รีวิวครีมซองของ Alese ถูกและดีมีอยู่จริง! #ครีมเกาหลี ที่ต้องมีติดบ้าน
Bebe Kim 53 18 GIVEN BY BRAND / แบรนด์ฝากประชาสัมพันธ์จ้า ^^
สวัสดีค่ะสาวๆ ทุกคน บีแว๊บมารีวิวอีกแล้ว เพราะบีเพิ่งได้มีโอกาสลองครีมซองที่ถูกและดีอีกตัวหนึ่งค่ะ และมันคือครีมซองจากแบรนด์ Alese นั่นเองงง ที่น่าสนใจมากๆ เพราะตัวนี้เค้าได้รางวัลเยอะมากเลยค่ะ ทั้งจาก Lips beauty awards และ สุดสัปดาห์ beauty awards และก็ได้รับรองมาตรฐาน ecocert จากฝรั่งเศสด้วย วันนี้บีก็เลยจะมารีวิวให้ดูนะคะ ว่ามันปังแบบที่คนอื่นพูดไว้มั้ย แล้วมันช่วยเรื่องผิวเรายังไงบ้าง ไปดูกันเลย!!
จริงๆ บีรู้จักแบรนด์ Alese มานานสักพักแล้วนะคะ เพราะว่าเป็นสกินแคร์ที่มีดาราหลายคนเค้าใช้และโฆษณากันว่ามันปังปุริเย่ และพรีเซนเตอร์เค้าก็คือศรีริต้า เจนเซ่น ซึ่งเป็นตัวแม่ในเรื่องของความสวยและผิวที่ดี แต่ว่าที่บีเคยเห็นเนี่ยมันจะเป็นแบบกระปุก แต่ว่าล่าสุดเนี่ยเค้าทำแบบซองออกมาขายด้วยค่ะ บีก็เลยได้มาลอง ซึ่งบีว่ามันคุ้มดี เพราะราคาแค่ซองละ 49 บาทเองและมันก็ปริมาณเยอะพอสมควรด้วย ซึ่งตอนที่บีเขียนรีวิวอยู่นี้ บีทดลองใช้มา 10 กว่าวันแล้วค่ะ วันนี้ก็เลยจะมาพูดถึงผลลัพธ์หลังจากที่บีทดลองใช้มาค่ะ
จริงๆ บีรู้จักแบรนด์ Alese มานานสักพักแล้วนะคะ เพราะว่าเป็นสกินแคร์ที่มีดาราหลายคนเค้าใช้และโฆษณากันว่ามันปังปุริเย่ และพรีเซนเตอร์เค้าก็คือศรีริต้า เจนเซ่น ซึ่งเป็นตัวแม่ในเรื่องของความสวยและผิวที่ดี แต่ว่าที่บีเคยเห็นเนี่ยมันจะเป็นแบบกระปุก แต่ว่าล่าสุดเนี่ยเค้าทำแบบซองออกมาขายด้วยค่ะ บีก็เลยได้มาลอง ซึ่งบีว่ามันคุ้มดี เพราะราคาแค่ซองละ 49 บาทเองและมันก็ปริมาณเยอะพอสมควรด้วย ซึ่งตอนที่บีเขียนรีวิวอยู่นี้ บีทดลองใช้มา 10 กว่าวันแล้วค่ะ วันนี้ก็เลยจะมาพูดถึงผลลัพธ์หลังจากที่บีทดลองใช้มาค่ะ
เดี๋ยวเรามาดูตัวผลิตภัณฑ์เค้ากันก่อน บีใช้ 2 ตัวนี้คู่กันค่ะ คือตัว Alese miracle boosting serum ตัวนี้เป็นทั้งน้ำตบและเซรั่มในตัวเดียวกันนะคะ มีส่วนผสมหลักคือแพลงก์ตอน กิก้าไวท์และซีคัวลาเจน ซึ่งจะช่วยให้ผิวเราขาวใสขึ้น และช่วยเรื่องฝ้า กระและจุดด่างดำต่างๆ
เนื้อเค้าจะใสๆ นะคะ เบาๆ คล้ายๆ น้ำเปล่าเลย และก็ซึมไวมากค่ะ บีว่าถูกใจคนที่ไม่ชอบอะไรที่เหนอะหนะผิวแน่ๆ และก็จะมีกลิ่นเบาๆ อ่อนๆ นะคะ กลิ่นใช้ง่ายดีค่ะ
ส่วนอีกตัวคือ Alese premium horse oil & snail white cream คือที่ใช้คู่กัน เพราะมันมีคำเคลมมาจากทางแบรนด์เลยนะคะ ว่าถ้าใช้คู่กันเนี่ยมันจะเห็นแบบชัดเจนมากกกกก
ซึ่งเจ้าตัวนี้เค้าเป็น All in one เลยนะคะ คือใช้ได้ทั้งกลางวัน กลางคืน ทาใต้ตาก็ได้ และก็ใช้เป็น sleeping mask ได้ด้วย (ถ้าเราทาให้หนาขึ้นนะ) ตัวนี้เค้าจะมีส่วนผสมหลักของ น้ำมันม้า เมือกหอยทาก และกิก้าไวท์ค่ะ ซึ่งจุดเด่นของเค้าคือจะช่วยลดริ้วรอย และทำให้ผิวเราชุ่มชื้นมากๆ และก็ช่วยในเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำเหมือนตัว serum ด้วยค่ะ
ด้วยความที่เค้ามีเมือกหอยทาง เนื้อเค้าเลยจะเป็นแบบนี้ค่ะ
ถ้าคนที่ไม่เคยใช้สกินแคร์จากเมือกหอยทากอาจจะคิดว่าเนื้อมันน่าจะเหนียวหรือเหนอะหนะใช่มั้ย แต่จริงๆ คือเนื้อเบา สบายผิวนะคะ ไม่ได้เหนอะหนะอะไร เหมือนครีมปกติที่เราใช้เลยและพอทาลงไปที่หน้าเนี่ยมันก็ไม่ได้ทำให้ผิวเรามันนะคะ ใช้ง่ายมากเลยค่ะ
เดี๋ยวเรามาดูผลลัพธ์กันเลยค่ะ
ช่วงอาทิตย์ก่อนนู้นบีเริ่มใช้โทนเนอร์ที่เป็น PHA แล้วด้วยความที่มันผลัดเซลล์ผิว ผิวก็เลยแห้งๆ นะคะ แล้วก็เลยผลักสิวให้ออกมาด้วย เลยมีอักเสบด้วยค่ะ ดังนั้นรูทีนที่บีทดสอบทั้ง 10 วัน เช้าและเย็นจะเหมือนกัน คือบีใช้เจลแต้มสิว + น้ำตบเซรั่ม Alese + ครีมน้ำมันม้าและเมือกหอยทาง Alese ค่ะวิธีใช้
อันดับแรก หลังล้างหน้าเสร็จบีจะลงเจลแต้มสิวก่อนนะคะ จากนั้นก็ลงตัวน้ำตบเซรั่มก่อนเลย เอามาวอร์มๆ ใส่มือแล้วตบเบาๆ ให้ซึมเข้าผิวค่ะ แล้วก็ตามด้วยตัวครีมน้ำมันม้าเลยค่ะ แล้วบีจะทดสอบว่ามันช่วยเรื่องกระและจุดด่างดำจริงมั้ย บีก็จะโปะเน้นๆ ตรงส่วนที่บีมีกระนะคะ แล้วก็จะใช้ร่วมกับ Foreo ด้วยนะคะ ครีมจะได้ซึมเข้าผิวได้ดีด้วยค่ะ อันนี้เป็นภาพก่อนและหลังใช้ 10 วันค่ะ
ผิวดีขึ้นมากเลยค่ะ เห็นผลทั้งเรื่องความชุ่มชื้นและพวกกระเลย โดยในช่วง 3-4 วันแรกที่ได้ใช้ บีรู้สึกได้เลยว่าผิวชุ่มชื้นมากค่ะ ตอนแรกที่ผิวแห้งๆ จากที่บีใช้ PHA มา ก็เริ่มดีขึ้นนะคะ มันดูฟูสุขภาพดีขึ้น แล้วก็ไม่แห้งเหมือนก่อนหน้าค่ะ และจากการทดสอบความชุ่มชื้น โดยบีลองใช้เครื่องวัดความชุ่มชื้นวัดผิวดูค่ะ ภาพ Before เป็นภาพที่บีวัดโดยลงแค่มอยส์เจอร์ธรรมดาตัวเดียวมา 5 วันค่ะ และภาพ After เป็นภาพหลังจากที่บีใส่เซรั่มและครีมของ Alese มา 10 วันค่ะ จะเห็นว่าเครื่องมันแจ้งว่าผิวบีชุ่มชื้นมา 4 ระดับเลยค่ะ
ราวๆ วันที่ 10 ก็เริ่มรู้สึกว่ามันเห็นผลเรื่องกระบ้างแอบรู้สึกว่ามันจางนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนแบบรู้สึกได้ด้วยตา แต่พอเอารูปมาเทียบกันบีว่ามันก็มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยค่ะ อาจเพราะบีใช้แค่ 10 วันเอง คิดว่ามันต้องใช้นานประมาณนึงถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นจริงๆ แบบชัดเจน
สรุป
บีประทับใจค่ะ เพราะอยากลอง Alese มานานแล้ว พอมีแบบซองก็คือดีเลย ใช่ง่าย พกพาง่าย แล้วบีเป็นคนอินกับแพลงตอนอยู่แล้วด้วย บวกกับอยากลองน้ำมันม้ามานาน คือที่ฮ่องกงเนี่ยเค้าฮิตน้ำมันม้ากันนะคะ จะใช้หน้าหนาวกัน แต่บีก็ไม่เคยลองสักที พอมาลองของ Alese แล้วก็ประทับใจเลยค่ะ ส่วนผลลัพธ์ก็ชัดเจนดีค่ะ หลักๆ คือความชุ่มชื้นเนี่ย เห็นผลมากๆ เรื่องรูขุมขนก็ดีขึ้น ส่วนรอยกระที่มี ก็รู้สึกว่าโอเคค่ะในระยะเวลาที่ได้ทดลอง 10 วันค่ะ เน้นโปะๆ โบกๆ ตรงจุดที่มีกระนะคะ ส่วนราคาก็ถือว่าคุ้มค่าเลย 1 ซอง บีใช้เช้าเย็น 10 วันกว่าๆ ก็ยังเหลืออยู่พอสมควรเลยค่ะ แถมบีแอบเอามาทาตัวด้วย เพราะตอนนี้ที่ฮ่องกงหนาวมาก แล้วผิวบีแห้งมากเลย ก็ปรากฏว่าผิวนุ่มนิ่มมากทั้งตัวเลย และที่แห้งๆ ลอกๆ ก็ดีขึ้นเลยค่ะ ถ้าใครอยากผิวใสทั้งตัว ก็เอามาทาตัวได้เลยนะคะ555 บีว่ามันได้ผลมาก ใครสนใจก็ไปหาซื้อมาลองกันได้เลยนะคะ อีฟแอนด์บอย, ซีเจ ซูเปอร์มาร์เก็ต shopee lazada และร้านค้าชั้นนำทั่วไป และร้านค้าชั้นนำทั่วไป อีกหลายๆที่เลยค่ะ หาซื้อง่ายมากส่วนวันนี้บีขอตัวลาไปก่อนนะคะ แล้วเจอกันในกระทู้หน้าค่ะ บ๊ายๆ