หลากหลายมุมมองparentingจากคุณแม่เซเลบ
candy 35 12Single Mum By Choice
คำว่า 'การตัดสินใจเลือกที่จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวด้วยตัวเอง' ดูจะยังไม่แพร่หลายในสังคมเอเชีย จากกฏหมายและค่านิยมในบางประเทศที่ทำให้ยังมีข้อจำกัดสำหรับผู้หญิงที่ปรารถนาจะมีทายาท โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีคู่ครอง ซึ่งแม้แต่ในอเมริกา ก็ยังเป็นเรื่องที่แบ่งแยกความเห็นเป็นหลายฝ่าย ไม่เว้นแต่คุณแม่ยุคใหม่แห่ง Hollywood ที่กลายมาเป็น single mom ทั้งวิธีอุปการบุตรบุญธรรม หรือการใช้ใช้เทคโนโลยีทางแพทย์เข้ามาช่วย
Lucy Liu คือหนึ่งในกลุ่ม single mom by choice ในวัย 46 ปี เธอได้ต้อนรับเลือดเนื้อเชื้อไขคนแรกที่ถือกำเนิดขึ้นมาด้วยวิธีอุ้มบุญท่ามกลางความ surprise ของผู้คนทั่วไป
"ฉันเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวจากวิธีอุ้มบุญค่ะ และฉันรู้ดีว่าผู้คนมีแนวคิดแตกต่างกันต่อกระบวนการนี้ แต่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่พวกเค้าจะเปิดใจยอมรับว่า ขั้นตอนในการให้กำเนิดนั้นไม่ได้สำคัญเหมือนกับการทำหน้าที่ดูแลลูกและให้ความรักต่อครอบครัว"
แต่เธอไม่ได้คาดคิดว่า การตัดสินใจมีลูกเมื่อตัวเองมีความพร้อมจะดึงดูดเสียงวิจารณฺ์ในแง่ลบว่า เธอเลือกวิธีที่ฝืนธรรมชาติและยังไม่คำนึงถึงจิตใจของลูกที่จะต้องเติบโตขึ้นมาโดยที่ขาดพ่อ!
"เพื่อนฉันแนะว่า อย่าไปฟังเสียงนกเสียงกา ฉันไม่คิดเลยว่าคนอื่นจะพูดกันไปทางเสียหาย"
"คุณไม่จำเป็นจะต้องมีครอบครัวตามแนวคิดประเพณีที่สืบทอดกันมา มันสำคัญที่ว่าคุณให้ความรักกับครอบครัวเช่นไร คุณได้ให้ความรักและวิธีเลี้ยงดูลูกต่างหากที่สำคัญที่สุด มันเป็นสิ่งที่ช่วยสนับสนุระบบครอบครัวอย่างแท้จริง"
คุณแม่ A List ที่ค้นพบว่าลูกเป็น trans
การเลี้ยงดูเด็กที่เป็น trans ถูกมองเป็นประเด็นเปราะบางที่ก่อให้เกิดการแสดงความเห็นขัดแย้งกันมายาวนาน ในสังคมอเมริกัน ยังมีผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่า ไม่ควรปล่อยให้เด็กแสดงตัวตนไม่ตรงกับเพศที่ติดตัวมาแต่กำเนิด โดยเฉพาะการเข้าสู่กระบวนการแปลงเพศ เช่น การรับฮอร์โมน การแต่งกายและแสดงออก เพราะเด็กยังไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องสำคัญเพียงนี้ได้ด้วยตัวเอง และยังวิตกว่า หากสนับสนุนให้เด็ก identify ของตัวเองว่าเป็น trans แล้วพวกเค้าจะต้องเผชิญกับแรงกดดันจากคนรอบข้าง ความทุกข์ใจเมื่อถูกตัดสินและต่อต้านเพราะความแตกต่างอาจจะทำให้เด็กๆทุกข์ทรมานจิตใจจนเจ็บป่วยทางจิตเวช
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแรงต่อต้าน แต่พ่อแม่อีกไม่น้อยที่ได้ยืนหยัดปกป้องลูกๆที่ตัดสินใจ come out เป็น trans เพราะมองเห็นความเจ็บปวดของลูกที่ต้องทนทุกข์กับการใช้ชีวิตในร่างกายที่ไม่ตรงกับตัวตนที่แท้จริงภายใน
Charlize Theron นางเอกเจ้าของรางวัลOcsar นั้นได้ใช้ชีวิตส่วนตัวห่างจาก spotlight การตัดสินใจเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวของเธอนั้นมีรูปแบบแตกต่างจาก Lucy Liu เมื่อสิบปีก่อน เธอเลือกสร้างครอบครัวด้วยการรับอุปการะเด็กจาก South Africa อันเป็นบ้านเกิดของเธอ บรรดา paparazzi ได้ติดตามภาพเธอกับ Jackson 'ลูกชาย'ตัวน้อยมานำเสนอข่าวอย่างสมำเสมอ แต่ไม่กี่ปีต่อมา ชาวเน็ทก็เริ่มตั้งข้อสงสัยกับเสื้อผ้าของ Jackson เพราะหนูน้อยหันมาใส่ชุดกระโปรงไม่ต่างจากน้องสาว หลายคนหันมาวิจารณ์วิธีการเลี้ยงดูลูกของเธอว่า ยินยอมให้ลูกแสดงออกที่ชี้ถึงเรื่องเพศเร็วเกินไป เพราะเด็กน้อยนั้นยังเด็กมากนักที่จะค้นพบตัวตนได้จริงๆ ซ้ำร้ายยังมีผู้ตั้งแง่กับเธอว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมาการใช้อภิสิทธิ์คนขาวที่รับอุปการะเด็กผิวดำมาเป็นลูก และใช้เด็กมาโชว์ราวกับเป็นพร็อพ!
ตลอดหลายปีที่ถูกจ้องมองด้วยสายตาพิพากษา ในที่สุด Charlize ก็ได้เปิดเผยว่า ลูกวัย 7 ขวบของเธอคือเด็กหญิง transgender
"ใช่ค่ะ ฉันก็เคยคิดว่าลูกเป็นเด็กผู้ชาย จนกระทั่งที่ลูกมองมาที่ฉันแล้วประกาศว่า หนูไม่ใช่ผู้ชาย มันก็เป็นดังที่เห็น ฉันมีลูกสาวแสนสวยสองคน ไม่ต่างจากพ่อแม่คนอื่น ฉันต้องการจะปกป้องและเฝ้ามองความเจิญเติบโตของพวกเธอ"
"พวกเด็กๆเกิดมาเพื่อเป็นในแบบที่พวกเค้าเป็น และค่อยๆเติบโตขึ้นมาเพื่อจะค้นหาตัวตนที่แท้จริง ฉันไม่มีสิทธิ์ไปกำหนดว่าพวกเค้าจะเป็นแบบไหน"
"หน้าที่ในการเป็นแม่ของฉันคือการเชิดชูและให้ความรักต่อลูกๆ ฉันต้องทำให้แน่ใจได้ว่าพวกเค้าจะได้รับทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อตัวตนที่พวกเค้าปรารถนา ฉันจะทุ่มเททำทุกหนทางเพื่อให้ลูกๆมีสิทธินั้นและได้รับการคุ้มครอง"
เธอยังขอร้องให้สังคมเปิดใจยอมรับการใช้สรรพนามในการเรียกลูกสาวของเธอ
"ด้วยหัวอกคนเป็นแม่แล้ว มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะแจ้งให้ทราบว่า ฉันจะรู้สึกขอบคุณหากคนอื่นๆเลือกใช้สรรพนามที่ถูกต้องสำหรับเธอ"
"ยิ่งเธอยิ่งเติบโตขึ้น ก็ยังมีคนเขียนชื่อเธอด้วยสรรพนามที่ไม่ถูกต้อง แม้แต่ฉันพูดถึงเธอออกสื่อด้วยสรรพนามที่ผิดเหมือนกัน และมันทำร้ายจิตใจเธอมากจริงๆ ฉันไม่อยากเป็นแม่แบบนั้น นี่เป็นเหตุผลที่ฉันร้องขอออกมา"
"ใช่ค่ะ ฉันก็เคยคิดว่าลูกเป็นเด็กผู้ชาย จนกระทั่งที่ลูกมองมาที่ฉันแล้วประกาศว่า หนูไม่ใช่ผู้ชาย มันก็เป็นดังที่เห็น ฉันมีลูกสาวแสนสวยสองคน ไม่ต่างจากพ่อแม่คนอื่น ฉันต้องการจะปกป้องและเฝ้ามองความเจิญเติบโตของพวกเธอ"
"พวกเด็กๆเกิดมาเพื่อเป็นในแบบที่พวกเค้าเป็น และค่อยๆเติบโตขึ้นมาเพื่อจะค้นหาตัวตนที่แท้จริง ฉันไม่มีสิทธิ์ไปกำหนดว่าพวกเค้าจะเป็นแบบไหน"
"หน้าที่ในการเป็นแม่ของฉันคือการเชิดชูและให้ความรักต่อลูกๆ ฉันต้องทำให้แน่ใจได้ว่าพวกเค้าจะได้รับทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อตัวตนที่พวกเค้าปรารถนา ฉันจะทุ่มเททำทุกหนทางเพื่อให้ลูกๆมีสิทธินั้นและได้รับการคุ้มครอง"
เธอยังขอร้องให้สังคมเปิดใจยอมรับการใช้สรรพนามในการเรียกลูกสาวของเธอ
"ด้วยหัวอกคนเป็นแม่แล้ว มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะแจ้งให้ทราบว่า ฉันจะรู้สึกขอบคุณหากคนอื่นๆเลือกใช้สรรพนามที่ถูกต้องสำหรับเธอ"
"ยิ่งเธอยิ่งเติบโตขึ้น ก็ยังมีคนเขียนชื่อเธอด้วยสรรพนามที่ไม่ถูกต้อง แม้แต่ฉันพูดถึงเธอออกสื่อด้วยสรรพนามที่ผิดเหมือนกัน และมันทำร้ายจิตใจเธอมากจริงๆ ฉันไม่อยากเป็นแม่แบบนั้น นี่เป็นเหตุผลที่ฉันร้องขอออกมา"
Charlizeอาจจะไม่ได้เปิดเผยเรื่องส่วนตัวผ่าน social media บ่อยนัก แต่ไม่ต่างจากคุณแม่คนอื่นๆ เธอก็มีเวลา makeover ที่สนุกสนานตามประสาคุณแม่และลูกสาว แม้ว่าจะถูกโจมตีว่า เธอชี้นำแนวทางที่ไม่เหมาะสมให้กับ Jackson เด็กวัยใสแค่อาจจะนึกสนุกในการแต่งหญิงในช่วงเวลาสั้นๆ ยังมีเวลาอีกมากสำหรับเด็กที่จะค้นพบตัวตนที่แท้จริง
แต่ผู้ที่มีอคติต่อเธออาจจะต้องย้อนกลับไปอ่านคำพูดของเธออีกครั้ง เธอยืนยันชัดเจนว่า ไม่ว่าเด็กๆจะเลือกเป็นแบบใด เธอก็จะคอยสนับสนุนเต็มที่
ในสังคมอเมริกัน ผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยที่ตั้งแง่กับครอบครัวที่สนับสนุนเด็กที่come outเป็น trans เพราะยึดติดว่า นี่ไม่ใช่ขั้นตอนที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือแม้แต่โจมตีว่า เด็ก trans ที่มีเพศที่ติดตัวแต่กำเนิดเป็นชายได้สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับเด็กหญิงคนอื่นๆ เช่น การเข้าสุขา การเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือร่วมกิจกรรมต่างๆกับเด็กหญิง(แต่กำเนิด) เมื่อใดก็ตามที่ปรากฏภาพลูกๆคนดังที่เคยมีรูปลักษณ์ของเด็กชาย แล้วเปลี่ยนมาแสดงออกเหมือนกับเด็กหญิง เสียงตอบรับก็ไม่ได้เต็มไปด้วยกำลังใจที่อบอุ่นเสมอไป
อีกหนึ่งครอบครัวที่ถูกจับตามองจากรอบข้าง คือ Naomi Watts และ Liev Schreiber ซึ่งแม้ว่าพวกเค้าจะแยกทางกัน แต่ก็รักษามิตรภาพและร่วมกันเลี้ยงดูลูกๆ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เองที่ผู้คนเริ่มโจษจันเรื่องของ Kai ลูกคนเล็กที่ทุกคนเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเด็กผู้ชาย และเริ่มแสดงออกเป็นเพศตรงข้ามชัดเจน แม้ว่าพ่อแม่จะไม่ได้ออกมาประกาศว่าน้อง come out หรือ identify เรื่องเพศเช่นใด แต่การสนับสนุนลูก ไม่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นใด ก็ทำให้พวกเค้าได้รับเสียงชื่นชม แต่ในขณะเดียวกัน พวกเค้าก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสายตาจ้องจับผิดได้เลย
Naomiได้เปิดเผยถึงความภาคภูมิใจในตัวลูกๆโดยไม่สำคัญว่า พวกเค้าจะแสดงออกตรงกับเพศที่ติดตัวมาแต่กำเนิดหรือไม่ เธอและอดีตสามีได้ไปร่วมให้กำลังใจ Kai ลูกคนเล็กที่สวมใส่เดรสและแต่งหน้าสวยงามในงานจบการศึกษา ทั้งสองต่างแชร์ภาพแห่งความปลื้มปิตีสู่สังคมออนไลน์ แม้จะมีเสียงจิกกัดตามมาว่า พวกเค้าโชว์ภาพลูกที่แต่งหญิงเพราะต้องการโอ้อวดความเป็นพ่อแม่สุด trendy ที่เห็นว่าเรื่องเพศทางเลือกเป็นความโก้เก๋
แต่คนเหล่านั้นเลือกที่จะเมินเฉยกับข้อเท็จจริงที่ว่า เด็กๆเพศทางเลือกจำนวนมากต้องพบอุปสรรคจากการใช้ชีวิตในสังคมที่เต็มไปด้วยอคติ พวกเค้าถูกตีตราและกีดกันว่ามีความผิดปกติ ส่งผลให้ถูก bully จนกลายเป็นรอยแผลฝังใจ หากคนในครอบครัวไม่สนับสนุนให้รักในตัวตนที่พวกเค้าเป็น แล้วเด็กๆเหล่านั้นจะค้นหาความสุขที่แท้จริงได้เช่นไร?
แต่คนเหล่านั้นเลือกที่จะเมินเฉยกับข้อเท็จจริงที่ว่า เด็กๆเพศทางเลือกจำนวนมากต้องพบอุปสรรคจากการใช้ชีวิตในสังคมที่เต็มไปด้วยอคติ พวกเค้าถูกตีตราและกีดกันว่ามีความผิดปกติ ส่งผลให้ถูก bully จนกลายเป็นรอยแผลฝังใจ หากคนในครอบครัวไม่สนับสนุนให้รักในตัวตนที่พวกเค้าเป็น แล้วเด็กๆเหล่านั้นจะค้นหาความสุขที่แท้จริงได้เช่นไร?
คุณแม่ดีไซน์เนอร์ที่หวาดหวั่นว่าลูกถูกคุกคามจาก social media
เวลาช่างหมุนไปอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานน้องน้อยแก้วตาขวัญใจของบ้าน Beckham ก็กำลังก้าวสู่วัยทีน แฟนๆของบ้านนี้ต่างชื่นชมว่า เห็นกันมาตั้งแต่ยังเป็นเบบี๋ Harper เติบขึ้นมาอย่างสดใสน่ารักสมวัย เรื่อง fashion ก็ดูโดดเด่น สมแล้วที่คุณแม่เป็นดีไซน์เนอร์
แต่เธอก็มีความวิกกังวลใจเรื่องลูกสาววัย 11 เช่นเดียวกัน
แต่เธอก็มีความวิกกังวลใจเรื่องลูกสาววัย 11 เช่นเดียวกัน
“Harper ไม่ได้ใช้ social media เราจึงไม่ต้องคอยห่วงว่าเธอจะต้องเจอกับ body-shaming แต่เมื่อได้เห็นว่าผู้คนใจร้ายใจดำกันมากขนาดไหน มันก็ทำให้ฉันรู้สึกวิตกกังวลค่ะ"
"เธอเริ่มโตขึ้นทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลง สิ่งสำคัญคือการพูดคุยสื่อสารกันในครอบครัว และเธอได้คบหาเพื่อนๆที่นิสัยดี แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เรื่องนี้ก็น่ากลัวไม่น้อยเลยค่ะ"
"เธอไม่ใช่เด็กสาวที่แต่งหน้าจัดเต็มและใส่ crop top ที่จริงเธอเคยวิจารณ์กับฉันซะด้วยซ้ำว่า แม่ขา หนูเห็นภาพสมัยแม่ยังเป็น Spice Girls แลทำใจรับกระโปรงที่แม่ใส่ไม่ได้เลยค่ะ มันสั้นเกินไปมั้ย!"
"ฉันก็โต้กลับไปว่า แน่ใจนะว่าลูกจะไม่ใส่กระโปรงสั้นแบบที่แม่เคยใส่ ลูกก็ต้องว่า ไม่อย่างแน่นอน ก็รอดูไปแล้วกันค่ะ"
"เธอเริ่มโตขึ้นทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลง สิ่งสำคัญคือการพูดคุยสื่อสารกันในครอบครัว และเธอได้คบหาเพื่อนๆที่นิสัยดี แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เรื่องนี้ก็น่ากลัวไม่น้อยเลยค่ะ"
"เธอไม่ใช่เด็กสาวที่แต่งหน้าจัดเต็มและใส่ crop top ที่จริงเธอเคยวิจารณ์กับฉันซะด้วยซ้ำว่า แม่ขา หนูเห็นภาพสมัยแม่ยังเป็น Spice Girls แลทำใจรับกระโปรงที่แม่ใส่ไม่ได้เลยค่ะ มันสั้นเกินไปมั้ย!"
"ฉันก็โต้กลับไปว่า แน่ใจนะว่าลูกจะไม่ใส่กระโปรงสั้นแบบที่แม่เคยใส่ ลูกก็ต้องว่า ไม่อย่างแน่นอน ก็รอดูไปแล้วกันค่ะ"
ว่ากันว่า ค่าใช้จ่ายแสนแพงที่มาพร้อมกับชื่อเสียงเงินทองก็คือคำพูดว่าร้ายที่กระทบต่อสมาชิกครอบครัวนั่นเอง สิ่งที่ Victoria พูดถึงไม่ได้เป็นเรื่องที่ตีโพยตีพายไปเองแต่อย่างใด แม้ว่า Harper จะเป็นเด็กหญิงวัยใส แต่บรรดา trolls ก็ไม่ได้ละเว้น ตามกล่องข้อความเว็บข่าวบันเทิงจะปรากฏคำพูดร้ายกาจเกี่ยวกับรูปร่างของน้องอยู่เสมอ คงไม่มีพ่อแม่ที่รักลูกคนใดจะยอมเห็นลูกเจ็บปวดกับเรื่อง body-shaming และถึงจุดหนึ่ง ก็คงจะไม่สามารถปิดกั้นลูกจากโลกออนไลน์ที่เต็มไปด้วยความ toxic ได้
คุณแม่ลูกหกที่สนับสนุนลูกๆให้เลือกเส้นทางถนัดโดยไม่ได้ก้าวสู่วงการ
หลายปีที่ผ่านมาพวกเรามักจะได้ยินเสียงชื่นชม Angelina Jolie จากภาพลักษณ์คุณแม่ลูกหกที่เลี้ยงดูลูกๆได้อย่างมีคุณภาพ แม้จะเกิดความขัดแย้งกับอดีตสามีจนยังไม่สามารถเจรจาหาข้อตกลงเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูได้ แต่ภาพของเด็กๆที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และค่อยๆเติบโตเพื่อเลือกเส้นทางตามที่ใจปรารถนานั้นอาจจะทำให้ผู้คนลืมเลือนไปแล้วว่า เธอเคยถูกสื่อและชาวเน็ทยัดเยียดภาพนางร้ายด้วยคำกล่าาวหาว่าทำหน้าที่หน้าที่แม่ได้บกพร่องเมื่อหลายปีก่อน
เมื่อไม่นานมานี้ บรรดาสื่อต่างแสดงความตื่นเต้นเมื่อได้รับแจ้งว่า Zahara ลูกคนรองที่ Angelia และ Brad รับอุปการะร่วมกันกำลังจะเข้าศึกษาใน Spelman College สถาบันอุดมศึกษาเอกชนสำหรับสตรีเชื้อสายผิวดำที่มีชื่อเสียงและถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม The Black Ivy League แต่นั่นไม่ได้สร้างความแปลกใจแต่อย่างใด เพราะ Zahara ได้แสดงออกอย่างแจ่มแจ้งว่า กำลังเดินตามรอยคุณแม่ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นเรื่องงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ นับตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิง เธอได้ร่วมเดินทางไปทั่วโลกกับ Angelina เพื่อเข้าร่วมโครงการด้านมนุษยธรรมต่างๆ ไม่ต่างจากกับพี่น้องคนคนอื่น อย่างพี่คนโตที่เลือกเรียนด้าน Biochemistry ที่ Yonsei University ในประเทศเกาหลีใต้ นอกจากภาษาอังกฤษ เขายังพูดภาษาฝรั่งเศสและรัสเซียนได้อย่างคล่องแคล่ว (เขาได้เลือกเรียนสาขาภาษารัสเซียนและภาษาเกาหลี แต่สถานการณ์โรคระบาดทำให้ต้องกลับมาเรียนออนไลน์อยู่พักใหญ่) ส่วนน้องๆก็สนใจเรียนภาษาต่างประเทศเช่นเดียวกัน
เมื่อสามปีก่อน Angelina ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ลูกๆไม่ต้องการจะทำอาชีพนักแสดงเลย แม้เธอจะเคยขอให้พวกเค้ามาเป็นนักแสดงรับเชิญปรากฏตัวแว้บๆในหนัง แม้ Vivien เคยรับบทเป็นเจ้าหญิง Aurora ตอนอายุ 5 ขวบ แต่พวกเค้าจะดูไม่สนใจเรื่อการทำงานหน้ากล้อว
"พวกเค้าสนใจเรื่องงานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หรือธุรกิจอะไรแบบนั้นค่ะ"
หากเปรียบเทียบกับภาพลักษณ์ของ Angelina ในอดีต เสียงยกย่องเกรียวกราวจากสื่อนั้นเหมือนกับตลกร้าย เพราะแทบลอยด์เคยปล่อยข่าวให้ครอบครัวของเธอเหมือนกับพวกอภิสิทธิ์ชนที่ใช้หลุดโลก
- โจมตีว่า เธอเลี้ยงดูลูกแบบไร้กฎระเบียบจนครอบครัวเละเทะไปหมด ไม่กำหนดเวลาเข้านอน ไม่ให้ไปโรงเรียน ปล่อยให้กินแต่ junk food
- เรื่องfashion และการแสดงออกแบบทอมบอยของ Shiloh ก็ทำให้คนเป็นแม่ถูก;กล่าวโทษว่า ชักจูงลูกไปในทางที่ไม่เหมาะสม โดยชี้ว่า เธอต้นเหตุให้ลูกมีพฤติกรรม 'ผิดเพศ' (โดยที่ไม่เอ่ยปากเกี่ยวกับพ่อ)
จากตัวอย่างพาดหัวข่าวที่สื่อยกมาเสี้ยมให้ผู้คนมองว่า Angelina เป็นแม่ที่บกพร่องและไม่ปกติช่างแตกต่างจากปัจจุบัน เมื่อมีการเปิดเผยชัดเจนว่า ลูกๆของเธอเรียนได้ดี พูดได้หลายภาษา ไม่มีข่าวเสียหาย ส่วน style ที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกสาวนั้นสร้างความตื่นเต้นใหญ่โต สื่อที่เคยจิกกัดเธอหันมายกยอว่า Shiloh เปลี่ยนลุคสาวห้าวมาเป็น teen idol ทั้งๆที่เป็นเรื่องปกติเด็กๆจะผ่าน phase ที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว พวกเราได้ยินคนที่สาวสวยลุค feminine ยอมรับว่า ในสมัยเด็กก็เคยอินกับ fashion แบบเด็กผู้ชายและผมสั้นกุด แต่กลายเป็นว่า คุณแม่คนดังที่ให้อิสระกับลูกได้ทดลองสิ่งต่างๆที่ชื่นชอบต้องเจอคำครหาจากสังคม
การหอบหิ้วลูกๆไปตามประเทศต่างๆเพื่อทำงาน ทั้งการแสดงหนังและงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทำให้ Angelina ถูกจับผิดว่า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาของเด็กๆทั้งหกคน จากเสียงเล่าลือว่า พวกเค้าเล่าเรียนกับ private tutors แบบ homeschool มาโดยตลอดจนขาดการเรียนรู้ในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่แท้จริงแล้ว แม้จะผ่านการเรียนอยู่ที่บ้านมาก่อน แต่พวกเค้าก็ได้เข้าเรียนในโรงเรียนเช่นกัน เพียงแต่พยายามรักษาความเป็นส่วนตัว ไม่ให้ถูกpaparazzi รบกวน ส่วนเรื่องประสิทธิภาพทางการศึกษา ก็น่าจะพิสูจน์ได้ชัดเจนจากมหาวิทยาลัยของลูกๆทั้งสอง Maddox เรียนในสถาบันที่ขึ้นชื่อว่าเป็น top 3 ของเกาหลีใต้ ส่วน Zahara ก็ผ่านเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยประวัติศาสตร์และศิลปศาสตร์สำหรับสตรีผิวดำที่ติดโผ Black Ivy League
ภาพของ Angelina ตอนไปส่งลูกที่มหาวิทยาลัยที่ดูยิ้มแย้มแจ่มใสในขณะที่ต้องกลั้นน้ำตาไว้นั้นไม่ได้แตกต่างจากแม่คนอื่นที่ทั้งปลื้มใจและอาลัยอาวรณ์เมื่อลูกๆได้ก้าวสู่บทบาทใหม่ในชีวิต