Anne Hathawayกลับมาทวงตำแหน่งสาวคนโปรดหลังจากเจอกระแสต่อต้านได้อย่างไร?
candy 41 17ช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ภาพการปรากฏกายในอีเวนท์เลิศหรูของ Anne Hathaway ได้ดึงดูดความสนใจจากโลก internet จนกลายเป็น viral สื่อแฟชั่นพร้อมใจยกย่องว่าเธอมีออร่าของสาวงามที่ดูเป๊ะทุกท่วงท่าราวกับไม่ต้องใช้ความพยายาม
แต่นั่นเปรียบเหมือนกับตลกร้าย เพราะกระแสความปลาบปลื้มที่หลั่งไหลเข้ามาในช่วงนี้ช่างตรงกันข้ามกับช่วงสิบปีก่อนที่เธอถูกยัดเยียดข้อกล่าวหา 'พยายามมากเกินไปจ' หรือแม้แต่กระทั่ง 'หลงตัวเองจนไม่ยอมหุบปากเรื่องความสำเร็จ'
Anne ถูกโจมตีหนักแค่ไหน? มันรุนแรงพอที่จะทำให้เธอเก็บตัวห่างจากspotlight และไม่ออกความเห็นเกี่ยวกับดราม่าครั้งนี้ไปพักใหญ่ แต่สื่อที่พยายามเต้าข่าวก็ไม่ยอมหยุดแค่นั้น เที่ยวไล่ถามความเห็นจากเพื่อนนักแสดงของเธอว่า คิดอย่างไรที่ต้องร่วมงานกับนางเอกที่ใครๆก็เกลียด
เจอหนักขนาดนี้ คนที่อาจจะไม่ได้ติดตามดราม่าอาจจะฉงนใจว่า เธอฝากวีรกรรมร้ายแรงจนภาพลักษณ์เสียหายกลายเป็นนางเอกเรื่องเยอะน่ายี้ในสายตาผู้คนไปตั้งแต่เมื่อไร?
คำตอบที่อาจจะทำให้ต้องสับสนขึ้นไปอีกก็คือ Anne ไม่ได้แสดงพฤติกรรมย่ำแย่ หรือพูดจาอวดดียกตัวเหนือชาวบ้านชาวช่อง แต่เหตุผลหลักที่ทำให้หลายคนรุมเกลียดคือ สายตาอคติที่มองว่าพยายามจะสร้างความประทับใจจนน่ารำคาญ สื่อบางเจ้าถึงกับแนะนำให้เธอ 'หุบปากไปซะบ้าง' จะได้แก้ไขวิกฤติครั้งนี้ได้!
หลังจากที่ผจญกับคำว่าร้ายมานาน และเธอก็เคยยอมรับว่าหมดกำลังใจเยอะ ย้อนไปเมื่อปี 2018 Anne ก็ประกาศอย่างมาดมั่นว่า เธอไม่แคร์แล้วว่าคนอื่นจะชื่นชมเธอหรือไม่ แค่เธอชื่นชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้ก็ดีเกินพอแล้ว
"ฉันสนแต่การใช้ชีวิตด้วยความจริงใจ ก็ไม่รู้ว่ามันจะทำให้ฉันเป็นคนน่าเบื่อไปเลยรึเปล่า แต่ฉันไม่สนว่าฉันจะดูน่าเบื่อ"
"มันคงจะง่ายขึ้นถ้าฉันเจ้าใช้ความเล่ห์แสนกลเก่งกว่านี้ ฉันรู้แหละว่าต้องทำแบบไหน ฉันไม่ใช่คนงี่เง่าไม่รู้เรื่องรู้ราว ถ้าฉันทำตัวร้ายสักนิดนึงกับคนอื่นๆ พวกเค้าก็จะแบบว่า โอ้ เธอเป็นคนสนุกจังเลย ฉันชอบเธอนะ มาดื่มด้วยกันสิ แต่นิสัยของฉันก็คือการถามออกไปว่า เราจะมาดื่มด้วยกันโดยที่ไม่ต้องหักหาญน้ำใจกันได้มั้ย?"
เวลาได้พิสูจน์แล้วทฤษฎีของ Anne มีประสิทธิภาพ เธอถูกมองในแง่ลบมานาน แต่ในที่สุด เธอก็ถูกเรียกว่า 'สาวคนโปรดแห่งโลก internet' ราวกับผู้คนจะลืมเลือนไปแล้วว่า เธอเคยถูกกระหน่ำว่าเป็นนางเอกน่ารำคาญมาก่อน
จุดเริ่มต้นคือหนัง Les Misérables
Les Misérables คือ project ที่นักแสดงหลายคนจ้องมอง audition เป็นตามัน เพราะนี่คือหนัง musical ที่ยกให้เป็นตัวเก็งหลายรางวัล Oscar รวมถึงบท Fantine หญิงสาวที่ชีวิตพลิกผันกลายมาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่สังคมไม่ยอมรับในศตวรรษ 19 สถานการณ์ที่บีบคั้นทำให้เธอต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการขายบริการ ขายแม้กระทั่งเส้นผมและฟันหน้าเพื่อหาเงินส่งเสียบุตรสาว
Anne คือผู้ที่ถูกเลือก และดูเหมือนว่าผู้คนจะไม่ได้ตั้งข้อกังขากับความสามารถทางการแสดงรวมถึงรูปลักษณ์และบุคลิกของเธอว่าคู่ควรกับบทสำคัญนี้หรือไม่
แต่เมื่อ Anne ได้เปิดเผยประสบการณ์ในการสวมบทบาท Fantine กลับเกิดเป็นปฏิกิริยาแง่ลบในโลก internet
Anne ไม่ได้แสดงความเย่อหยิ่งหรือไฮไลท์เรื่องความมี privilege ของตัวเองเหมือนกับที่ Gwyneth Paltrow ถูกกล่าวหา แต่เส้นทางสู่รางวัล Oscar ด้วยบท Fantine นั้นทำให้หลายคนฟาดว่า อดจะกลอกตาแรงๆไม่ได้ พวกเค้าเหล่านั้นมองว่า การบอกเล่าเรื่องความมุ่งมั่นเพื่อจะเข้าถึงบทของ Anne นั้นช่างน่าเบื่อ ฟังดูแล้วเหมือนกับการโอ้อวด เรียกร้องความสนใจ
Anne พูดถึงอะไรบ้าง?
- เธอต้องพยายามลดน้ำหนักจนผอมฮวบ เพื่อจะให้ดูเหมือนกับหญิงที่เจ็บป่วยใกล้ตายให้มากที่สุด
Anne บรรยายถึงขั้นตอนการลำน้ำหนักว่า ลดน้ำหนักรวมกันราวๆ 11kg ก่อนถ่ายทำก็ต้องลดให้ผอมบางลงในระดับหนึ่ง และระหว่างถ่ายหนังก็ต้องลดให้ผอมลงไปเรื่อยๆ เพื่อให้ภาพออกมาดูสมจริง แต่เธอยืนยันว่า มีการวางแผนจากนักโภชนาการ แต่ก็เป็นอาหารที่ให้พลังงานต่ำจนนักแสดงเด็กที่รับบทเป็นลูกสาวของเธอให้สัมภาษณ์ว่า ดูเหมือนกับอาหารกระต่ายมากกว่าเพราะมีแต่ผักเท่านั้น น้องก็ยังเล่าเรื่องน่าตกใจว่า Anne ผอมและเปราะบางมาก เมื่อประสบอุบัติเหตุจักรยานจึงแขนหัก
เมื่อ Anne ได้เล่าเรื่องความยากลำบากในการควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด รวมถึงให้สัมภาษณ์กับ Variety ว่า ต้องงดกินไปถึง 13 วัน (น่าจะหมายถึงกินได้แต่ใบผัก ไม่ใช่อดอาหารไปอย่างสิ้นเชิง) ชาวเน็ทก็เริ่มล้อเลียนเธอว่า คร่ำครวญเรื่องรีดน้ำหนักเพราะคาดหวังคำชมและยกตัวว่าเป็นตัวเก็ง Oscar
ไม่เพียงแต่การย้ำเรื่องความโหดหินของการ diet ให้สังคมรับรู้ Anne ยังแบ่งปันประสบการณ์เรื่องการฝึกฝนร้องเพลงให้เข้าถึงมาตรฐานหนัง musical(โดยเฉพาะการร้องเพลง 'I Dreamed a Dream' ที่เป็นหนึ่งในฉากโดดเด่นที่สุดในเรื่อง) รวมถึงการถูกกล้อนผมออกไปจนสั้นกุดจริงๆ ซึ่งจริงๆแล้ว นักแสดงหลายคนก็เคยออกมาเผยถึงความยากลำบากที่เกิดจากการทุ่มเทเพื่อแสดงให้สมบทบาทมากที่สุดเป็นเรื่องปกติ แต่ชาวเน็ทหลายคนได้วิพากษ์วิจารณ์ Anne ว่า เธอใช้น้ำเสียงเล่าเรื่องที่แสดงถึงหมกมุ่นกับตัวเองทำให้น่ารำคาญจนทนฟังแทบไม่ไหว
- การแสดงออกอย่างชัดเจนว่า มุ่งมั่นปรารถนาจะคว้ารางวัล Oscar
เมื่อเวลาลุล่วงไปหลายปี ก็มีผู้ตระหนักได้ว่า ทำสิ่งร้ายกาจด้วยเหตุผลตื้นเขินจนประกาศขอโทษ Anne รวมถึงสื่อที่กลับลำด้วยการเขียนข่าวสรรเสริญเยินยอเธอ จนล่าสุดที่ความนิยมของเธอพุ่งปรี๊ดจากอีเวนท์ต่างๆในปีนี้ก็ทำให้ Glamourออกมาทักท้วงแบบหยิกเจ็บๆว่า ตอนนี้ใครๆก็ปลื้ม Anneกัน ราวกับลืมไปแล้วว่า internet เคยยำเธอไว้หนักแค่ไหนเมื่อหลายปีก่อน
เกิดกระแสจากแรงหมั่นไส้จนมีการรวมตัวเป็น Hathahaters
กระแส Hathahate และกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า Hathahaters มีอยู่จริง แม้พวกเราจะไม่ได้เห็นhashtag หรือความเคลื่อนไหวโจมตีนางเอกชื่อดังมากนานพอสมควรแล้ว แต่ขอยืนยันว่า แรงกดดันนั้นไม่ได้มาเป็นวูบสั้นๆ แต่หนักพอที่จะฝังใจ Anne อยู่นานกว่าเธอจะก้าวข้ามมันไปได้
ไม่เพียงแต่จะมีผู้แสดงข้อความโจมตีทาง social media สื่อต่างๆก็ร่วมสุมไฟให้ผู้คนกล่าวขวัญถึงด้านแย่ๆ แม้จะไม่ได้ด่าว่าเธออย่างไม่ไว้หน้าเหมือนกับนักเลงคีย์บอร์ด แต่ก็มวิจารณ์ด้วยถ้อยคำที่ไม่รื่นหู นักข่าวบางคนเปรียบเทียบว่า Anne มีบุคลิกเหมือนกับเด็กชมรมการแสดงที่ติดนิสัย เล่นใหญ่เกินจริงตลอดตลอดเวลา (ลองนึกถึง Rachel Berry จาก Glee) บางคนบอกว่าเธอเหมือนกับเด็กชมรมการแสดงที่นิสัยดี แต่ทำให้รู้สึกแอบรำคาญแทบไม่ไหว ถึงจะอยากเอาใจช่วย แต่ลึกๆคนอื่นก็แอบกลอกตาใส่
ข้อกล่าวหาที่ทำให้เกิด กระแส Hathahate
- ดูกระตือรือร้นมากเกินไป
- พยายามทำตัวเป็นนางเอกแสนดีจนเหมือนไม่จริงใจ
- วางท่าเหมือนกับมีดี แต่ที่ตัวตนจริงน่าเบื่อ
- สรุปคือ ทำอะไก็ผิดไปหมด!
Abby Gardner นักข่าวจาก Glamour ยอมรับว่า เธอเป็นHathaher มาก่อน และโทษว่า เป็นเพราะเสพเรื่องจาก internet จนถูกชกจูงใจให้เชื่อว่า Anne เป็นพวกน่าหมั่นไส้ ตอนที่ดูประกาศรางวัล ก็เชียร์ให้Amy Adams เป็นผู้ชนะ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ได้มาใคร่ครวญว่า นิสัยปากเสียคอยจับผิดต่างหากที่เป็นต้นเหตุ ผิดตรงไหนที่เป็นคนมุ่งมั่นทุ่มเทหรือพยายามมากเกิน? เมื่ออคติออกไปก็ได้พบว่า Anne ดูเป็นคนสดใสน่ารัก คนรอบข้างก็เห็นด้วยเช่นกัน เมื่อได้ไล่เรียงถึงผลงานการแสดงที่ยอดเยี่ยมก็ได้แต่สะท้อนใจว่า เหตุใดพวกเค้าจึงรุมโจมตีผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถคนนี้อย่างรุนแรงมานานสองนาน
แม้แต่speechยามขึ้นรับรางวัล Oscar ก็ทำให้ถูกรุมตำหนิจนขายหน้า
ต้องย้อนไปไล่เลียงกันชัดๆก่อนว่า ระหว่างที่ Anne เจอมรสุมความเกลียดชังนั้นเป็นช่วงเวลาความรุ่งโรจน์ของ Jennifer Lawrence ซึ่งคว้า Oscar สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในปีเดียวกัน ด้วยท่าทางของสาวสายตลกที่เปิ่นโก๊ะ ไม่วางฟอร์ม A List ทำให้J Law กลายมาเป็น America's sweetheart คนใหม่ แต่ Anne กลับถูกว่าร้ายว่า ทั้ง ดูfake ทั้งเล่นใหญ่จนอยากกดเปลี่ยนช่อง เรื่อง speech ตอนรับรางวัลของเธอนั้นก่อดราม่ามาตั้งแต่ตอนที่คว้ารางวัล Golden Globe สื่อจับเอาคำพูดของเธอไปเปรียบเทียบกับ J Law ที่มาพร้อมกับอารมณ์ขันแบบสาวแสบซ่า แต่ Anne กลับถูกถล่มว่าแสดงท่าทางตื่นตกใจได้ปลอมสุดๆ ถ้อยคำโลกสวยที่ใช้ก็เลี่ยนจนร่วมยินดีด้วยไม่ลงและยังดูเหมือนผ่านการซักซ้อมมาหลายรอบ พอมาถึง Oscar พอเธอเอ่ยปากว่า It came true. เชื่อว่าเหล่า Hathahaters ก็คงพร้อมใจกันเบะปากกันอยู่แน่ๆ
ภายหลัง Anne ได้เปิดเผยว่า เธอไม่ได้มีความสุขไปกับชัยชนะอย่างเต็มที่ เนื่องจากอารมณ์ยังดิ่งจากการรับบทสุดรันทด ในใจเธอมีความย้อนแย้ง เพราะสวมใส่เสื้อผ้าหรูหราที่มีราคาสูงลิบลิ่วที่ต่อใ้ทั้งชีวิตหลายคนอาจจะไม่ได้เห็นตัวเงินขนาดนี้ รางวัลที่ถืออยู่ก็มาจากการนำเสนอด้านที่แสนเจ็บปวดของมนุษย์ แต่เมื่อเธอยืนอยู่ตรงนั้น สิ่งที่สมควรทำคือการแสดงความยินดีปรีดา แต่เมื่อเธอแกล้งทำเหมือนกับมีความสุขออกไป ก็ถูกโจมตีหนัก
"นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ แต่สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ก็คือ ถึงจะรู้สึกว่าอับอายจนตายได้เลย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เราตายจริงๆสักหน่อย"
เพื่อนนางเอก A List ออกตัวปกป้อง
Jessica Chastain ที่เคยร่วมแสดงหนัง Interstellar เคยได้รับคำถามจากสื่อว่า การร่วมงานกับนางเอกที่ใครๆต่างรุมเกลียดนั้นเป็นอย่างไร เธอตอบอย่างไม่ลังเลใจว่า
"ใครก็ตามที่พูดแบบนั้นออกมาคือพวกbully Anne Hathaway ช่างน่ารักมาก เธอฉลาดเฉลียว จิตใจงาม เป็นคนแสนดี ฉันอยากจะกลับมาร่วมงานกับเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก"
ผลกระทบจาก Hathahate
Anne เผชิญกับความเจ็บปวดเมื่อเธอgoogleพบบทความ 'เหตุใด ใครๆก็เกลียด Anne Hathaway?' เธอรู้สึกจุกเหมือนถูกต่อยที่ท้อง ช็อคเหมือนกับถูกตบ สร้างความอับอายอยู่นานปี
ปีหนึ่งหลังจากคว้า Oscar Anneก็เปิดใจความเสียหายที่ตามมาจากกระแสต่อต้าน
"พอได้รางวัล Oscar มาแล้ว ก็ทำให้เชื่อว่าจะช่วยให้บทดีๆหลั่งไหลเข้ามาเยอะแยะใช่มั้ยคะ แต่มีผู้กำกับบอกฉันว่า คุณนี่เยี่ยมไปเลยนะ เหมาะกับบทนี้อย่างที่สุด แต่ไม่แน่ใจว่าผู้ชมจะยอมรับคุณได้มั้ยหลังจากเกิดข่าวพวกนี้ แต่เมื่อมีการประกาศว่าฉันได้ร่วมแสดง Interstellar โชคยังดีที่เริ่มมีคนโทรติดต่อเข้ามาอีกครั้ง"
แต่เธอก็ยืนยันว่า ได้เรียนรู้หลายอย่างจากเรื่องร้ายๆ
"เราควรต้องทำยังไงกับเรื่องนี้เหรอคะ? แสร้งทำเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนงั้นเหรอ? ผู้คนปฏิบัติกับฉันแบบนั้น แต่ฉันได้เติบโตขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฉันกลายเป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจและแสดงความรักต่อคนอื่นมากขึ้น และฉันก็ไม่รู้สึกสงสารตัวเองด้วย ฉันเผชิญหน้ากับวิกฤติ แต่ตอนนี้ฉันจะไม่เป็นไร ฉันสบายมากจริงๆ ฉันจะไม่ปล่อยให้มันส่งผลกระทบต่อฉันอีก แต่ในช่วงนั้นฉันยังรู้สึกอินกับบท Fantine ทำให้มองว่าตัวเองเป็นเหยื่ออยู่"
จากภาพลักษณ์ trying too hard กลับกลายมาเป็น effortless
เมื่อปีที่แล้ว เธอก็ได้ให้สัมภาษณ์กับ The Sun ในประเด็นกระแสต่อต้านในอดีตอีกครั้ง
"ฉันไม่อยากขุดคุ้ยเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมาอีก แต่ฉันก็เคยมีปีศาจตามหลอกหลอนอยู่ internet เคยโจมตีฉันและเกลียดชังฉัน ซึ่งมันเป็นเรื่องราวใหญ่โตในตอนนั้น แต่มันกลายมาผลดีสำหรับตัวฉัน สิ่งเหล่านี้มันสร้างเสริมพลังใจได้แทบไม่น่าเชื่อ ฉันคงจะบอกได้ว่า เวลาเจอกับอะไรแย่ๆ อย่าไปหวาดกลัว ให้ค่อยๆปรับตัวปรับใจไปค่ะ"
Anne คนที่เคยถูกเย้ยหยันว่าประดิษฐ์จนดู fake กลายมานางเอกสาวน่ารักน่าปลื้มที่เป็น viralจากความประทับใจของแฟนๆ หรือเสียงวิจารณ์ว่าท่าทาง nice ที่ถูก haters มองว่าไม่น่าเชื่อถือถูกข่าวด้านดีๆ กลืนหายไปจนแทบไม่ได้ยินอีก อย่างการแข่ง Name That Tune กับ Kelly Clarkson และเบียดเอาชนะด้วยการแย่งร้องเพลง Since U Been Gone ก่อนเจ้าของเพลงตัวจริงทั้งๆที่ฟังเสียงรัวกลองอินโทรเพียงไม่กี่วินาทีจนทำให้ Kelly ตกตะลึงจนเข่าอ่อนมุดหน้าซุกพื้น สร้างเสียงฮือฮาจาก ล internet ฮือฮาเรื่องความ fangirl ที่ดูเข้าถึงได้ไม่ต่างคนทั่วไป หรือถ้าย้อนไปนานกว่านั้นก็เป็นการเข้าแข่ง Lip Sync Battle ด้วยเพลง Wrecking Ball ที่มียอดเข้าชมทาง Youtube ถึง 10 ล้านครั้ง หากนึกถึงคำพูดจิกกัดว่าเธอเป็นประเภทเล่นใหญ่จนเหมือนแสดงอยู่ตลอดเวลาจนไม่เป็นธรรมชาติ ก็ถือได้ว่าเป็นการโต้ตอบที่ได้ผลดีโดยไม่ต้องมาชี้แจงตัวเอง
"ฉันเคยหวาดหวั่นว่าผู้คนวิจารณ์ฉันรุนแรงมาเป็นเวลายาวนาน แต่ที่สุดแล้วฉันก็ควรจะมีความสุขกับเค้าบ้างเหมือนกัน"
The End