Jeban’s LAB ครีมบลัช CHANEL VS RARE BEAUTY สุดฮิต สภาพผิวไหนใช้แล้วปังสุด?

55 30
สวัสดีค่าาาา Jeban’s LAB ซีซั่น 3 มาแล้วววว! หลังจากที่ห่างหายกันไปนาน เพลงกลับมารับไม้ต่อจากพี่เอมและพี่แบมบู พร้อมสถาปนาว่าเป็น Season 3 ซะเลย!

ช่วงนี้เพลงเห็นกระแสครีมบลัชมาแรงมากในคอมมูของเรา ทั้งในเว็บจีบันและกรุ๊ปรีวิวเครื่องสำอางแพง ก็เลยจับ 2 แบรนด์สุดฮ็อตในช่วงนี้มาประชันกันสักแมตช์ นั่นก็คือ CHANEL No. 1 de Chanel Lip & Cheek Balm  ราคา 1,800 บาท และ RARE BEAUTY Stay Vulnerable Melting Blush ราคา 850 บาท ค่าาา

ฮ็อตขนาดไหน? เอาเป็นว่าตอนนี้ Out of Stock ทั้งคู่นะจ๊ะ แถมช่วงที่ชาเนลเค้าออกมาใหม่จนขายหมดเกลี้ยง ก็แอบเห็นหลายคนแนะนำน้องแรร์กันเยอะซะด้วย!

CHANEL VS RARE BEAUTY

Jeban’s LAB ก็จับครีมบลัช 2 แบรนด์ฮิตมาเทสต์กับคน 4 สภาพผิวไปเล้ยย ซึ่งเราจะมาเทสต์ดูเนื้อสัมผัสและความติดทนของครีมบลัชทั้งสองแบรนด์กันแบบแฟร์ๆ โดยไม่ต้องแคร์ว่าจะมีโทนสีที่ต่างกัน วัดกันไปเลยว่าผ่านไปหลายชั่วโมงจะยังติดทนที่แก้มอยู่แค่ไหน! (สีโทนใกล้กันเค้าก็มีนะ แต่หาซื้อยากมากจ้าตอนนี้)

วิธีเทสต์

  • แก้มซ้ายทา CHANEL No. 1 de Chanel Lip & Cheek Balm สี 6 - Berry Boost
  • แก้มขวาทา RARE BEAUTY Stay Vulnerable Melting Blush สี Nearly Neutral
ทาครีมบลัชทั้งสองข้างด้วยนิ้วแล้วไม่ทาแป้งทับ ถอดแมสก์ทำงานในห้องแอร์ ใส่แมสก์ไปรับของและไปประชุมบ้าง ผ่านไป 5 ชั่วโมง แต่ละสภาพผิวจะเป็นยังไง ใครจะรอดสุด มาดูกัน!

ผิวธรรมดา : คุณอลิซ

คุณอลิซมีสภาพผิวธรรมดา ไม่มีส่วนไหนมันหรือแห้งเป็นพิเศษ ผิวมีความสมดุล และมีโทนผิวสองสี-เหลือง

ความรู้สึกหลังใช้ CHANEL

เนื้อมีความเหนอะเหนียว สัมผัสแรกคือเหนียวเลยทำให้ลังเลที่เลือกใช้ ด้วยสภาพอากาศบ้านเราที่ร้อนด้วย อาจจะไม่เหมาะกับการใช้เนื้อแบบนี้ พิกเมนต์ชัดดีมาก ก็เลยต้องระวังตอนเกลี่ยดีๆ ยิ่งสีเบอร์ 6 เข้มก็ต้องระวังมาก เกลี่ยยาก เจอเนื้อแบบนี้คือเศร้าเลย แต่ทาแล้วแก้มระเรื่อ เหมือนเขินผู้แบบธรรมชาติ

ความรู้สึกหลังใช้ RARE BEAUTY

เนื้อติดผิวยากนิดนึง พอลงผิวไปแล้ว เนื้อจะมีความแป้งๆ Powdery มากกว่า เกลี่ยง่ายกว่า แต่ด้วยความที่สีอ่อน ทาปุ๊บเกลี่ยปั๊บสีไม่ค่อยติด ต้องใช้นิ้วป้ายย้ำๆ บนหน้า ก็จะเปลืองกว่าชาเนล พิกเมนต์สู้ไม่ได้ แต่ชอบฟินิชมากกว่าชาเนล รู้สึกไม่รบกวนเมคอัพหรือรองพื้นที่ลงไปแล้ว 

ความรู้สึกเมื่อผ่านไป 5 ชั่วโมง

ความติดทน: สียังดูดีทั้งสองแบรนด์ หลุดเล็กน้อย ชาเนลหลุดเป็นก้อน ปื้นๆ ส่วนแรร์ก็ไม่ค่อยติดทนเท่าไหร่ หลุดแต่ยังอยู่แบบระเรื่อ เนียนไปกับผิวเหมือนเนื้อเดียวกันอยู่

ผิวแห้ง: คุณลิซ

คุณลิซมีสภาพผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น หน้าไม่มีความมันเพิ่มตลอดทั้งวัน และมีโทนผิวขาว-ชมพู

ความรู้สึกหลังใช้ CHANEL

ชาเนลสีติดทนดีกว่า สีชัด เนื้อไม่ได้เกลี่ยง่ายขนาดนั้น ต้องใช้ความพยายามในการเกลี่ย อยากได้สีอ่อนก็ทานิดเดียว คิดว่าเหมาะกับหลายสีผิว พิกเมนต์แน่นและชัดดี Dewy ตอนลง แต่พอเซ็ตตัวก็ไม่ได้เหนอะหรือรำคาญ ไม่ได้รู้สึกเยิ้มระหว่าง คิดว่าเหมาะกับทาเป็นลิปบาล์มหรือลิปทินต์มากกว่า

ความรู้สึกหลังใช้ RARE BEAUTY

พอลงเลเยอร์เพิ่มสีก็หลุดหาย พิกเมนต์ไม่ค่อยแน่น คิดว่าไม่เหมาะกับผิวแห้งเท่าไหร่ มันมีความแป้งๆ ไม่หนึบเหมือนชาเนล ไม่ค่อยชุ่มชื้น ให้ลุคแบบ Nutural Finished

ความรู้สึกเมื่อผ่านไป 5 ชั่วโมง

ความติดทน: ยังเห็นสีชัดทั้งสองแบรนด์ สีไม่เข้มเท่าตอนทาเสร็จ แต่โดยรวมยังระเรื่อ แรร์ยังอยู่บนผิวมากกว่า ชาเนลหลุดเป็นหย่อมๆ ทั้งสองตัวไม่ได้รู้สึกเยิ้มระหว่างวัน

ผิวผสม: คุณแบมบู

คุณแบมบูมีสภาพผิวผสม ผิวจะมันบริเวณ T-Zone ช่วงจมูกเป็นพิเศษ และมีโทนผิวขาว-เหลือง

แสงธรรมชาติ

ความรู้สึกหลังใช้ CHANEL

ชาเนลไม่กล้าทาบนผิวตรงๆ เพราะว่าเห็นสีค่อนข้างเข้มมาก ก็เลยเอามาถูวนที่มือก่อนแล้วค่อยมาทาที่แก้ม เนื้อจะมีความเหนียว เหมือนมีน้ำมันเคลือบนิดๆ ทาบนผิวคือเกลี่ยง่าย ไม่ได้ทายาก ไม่รู้สึกเหนียว ใช้ชีวิตปกติได้โดยไม่ต้องทาแป้งซ้ำ แต่ผมปลิวมาก็ติดแก้มเลย

ความรู้สึกหลังใช้ RARE BEAUTY

เกลี่ยแล้วไม่ติดหน้า เป็นเนื้อกำมะหยี่แป้งๆ ต้องใช้นิ้ววนแล้วกดเยอะมาก อาจจะเป็นด้วยเฉดสีที่อ่อนด้วย ทาแล้วรู้สึกกลืนไปกับผิว เนื้อเกลี่ยง่าย แต่ไม่ติดผิว

ความรู้สึกเมื่อผ่านไป 5 ชั่วโมง

ความติดทน: ไม่อยู่เลยทั้งคู่ แรร์หลุดเร็วมาก ติดแมสก์เยอะมาก รวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกับรองพื้น เหมือนไม่ได้ทา ส่วนชาเนลหลือแบบเลือนลางเหมือนความรักของเราสองคน ตกเย็นก็คือกลายเป็นสาวหน้าจืดไปเลย

ผิวมัน: คุณเพลง

คุณเพลงมีสภาพผิวมัน ผิวจะมันง่ายมากช่วงหน้าผาก แก้ม และจมูก และมีโทนผิวสองสี-เหลือง

ความรู้สึกหลังใช้ CHANEL

ชาเนลพิกเมนต์แน่นมาก อาจจะด้วยความที่เป็นสีเข้มด้วย แต่เนื้อสัมผัสค่อนข้างเหนียวเหนอะ มีความหนักๆ พอเกลี่ยลงบนผิว เกลี่ยค่อนข้างยาก ต้องเกลี่ยดีๆ ไม่งั้นจะเป็นปื้น แอบกินเนื้อรองพื้นหน่อยๆ แต่ฟินิชที่ได้คือสวยมาก 

ความรู้สึกหลังใช้ RARE BEAUTY

เนื้อสัมผัสคือเกลี่ยง่ายกว่า เนื้อเบากว่าชาเนล ไม่รู้สึกหนึบหรือเหนอะ สามารถแท็บซ้ำๆ ได้แบบไม่กินเนื้อรองพื้น ไม่เป็นปื้น ได้ลุคใสๆ ฟินิชดูธรรมชาติดี แต่ก็ไม่ได้เล่นแสงสวยเท่าชาเนล 

ความรู้สึกเมื่อผ่านไป 5 ชั่วโมง

ความติดทน: หลุดพอกันทั้งคู่ ชาเนลสีเข้มกว่าเลยอาจจะเห็นชัดกว่านิดนึง แต่ก็เหลือแบบเลือนลางอยู่ดี ชาเนลฟินิชหลังทาเสร็จสวยก็จริง แต่พอผ่านไปหลายชั่วโมง ทำให้แก้มดูมันขึ้น

สรุปความชอบของสาวๆ ทั้ง 4 สภาพผิว

สรุป

CHANEL เนื้อจะมีความหนึบ ให้ฟินิชโกลว แก้มระเรื่อแบบธรรมชาติ และติดทน ส่วน RARE BEAUTY เนื้อจะออกแป้งๆ ลงแล้วได้ฟินิชที่แมตต์กว่า แต่ก็กลมกลืนไปกับผิวเช่นกัน (ทางแบรนด์แนะนำว่าควรใช้แปรงลง เช่น แปรงลงรองพื้นของแบรนด์เอง)

ถ้าถามว่าแล้วตัวไหนดีกว่า? ครีมบลัชทั้งสองตัว ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความชอบของเรา ว่าชอบเนื้อและฟินิชแบบไหนมากกว่ากัน ไปลองเทสต์ที่เคาน์เตอร์ดูก่อนค่อยตัดสินใจก็ได้ สบายใจจะใช้ตัวไหนก็สอยได้เลยค่า

มีเพื่อนๆ คนไหนเคยใช้ทั้งสองตัวนี้เหมือนกันบ้าง? มาแชร์กันได้น้า ว่าชอบตัวไหนมากกว่า :) 


sweetsong13

sweetsong13

A dreamer who loves to write
www.sweetsong13.com
sweetsong13@gmail.com

FULL PROFILE