[mini review] ISDIN FLAVO-C Serum น้อยแต่มาก คำนี้ยกให้เซรั่มขวดนี้เลยฮะ!
Wanviset 31 21 GIVEN BY BRAND / แบรนด์ฝากประชาสัมพันธ์จ้า ^^
หลายครั้งที่เรามักจะไปโฟกัสเรื่องความเข้มข้นของ Vitamin C ว่าต้องใส่มาเท่านั้นเท่านี้ แต่ดันมองข้ามจุดเล็กๆ แต่เป็นจุดที่สำคัญมากอย่างความสามารถในการซึมเข้าสู่ผิว รวมถึงระยะเวลาในการออกฤทธิ์ในผิว เพราะสำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม antioxidant เราว่านี่เป็นจุดชี้วัดประสิทธิภาพที่ไม่ควรมองข้ามเลยจริงๆ ฮะ
อย่าง ISDIN FLAVO-C Serum(30ml./2,090.-) ขวดนี้ที่ทางแบรนด์เลือกใช้ Vitamin C ในฟอร์ม Ascorbic acid แค่ 8% ซึ่งดูเผินๆ อาจจะมองว่าน้อยกว่าหลายตัวที่เคยเห็น แต่จากที่เราเข้าไปล้วงแคะแกะเกาเพิ่มเติมก็พบว่า มีหลายจุดที่น่าสนใจมากทีเดียวหละ...
อย่าง ISDIN FLAVO-C Serum(30ml./2,090.-) ขวดนี้ที่ทางแบรนด์เลือกใช้ Vitamin C ในฟอร์ม Ascorbic acid แค่ 8% ซึ่งดูเผินๆ อาจจะมองว่าน้อยกว่าหลายตัวที่เคยเห็น แต่จากที่เราเข้าไปล้วงแคะแกะเกาเพิ่มเติมก็พบว่า มีหลายจุดที่น่าสนใจมากทีเดียวหละ...
Packaging & Texture
เริ่มกันที่ Packaging ทาง ISDIN เลือกใช้บรรจุภัณฑ์แบบขวดแก้วทึบพร้อมหัวดรอปเปอร์ ที่ดูเหมือนจะเป็นมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Serum ไปแล้วในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า Ascorbic acid นั้นเสื่อมสลายได้ง่ายมากเมื่อเจอกับแสง, อากาศและความร้อนขอรับ (แต่จากที่ใช้มาราวๆ เดือนกว่าเรายังไม่เจอปัญหานี้ขอรับ)
ด้าน Texture เซรั่มตัวนี้มาในเนื้อ Liquid ที่ค่อนข้างเหลว แต่ด้วยความที่ใส่ Propylene Glycol มาเป็นตัวแรกเนื้อเซรั่มเลยจะมีความมันอยู่หน่อยๆ และสีเหลืองที่เห็นในภาพไม่ต้องตกใจ เพราะเป็นสีปกติของเซรั่ม (แต่ถ้าน้องกลายร่างเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มคือใช้ไม่ได้แล้วนะ!) กลิ่นไวตามินซีค่อนข้างชัด ซึ่งส่วนตัวเราโอเคกับกลิ่นแบบนี้มากกว่าการสาดน้ำหอมเข้ามาฮะ
Active Ingredients
ด้าน Active Ingredients ทางแบรนด์ใช้ Ascorbic acid ไวตามินซีฟอร์มที่มีงานวิจัยรองรับมากที่สุดในปริมาณความเข้มข้นที่ 8% ซึ่งช่วยลดผลกระทบของ Photo-Aging ช่วยต้านอนุมูลอิสระจากรังสี UV ได้ดีแถมยังได้ Ginkgo Biloba Leaf Extract ที่มีสาร Flavonoid มาช่วยเสริมประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวเข้ามาอีก
แต่จุดที่น่าจับตามองคือทาง ISDIN ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของ FLAVO-C ทั้งในแง่การซึมสู่ผิวชั้น Dermis และระยะเวลาการออกฤทธิ์ในชั้นผิวซึ่งพบว่า..สามารถซึมเข้าสู่ผิวชั้น Dermis และออกฤทธิ์ได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 10 ชั่วโมง ซึ่งจุดนี้เราถือว่าเป็น Game Changing มากเพราะว่าหากปริมาณ Vitamin C ในผิวออกฤทธิ์ได้ต่อเนื่องและยาวนานก็จะช่วยปกป้องผิว และลดผลกระทบของรังสี UV ได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นมากขึ้นเยอะเลยหละฮะ
Let's Try...
อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า Vitamin C เซรั่มขวดนี้ใส่ PG มาเป็นอันดับแรกดังนั้นจึงไม่แปลกที่ความรู้สึกตอนทาลงบนผิวจะรู้สึกว่ามันเล็กน้อย แต่เมื่อปล่อยไว้ซัก 2-3 นาทีให้เซรั่มซึมเข้าผิวจนหมด ผิวโดยรวมก็ดูชุ่มชื้นกำลังดี และไม่รู้สึกหนึบหนับหน้าแต่อย่างใดฮะ
Conclusion
เรามองว่า ISDIN FLAVO-C Serum เป็นไวตามินซีเซรั่มอีกหนึ่งตัวที่ คาดหวังผลในแง่การต้านอนุมูลอิสระ ลดผลกระทบจากรังสียูวีซึ่งเป็นสาเหตุของ Photo-Aging อีกทั้งยังช่วยมอบความชุ่มชื้นได้ดีพอตัวเลยหละ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่ชี้วัดว่าสามารถซึมเข้าสู่ผิวชั้น Dermis และออกฤทธิ์ต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 10 ชั่วโมง มาเสริมให้มั่นใจว่าผิวเราจะได้รับการ Protect อย่างยาวนานซึ่งเราว่ามันสำคัญมากเลยฮะ
ส่วนตัวคิดว่าเซรั่มขวดนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว รวมถึงคนที่เพิ่งเปิดใจใช้ไวตามินซีก็น่าจะใช้ได้เพราะความเข้มข้นไม่ได้สูงปรี๊ดจนก่อความระคายเคืองให้ผิว แต่ทั้งนี้ก็ต้องไม่ลืมว่าสภาพผิวของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน ดังนั้นก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตามควรทดสอบอาการแพ้ระคายเคืองคร่าวๆ ที่บริเวณท้องแขน/ลำคอ ทาทิ้งไว้ซัก 1 คืนหรือ 24 ชม. เพื่อสังเกตุอาการแพ้ก่อนใช้บนใบหน้าฮะ
ส่วนตัวคิดว่าเซรั่มขวดนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว รวมถึงคนที่เพิ่งเปิดใจใช้ไวตามินซีก็น่าจะใช้ได้เพราะความเข้มข้นไม่ได้สูงปรี๊ดจนก่อความระคายเคืองให้ผิว แต่ทั้งนี้ก็ต้องไม่ลืมว่าสภาพผิวของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน ดังนั้นก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตามควรทดสอบอาการแพ้ระคายเคืองคร่าวๆ ที่บริเวณท้องแขน/ลำคอ ทาทิ้งไว้ซัก 1 คืนหรือ 24 ชม. เพื่อสังเกตุอาการแพ้ก่อนใช้บนใบหน้าฮะ