Britneyสุดช้ำ สามีเก่าปูดดราม่าครอบครัวออกสื่อ

37 11
เพิ่งจะได้รับการปลดปล่อยจาก conservator ไม่ทันครบ 1 ปี  ดราม่าระลอกใหญ่ก็พัดพาเข้าสู่ชีวิตของ Britney Spears อีก   หลังจากอดีตสามีผู้เป็นพ่อของลูกได้ให้ความเห็นวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของเธอว่าส่งผลกระทบต่อลูกชายวัยมัธยมทั้งสอง  ทำให้พวกเค้าเลือกจะไม่เจอหน้าแม่มาแล้วหลายเดือน!

สัญญาณรอยร้าว:   เด็กทั้งสองตัดสินใจไม่ไปร่วมงานแต่งงานของคุณแม่ superstar

เมื่อทนายของ Kevinได้เป็นตัวแทนส่งสารจากลูกชาย Brit คือ Sean Preston และ Jayden James ว่า พวกเค้าตัดสินใจไม่มาร่วมงานแต่งงานของแม่ เพราะไม่อยากจะดึงดูดความสนใจมาที่ตัวพวกเค้า และอยากให้มันเป็นวันของแม่ที่แท้จริง แม้ว่าคำพูดนี้จะฟังดูมีเหตุผล และก็ทำให้หลายคนรู้สึดสะกิดใจว่า มันช่างฟังดูเหินห่าง แตกต่างจากภาพความสัมพันธ์ที่ดูเหนียวแน่นระหว่างแม่ลูกที่ปรากฏให้เห็นมาโดยตลอด หรือบางคนได้วิจารณ์ว่า แม้แต่งานวิวาห์ของสมาชิกครอบครัวที่ไม่กินเส้นกัน ก็ยังรู้สึกว่าสมควรจะไปร่วมแสดงความยินดี เมื่อลูกชายทั้งสองของเจ้าหญิงเพลง pop หายหน้าไปจากงาน หลายฝ่ายก็รู้สึกถึงความผิดสังเกต และบางคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า Brit อาจจะจัดงานเลี้ยงอย่างเป็นส่วนตัวกับลูกชายสุดที่รักก็เป็นได้



แต่เมื่อ Kevin  ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เพื่อออนแอร์กับช่อง ITV    ก็ได้อธิบายเรื่องข้อสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของแม่ลูกอย่างชัดเจน

ที่ผ่านมานั้น Kevin และ Britney ได้แบ่งสิทธิ์เลี้ยงดูด้วยกัน โดย Sean Preston และ Jayden James จะอาศัยอยู่กับพ่อเป็นหลัก ส่วนตัวเธอจะได้รับแบ่งสันปันส่วนเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันกับลูกชายทั้งสอง และส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้ $20,000ต่อเดือน (มีการเปลี่ยนแปลงตัวเลขเมื่อไม่กี่ปีก่อน)


"ลูกชายเราตัดสินใจว่าจะไม่พบหน้าแม่ในช่วงนี้ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว พวกเค้าเลือกที่จะไม่ไปร่วมงานแต่งงานของเธอ" Kevin เล่าให้นักข่าวที่ไปสัมภาณ์ถึงที่บ้านได้รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง

เขายังแสดงความเห็นว่า การทำหน้าที่ของ Jamie พ่อของ Brit และผู้พิทักษ์คนอื่นที่ได้รับคำสั่งศาลให้ร่วมควบคุมดูแลที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาวนั้น เป็นสิ่งที่'ช่วยชีวิต'เธอ และยินดีที่จะต้อนรับ Jamie กลับเข้ามาสร้างความสัมพันธ์กับหลานๆ ทั้งๆที่เกิดเหตุการณ์ขัดแย้งตามมาด้วยความรุนแรงจน Sean Preston ได้ออกมาเผยว่า ตามีพฤติกรรมabusive

"การที่ต้องได้รับรู้เรื่องเหล่านี้มันก็ยากแล้ว และยากเย็นซะยิ่งกว่าที่ต้องใช้ชีวิตไปกับมัน เมื่อต้องได้เห็นลูกๆต้องเผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุดที่ผมเคยได้ทำในชีวิต"

แม้Kevin จะยืนยันว่า ลูกชายทั้งสองรักแม่มาก แต่การแชร์ภาพนู้ดบน social media ของเธอก็ยากจะเลี่ยงต่อผลกระทบไปถึงลูกที่กำลังโตเป็นหนุ่ม

"ผมพยายามอธิบายกับลูกๆว่า นี่มันอาจจะเป็นการถ่ายทอดตัวตนในรูปแบบหนึ่งของแม่ก็เป็นได้ แต่มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงไปได้ว่ามันส่งผลกระทบใดต่อพวกเค้า มันทำใจได้ยากครับ แทบคิดไม่ออกเลยว่าเด็กวัยรุ่นจะรู้สึกต่อเรื่องนี้ยังไงเมื่อต้องไปเข้าสังคมที่โรงเรียน"



Kevin พ่อของลูกๆทั้งหก (สองคนแรกเป็นลูกที่เกิดขึ้นจากคู่ครองก่อนหน้า Brit และตอนนี้บรรลุนิติภาวะแล้ว) ได้ใช้ชีวิตร่วมกับภรรยาใหม่ในบ้านที่ห่างจากคฤหาสน์หลังงามของ Brit เพียงสามนาที ซึ่งหลายคนมั่นใจว่า เธอตัดสินใจย้ายมาอาศัยในละแวกเดียวกันเพื่อจะได้อยู่ใกล้กับลูกๆแบบเห็นหน้ากันได้แทบทุกวัน  เธอกลับไม่ได้เจอพวกเค้ามาพักใหญ่


ฟังแล้วหลายคนอาจจะใจแป้วไปเลย....




Kevin ชี้ อยากให้ Brit ตระหนักว่าสร้างความลำบากใจต่อลูก

"หากมีทางใดที่จะผมจะบอกให้เธอรู้ตัวได้ แต่ผมยังยังหาวิธีบอกเธอไม่เจอ แต่ถ้าเจอเมื่อไร ผมจะโทรศัพท์ไปแนะนำเธอครับ"


เขากังใจใจเมื่อได้รู้ว่าลูกชายได้พบกับอะไรมาบ้างระหว่างที่ใช้เวลากับแม่ในช่วงหลายปีมานี้

"มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ ถึงจะยังรู้สึกข้องใจลูกๆก็พยายามยอมรับด้วยการคิดในแง่ดี บางครั้งการที่ต้องมารับรู้ก็ทำให้เจ็บปวดครับ ผมต้องแน่ใจว่า ลูกๆจะเข้าหาเพื่อปรึกษาผมได้ในทุกๆเรื่อง ลูกๆทุกคนต่างรู้ดีว่าพวกเค้าจะมาพูดคุยกับผมและภรรยาได้ทุกอย่าง พวกเค้าเป็นวัยรุ่นแล้ว พวกเราคุยกันในประเด็นเซ็กส์ ยาเสพติด และสิ่งที่วัยรุ่นต้องพบเจอ ผมอยากให้ลูกทุกคนได้ผ่านการทำเรื่องผิดพลาดในเขตบ้านหลังนี้เพราะมันเป็นวิธีที่ผมจะปกป้องพวกเค้าได้"



คำพูดของKevin อาจจะทำให้ชาวเน็ทเริ่มตั้งข้อสงสัยว่า เขาออกมาประกาศเรื่องนี้ออกสื่อจากเจตนาตักเตือน Brit เพื่อให้เธอปรับปรุงพฤติกรรม หรือว่ามีจุดประสงค์อื่น?



แม้จะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานใจจากปัญหาโรค  Bipolar  และชีวิตที่ถูก conservator ควบคุม   แต่ Brit  พยายามเข้าร่วมทำหน้าที่เลี้ยงดูลูกๆมาโดยตลอด

หากมองอย่างผิวเผิน ชีวิตของทายาทศิลปินที่โด่งดังระดับโลกและสร้างรายได้มากมายจนสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแม้จะไม่ได้หวนมาทำงานในวงการหลายปีอาจจะฟังดูน่าอิจฉา สื่อเคยเผยแพร่ภาพของ Britney ที่ใช้เวลากับลูกๆอย่างมีความสุข และอาจจะทำให้หลายคนจินตนาการ lifestyle แบบคุณแม่สายเปย์ ไม่ว่าจะเป็นพาลูกท่องเที่ยวพักผ่อนในรีสอร์ทหรู กระทบไหล่กับนักกีฬาชื่อดัง เดินพรมแดงในพรีเมียร์หนังครอบครัว รวมถึงsupport เด็กๆในเส้นทางที่พวกเค้าชื่นชอบ (เด็กๆทั้งสองสนใจด้านดนตรี Sean Preston กำลังเรียนรู้ produce ดนตรีและเรียนกีตาร์ ส่วน Jayden James ฝึกฝน piano อย่างมุ่งมั่น)

แต่จากการเปิดโปงเรื่อง conservatorship ก็ทำให้ผู้คนในสังคมได้ตระหนักว่า
 เธออาจจะส่งเสียเงินให้ลูกชายได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไม่ต่างจากลูกๆคนดัง  Hollywood คนอื่น  แต่หลายปีที่ผ่านมา ตัวเธอเองนั้นไร้อิสระในการใช้จ่ายเงินเพื่อตัวเอง   เพิ่งจะเป็นเจ้าของ iPad จริงๆก็เพียงไม่นานมานี้  เธออาจจะขอเบิกงบเพื่อพาลูกไปเปิดหูเปิดตากับสถานที่ต่างๆ  แต่ก็ต้องหวาดระแวงกับการถูกควบคุมบงการ และดูเหมือนว่า ช่วงเวลาที่เธฮสามารถแสดงความสุชได้อย่างเต็มที่จริงๆก็คือการได้อยู่กับลูกชายทั้งสองนั่นเอง 

อาจจะมีผู้ที่ตั้งแง่กับการเจ็บป่วยเป็น bipolar    แต่ที่ผ่านมานั้น เธอไม่ได้ห่างหายไปจากชีวิตของลูกชาย   เมื่อได้รับการจัดสรรเวลาให้อยู่กับพวกเค้า  Brit ก็ไม่ต่างจากแม่ๆคนอื่น  ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน   เชียร์ลูกที่กำลังเล่นกีฬาติดขอบสนาม  การรับส่งโรงเรียน  กิน fast food  ไปสวนสนุก เสิร์ฟไอศครีม hot fudge sundae หน้า TV  แม้ในช่วงที่ต้องเผชิญกับวิกฤติในชีวิตและถูกสื่อโจมตีว่าเป็น superstar เจ้าปัญหา    แต่รอยยิ้มที่สดใสที่สื่อถึงความสุขที่ได้อยู่กับแม่ในตลอดหลายปีมานี้ก็ทำให้หลายคนเชื่อว่า ด้วยความรักลูกอย่างล้นใจ   Brit พยายามเต็มที่ในการทำหน้าที่แม่   ไม่ใช่การสร้าวภาพสวยหรู  แต่ลูกเป็นทุกอย่างของเธอโดยแท้จริง


การแชร์ภาพเซ็กซี่คือสาเหตุที่ลูกชายทำตัวเหินห่างไปจากแม่จริงหรือ?


"ฉันร้สึกสลดใจเมื่อได้เห็นว่าสามีเก่าได้ออกมาพูดถึงความสัมพันธ์ของฉันกับลูกๆ พวกเราต่างรู้กันดีว่า ไม่ว่าใครก็ตาม การเลี้ยงดูลูกชายวันรุ่นนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย"

"การชี้ว่าต้นตอปัญหามาจากInstagram ของฉันมันทำให้เดือดร้อนใจนะ เพราะมันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นมาก่อน Instagram ซะอีก ฉันมอบทุกอย่างให้กับพวกเค้า พูดได้คำเดียวว่า มันช่างเจ็บปวด จะบอกให้ก็ได้ว่า ขนาดแม่ก็ยังบอกให้ฉันยกลูกๆไปให้พ่อพวกเค้าซะ "





Brit ยังได้โต้ตอบคำวิจารณ์เรื่องการแชร์ภาพเซ็กซี่ว่า

"อย่าลืมว่า ฉันไม่ได้เป็นคนเดียวที่ต้องพบกับบาดแผลเจ็บปวดและคำพูดว่าร้ายซึ่งเป็นสิ่งมาที่พร้อมกับชื่อเสียงและธุรกิจบันเทิง แต่มันยังกระทบไปถึงลูกๆฉันด้วย ฉันก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่ได้พยายามอย่างมาที่สุด ฉันแค่อยากจะแสดงความคิดเห็นด้วยการท้าฝั่ง Federlineให้ลองหาชมวีดีโอสาวก้นใหญ่ดู ศิลปินในวงการคนอื่นโชว์หวิวซธยิ่งกว่านี้ซะอีกแม้ว่าลูกของเธอจะยังเด็กกันมากๆ"

เธอยังชี้ว่า สำหรับคนที่ใช้ชีวิตที่ถูกควบคุมบงการมาเกือบ 15ปี แม้แต่จะขอกินยา Tylenol ต้องยังต้องร้องขอคำอนุญาตนั้น เธอสมควรจะทำอะไรที่แรงกว่าการเปลือยอกบนชายหาดซะด้วยซ้ำ



ข้อถกเถียงเรื่องการแชร์ภาพวาลหวิวที่เกิดขึ้นหลายครั้งหลังจากที่  Brit หลุดพ้นจาก conservatorship นั้นได้แบ่งความคิดเห็นจากชาวเน็ทเป็นสองด้าน  ทั้งกลุ่มที่ไม่ชอใจ ทั้งยังกล่าวหาว่า นี่ส่อถึงสัญญาณ'ผิดปกติ' ที่เกิดขึ้นจากสภาวะความเจ็บป่วยทางจิตใจของเธอ      และกลุ่มที่เชื่อว่า  เธอยังใหม่กับชีวิตที่เป็นอิสระ และกำลังค้นหาจุดที่ลงตัว   เธอไม่ได้เป็นคนดังที่ได้รับการยกย่องให้เป็นบุคคลตัวอย่าง และผ่านวิกฤติหนักหนามามาก      ภาพเปลือยบน Instagram อาจจะเป็นแค่ phase  ไม่ยืนยาว  และเธอจะค่อยๆปรับตัวได้  สิ่งที่ Brit พูดมาก็ไม่ได้ผิด  ยังมีคุณแม่คนดังที่เผยเรือนร่างตามsocialmedia, magazine  หรืองานพรมแดง   แต่ก็ไม่ได้ถูกจุดประเด็นว่าเป็นพฤติกรรมย่ำแย่ หรือบั่นทอนคุณค่าความเป็นแม่

ชาวเน็ทหลายคนชี้     ทุกฝ่ายสามารถเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหากันอย่างเป็นส่วนตัว แต่การออกมาให้สัมภาษณ์ของ Kevin ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง

ที่ผ่านมา Kevin มักจะดึงดูดความสนใจจากสื่อเพื่อใอ้แสดงความเห็นกับสถานการณ์ของอดีตภรรยา และเขาก็เคยออกความเห็นแบบกลางๆ และเลี่ยงการจุดประเด็นขัดแย้ง แต่เมื่อได้เปิดบ้านให้โลกได้เห็นชีวิตครอบครัวที่สุขสงบ และพาดพิงไปถึงตัวแม่ของลูกชายทั้งสอง จนทำให้หลายคนตั้งข้อกังขาเกี่ยวกับคุณสมบัติความเป็นแม่ของเธอ (ที่แม้จะดูรักใคร่สนิทสนมกับลูกๆมาตลอด แต่พวกเค้ากลับตัดการติดต่อจากแม่ไป) หลายคนชี้ว่า การให้สัมภาษณ์นี้ไม่ได้ก่อนให้เกิดผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกเลย เพราะแทนที่จะค่อยๆเปิดใจเพื่อพูดคุยหาวิธีเยียวยาความสัมพันธ์แม่ลูก หรือใช้วิธีปรึกษากับนักบำบัดทางครอบครัว แต่กลับใช้พื้นที่สื่อเพื่อชี้ไปที่พฤติกรรมของแม่จนคนนอกเข้ามาวิจารณ์อย่างดุเดือด และอาจจะทำให้สร้างบาดแผลให้กับทั้ง Brit และลูกๆให้ย่ำแย่ลงไป
 
Kevin เจอข้อกล่าวหา ความพยายามอีกเฮือกในการใช้ชื่อ Britney เพื่อดึงดูดเงินเข้ากระเป๋าก่อนจะหมดระยะเวลารับเงินค่าเลี้ยงดู



ไม่ได้มีแต่ Sam สามีของ Brit ผู้เดียวเท่านั้นที่ออกมาตั้งข้อสงสัยในตัว Kevinว่า ใช้คำพูดจิตใจทำร้ายเธอเพราะอีกเพียงไม่นาน ลูกๆที่เติบใหญ่ขึ้นทุกวันก็จะไม่ได้ทำให้เขาได้รับเงินค่าเลี้ยงดูจาก Brit อีก แต่แฟนๆอีกจำนวนมากมั่นใจว่า ที่ผ่านมารายได้ส่วนใหญ่ที่ทำให้เขาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาจากค่าเลี้ยงดูรายเดือน แม้จะรับงาน DJ ในคลับ แต่จากเอกสารทางศาลก็ได้ชี้ว่า เขามีรายได้ไม่มากนัก และตอนนี้ก็เริ่มนับถอยหลังไปสู่วันที่จะไม่ได้รับเงินจากอดีตภรรยาอีก
(Sean Preston จะอายุครบ 18 ในปี 2023 และ. Jayden James ครบ 18ในปี 2024)
และ timeline ก็ทำให้ Kevin พบกับข้อกล่าวหาว่า กำลังเอารัดเอาเปรียบ Brit ด้วยการขายเรื่องของเธอออกสื่อ เป็นไปได้ว่า ในอนาคตก็อาจจะออกหนังสือเล่าชีวิตอดีตสามีเจ้าหญิงเพลง pop และแชร์ข้อมูลส่วนตัวเพื่อสั่นสะเทือนความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนตามมา





แฟนๆ Brit  จำนวนมากมองว่า  เธอไม่ต่างจากท่อน้ำเลี้ยงของครอบครัวสามีเก่า  แต่นั่นจะเป็นเหตุผลที่เขาออกมาเปิดเผยปัญหาออกสื่อจริงหรือ?

ในช่วงที่ Brit ยังไม่ถอนตัวจากการแสดง Las Vegas residency หนึ่งใน headline ที่สื่อเกาะติดอย่างใกล้ชิดคือการเรียกร้องขอค่าเลี้ยงดูเพิ่มจาก Kevin ที่ไม่พอใจกับตำนวนเงินสองหมื่นเหรียญในแต่ล่ะเดือน เขาเคยยังได้รับเงินค่าดูในฐานะอดีตคู่ครองของนักร้องชื่อดังมาแล้วด้วยซ้ำ แต่ถูกยุติไปเมื่อแต่งงานใหม่ในปี 2013 แม้ในสัมภาษณ์กับ ITV ล่าสุด เขาจะยืนกรานว่า ในช่วงหย่าร้างกับ Brit เขาให้ความสำคัญแต่การแชร์สิทธิ์การเลี้ยงดูครึ่งหนึ่งกับ Brit อย่างอื่นไม่สำคัญ
"ผมไม่ใช่คนประเภทเห็นเงินสำคัญกว่าครอบครัว"
อย่างไรก็ตาม เมื่อรายได้ของ Brit พุ่งสูงขึ้นจากสัญญาการแสดงที่ Vegas ทนายของเขากลับใช้เหตุผลว่า เขาสมควรจะได้เงินค่าเลี้ยงดูบุตรเพิ่มขึ้นอีกสามเท่า เพราะจำเป็นต้องใช้เงินไปกับ lifestyle ที่หรูหราไม่แพ้กับตอนที่เด็กๆใช้เวลากับแม่ที่ร่ำรวย เพื่อเด็กๆจะไม่ต้องรู้สึกถึงความแตกต่างจนเครียด

เอกสารทางศาลได้ชี้เหตุผลในการเรียกร้องเงินจาก Kevin ว่า เขาอายุมากขึ้นจนทำงาน dancer ไม่ได้ งานทางด้านดนตรีก็ไม่ประสบความสำเร็จและไม่เป็นที่ต้องการจากวงการมากนัก ทำให้รายได้หดหาย ไม่มีเงินเพียงพอจะพาลูกๆไปทริปสั้นๆหรือซื้อหาไอเท็มราคาแพงสารพัดอย่างที่เด็กๆชื่นชอบ เพราะเขาทำได้รายได้เพียง $3,000 ต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งจากเดิมที่ศาบสั่งให้Britจ่ายค่าเลี้ยงดูให้กับเขา $20,000 ต่อเดือน (อาจจะมีผู้มองว่าดูไม่สูงนักสำหรับลูก superstar สองคนเมื่อไล่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่นคลาสกิจกรรม เสื้อผ้า gadget ต่างๆ Brit จ่ายไปราวๆ $35,000 )



การเจรจาหาตัวเลขที่ลงตัวของสองฝ่ายดำเนินไปอีกพักใหญ่ Brit ที่ตกอยู่ใน conservatorship ไม่มีสิทธิ์ออกปากออกเสียง สิ่งที่เกิดขึ้นคือค่าใช้จ่ายทางกฎหมายที่ถูกเบิกจ่ายจากบัญชีทรัพย์สินของเธอ และในที่สุดก็สามารถตกลงเรื่องการจ่ายค่าเลี้ยงดูทีเพิ่มขึ้นได้ แต่ไม่ได้มีการยืนยันชัดเจนว่าKevin จะได้รับเงินหกหมื่นเหรียญต่อเดือนตามที่เขาเรียกร้องหรือไม่ แต่ก็เป็นงินจำนวนมากขึ้น และยังต้องจ่ายค่าดำเนินการทางกฎหมายแทนอดีตสามีอีกก้อนใหญ่


ยิ่งเขาได้ใช้พื้นที่สื่อประกาศจนรู้ไปทั่วโลกว่า ลูกๆได้ตีตัวออกห่างแม่ แฟนๆก็รู้สึกเดือดซะยิ่งกว่าเดิม!





หลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า family therapy เพื่อพวกเค้าจะได้ปรับความเข้าใจและร่วมกันแก้ไขปัญหา แต่สังเกตได้ว่า ความผิดหวังในตัว Kevin ที่ใช้สื่อเปิดประเด็นดราม่า ทั้งๆที่รู้เรื่องการเจ็บป่วยทางจิตใจของภรรยาเก่าดีการรับมือกับเรื่องนี้อย่างprivate น่าจะเหมาะสมมากกว่า แต่กลายเป็นว่า มันได้กลายเป็นประเด็นร้อนที่ให้โลกออนไลน์ตามขุดคุ้ยและโจมตีกันไปมา ยิ่งไปกว่านั้น คอมเมนท์ที่ชื่นชมJamie Spears ก็ยิ่งทำให้แฟนของ Brit มองเขาอย่างมีอคติมากขึ้นไปอีก


แม้จะมีผู้ส่งกำลังใจล้นหลามไปถึง Brit แต่ก็กระแสตอบรับก็แตกแยกออกไปหลายรูปแบบ บางคนฟันธงว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องเชื่อคำพูดเด็กที่บ่งชี้ไม่สามารถยอมรับพฤติกรรมบางอย่างของแม่ ลูกชายอาจจะไม่ได้อึดอัดคับข้องใจเรื่องผู้เป็นพ่อไม่ได้ทำงานเป็นหลักแหล่งและมีรายได้น้อย แต่อาจจะมีเหตุการณ์เบื้องหลังที่คนภายนอกไม่รับรู้ สำหรับโลกที่ก้าวไปสู่ความเท่าเทียม ฝ่ายที่มีรายได้น้อยกว่าย่อมมีสิทธิ์เรียกร้องขอค่าเลี้ยงดูบุตรจากอดีตคู่สมรส ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย และคนภายนอกไม่ควรมองเรื่องนี้อย่างอคติเพราะ Kevin มีชีวิตสุขสบายจากเงินค่าเลี้ยงดูมาหลายปี เพราะผู้หญิงอีกหลายคนก็อยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความรู้สึกของลูกๆที่ยังอายุน้อยและยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับปัญหาของผู้ใหญ่ได้อย่างถ่องแท้ ทำให้มีผู้แสดงความวิตกกังวลแทนว่า นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของรอยร้าวที่ยกจะประสาน และทำให้แม่ลูกที่รักกันต้องเหินห่างกันไปจนยากจะปรับความเข้าใจ







candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE