สัญญาณจากคนดังก่อนจากโลกไป

33 14
เหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในวงการบันเทิงเกาหลีใต้ทำให้ผู้คนหันมา highlight ความเสี่ยงของสุขภาพทางจิตใจที่เกิดขึ้นในกลุ่มอาชีพคนบันเทิง  ปัญหาสังคมที่ปลูกรากฝังลึกมายาวนานทำให้เกาหลีใต้กลายมาเป็นประเทศที่อัตราการฆ่าตัวตายสูงติด top 5 ของโลก กลายมาเป็นหนึ่งในประเทศเสรีประชาธิปไตยพัฒนาแล้วที่มีตัวเลขการฆ่าตัวตายสูงสุด  (หากไล่เรียงประเทศที่ติด top10 จะพบว่าส่วนใหญ่เป็นประเทศยากจน)  แต่ความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุกลับสวนทางกับวิกฤติความเจ็บป่วยทางจิตใจที่รุมเร้าจนทำให้หลายคนจบชีวิตตัวเอง  

ในขณะที่มีผู้วิเคราะห์ว่า ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวได้บีบคั้นให้ประชาชนเกิดความเครียดจนสุขภาพจิตเสีย ส่งผลให้อัตราการฆ่าตัวตายพุ่งทะยานไปสูงขนาดนั้น   แต่ศิลปินดาราที่ประสบความสำเร็จสร้างรายได้สูงตั้งแต่ยังอายุน้อยกลับเป็นผู้มีความเสี่ยงสูงที่จะต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยทางจิตใจ จากการตีแผ่เบื้องหลังที่น่าหดหู่ของหนุ่มสาวที่พยายามก้าวสู่ความเป็นดาวที่เปล่งประกายงดงาม จนไม่น่าแปลกใจว่า เหตุใดเราจึงได้พบกับข่าวร้ายเรื่องคนดังปลิดชีวิตตัวเองกันแทบทุกปี


การเสียชีวิตของมุนบิน Astro ที่ผู้คนยังค้างคาใจ: ปัญหาสุขภาพหรือฆ่าตัวตาย?


ข่าวการจากไปกะทันหันของสมาชิก boy band ชื่อดังที่สร้างความเศร้าโศกให้กับแฟนๆ K Pop จากรายงานว่ามีความน่าสงสัยว่าจะเกิดจากการฆ่าตัวตาย แต่กระแสในโลกออนไลน์ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นความข้องใจในสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง จากการส่งต่อข้อมูลที่อ้างว่าเป็นคำแถลงการณ์จากครอบครัวของไอดอลผู้ล่วงลับว่า เขามีอาการโรคหลอดเลือดสมองและประสบปัญหาสุขภาพจากความดันในเลือดสูงและโรคหัวใจ

แต่แท้จริงแล้ว  นอกเหนือไปจากคำขอร้องจากต้นสังกัดที่ขอร้องให้ผู้คนเคารพในความเป็นส่วนตัวของครอบครัวมุนบิน ก็ยังไม่มีคำแถลงการณ์เป็นทางการจากครอบครัวของเขา   สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนปัจจัยแวดล้อมต่างๆและรอผลจากการชันสูตร 
การต่อสู้กับความเจ็บป่วยทางจิตใจของมุนบิน

แม้จะอายุเพียง 25 แต่มุนบินได้เริ่มทำงานในวงการบันเทิงมาในฐานะนายแบบเด็กและเข้าร่วมกับ Fantagio เพื่อฝึกฝนเป็นไอดอลในวัย 11ขวบเท่านั้น หลังจากทุ่มเทมาถึงเจ็ดปี เขาก็ได้เดบิวท์สู่วงการ K Pop ได้สำเร็จ อนาคตในวงการก็ดูสดใส เพิ่งจะประกาศว่าจะร่วมขึ้นแสดงใน Dream Concert ที่ปูซานกับซานฮา เพื่อนร่วมวงที่ร่วมจับคู่ดูโอด้วยกัน

แต่การใช้ชีวิตไอดอลฝึกหัดที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดมานาน อาจจะส่งผลร้ายต่อสภาพจิตใจของพวกเค้า มุนบินเคยเปิดเผยว่า เขาต้องเผชิญกับโรควิตกกังวลมาตั้งแต่ยังอายุน้อย และตัดสินใจรับการบำบัดจากจิตแพทย์ นอกจากจะควบคุมอาการด้วยยา ก็ยังเลือกใช้วิธีออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย และได้รับกำลังใจความช่วยเหลือจากคนในครอบครัว เขายังได้เรียกร้องให้ผู้คนเปิดใจพูดเรื่องสุขภาพจิตและรับความช่วยเหลือต่างๆเพื่อเยียวยาจิตใจมาแล้ว

"มันเป็นสิ่งเราควรให้ความสำคัญและพยายามร่วมสนับสนุนเกื้อกูลกันครับ"











สัญญาณ:  การพักงานเพื่อเยียวยาตัวเอง
ภายใต้รอยยิ้มอาจจะมีปัญหาหนักหน่วงซ่อนอยู่

ย้อนไปในปี 2019 ต้นสังกัดได้ประกาศว่า มุนบินของดร่วมกิจกรรมต่างๆร่วมกับวง ASTRO ชั่วคราว เนื่องจากวางแผนฟื้นฟูตัวเองจากอาการเจ็บป่วย หลังจากได้รับการวินิจฉัยจากโรงพยาบาล และได้รับคำแนะนำว่า จำเป็นจะต้องพักผ่อนอย่างเต็มที่

มุนบินเก็บตัวไปเพียงไม่กี่เดือนก็หวนกลับมาโลดแล่นในวงการ จนกระทั่งการออกทัวร์ต่างประเทศ หากมองจากรอยยิ้มที่สดใสและการแสดงความตื่นเต้นในโพรเจคท์ใหม่นั้นยิ่งดูเป็นเรื่องยากที่แฟนๆจะทำใจรับได้ และมองว่าดูไม่มีวี่แววใดๆที่จะเกิดความสูญเสีย แต่ถ้าหากมุนบินเลือกจบชีวิตตัวเองจริงๆ ก็ตรงกับอีกกรณีที่ผู้ประสบปัญหา mental illness หลายคนอำพรางความเจ็บปวดในใจได้อย่างแนบเนียน จนคนนอกสัมผัสไม่ได้ว่า พวกเค้ากำลังอยู่ในภาวะ suicidal
สัญญาณ:  สัมภาษณ์ที่เกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย


เมื่อปีที่แล้ว นิตยสาร Cosmopolitan ได้ตั้งคำถามกับมุนบินว่า หากเขากลายเป็นเทวดา จะดลบันดาลให้เกิดสิ่งใด? และนี่คือคำตอบของไอดอลหนุ่มผู้จากไป

"ผมอยากจะให้โอกาสคนที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตตัวเอง แต่เราไม่ได้มาคอยคิดถึงเรื่องความตายกันนัก เราสามารถหาความสุขไปกับโมเมนท์เล็กๆ อย่างการนึกว่าวันนี้จะกินอะไรดี พรุ่งนี้จะแต่งตัวแบบไหน มันช่างเรื่องน่าเศร้าที่บางคนเลือกจบชีวิตตัวเอง"

หลังจากเกิดข่าวร้าย  การเผยแพร่ความคิดเห็นของมุนบินในอดีตก็ยิ่งทำให้หลายคนใจหาย

สัญญาณ: ไอดอลหลายคนนำเสนอผลงานที่สะท้อนปัญหา mental health


สำหรับศิลปินคนวงในที่ต้องแบกรับความกดดันเพื่อรักษาภาพลักษณ์สมบูรณ์แบบไปพร้อมกับการทุ่มเททำงานจนสุขภาพร่างกาย-จิตใจเสียหาย พวกเค้าย่อมเข้าใจถึงบาดแผลที่ถูกกรีดทับซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อย่างถ่องแท้ หลายคนพยายามถ่ายทอดประสบการณ์ผ่านผลงานดนตรีเพื่อให้สังคมได้ยอมรับเข้าใจ จองฮยอนแห่ง Shinee เคยเผยถึงความเจ็บปวดในเพลง Lonely ไว้ว่า ต้องรู้สึกผิดเพราะคิดว่าตัวเองเป็นภาระสร้างความลำบากให้กับคนที่รัก ยิ่งได้เห็นความเหน็ดเหนื่อยของอีกฝ่ายก็ยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา และขอเป็นฝ่ายกล้ำกลืนมันไว้เพียงลำพัง
เพียงไม่กี่เดือนจากนั้นเขาก็เลือกจากจากโลกนี้ไป...


สัญญาณ: คำตัดพ้อ social bullying


การเสียชีวิตของ Sulli ได้ตีแผ่ความโหดร้ายของ social media เมื่อเธอต้องต่อสู้กับ cyberbullying และการแพร่ข่าวลือโจมตีมานาน จากภาพลักษณ์ของสาวหัวขบถที่กล้าแกร่ง แต่ภายในของเธอเปราะบางจนไม่สามารถรับมือกับความเจ็บปวดได้เกินกว่านี้ หลังจากที่เธอเสียชีวิตไปแล้ว กระแสพลิกผันกลายเป็นความชื่นชมว่าเธอเปรียบเหมือนกับฮีโร่หญิงที่ต่อสู้กับความอยุติธรรม แตกต่างจากตอนที่ยังมีลมหายใจที่เธอถูกตีตราด้วยคำว่า feminist หัวรุนแรง และถูก slut shaming อย่างหนักเพราะไม่ได้แสดงออกตามความคาดหวังของสังคมที่ใช้มาตรฐานศีลธรรมจรรยาสูงลิบลิ่วมาจับผิดคนดัง



live ตัวท้ายๆของ Sulli ที่เธอตัดพ้อเหล่า haters ด้วยความเศร้าสร้อยว่า เธอไม่ใช่คนเลวร้ายแต่อย่างใด เพราะอะไรจึงต้องทิ่มแทงกันด้วยคำพูดเช่นนี้ น่าจะเป็นหนึ่งในสัญญาณที่แสดงถึงความเหนื่อยล้าที่จะฝืนทนต่อไป...


สัญญาณ: จดหมายขอบคุณแฟนๆที่มอบกำลังใจให้

หลังจากทำงานในวงการบันเทิงมา 14 ปี Sulli ได้กลั่นกรองถ้อยคำในจดหมายที่เขียนด้วยมือเพื่อส่งคำขอบคุณไปถึงแฟนๆที่ร่วมกันให้กำลังใจและสนับสนุนทั้งการเลือกใช้ชีวิตในอดีตและการวางแผนเส้นทางชีวิตในวันข้างหน้า ช่วยทำให้เธอหยุดคิดมากและไม่หมกมุ่นกับเรื่องที่ผ่านมา รู้สึกได้ว่า ไม่ควรใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย เพราะมีคนมากมายอยู่เคียงข้างและได้สร้างความทรงจำอันล้ำค่า และเธอก็ปรารถนาจะให้ความอบอุ่นกับคนอื่นๆเช่นกัน



จดหมายอาจจะฟังดูซาบซึ้งใจ แต่หากมองอีกด้าน ก็คล้ายกับจะแฝงเป็นนัยๆว่า เธอเคยผ่านจุดที่เปล่าเปลี่ยวและท้อแท้อย่างหนักมาแล้ว และแม้ว่าจะได้พลังใจจากแฟนๆจนเข้มแข็งขึ้นมา ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะไม่ดำดิ่งเข้าไปในความคิดที่มืดมนอีก



สัญญาณ: การยอมรับถึงความเจ็บปวดจาก cyberbullying ถูกด้อยค่าว่าเป็นแค่พฤติกรรมเรียกร้องความสนใจจอมปลอม


concept ของรายการ Night of Hate Comments ที่จับเอาคนดังเกาหลีมาอ่านคำพูดทำร้ายจิตใจจากชาวเน็ทนั้นอาจจะทำให้คิดถึงช่วง Celebrities Read Mean Tweets ของ Jimmy Kimmel ที่ขายอารมณ์ขันเจ็บแสบ แต่ทางฝั่งเกาหลีนั้นได้รวบรวมคำพูดรุนแรงอย่าง
"คนอย่างเธอ สถาบันจิตเวชก็ช่วยเยียวยาไม่ได้"
"ยอมรับแล้วล่ะสิว่าแค่เรียกร้องความสนใจ"
"เอาเธอไปตรวจหาสารเสพติดซะเหอะ"
ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องขำขันแต่ชวนเหนื่อยใจแทนมากกว่า

ท่าทางที่เยือกเย็นของ Sulli ในขณะอ่านความเห็นเกลียดชังเหล่านี้อาจจะทำให้คนมองว่า เธอก้าวผ่านเรื่องย่ำแย่เหล่านี้มาได้สบายๆ แต่เธอยอมรับว่า แบ่งขั้วการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ต้องเสแสร้งนำเสนอตัวตน Sulli ที่มีความสุขสดใส แต่ตัวตนของชเว จินรีในชีวิตจริงนั้นช่างมืดมนเจ็บปวด ก่อนที่เธอจะจบชีวิตตัวเอง ก็ถูกพิพากษาว่าหิวแสงจนใช้เรื่องความเจ็บป่วยทางจิตใจมาเรียกร้องขอความเห็นใจ แต่เมื่อเธอจากไปไม่มีวันกลับ กลับถูกยกให้เป็นตัวแทนที่อุทิศตนเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหา mental health

แต่กว่าผู้คนจะรู้คุณค่าของเธอนั้นก็สายเกินไป

(ผู้จัดตัดสินใจถอดช่วงที่  Sulli  ปรากฏตัวในรายการนี้ออกไป เพราะได้สร้างความกระทบกระเทือนใจให้กับคนในสังคม)
"ดูเหมือนว่าฉันถูกปล่อยให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวในโลกนี้"   Sulli อธิบายในรายการวาไรตี้ Truth Shop ถึงประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นหลังจากเธอตัดสินใจถอนตัวจากวง f(x) ก่อให้เกิดข่าวลือเสียหายตามมาว่า
"ฉันคิดว่าเป็นเพราะฉันเข้าวงการมาตั้งแต่เด็ก แต่ค่อยจะมีใครมองฉันว่ายังเด็กอยู่ มันเคยมีเรื่องราวน่ากลัวมาหลายครั้ง ไม่ว่าพวกเค้าจะสั่งให้ทำอะไร ฉันก็ทำตามไปหมดโดยไม่รู้เหตุผลด้วยซ้ำว่าเพราะอะไรฉันจะต้องทำ มันมาถึงจุดที่ฉันถามตัวเองว่าทำมันไปทำไม มันไม่เหมาะกับตัวฉันเลย"
"ฉันหวาดหวั่นและไม่มั่นใจในเรื่องของอนาคต ฉันพยายามปกป้องตัวเองเท่าที่จะทำได้ แต่เมื่อต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสกลับไม่มีใครยอมรับฟังฉันเลย"





Amber Liu  เผยประสบการณ์ตรง:  นอกจากไอดอลจะเผชิญปัญหาสุขภาพจิตเสียจากแรงกดดันหนักหน่วง  แต่สังคมไม่ยอมรับเรื่องการรับการช่วยเหลือเพื่อบำบัดเยียวยาจิตใจ

Amber ที่เข้าใจถึงสาเหตุที่เหล่าไอดอลเจ็บป่วยทางจิตใจได้อธิบายกับสื่อไว้ว่า การเริ่มเข้าวงการตั้งแต่ยังอายุน้อย ต้องทำตามคำสั่ง ทั้งการพูดจา การปรับแนวคิด และรูปลักษณ์ภายนอก ทำให้เธอต้องบอกตัวเองว่านี่คือสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อจะไล่ตามความฝันให้สำเร็จ ในช่วงแรกที่เธอมีผิวเฉดสีเข้ม ก็ต้องพยายามทำให้ขาวขึ้น ต้องลดน้ำหนักจนเจ็บป่วยเป็นโรคปฏิเสธอาหาร ไอดอลจำนวนมากถูกกดดันให้ทำศัลยกรรมเพื่อให้ดูสมบูรณ์แบบ

"เพื่อนในวงต่างก็ถามกันว่า เธอไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันเลยใช่มั้ย ฉันก็ไม่มีอะไรลงท้องเหมือนกัน มันน่ากลัวนะ ฉันผ่านประสบการณ์อดอาหารมาแล้วและเป็นการทำร้ายสุขภาพร่างกายตัวเองจริงๆ"



"พอคนอื่นรู้ว่าคุณได้รับความช่วยเหลือเพื่อรักษาเยียวยาสุขภาพจิต พวกเค้าก็บอกว่า จะรับความช่วยเหลือไปทำไม? มันประหลาดจะตาย และเป็นการสร้างตราบาปกับ mental health อย่างชัดเจน"

Amber ได้แสดงความเห็นต่อปัญหา cyberbullying ที่ผลักไส Sulli ให้จนมุมว่า

"หลังจากที่เธอเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ในการรับงานที่หลากหลาย มันเป็นภาพลักษณ์ที่แตกต่างกับตอนที่เธอเริ่มสร้างชื่อในวงการ และฉันคิดว่ามันทำให้ผู้คนต้องประหลาดใจไปตามๆกัน และฉันก็คิดอยู่ตลอดว่า โธ่เอ๋ย ปล่อยให้เธอใช้ชีวิตของเธอกันบ้างได้ไหม? ให้เธอทำงานศิลปินและนักแสดงต่อไป และนั่นคือวิถีทางของศิลปะ มันคือการถ่ายทอดความรู้สึก คุณไม่สามารถคาดหวังว่า คนๆหนึ่งจะแสดงออกเหมือนเดิมไปได้ตลอดหรอก"






สัญญาณ: ความเพิกเฉยของต้นสังกัด

เมื่อได้เห็นไอดอลรุ่นน้องเสียชีวิต ดงวันแห่งวง Shinhwa boy band รุ่นใหญ่ได้ออกมาฟาดสังคมและนายทุนที่ปล่อยให้ปัญหานี้ขยายตัว

"โลกของไอดอลนั้นมีแต่ความสุขจริงหรือ?"

"ผมได้คิดไตร่ตรองเมื่อได้เห็นข่าวไอดอลรุ่นน้องจบชีวิตตัวเองและไอดอลหญิงก็ถูกมองเป็นวัตถุทางเพศกันเกินควร มันทำให้ผมใจสลาย และรุ่นพี่อย่างเราต้องพยายามร่วมมือกันสร้างจิตสำนึกและแก้ไขปัญหานี้ด้วย"

"ไอดอลรุ่นใหม่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก ไม่ได้กินไม่ได้นอนอย่างเพียงพอ พวกผู้ใหญ่เอาแต่บงการให้พวกเค้าส่งรอยยิ้มสดใส จะต้องดูเซ็กซี่ แต่ห้ามมีเซ็กส์ จะต้องแข็งแกร่งเข้าไว้ แต่จะไปแข็งกร้าวใส่คนอื่นก็ไม่ได้ รุ่นน้องหลายคนต้องเผชิญกับศึกภายในใจ เป็นความรู้สึกขัดแย้งว่าพวกเค้าจะสามารถฝืนทนกับสิ่งเลวร้ายไปอีกสักเท่าไรและพยายามมุ่งมั่นทำงานต่อ ก็เพื่อแลกกับชื่อเสียงเงินทอง"

"พวกเราอย่าได้มองข้ามว่า การเชือนแชต่อปัญหาของบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่นั้นคือคือการแพร่เชื้อร้ายดีๆนี่เอง"










วงการ  K Pop กำลังเปลี่ยนไปจริงหรือ?

ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมดนตรี K Pop มักถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงการปฏิบัติต่อศิลปินราวกับสินค้าที่ไร้ชีวิตจิตใจ จากการฝึกฝนยาวนานและกฎระเบียบเคร่งครัดที่เปรียบเหมือนกับแม่พิมพ์หล่อหลอมไอดอลที่มีภาพลักษณ์ไร้ที่ติดึงดูดใจแฟนๆ แต่นโยบายพวกนี้ไม่ได้เอื้อพื้นที่ปลอดภัยให้กับกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ที่ใฝ่ฝันอยากจะสร้างชื่อเสียงโด่งดัง แต่หลังจากปัญหาสุขภาพจิตของไอดอลถูกตีแผ่ไปทั่วโลก ก็เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นช้าๆ Fantagio ต้นสังกัดของมุนบินและชาอินฮา (พระเอกหนุ่มที่เสียชีวิตไปเมื่อสามปีก่อน) ได้จัด mental health program สำหรับนักแสดงศิลปินในสังกัดได้ร่วมเรียนรู้การป้องกันตัวเองจากปัญหาสุขภาพจิต รวมถึงการวางมาตรการป้องกันจากรัฐบาล ผ่านหน่วยงาน Korean Creative Content Agency ในโครงการ ‘Heart Relief Bus ที่จะตระเวนไปยังกองถ่ายต่างๆเพื่อให้คำปรึกษาด้าน mental health กับดาราศิลปิน



ความเจ็บป่วยและอาการบาดเจ็บไม่ได้ส่งผลกระทบทางร่างกายเท่านั้น


แต่หลังจากมุนบินได้จากไปกะทันหัน ต้นสังกัดของเขาก็ถูกเพ่งเล็งเรื่องตารางงานที่เบียดแน่น ซึ่งในเดือนก่อน เขาก็มีอาการไข้หวัด ส่วนซานฮาก็ติด COVID ก่อนจะปล่อยตัวผลงาน comeback ในช่วงเขากำลังจะเดินทางมาแสดงที่เมืองไทย เขาก็เกิดอาการเจ็บป่วยและได้อธิบายผ่าน live ว่าช่วงนี้เผชิญกับความยากลำบาก และพยายามไม่แสดงออกระหว่างการแสดงดนตรี แต่อาจจะหลุดเผยมันออกมาบ้าง แต่ก็ฟื้นฟูให้หายดีเพื่อกลับมาสร้างความสุขให้กับแฟนๆ เมื่อเขาแสดงความรู้สึกผิดที่ป่วยจนไม่สามารถแสดงอย่างเต็มที่ และยืนยันว่า เขาเลือกทำอาชีพนี้ก็ต้องยอมรับผลกระทบที่ตามมา ทำให้ซานฮาปลอบใจว่า พวกเค้าเป็นเพียงมนุษย์ และแฟนๆย่อมเข้าใจ

บางคนมองว่า มุนบินไม่ได้หมายถึงอาการป่วยทางกายเพียงอย่างเดียว แต่เขาอาจจะต้องรับมือกับปัญหาบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายออกมาตรงๆ แต่เลือกที่จะผลักดันตัวเองเพราะไม่ต้องการให้แฟนๆผิดหวัง



การแสดงความเห็นของมุนบินได้ตอกย้ำค่านิยม no pain no gain ในสังคมนี้  พิสูจน์จากภาพไอดอลที่ฝืนทำงานทั้งๆที่ร่างกายไม่พร้อม  ใส่เครื่องพยุงคอหรือเฝือกแขนขึ้นแสดง  เป็นลมกลางเวทีจนคล้ายเป็นเรื่องปกติ  คอนเสิร์ตจบก็ถูกจับนั่งวีลแชร์ส่งตรงไปโรงพยาบาล  อย่าลืมว่า ต้นสังกัดไม่ได้ใส่ใจเรื่องโภชนาการของไอดอลแต่อย่างใด  ในขณะที่ต้องควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัดเพื่อรักษารูปร่างผอมเพรียว แม้ร่างกายจะขาดสารอาหารและน้ำแต่ต้องนำเสนอการแสดงที่เปี่ยมไปด้วยพลัง (ไม่เช่นนั้นจะถูกชาวเน็ทถล่มยับว่าขี้เกียจ)  ทั้งเจ็บตัวระหว่างซ้อมและเลือดตกยางออกกลางเวที  เมื่อไอดอลเจ็บป่วยแต่ละครั้ง ต้นสังกัดก็ส่งแถลงการณ์ว่าพวกเค้าได้รับการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์และพักผ่อนอย่างเต็มที่เพื่อฟื้นฟูร่างกาย  แต่ไม่ได้ชี้แจงถึงแนวทางส่งเสริมสุขภาพของศิลปินให้แข็งแรงเพื่อรับมือกับตารางงานหนักหน่วง  ซึ่งความเจ็บป่วยและอาการบาดเจ็บเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลต่อร่างกายเท่านั้น  แต่มันนำมาซึ่งความเครียดจากความเหนื่อยล้าและวิตกกังวลว่าอาจจะต้องพักงานหรือถูกตำหนิ


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE