Talk::ชวนคุย " กลูต้าไธโอน


วันนี้ก็นั่งเล่น MSN อยู่ค่ะ

ไปสะดุดกับชื่อเอ็มรุ่นน้องที่รร.

เค้าบอกว่า เค้ากินกลูต้าไธโอนแล้วขาว

เราก็สนใจค่ะ แต่ไม่อยากจะกินหรอก แค่อยากรู้ แหะๆ

น้องเค้าเป็นคนผิวสองสีธรรมดาค่ะ

แต่ช่วงนี้เจอก็รู้สึกว่าเค้าขาวขึ้น แต่ก็ไม่ได้สนใจ

น้องเค้าบอกว่าได้ผลจริง ๆ  แล้วก็ราคาไม่แพงมาก

แต่ว่าสำหรับตัวเมเองแล้ว คงไม่ทานแน่ ๆ ค่ะ

เพราะกลัวว่ามีผลข้างเคียง ถึงเค้าจะบอกว่าไม่มีก็ตาม

อะไรที่มันฝืนธรรมชาติเรามากก็ไม่อยากทำ กลัวเนอะ 55


สาว ๆ ว่าไงคะ มีใครกินแล้วได้ผลหรือยังไงบ้าง

รึคิดเห็นยังไง มาคุยกันหน่อยค่ะ ^^


Discussion (12)

เรากินกลูต้าเกรปจ้าาา ตัวนี้ก็ดีนะ ผิวเราขาวใสขึ้น แล้วเราก็มั่นใจด้วยว่าปลอดภัยเพราะ มี อย. 
พลอยเห็นพี่ที่กิน ตอนแรกขาววิงค์มากราวกับตุ๊กตา สุดท้ายก็กลับมาหมองเหมือนเดิมพลอยว่ามันไม่ระยะยาวเลย ทาครีมกันแดด บำรุงผิวดีกว่า จะดูสุขภาพดีกว่าเยอะ
กินไปได้ ครึ่งเดือน ก็เลยหยุดสักพักค่ะ
คิดว่าเด๋วคงกินต่อ
เพราะว่ามันกินคู่กะวิตามินซีอ่ะค่ะ เราเลย4บ่อยมากๆ- -* เหนื่อย
ขอพักก่อน
เราคนนึงที่กินค่ะ
เราว่ามันก็ขาวขึ้นนะถ้ากินแล้วดูแลตัวเองด้วย
คือเราว่ามันเป็นตัวช่วยค่ะ ทาครีมด้วย ทานยาด้วย พักผ่อนให้เพียงพอ

ที่สำคัญกินยาพวกนี้ต้องดื่มน้ำมากๆค่ะ
เราดื่มวันละ 2 ลิตรเลยเป็อย่างต่ำ
แล้วก็หลีกเลี่ยงแสงแดด


จากที่เคยหาข้อมูลเกี่ยวกับกลูต้า มานะคะ เซฟเก็บไว้เลยเอามาให้อ่านกัน

L-Glutathione คืออะไร?

L-Glutathione เป็น Amino Acid ที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองในร่างกาย แต่มีปริมาณน้อยอาจไม่เพียงพอในการนำไปสร้างเป็น Enzyme Glutathione Peroxidase ซึ่งเป็นสาร Antioxidants ป้องกันการเกิดของ Free Radicals และป้องกันการเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกายโดยเฉพาะเซลล์ตับ นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการขับล้างสารพิษในกระแสเลือดให้กลายเป็นสารที่ ไม่อันตรายและขับออกจากร่างกายทางตับ (Detoxifocation)อย่างไรก็ตามเราสามารถเพิ่มระดับของกลูต้าไทโอน ในร่างกายได้ง่ายๆ โดยการรับประทาน L-Glutathione เข้าไปโดยตรง หรือ รับประทานสารอาหารที่ร่างกายนำไปใช้ในการสร้าง กลูต้าไทโอน เช่น Alpha Lipoic Acid และ N-Acetylcysteine ให้มากขึ้น หรือ การรับประทาน antioxidants อื่น เช่น Vitamin C เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเก็บ กลูต้าไทโอน ที่ตับให้มากขึ้น

Glutathione คืออะไร?

Glutathione (กลูตาไทโอน) เป็นสารประเภท Tripeptide ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่ Cysteine, Glycine และ Glutamic acid ที่ร่างกายนำมาใช้ร่วมกับ Selenium ในการสร้าง Antioxidant Enzyme อย่าง Glutathione Peroxidase เพื่อใช้ในการป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระต่อเซลต่างๆในร่างกาย
หน้าที่หลักของสารตัวนี่ที่เด่นมีอยู่ 3 ประการ คือ
Detoxification : กลูตาไทโอนช่วยสร้างเอ็นไซม์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกายโดยเฉพาะ Glutathion-S-transferase ที่ช่วยในการกำจัดพิษออกจากร่างกายโดยไปเปลี่ยนสารพิษชนิดไม่ละลายในน้ำ (ละลายในน้ำมัน) เช่น พวกโลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง แม้แต่ยาบางชนิด ให้เป็นสารที่ละลายน้ำได้ดีขึ้นและง่ายต่อการกำจัดออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันตับ1 จากการถูกทำลายโดย แอลกอฮอล์ (สุรา) สารพิษจากบุหรี่ ยาพาราเซตามอลเกินขนาด (Overdose) ฯลฯ ที่
นอกจากนี้กลูตาไทโอน ประกอบด้วยเอมไซม์ (Tyrosinase) ที่ควบคุมการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานิน
เมื่อร่างกายได้รับ Tyrosinase ในปริมาณที่เหมาะสมจะควบคุมการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานิน ส่งผลให้เม็ดสีมีอ่อนลงหรือขาวขึ้น
Antioxidant : กลูตาไทโอนมีคุณสมบัติเป็นสารต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น (Antioxidant) ที่มีความสำคัญตัวหนึ่งในร่างกาย และหากขาดไป วิตามินซีและอี อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่
Immune Enhancer : ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย2 โดยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์หลายชนิดเพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอม รวมถึงเชื้อแบคทีเรียและไวรัส นอกจากนี้กลูตาไทโอน ยังช่วยสร้างและซ่อมแซม DNA สร้างโปรตีนและ protaglandin
แหล่งที่พบ : พบสารชนิดนี้ได้ในพืชผักชนิดต่างๆ ผลไม้ทั่วไปและเนื้อสัตว์ แต่จะพบมากใน Asparagus อะโวกาโด และ Walnut ร่างกายเราก็สามารถสร้างกลูตาไทโอนได้และมีสารหลายชนิดที่ช่วยเพิ่มการสร้าง ได้แก่ Alpha lipoic acid, Glutamine3, Methionine, Whey Protein, Vitamin B-6, Vitamin B-2 , Vitamin C4 และ Selenium

ภาวะการขาด :
โดย ปกติแล้วร่างกายเราจะไม่ขาดกลูตาไทโอน นอกเสียจากจะเป็นโรคบางชนิดที่ทำให้เกิดความต้องการสารตัวนี้มากขึ้น หรือโรคที่ต้านการสร้าง Glutathione5 โรคหรืออาการบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับการขาด สารนี้หรือต้องการสารนี้ในปริมาณเพิ่มขึ้น ได้แก่ โรคตับ เบาหวาน โรคความดัน6 ต้อหิน มะเร็ง7 เอดส์ ฯลฯ ในผู้ที่สูบบุหรี่จัดจะพบว่ามีระดับกลูตาไทโอน ในเลือดต่ำ เนื่องจากอัตราในการใช้กลูตาไทโอน เพิ่มขึ้น

ชนิดและขนาดรับประทาน :
ปัจจุบัน กลูตาไทโอนมีวางจำหน่ายในหลายรูปแบบ เช่น ชนิดเม็ดหรือแคปซูล ชนิดพ่น ชนิดฉีดเข้าเส้นและฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ผู้ป่วยโรคชนิดต่างๆ ที่ตรวจพบว่ามีการขาดสารนี้ควรใช้ตามแพทย์แนะนำ ในแง่ของการป้องกัน หรือเพื่อต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น ขนาดที่รับประทานคือ 500-1000 มก. ต่อวัน


ถึงทุกวันนี้ยังไม่พบผลข้างเคียงหรือปฏิกิริยาระหว่างยา ของกลูตาไทโอนชนิดรับประทานและไม่มีผลต่อการเพิ่มน้ำหนัก แต่หากไม่ป้องกันและหลบเลี่ยงสงแดดสีผิวก็จะกลับมาเหมือนเดิม


แอล-กลูต้าไธโอน กับ กลูต้าไธโอน เหมือนกันไหม? ตัวไหนทำให้ขาวกว่ากัน?

แอล-กลูต้าไธโอนเป็นสารออกฤทธิ์ของกลูต้าไธโอน ดังนั้นจึงมีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ก็เป็นสรรพคุณเหมือนกัน
การ เลือกรัปประทานแอล-กลูต้าไธโอนที่เป็นของจริงและน่าเชื่อถือได้ ควรเลือกทานที่มี อ.ย.และวันหมดอายุ โดยอาหารเสริมประเภทนี้นั้นไม่มีผลเสียต่อร่างกายแม้จะรัปประทานติดต่อกัน ป็นระยะเวลานาน(ไม่จริง....มีผลเสียค่ะคือเปลืองตังค์) และไม่มีผลต่อการเพิ่มน้ำหนัก แต่หากไม่ป้องกันและหลบเลี่ยงสงแดดสีผิวก็จะกลับมาเหมือนเดิม

- ทราบหรือไม่กลูต้าไทโอนยังมีส่วนช่วยในการแก้อาการเมาค้างได้อีกด้วย

- ทานแคปซูลมากไปอุจจาระเหนียวอีกไม่เชื่อคุณลองเอาแคปซูลซักประมาณที่คุณจะรับประทานต่อวันมาละลายน้ำดูสิ


ยาเม็ดกลูตาไธโอน ได้ผลจริงหรือ ?

ในวงการของอาหารเสริม มีการนำสารกลูตาไธโอนมาทำเป็นยาเม็ดในขนาดความแรงต่างๆ กัน เพื่อใช้ในการรับประทานเป็นอาหารเสริม โดยหวังผลว่า จะสามารถเสริมและทดแทนปริมาณกลูตาไธโอนที่ร่างกายมีไม่พอหรือบกพร่องไป อันเนื่องมาจากสาเหตุของโรคต่างๆ

จากการรวบรวมข้อมูลพบว่า สารกลูตาไธโอนจะไม่สามารถถูกดูดซึมจากกระเพาะอาหารได้ เพราะจะถูกย่อยสลายและขับออกทางลำไส้ ดังนั้นการรับประทานยาเม็ดกลูตาไธโอนจึงไม่ได้รับประโยชน์เลย ไม่ว่าจะกินครั้งละหลายๆ เม็ดหรือในขนาดที่สูงมากๆ ก็ตาม

กลูตาไธโอนช่วยให้ผิวขาวได้จริงหรือ?

ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น อาการข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ของการใช้ยากลูตาไธโอนคือ การยับยั้งการสร้างเซลล์เม็ดสีให้ผิวหนัง รวมทั้งการเปลี่ยนเม็ดสีที่สร้างขึ้นจากสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว จึงมีการคิดนำเอาสารชนิดนี้มาใช้เป็นอาหารเสริมโดยหวังว่า จะสามารถเสริมและเพิ่มความเข้มข้นของกลูตาไธโอนในกระแสเลือดให้มากๆ เพื่อหวังผลให้ผิวหน้าขาวอมชมพู แต่ในความเป็นจริงยาเม็ดที่เป็นอาหารเสริมนั้น ทานมากเท่าไหร่ก็จะไม่ได้ผล เพราะสารชนิดนี้จะถูกย่อยสลายและกำจัดออกจากร่างกาย ไม่ถูกดูดซึม แพทย์หลายสำนักจึงได้มีการดัดแปลงโดยทำการฉีดเข้าเส้นหรือเข้ากล้ามเนื้อ เช่นเดียวกับการรักษาโรคต่างๆ อย่างไรก็ตามอาการข้างเคียงของผิวขาวเป็นอาการชั่วคราวเท่านั้น จึงไม่ควรใช้ยานี้ในทางที่ผิด

ภาวะที่ร่างกายขาดกลูตาไธโอน

เนื่องจากสารดังกล่าวร่างกายสร้างได้เอง แต่สภาวะที่ร่างกายอาจขาดหรือมีกลูตาไธโอนไม่เพียงพอ เช่น เมื่อร่างกายมีโรคแทรกซ้อน ทำให้กลูตาไธโอนลดน้อยลงด้วยสาเหตุการถูกทำลายด้วยยารักษาหรือด้วยตัวโรคเอง หากร่างกายขาดหรือมีกลูตาไธโอนน้อย จะมีผลทำให้เกิดโรคตับอักเสบง่าย ทำให้ตับทำงานได้ไม่เต็มที่ มีโอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อนของระบบทางเดินหายใจ โรคหืด ผู้ที่มีกรรมพันธุ์เกี่ยวกับความบกพร่องของกลูตาไธโอนมักจะมีปัญหาโรคแทรก ซ้อนทางระบบประสาท ผู้ที่ป่วยด้วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือโรคเอดส์ ปริมาณกลูตาไธโอนในระบบเลือดจะต่ำมากๆ ผู้ที่สูบบุหรี่จัดก็เช่นกัน ดังนั้นบุคคลเหล่านี้จะเกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย


เยอะหน่อยนะคะ แต่คิดว่าคงเป็นประโยชน์ต่อคนที่ต้องการหากลูต้ามาทาน ^^ ที่จิงมีเยอะกว่านี้อีก กลัวอ่านแล้วตาลาย 555+

ปล. ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้ลงเครดิต เพราะก๊อบมาไว้นานมากแล้วจำเว็บไม่ได้แล้วด้วยแล้วก้อเอาจากหลายๆบทความมาต่อๆกัน
แหะๆ