ตัว 3 ข้างหน้าคือปริมาณ ceramind ที่มากกว่าส่วนผสมอื่นๆ ค่ะ ตอนบีใช้แรกๆ มีสิวอุดตันขึ้นเฉยเลยค่ะ เลยทักไปถามทางแบรนด์ แบรนด์บอกว่าไม่น่าอุดตันนะ เพราะของเค้าไม่มีสารที่ทำให้อุดตันได้ ก็เลยลองวอร์มครีมนานๆ และใช้น้อยๆ ก็ปรากฏว่าดีขึ้นค่ะ ใช้ได้ ไม่อุดตันและผิวนุ่มนิ่มมากเลย ชุ่มชื้น และไม่แห้งเลยค่ะ
ปังมั้ย ปังอยู่นะคะ ราคาไม่แรง แต่ล่าสุดเพิ่งได้ลอง Cerave ก็รู้สึกว่าผลลัพธ์เหมือนกัน และราคถูกกว่า ใช้ได้นานกว่า ก็เลยไปลองตัวนั้นแทนค่ะ และอาจไม่ซื้อตัวนี้ต่อค่ะ
Pixi vitamin c tonic เกิดจากอยากลองใช้วิตซีแบบเค้าบ้าง เลยสอยตัวที่ระคายเคืองน้อยสุดมา อิอิ ก็ได้ตัวนี้มาค่ะ ราคาน่ารัก และใช้ง่ายมาก ที่สำคัญไม่ระคายเคืองจริงๆ แต่มันก็ไม่ได้เห็นผลชัดเจนค่ะ บีว่าเน้นใช้ระยะยาวมากกว่า แต่ที่ชอบคือไม่ระคายเคืองนี่แหละ ใช้แบบสบายๆ ชิลๆ
ปังหรือพัง ให้ปังค่ะ เพราะไม่แสบหน้าเลย แต่ก็ให้พังด้วย เพราะเห็นผลช้ามาก หรือแทบไม่เห็นเลย ฮ่าๆ  
ตัวสุดท้ายค่ะ Biotherm Aqua glow super concentrate ส่วนตัวว่าธรรมดาค่ะ เน้นใช้ชิลๆ เพราะมันไม่เห็นผลอะไรเลย ความชุ่มชื้นก็ไม่ได้ ความสว่างใสก็ไม่มี แต่ส่วนตัวคิดว่าถ้าคนผิวมันน่าจะถูกใจนะ แต่เพราะบีผิวแห้ง มันเลยรู้สึกว่าไม่ได้ความชุ่มชื้นเลย แต่ถ้ายังไม่รู้จะหาอะไรมาเป็นวิตามินตอนเช้า บีว่าตัวนี้ก็ไม่เสียหายอะไร เพราะราคาน่ารัก และระยะยาวอาจจะหวังผลได้บ้างค่ะ
ปังหรือพัง ใช้คำว่า ไม่ปังดีกว่าค่ะ (ไม่ถึงกับพัง) หมดแล้วค่าาาา เขียนรีวิวจนแอบเมื่อยมือเลย เพราะช่วงที่ผ่านมาลองสกินแคร์หลายตัวมากๆ จริงๆ และปีหน้าก็คงลองอีก หุหุ ไม่ใช่อะไรนะคะ พวกเลเซอร์ใดๆ ที่ฮ่องกงนี่แพงมากกกก แพงกว่าไทยหลายเท่าเลย ดังนั้นเอาเงินไปทุ่มกับสกินแคร์ก็จะประหยัดกว่าเยอะในเศรษฐกิจแบบนี้ค่ะ ฮือๆ

ส่วนวันนี้ขอตัวลากันไปก่อนนะคะ แล้วเจอกันปีหน้าค่ะทุกคน
สวัสดีปีใหม่ 2022 ค่ะ ขอให้ปีหน้าทุกสถานการณ์ในโลกนี้ดีขึ้น และสงบสุขขึ้นค่ะ และที่สำคัญเราต้องได้ถอดหน้ากากอนามัยมาโชว์ความสวยกันค่าาาา 5555
ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ ตลอดปีและตลอดไปนะคะ


Bebe Kim

Bebe Kim

สวัสดีค่ะทุกคน
ชื่อ "บีบี" ค่ะ เป็นคนชอบเรื่องความสวยความงามมาก เรียกว่าเสพติดเลยดีกว่า
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผิว เรื่องแต่งหน้า บางทีก็ลามๆ เสียเงินไปเยอะค่ะ เขินนน 555
ตอนนี้บีอาศัยอยู่ที่ฮ่องกงค่ะ (แต่ก็กลับไทยทุกเดือน เพราะคิดถึงอาหารและเพื่อนๆ รวมถึงครอบครัวนั่นเอง แหะๆ) มีลูกชายตัวเล็กๆ 1 คน ชื่อน้องเจคอปค่ะ
ตอนนี้ก็เป็นคุณแม่มือใหม่ ใช้ชีวิตคูลๆ (ปนเหนื่อย) ไปวันๆ และถ้าวันไหนว่างๆ ก็จะมาเขียนกระทู้แชร์เรื่องราวต่างๆ ให้เพื่อนๆ Jebanista อ่านกันค่ะ

ถ้าใครอยากติดตามบีในรูปแบบวิดีโอ ก็สามารถไปที่ https://www.youtube.com/user/BebeSoonyata ได้นะคะ

ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ ^^

FULL PROFILE