Review Contest : ทริปเที่ยวบ้านเกิดแฟน 10 วัน แบบแวะเก่ง! 🇲🇨
BeeAnguish
32
19
จุดมุ่งหมายปลายทางของทริปนี้ก็คือการไปเยี่ยมบ้านเกิดของแฟนค่ะ บอกเลยว่าเกร็งมากกกก เลยคุยกับแฟนว่าไหนๆ ก็จะไปอินโดนีเซียแล้ว ขอเที่ยวพักผ่อนให้สบายใจระหว่างทาง ก่อนไปฝ่าด่านครอบครัวของเธอแล้วกัน เลยเกิดทริปยาวๆ 10 วัน กันไปเลยยย
เดินทางออกจากสนามบินดอนเมือง ที่แรกที่เราไปแวะจะเป็นที่ไหนไม่ได้ ชิลล์สุดก็ต้อง Bali เท่าน้านนนน อยู่ที่บาหลีทั้งหมด 3 วัน 2 คืน มาถึงก็ช่วงเที่ยงแล้ว พักที่โรงแรมติดชายหาด Kuta แล้วก็ได้พี่คนขับรถมารับส่งที่โรงแรมนี่แหละ เป็นไกด์พาขับรถส่วนตัวเที่ยวต่อทั้ง 2 วัน
Uluwatu Temple
วันแรกเดินทางออกจากโรงแรมช่วงบ่าย เพื่อไป Uluwatu Temple วัดของศาสนาฮินดูที่ตั้งตระหง่านบนผาหินอยู่ติดกับมหาสมุทรอินเดีย เค้ากั้นไม่ให้เดินเข้าใกล้วัด เลยเดินเล่นตามทางทอดยาวริมผาไปเรื่อยๆ ชมวิวสวยๆ ลมโกรกจนผมกระเซิง 555 รอเวลาชมการแสดงช่วงเย็น
. Teri Kecak
นั่นก็คือ Teri Kecak เป็นการแสดงที่ขึ้นชื่อของชาวบาหลี มีการร้องเพลงประสานเสียงรอบกองไฟตลอดทั้งโชว์ คล้ายๆ การแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ แต่ไม่มีเครื่องดนตรี ใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกาย และร้องเพลงทำจังหวะกันเองล้วนๆ อลังการมาก เพลินมาก เริ่มแสดงตั้งแต่ช่วงดวงอาทิตย์ใกล้จะตก ดูโชว์ไปพร้อมชมอาทิตย์ลับฟ้าพอดิบพอดี จนฟ้ามืด การแสดงยาวมาก คุ้มค่ามาก ไฮไลท์ของการแสดงช่วงใกล้จบก็จะเป็นการเต้นลุยไฟของหนุมาน คนที่แสดงเล่นเต็มที่มาก เหมือนเกิดมามีพลังล้นเหลือสุดๆ สวมบทบาทวานรได้สุด ใครไปเที่ยวบาหลีต้องไม่พลาดไปชมเลย
วันแรกหลังจากกลับถึงที่พักช่วงมืด ก็ออกไปเดินหาอะไรกินกัน เดินหาร้านข้างทาง นั่งสบายๆ กินง่ายๆ เป็นเมนูข้าวผัดแบบเบสิคสไตล์อินโด เป็นเงินไทยประมาณ 70 บาท ราคาไม่แพงเลย อร่อยด้วย แล้วก็ค้นพบว่าที่บาหลีชอบเพลงสไตล์เรกเก้กันมาก เปิดแทบทุกร้าน ดินแดนสายชิลล์จริงๆ
วันที่ 2 หลังจากทานข้าวเช้า ก็ออกมาว่ายน้ำกันก่อนออกไปเที่ยวข้างนอก สามารถเห็นวิวหาด Kuta ได้จากสระน้ำโรงแรมเลย
Tanah Lot
พอช่วงบ่ายก็รอพี่คนขับรถมารับ วันนี้จะไป Tanah Lot กัน อยากจะบอกว่าเป็นที่ที่ชอบมากที่สุดในทริปนี้เลย ที่นี่ก็จะเป็นวัดฮินดูบนโขดหินล้อมรอบด้วยน้ำเช่นกัน แต่จะแตกต่างจาก Uluwatu ตรงที่ ที่นี่มีบริเวณหาดหิน ให้นั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกได้ด้วย มันสวยมากกกก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงนิยมมาชมพระอาทิตย์ตกกันที่นี่
สวรรค์บนดินชัดๆ วัดที่นี่เปิดให้เข้าไปได้ด้วย แต่วันที่บีไปเค้าปิดจ้าาา แต่ก็ยังฟินนะ ระหว่างทางที่เดินเข้าไปก่อนจะเจอวัด ก็จะมีร้านค้า มีบริเวณที่ให้ชมสัตว์ต่างๆ ด้วย บีชอบมาก เป็นคนเอ็นดูสัตว์โลก ไปเที่ยวไหนก็ได้ที่ได้ลูบคลำ ได้เล่นสัตว์ ดิฉันก็มีความสุขล้นแล้ว มีโอกาสได้ไปชิมกาแฟขี้ชะมดร้านดังด้วย รสชาตินุ่มอยู่น้าา เจอชะมดตัวเป็นๆ น้องน่ารักมากกก งือออ ใจบางงง 😍
พอชมพระอาทิตย์ตก ถ่ายภาพจนหนำใจ ก็กลับที่พัก แล้วออกไปเดินร่อนต่อ ชอบมากๆ อากาศดี เป็นเมืองที่ตื่นตลอดเวลา ร้านอาหารหลากหลาย ร้านขายเสื้อผ้าแนวสตรีท และเซิร์ฟแบรนด์เยอะมากกก ทริปนี้ล่มจมเพราะเสื้อผ้าเลยบ่องตง 555555 ยังไม่ทันไปอีกเมือง ดิฉันทรัพย์จางเรียบร้อยค่าาา
วันต่อมาก็ออกไปขึ้นเครื่องแต่เช้า เพื่อไปเมืองถัดไป แฟนเราแนะนำไป Yogyakarta เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการท่องเที่ยว นักศึกษาที่เรียนการท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่ที่นี่ และทำงานกันต่อที่นี่เลย
Yogyakarta
สถานที่ท่องเที่ยวก็จะเป็นนครวัด เหมือนเป็นวังสมัยก่อน แต่ค่าเข้าคือโหดมาก จำได้ว่าของเราเสียไป 800 ได้ แงงง ยานพาหนะก็จะเป็นสไตล์เก่า รถสามล้อ รถม้า ได้อารมณ์เหมือนไปเที่ยวลำปางหรืออยุธยาหน่อยๆ ยังมีที่เที่ยวอื่นๆ อีก แต่เรามีเวลาน้อย ต้องไปต่อ เลยเที่ยวแค่วันเดียว
ในส่วนของอาหารนั้น จะเป็นสไตล์ชาว Java เพราะที่นี่คือเกาะ Java หรือชาวชวานั่นเอง เรากินไม่ค่อยได้เลยสักอย่าง 55555 ชอบมากอยู่อย่างเดียว สะเต๊ะ สะเต๊ะที่นี่อร่อยมากกกกก อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาในชีวิตนี้ ถ้าไปต้องกินอ่ะ ร้านรถเข็นข้างทางห่อกระดาษนี่แหละ เด็ดมากกกก มาเมืองนี้เราอยู่แค่คืนเดียว แล้วหลังจากนั้นก็ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายจริง
สถานีต่อไปเมืองหลวง Jakarta ไปเยี่ยมพบปะญาติแฟนนั่นเอง ญาติแฟนพาไปเดินห้างในเมือง และนอนค้าง 1 คืน คุณยายทำกับข้าวให้ทานอร่อยมากๆ ชอบทานปลาราดพริกสไตล์อินโด
Bukittinggi
ตื่นเช้าบินต่ออีก ไปกันที่ Bukittinggi ที่บ้านเกิดแฟน เป็นเมืองที่อยู่ทางตะวันตกเกือบจะเหนือของเกาะสุมาตรา การเดินทางยาวนานมาก ลงจากเครื่องบิน คุณพ่อแฟนมารับ ขับรถขึ้นเขาไป 3-4 ชั่วโมง กว่าจะถึงบ้านแฟน มีแวะทานข้าวกันระหว่างทาง อากาศดีมากกกก เหมือนเปิดแอร์เย็นๆ ตลอดเวลา อาหารตามร้านอาหารที่นี่จะเป็นแบบเสิร์ฟมาทั้งสำรับ คือตักใส่จานมาให้ทุกอย่างที่ในร้านมี แล้วให้เราเลือกทานเอา จานไหนไม่ทานก็จะไม่คิดเงิน ส่วนใหญ่จะเป็นแกง เป็นพริกแกงเผ็ดๆ ที่เราจะทานได้นิดๆ หน่อยๆ คนที่นี่กินเผ็ดมากกกก
เราอยู่ที่บ้านแฟนทั้งหมด 5 วัน แต่นอนแยกบ้านกันไกลมากๆ เพราะตอนนั้นยังไม่แต่งงานจ้าา 55555 นอนคนเดียวในห้องนอนบ้านญาติแฟน อากาศยะเยือกตลอดคืน เย็นแบบไม่ต้องเปิดพัดลมใดใด ดิฉันก็กลัวผีไปเลยสิคะ ช่างจินตนาการ แล้วในหัวคิดด้วยนะ อย่ามาหลอกฉันนะ ฉันสวดมนต์ภาษาอินโดไม่เป็น 555555555
ตื่นเช้าวันต่อมาพ่อแฟนก็พาขับรถไปเที่ยวที่เที่ยวต่างๆ สวยมากกกกก อากาศก็ดีมาก ที่นี่จะยังเหลือที่ที่เป็นวัฒนธรรมเก่าของชาวมินังอยู่มาก ( Minangkabua ) ทั้งบ้านโบราณ เสื้อผ้าโบราณ พิธีกรรมโบราณ และเข้านอนกันไวมาก 6 โมงคือดึกแล้ว เข้าบ้านนอนกันหมด
มีโอกาสได้ไปเดินเที่ยวที่สวนสาธารณะที่หนุ่มสาวนิยมมาเดทกันด้วย เป็นสวนสาธารณะที่มีโซนสวนสัตว์ให้ครอบครัวมาเที่ยวได้ด้วย แต่ที่นี่ดูแลสัตว์ได้ไม่ดีเท่าไหร่เลย เห็นแล้วแอบเศร้า
. Rendang
อาหารขึ้นชื่อของเมืองและขึ้นชื่อไปทั่วโลกก็คือเรนดัง ( Rendang ) ได้ยินแฟนออกเสียงจริงๆ จะเป็นเรินดัง อร่อยมากกกก แบบวัวตายควายล้ม เป็นแกงกะทิที่อร่อยที่สุดในโลกอ่ะ เค้าว่างั้น อร่อยชนะแกงมัสมั่นบ้านเราไปเลยนะ ไปช่วยเค้าทำ ตั้งแต่บดพริก และกวนแกงในกระทะ ใช้เวลาทำข้ามวันนะพริกแกงถึงจะเข้าเนื้อจนได้เป็นแกงเนื้อที่ไม่เหลว จับเป็นก้อนนุ่มๆ พอดี แล้วอร่อยมากจริงๆ บีแบกกลับไทยมาถุงใหญ่ๆ กินวนไป และชอบจนต้องถามสูตรมาทำกินเองที่บ้านอีกด้วย อยากให้ทุกคนไปลองทานกันมากๆ เมนูนี้ เด็ดมากจริงๆ สะเต๊ะชิดซ้าย 😆
. แวะเก่ง
ขากลับกรุงเทพมาแวะกัวลาลัมเปอร์ 2-3 ชั่วโมง มาถ่ายรูปเล่นๆ ที่ Petronas Twin Tower ก่อนบินกลับสุวรรณภูมิ แวะเก่ง!! เหนื่อยยย 😆
ทริปนี้เราเกร็งมาก และยังอยากไปเที่ยวอีกหลายๆ ที่ที่ยังไม่ได้ไป เช่น Bromo เอย Ubud เอย แต่จุดประสงค์ของทริปนี้คือไปเจอญาติๆ แฟน หลายบ้านมากๆ โดนสัมภาษณ์รัวๆ คนมีอายุที่นี่พูดภาษาอังกฤษกันเก่งมาก ขนาดเป็นแถวชนบทนะ ดีมากๆ เลย ยิ่งเด็กๆ รุ่นใหม่คือพูดน้ำไหลไฟดับ ครอบครัวก็ส่งเสริมไปเรียนต่อต่างประเทศอีกด้วย เลิศมากก หลังจากผ่านด่านมาหลายบ้านเหลือเกิน ตอนกลับสรุปว่า ทุกคนชอบเรา น่ารักกับเรามากเลย แฮปปี้แล้วค่ะ แต่แฟนดิฉันคือแฮปปี้มากสุด คิดว่าจะได้กลับไปเที่ยวอินโดนีเซียอีกแน่ๆ