หลากหลายมุมมองparentingจากคุณแม่เซเลบ

35 12


Single Mum By Choice

คำว่า 'การตัดสินใจเลือกที่จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวด้วยตัวเอง' ดูจะยังไม่แพร่หลายในสังคมเอเชีย จากกฏหมายและค่านิยมในบางประเทศที่ทำให้ยังมีข้อจำกัดสำหรับผู้หญิงที่ปรารถนาจะมีทายาท โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีคู่ครอง ซึ่งแม้แต่ในอเมริกา ก็ยังเป็นเรื่องที่แบ่งแยกความเห็นเป็นหลายฝ่าย ไม่เว้นแต่คุณแม่ยุคใหม่แห่ง Hollywood ที่กลายมาเป็น single mom ทั้งวิธีอุปการบุตรบุญธรรม หรือการใช้ใช้เทคโนโลยีทางแพทย์เข้ามาช่วย

Lucy Liu คือหนึ่งในกลุ่ม single mom by choice ในวัย 46 ปี เธอได้ต้อนรับเลือดเนื้อเชื้อไขคนแรกที่ถือกำเนิดขึ้นมาด้วยวิธีอุ้มบุญท่ามกลางความ surprise ของผู้คนทั่วไป

"ฉันเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวจากวิธีอุ้มบุญค่ะ และฉันรู้ดีว่าผู้คนมีแนวคิดแตกต่างกันต่อกระบวนการนี้ แต่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่พวกเค้าจะเปิดใจยอมรับว่า ขั้นตอนในการให้กำเนิดนั้นไม่ได้สำคัญเหมือนกับการทำหน้าที่ดูแลลูกและให้ความรักต่อครอบครัว"

แต่เธอไม่ได้คาดคิดว่า การตัดสินใจมีลูกเมื่อตัวเองมีความพร้อมจะดึงดูดเสียงวิจารณฺ์ในแง่ลบว่า เธอเลือกวิธีที่ฝืนธรรมชาติและยังไม่คำนึงถึงจิตใจของลูกที่จะต้องเติบโตขึ้นมาโดยที่ขาดพ่อ!



"เพื่อนฉันแนะว่า อย่าไปฟังเสียงนกเสียงกา ฉันไม่คิดเลยว่าคนอื่นจะพูดกันไปทางเสียหาย"

"คุณไม่จำเป็นจะต้องมีครอบครัวตามแนวคิดประเพณีที่สืบทอดกันมา มันสำคัญที่ว่าคุณให้ความรักกับครอบครัวเช่นไร คุณได้ให้ความรักและวิธีเลี้ยงดูลูกต่างหากที่สำคัญที่สุด มันเป็นสิ่งที่ช่วยสนับสนุระบบครอบครัวอย่างแท้จริง"






คุณแม่ A List ที่ค้นพบว่าลูกเป็น trans

การเลี้ยงดูเด็กที่เป็น trans ถูกมองเป็นประเด็นเปราะบางที่ก่อให้เกิดการแสดงความเห็นขัดแย้งกันมายาวนาน ในสังคมอเมริกัน ยังมีผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่า ไม่ควรปล่อยให้เด็กแสดงตัวตนไม่ตรงกับเพศที่ติดตัวมาแต่กำเนิด โดยเฉพาะการเข้าสู่กระบวนการแปลงเพศ เช่น การรับฮอร์โมน การแต่งกายและแสดงออก เพราะเด็กยังไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องสำคัญเพียงนี้ได้ด้วยตัวเอง และยังวิตกว่า หากสนับสนุนให้เด็ก identify ของตัวเองว่าเป็น trans แล้วพวกเค้าจะต้องเผชิญกับแรงกดดันจากคนรอบข้าง ความทุกข์ใจเมื่อถูกตัดสินและต่อต้านเพราะความแตกต่างอาจจะทำให้เด็กๆทุกข์ทรมานจิตใจจนเจ็บป่วยทางจิตเวช

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแรงต่อต้าน แต่พ่อแม่อีกไม่น้อยที่ได้ยืนหยัดปกป้องลูกๆที่ตัดสินใจ come out เป็น trans เพราะมองเห็นความเจ็บปวดของลูกที่ต้องทนทุกข์กับการใช้ชีวิตในร่างกายที่ไม่ตรงกับตัวตนที่แท้จริงภายใน

Charlize Theron   นางเอกเจ้าของรางวัลOcsar นั้นได้ใช้ชีวิตส่วนตัวห่างจาก spotlight  การตัดสินใจเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวของเธอนั้นมีรูปแบบแตกต่างจาก Lucy Liu    เมื่อสิบปีก่อน เธอเลือกสร้างครอบครัวด้วยการรับอุปการะเด็กจาก  South Africa  อันเป็นบ้านเกิดของเธอ      บรรดา paparazzi ได้ติดตามภาพเธอกับ Jackson 'ลูกชาย'ตัวน้อยมานำเสนอข่าวอย่างสมำเสมอ   แต่ไม่กี่ปีต่อมา ชาวเน็ทก็เริ่มตั้งข้อสงสัยกับเสื้อผ้าของ Jackson    เพราะหนูน้อยหันมาใส่ชุดกระโปรงไม่ต่างจากน้องสาว    หลายคนหันมาวิจารณ์วิธีการเลี้ยงดูลูกของเธอว่า    ยินยอมให้ลูกแสดงออกที่ชี้ถึงเรื่องเพศเร็วเกินไป    เพราะเด็กน้อยนั้นยังเด็กมากนักที่จะค้นพบตัวตนได้จริงๆ     ซ้ำร้ายยังมีผู้ตั้งแง่กับเธอว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมาการใช้อภิสิทธิ์คนขาวที่รับอุปการะเด็กผิวดำมาเป็นลูก  และใช้เด็กมาโชว์ราวกับเป็นพร็อพ!

ตลอดหลายปีที่ถูกจ้องมองด้วยสายตาพิพากษา  ในที่สุด Charlize ก็ได้เปิดเผยว่า ลูกวัย 7 ขวบของเธอคือเด็กหญิง transgender


"ใช่ค่ะ ฉันก็เคยคิดว่าลูกเป็นเด็กผู้ชาย จนกระทั่งที่ลูกมองมาที่ฉันแล้วประกาศว่า หนูไม่ใช่ผู้ชาย มันก็เป็นดังที่เห็น ฉันมีลูกสาวแสนสวยสองคน ไม่ต่างจากพ่อแม่คนอื่น ฉันต้องการจะปกป้องและเฝ้ามองความเจิญเติบโตของพวกเธอ"

"พวกเด็กๆเกิดมาเพื่อเป็นในแบบที่พวกเค้าเป็น และค่อยๆเติบโตขึ้นมาเพื่อจะค้นหาตัวตนที่แท้จริง ฉันไม่มีสิทธิ์ไปกำหนดว่าพวกเค้าจะเป็นแบบไหน"

"หน้าที่ในการเป็นแม่ของฉันคือการเชิดชูและให้ความรักต่อลูกๆ ฉันต้องทำให้แน่ใจได้ว่าพวกเค้าจะได้รับทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อตัวตนที่พวกเค้าปรารถนา ฉันจะทุ่มเททำทุกหนทางเพื่อให้ลูกๆมีสิทธินั้นและได้รับการคุ้มครอง"

เธอยังขอร้องให้สังคมเปิดใจยอมรับการใช้สรรพนามในการเรียกลูกสาวของเธอ

"ด้วยหัวอกคนเป็นแม่แล้ว มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะแจ้งให้ทราบว่า ฉันจะรู้สึกขอบคุณหากคนอื่นๆเลือกใช้สรรพนามที่ถูกต้องสำหรับเธอ"

"ยิ่งเธอยิ่งเติบโตขึ้น ก็ยังมีคนเขียนชื่อเธอด้วยสรรพนามที่ไม่ถูกต้อง แม้แต่ฉันพูดถึงเธอออกสื่อด้วยสรรพนามที่ผิดเหมือนกัน และมันทำร้ายจิตใจเธอมากจริงๆ ฉันไม่อยากเป็นแม่แบบนั้น นี่เป็นเหตุผลที่ฉันร้องขอออกมา"








Charlizeอาจจะไม่ได้เปิดเผยเรื่องส่วนตัวผ่าน social media บ่อยนัก แต่ไม่ต่างจากคุณแม่คนอื่นๆ เธอก็มีเวลา makeover ที่สนุกสนานตามประสาคุณแม่และลูกสาว แม้ว่าจะถูกโจมตีว่า เธอชี้นำแนวทางที่ไม่เหมาะสมให้กับ Jackson เด็กวัยใสแค่อาจจะนึกสนุกในการแต่งหญิงในช่วงเวลาสั้นๆ ยังมีเวลาอีกมากสำหรับเด็กที่จะค้นพบตัวตนที่แท้จริง

แต่ผู้ที่มีอคติต่อเธออาจจะต้องย้อนกลับไปอ่านคำพูดของเธออีกครั้ง เธอยืนยันชัดเจนว่า ไม่ว่าเด็กๆจะเลือกเป็นแบบใด เธอก็จะคอยสนับสนุนเต็มที่

ในสังคมอเมริกัน ผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยที่ตั้งแง่กับครอบครัวที่สนับสนุนเด็กที่come outเป็น trans เพราะยึดติดว่า นี่ไม่ใช่ขั้นตอนที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือแม้แต่โจมตีว่า เด็ก trans ที่มีเพศที่ติดตัวแต่กำเนิดเป็นชายได้สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับเด็กหญิงคนอื่นๆ เช่น การเข้าสุขา การเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือร่วมกิจกรรมต่างๆกับเด็กหญิง(แต่กำเนิด) เมื่อใดก็ตามที่ปรากฏภาพลูกๆคนดังที่เคยมีรูปลักษณ์ของเด็กชาย แล้วเปลี่ยนมาแสดงออกเหมือนกับเด็กหญิง เสียงตอบรับก็ไม่ได้เต็มไปด้วยกำลังใจที่อบอุ่นเสมอไป









อีกหนึ่งครอบครัวที่ถูกจับตามองจากรอบข้าง คือ Naomi Watts และ Liev Schreiber ซึ่งแม้ว่าพวกเค้าจะแยกทางกัน แต่ก็รักษามิตรภาพและร่วมกันเลี้ยงดูลูกๆ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เองที่ผู้คนเริ่มโจษจันเรื่องของ Kai ลูกคนเล็กที่ทุกคนเข้าใจมาตลอดว่าเป็นเด็กผู้ชาย และเริ่มแสดงออกเป็นเพศตรงข้ามชัดเจน แม้ว่าพ่อแม่จะไม่ได้ออกมาประกาศว่าน้อง come out หรือ identify เรื่องเพศเช่นใด แต่การสนับสนุนลูก ไม่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นใด ก็ทำให้พวกเค้าได้รับเสียงชื่นชม  แต่ในขณะเดียวกัน พวกเค้าก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสายตาจ้องจับผิดได้เลย
Naomiได้เปิดเผยถึงความภาคภูมิใจในตัวลูกๆโดยไม่สำคัญว่า พวกเค้าจะแสดงออกตรงกับเพศที่ติดตัวมาแต่กำเนิดหรือไม่    เธอและอดีตสามีได้ไปร่วมให้กำลังใจ Kai ลูกคนเล็กที่สวมใส่เดรสและแต่งหน้าสวยงามในงานจบการศึกษา ทั้งสองต่างแชร์ภาพแห่งความปลื้มปิตีสู่สังคมออนไลน์   แม้จะมีเสียงจิกกัดตามมาว่า พวกเค้าโชว์ภาพลูกที่แต่งหญิงเพราะต้องการโอ้อวดความเป็นพ่อแม่สุด trendy ที่เห็นว่าเรื่องเพศทางเลือกเป็นความโก้เก๋

แต่คนเหล่านั้นเลือกที่จะเมินเฉยกับข้อเท็จจริงที่ว่า เด็กๆเพศทางเลือกจำนวนมากต้องพบอุปสรรคจากการใช้ชีวิตในสังคมที่เต็มไปด้วยอคติ พวกเค้าถูกตีตราและกีดกันว่ามีความผิดปกติ ส่งผลให้ถูก bully จนกลายเป็นรอยแผลฝังใจ หากคนในครอบครัวไม่สนับสนุนให้รักในตัวตนที่พวกเค้าเป็น แล้วเด็กๆเหล่านั้นจะค้นหาความสุขที่แท้จริงได้เช่นไร?


คุณแม่ดีไซน์เนอร์ที่หวาดหวั่นว่าลูกถูกคุกคามจาก social media
เวลาช่างหมุนไปอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานน้องน้อยแก้วตาขวัญใจของบ้าน Beckham ก็กำลังก้าวสู่วัยทีน   แฟนๆของบ้านนี้ต่างชื่นชมว่า เห็นกันมาตั้งแต่ยังเป็นเบบี๋  Harper เติบขึ้นมาอย่างสดใสน่ารักสมวัย เรื่อง fashion ก็ดูโดดเด่น สมแล้วที่คุณแม่เป็นดีไซน์เนอร์

แต่เธอก็มีความวิกกังวลใจเรื่องลูกสาววัย 11 เช่นเดียวกัน
“Harper ไม่ได้ใช้ social media  เราจึงไม่ต้องคอยห่วงว่าเธอจะต้องเจอกับ body-shaming   แต่เมื่อได้เห็นว่าผู้คนใจร้ายใจดำกันมากขนาดไหน  มันก็ทำให้ฉันรู้สึกวิตกกังวลค่ะ"


"เธอเริ่มโตขึ้นทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลง สิ่งสำคัญคือการพูดคุยสื่อสารกันในครอบครัว และเธอได้คบหาเพื่อนๆที่นิสัยดี แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เรื่องนี้ก็น่ากลัวไม่น้อยเลยค่ะ"



"เธอไม่ใช่เด็กสาวที่แต่งหน้าจัดเต็มและใส่ crop top ที่จริงเธอเคยวิจารณ์กับฉันซะด้วยซ้ำว่า แม่ขา หนูเห็นภาพสมัยแม่ยังเป็น Spice Girls แลทำใจรับกระโปรงที่แม่ใส่ไม่ได้เลยค่ะ มันสั้นเกินไปมั้ย!"

"ฉันก็โต้กลับไปว่า แน่ใจนะว่าลูกจะไม่ใส่กระโปรงสั้นแบบที่แม่เคยใส่ ลูกก็ต้องว่า ไม่อย่างแน่นอน ก็รอดูไปแล้วกันค่ะ"

ว่ากันว่า ค่าใช้จ่ายแสนแพงที่มาพร้อมกับชื่อเสียงเงินทองก็คือคำพูดว่าร้ายที่กระทบต่อสมาชิกครอบครัวนั่นเอง  สิ่งที่  Victoria พูดถึงไม่ได้เป็นเรื่องที่ตีโพยตีพายไปเองแต่อย่างใด  แม้ว่า   Harper จะเป็นเด็กหญิงวัยใส  แต่บรรดา trolls ก็ไม่ได้ละเว้น  ตามกล่องข้อความเว็บข่าวบันเทิงจะปรากฏคำพูดร้ายกาจเกี่ยวกับรูปร่างของน้องอยู่เสมอ     คงไม่มีพ่อแม่ที่รักลูกคนใดจะยอมเห็นลูกเจ็บปวดกับเรื่อง body-shaming และถึงจุดหนึ่ง ก็คงจะไม่สามารถปิดกั้นลูกจากโลกออนไลน์ที่เต็มไปด้วยความ toxic  ได้  


คุณแม่ลูกหกที่สนับสนุนลูกๆให้เลือกเส้นทางถนัดโดยไม่ได้ก้าวสู่วงการ

หลายปีที่ผ่านมาพวกเรามักจะได้ยินเสียงชื่นชม Angelina Jolie จากภาพลักษณ์คุณแม่ลูกหกที่เลี้ยงดูลูกๆได้อย่างมีคุณภาพ แม้จะเกิดความขัดแย้งกับอดีตสามีจนยังไม่สามารถเจรจาหาข้อตกลงเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูได้ แต่ภาพของเด็กๆที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และค่อยๆเติบโตเพื่อเลือกเส้นทางตามที่ใจปรารถนานั้นอาจจะทำให้ผู้คนลืมเลือนไปแล้วว่า เธอเคยถูกสื่อและชาวเน็ทยัดเยียดภาพนางร้ายด้วยคำกล่าาวหาว่าทำหน้าที่หน้าที่แม่ได้บกพร่องเมื่อหลายปีก่อน 


เมื่อไม่นานมานี้ บรรดาสื่อต่างแสดงความตื่นเต้นเมื่อได้รับแจ้งว่า Zahara ลูกคนรองที่ Angelia และ Brad รับอุปการะร่วมกันกำลังจะเข้าศึกษาใน Spelman College สถาบันอุดมศึกษาเอกชนสำหรับสตรีเชื้อสายผิวดำที่มีชื่อเสียงและถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม The Black Ivy League แต่นั่นไม่ได้สร้างความแปลกใจแต่อย่างใด เพราะ Zahara ได้แสดงออกอย่างแจ่มแจ้งว่า กำลังเดินตามรอยคุณแม่ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นเรื่องงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ นับตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิง เธอได้ร่วมเดินทางไปทั่วโลกกับ Angelina เพื่อเข้าร่วมโครงการด้านมนุษยธรรมต่างๆ ไม่ต่างจากกับพี่น้องคนคนอื่น อย่างพี่คนโตที่เลือกเรียนด้าน Biochemistry ที่ Yonsei University ในประเทศเกาหลีใต้ นอกจากภาษาอังกฤษ เขายังพูดภาษาฝรั่งเศสและรัสเซียนได้อย่างคล่องแคล่ว (เขาได้เลือกเรียนสาขาภาษารัสเซียนและภาษาเกาหลี แต่สถานการณ์โรคระบาดทำให้ต้องกลับมาเรียนออนไลน์อยู่พักใหญ่) ส่วนน้องๆก็สนใจเรียนภาษาต่างประเทศเช่นเดียวกัน


เมื่อสามปีก่อน Angelina ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ลูกๆไม่ต้องการจะทำอาชีพนักแสดงเลย แม้เธอจะเคยขอให้พวกเค้ามาเป็นนักแสดงรับเชิญปรากฏตัวแว้บๆในหนัง แม้ Vivien เคยรับบทเป็นเจ้าหญิง Aurora ตอนอายุ 5 ขวบ แต่พวกเค้าจะดูไม่สนใจเรื่อการทำงานหน้ากล้อว

"พวกเค้าสนใจเรื่องงานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หรือธุรกิจอะไรแบบนั้นค่ะ"





หากเปรียบเทียบกับภาพลักษณ์ของ Angelina ในอดีต เสียงยกย่องเกรียวกราวจากสื่อนั้นเหมือนกับตลกร้าย เพราะแทบลอยด์เคยปล่อยข่าวให้ครอบครัวของเธอเหมือนกับพวกอภิสิทธิ์ชนที่ใช้หลุดโลก

  • โจมตีว่า   เธอเลี้ยงดูลูกแบบไร้กฎระเบียบจนครอบครัวเละเทะไปหมด ไม่กำหนดเวลาเข้านอน ไม่ให้ไปโรงเรียน  ปล่อยให้กินแต่ junk food
  • เรื่องfashion และการแสดงออกแบบทอมบอยของ Shiloh ก็ทำให้คนเป็นแม่ถูก;กล่าวโทษว่า ชักจูงลูกไปในทางที่ไม่เหมาะสม   โดยชี้ว่า เธอต้นเหตุให้ลูกมีพฤติกรรม 'ผิดเพศ'   (โดยที่ไม่เอ่ยปากเกี่ยวกับพ่อ)
จากตัวอย่างพาดหัวข่าวที่สื่อยกมาเสี้ยมให้ผู้คนมองว่า Angelina เป็นแม่ที่บกพร่องและไม่ปกติช่างแตกต่างจากปัจจุบัน เมื่อมีการเปิดเผยชัดเจนว่า ลูกๆของเธอเรียนได้ดี  พูดได้หลายภาษา ไม่มีข่าวเสียหาย     ส่วน style  ที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกสาวนั้นสร้างความตื่นเต้นใหญ่โต  สื่อที่เคยจิกกัดเธอหันมายกยอว่า Shiloh เปลี่ยนลุคสาวห้าวมาเป็น teen idol    ทั้งๆที่เป็นเรื่องปกติเด็กๆจะผ่าน phase ที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว  พวกเราได้ยินคนที่สาวสวยลุค feminine ยอมรับว่า ในสมัยเด็กก็เคยอินกับ fashion แบบเด็กผู้ชายและผมสั้นกุด    แต่กลายเป็นว่า คุณแม่คนดังที่ให้อิสระกับลูกได้ทดลองสิ่งต่างๆที่ชื่นชอบต้องเจอคำครหาจากสังคม 


การหอบหิ้วลูกๆไปตามประเทศต่างๆเพื่อทำงาน ทั้งการแสดงหนังและงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทำให้ Angelina ถูกจับผิดว่า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาของเด็กๆทั้งหกคน จากเสียงเล่าลือว่า พวกเค้าเล่าเรียนกับ private tutors แบบ homeschool มาโดยตลอดจนขาดการเรียนรู้ในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่แท้จริงแล้ว แม้จะผ่านการเรียนอยู่ที่บ้านมาก่อน แต่พวกเค้าก็ได้เข้าเรียนในโรงเรียนเช่นกัน เพียงแต่พยายามรักษาความเป็นส่วนตัว ไม่ให้ถูกpaparazzi รบกวน ส่วนเรื่องประสิทธิภาพทางการศึกษา ก็น่าจะพิสูจน์ได้ชัดเจนจากมหาวิทยาลัยของลูกๆทั้งสอง Maddox เรียนในสถาบันที่ขึ้นชื่อว่าเป็น top 3 ของเกาหลีใต้ ส่วน Zahara ก็ผ่านเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยประวัติศาสตร์และศิลปศาสตร์สำหรับสตรีผิวดำที่ติดโผ Black Ivy League


ภาพของ  Angelina ตอนไปส่งลูกที่มหาวิทยาลัยที่ดูยิ้มแย้มแจ่มใสในขณะที่ต้องกลั้นน้ำตาไว้นั้นไม่ได้แตกต่างจากแม่คนอื่นที่ทั้งปลื้มใจและอาลัยอาวรณ์เมื่อลูกๆได้ก้าวสู่บทบาทใหม่ในชีวิต   


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE