รู้จักสามนักการเมืองหญิงอายุน้อยจากโลกประชาธิปไตยที่พัฒนาแล้ว

28 12
บรรยากาศที่พร่างพรูไปด้วยความหวังในการเดินหน้าครั้งใหม่ของสังคมหลังจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุด น่าจะทำให้หลายคนจินตนาการถึงความเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง   รวมถึงความตื่นเต้นกับนักการเมืองเลือดใหม่ไฟแรงที่ก้าวมาเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ เรามาลองเปิดวิสัยทัศน์จากโลกประชาธิปไตยที่เจริญแล้ว มาทำความรู้จักกับสามนักการเมืองหญิงที่มีวัยไม่ถึงสี่สิบที่มีชื่อเสียงกันดีกว่าค่ะ



Gen Z  ที่กลายมาเป็นสมาชิกรัฐสภาอายุน้อยที่สุดแห่งอังกฤษ
หากย้อนไปช่วงที่พวกเรามีอายุเพียงอายุ  22-23  จะมีสักกี่คนที่นึกาพตัวเองสมัครเข้าร่วมการเลือกตั้งเพื่อชิงตำแหน่งส.ส.?  

ราวๆสิบปีก่อน Nadia Whittome เด็กสาวจากครอบครัว immigrant เชื้อสาวอินเดียที่โยกย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ Nottingham ได้ค้นพบจุดเปลี่ยนของชีวิตตอนที่เธอมีวัยเพียง 18 ปี และพยายามเข้าสู่เส้นทางการเมือง แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องความเป็นอยู่ที่อัตคัดขัดสน

ห้าปีต่อมา เธอก็สามารถเอื้อมถึงที่นั่งรัฐสภาได้สำเร็จ เธอกลายมาเป็นส.ส.ที่อายุน้อยที่สุดจนได้รับฉายาว่า 'Baby of the House'

จากที่ไม่เคยอาศัยไกลห่างจากบ้านของแม่ และต้องคอยหางานชั่วคราวเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง สาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียที่เปิดเผยว่าเป็น queer ผู้นี้ได้บรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อชีวิตพลิกผัน หลังจากได้ก้าวเข้าร่วมทำงานในรัฐสภาที่เก่าแก่ไว้ว่า

"ฉันไม่ต้องการจะเกิดความเคยชินกับสถานที่แห่งนั้น ฉันไม่ได้มาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของระบบรัฐสภา Westminster ฉันมาที่นี่เพื่อเปลี่ยนแปลงมัน"


บริจาคเงินเดือนครึ่งหนึ่งให้กับองค์กรการกุศลทุกเดือน
จากพื้นเพของครอบครัวเชื้อสายอินเดียที่ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงตัวเองก็คงทำให้เดากันได้ทันทีว่าเธอเป็นนักการเมืองฝ่ายพรรคแรงงาน จากประสบการณ์ที่ได้เติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของแม่เลี้ยงเดี่ยวผู้แข็งแกร่ง บวกกับความเข้าอกเข้าใจถึงกลุ่มรากหญ้า กลุ่มคนที่พยายามเอาตัวรอดด้วยรายได้ขั้นต่ำด้วยความกระเสือกกระสน    เมื่อเธอต้องพบเห็นปัญหาของผู้ด้อยโอกาสอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ก็ได้หล่อหลอมให้เธอกลายเป็น 'นักสังคมนิยมประชาธิปไตย'  
แต่ด้วยวัยวุฒิและภูมิหลังคนผิวสีชนชั้นแรงงานทำให้เธอได้สัมผัสถึงการแบ่งเขาแบ่งเราในสภาผู้แทน จนทำให้รู้สึกไม่เป็นที่ต้อนรับ

"ในฐานะที่เป็นผู้หญิงอายุน้อยในสถานที่ทำงาน หลายครั้งหลายคราที่พวกเราถูกมองข้ามและถูกควบคุมบงการ สิ่งที่คนวัยหนุ่มสาวมักจะได้ยินก็คือ พวกเรามีประสบการณ์ชีวิตไม่เพียงพอ โดยเฉพาะผู้หญิงในวัยทีนและยี่สิบ หรือจะเป็นวัยสามสิบ-สี่สิบก็ยังได้ยินกันอยู่ แต่พอแต่เมื่ออายุขึ้นหลัก 5 ก็ถูกมองว่าแก่เกินไปซะแล้ว ราวกับว่า ไม่มีช่วงวัยใดทั้งนั้นที่เหมาะที่ควรเพื่อจะหันมารับฟังผู้หญิง"

"แต่มีผู้หญิงอายุน้อยที่สามารถก้าวมาเป็นผู้นำได้ เช่น Greta Thunberg และ Alexandria Ocasio-Cortez เราได้พิสูจน์ให้เห็นถึงประสบการณ์ชีวิตของพวกเรา มันเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากภาพที่เป็นที่ยอมรับกันในปัจจุบัน แต่มันก็มีคุณค่าและคู่ควรที่ผู้คนจะยอมรับฟัง เป็นเรื่องสำคัญที่จะถ่ายทอดประสบการณ์เหล่านี้ให้รับรู้กัน"

"ฉันเติบโตมาด้วยชีวิตที่ต้องประหยัดมัธยัสถ์ หลังจากการบริหารของรัฐบาลตั้งแต่ 2010 เป็นต้นมา ชีวิตคนรุ่นฉันถูกมองว่าต้องอยู่กับความไม่มั่นคง ทั้งด้านอยู่อาศัยและอาชีพ เช่น เมื่อต้องจ่ายค่าเล่าเรียนในอนาคต มันมีความเป็นไปได้ว่า เราจะไม่มีเงินพอจะเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยได้ อย่างกรณีตัวฉันเองที่ต้องดรอปเรียนจากมหาวิทยาลัยเพราะค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมาก"




ชูนโยบายสิทธิเพศทางเลือก

"ในฐานะของผู้หญิงที่ queer, นักสิทธิสตรี และผู้สนับสนุนระบบสังคมนิยม สิทธิของกลุ่มคน LGBTQ+ มีความสำคัญต่ออุดมการณ์ทางการเมืองของฉัน ฉันปรารถนาจะเห็นโลกที่ทุกๆคนสามารถใช้ชีวิตเป็นสุขและเกิดความพอใจอย่างเต็มที่ ปราศจากการเลือกปฏิบัติเพราะความแตกต่างและปัญหาความยากจน"

"แต่การเดินหน้าเรียกร้องสิทธิเพื่อชาวเพศทางเลือกทำให้กลุ่มอนุรักษ์นิยมพิพากษาเธอด้วยอคติ และจัดให้เธออยู่ในกลุ่ม Woke หัวรุนแรง แต่ยังมีอีกหลายคนที่ชื่นชมในความติดดินเข้าถึงได้ของเธอ Nadia บริจาคเงินเดือนครึ่งหนึ่งเพื่อการกุศล และยังอาศัยอยู่กับแม่ต่อไป (แม้ว่าจะมีแฟลตใน London)







"ตอนที่ฉันได้เห็นผลการเลือกตั้ง กลุ่มคนแรกๆ ที่ปรากฏขึ้นมาในความคิดก็คือ..."
"เพื่อนของฉันที่ถูกเลื่อนจ่ายสวัสดิการช่วยเหลือเมื่อเข้าสู่ภาวะไร้ที่อยู่อาศัย"
"เพื่อนบ้านของฉันที่งดกินอาหารปรุงร้อนๆ เพราะลูกๆของเธอจะได้มีพอกิน"
"น้องชายของเพื่อนที่ต้องถูกจับเข้าคุกด้วยข้อหาขายกัญชาเพราะเขาขาดโอกาสที่จะเข้าถึงการว่าจ้างงาน แต่สมาชิกในสภาที่นี้บางคนกลับเอาประสบการณ์เสพยาสมัยเรียนมหาวิทยาลัยมาสร้างความประทับใจต่อหน้าคนอื่น"
(มีนักการเมืองที่มาจากชนชั้นสูงหลายคนยอมรับเรื่องการใช้ยาอย่างโคเคนและกัญชาในวัยหนุ่ม)

Nadia ได้อธิบายเหตุผลที่ไม่ขอรับเงินเดือนส.ส.เต็มเม็ดเต็มหน่วย และเลือกนำเงินไปบริจาคว่า ส.ส. ต้องรับผิดชอบภาระงานที่สำคัญ แต่งานอื่นๆ อย่างการดูแลผู้ป่วยซึ่งเป็นอาชีพที่สร้างความภาคภูมิใจให้เธอก่อนจะมาเข้าสภาก็มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน
เมื่อใดที่อาชีพผู้ดูแล บุคลากร NHS และพนักงานห้างร้านได้รับค่าแรงที่สูงขึ้น เมื่อนั้น เธอก็จะขอรับเงินเดือนเต็ม

เธอยังได้ประกาศเตือนผู้ร่วมงานในสภาผู้แทนในฐานะตัวแทนของหนุ่มสาวรุ่นใหม่ว่า

"หากคุณไม่ยอมให้พวกเรามีความฝัน พวกเราก็จะไม่ยอมให้คุณนอนหลับได้ลง"


"เราคือคนรุ่นใหม่ที่มีความกล้าหาญ พร้อมร่วมมือร่วมใจเพื่อมุ่งไปข้างหน้า เรามุ่งมั่นจะต่อสู้เพื่ออนาคตที่ทุกคนสามารถหายใจได้เต็มที่ในอากาศบริสุทธิ์และมีความเป็นอยู่ที่ดี"

"นี่ไม่ใช่ความเพ้อฝันแบบเด็กๆ นี่คือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากภาวะวิกฤตต่อการมีชีวิตอยู่อย่างมีความหมาย และความล้มเหลวในด้านศีลธรรมที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ"

"คนวัยเดียวกับฉันต้องการโลกที่เราสามารถอยู่อาศัยได้อย่างสุขสบาย มีรายได้ที่เพียงพอ และต้องการโอกาสเพื่อสร้างคุณค่าให้กับการดำเนินชีวิตต่อไป"





 สาวเชื้อสาย Latina ชนชั้นแรงงานผู้ล้มยักษ์ในการเลือกตั้ง ส.ส. New York

​​
บางคนอาจจะคุ้นเคยกับ Alexandria Ocasio-Cortez จากชื่อย่อ AOC    เธอเคยถูกมองว่าเป็นปาฏิหารย์ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมที่ตั้งอยู่บนความหลากหลายของ America    
สาววัย 29 พลิกความคาดหมายของสังคมด้วยการเบียดนักการเมืองชายที่มีประสบการณ์เก๋าเกมกว่าสิบสมัย ก้าวมาเป็นตัวแทนของพรรค Democrat เข้าร่วมฟาดฟันชิงตำแหน่งส.ส.กับคู่แข่ง Republican และคว้าชัยชนะมาด้วยคะแนนทิ้งห่างเกิน 78%

เธอเป็นที่จดจำจากการสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะส.ส.หญิงที่อายุน้อยที่สุดของ congress และชื่อเสียงสาวแกร่งชนชั้นแรงงานที่อาสาเป็นตัวแทนผลักดันนโยบายสังคมนิยมประชาธิปไตยเพื่อคนรากหญ้า ก็ไม่ได้มีมนต์ขลังเพียงวาระเดียวเท่านั้น ในการเลือกตั้งสมัยต่อมา AOC ก็ได้รับคะแนนจากประชาชนห่างจากคู่แข่งแบบไม่ทิ้งฝุ่น



แม้จะ AOC คว้าปริญญาจาก Boston University และผ่านประสบการณ์ฝึกงานในสำนักงานการต่างประเทศและคนเข้าเมืองของวุฒิสภา Ted Kennedy ก็ยังต้องผจญกับวิกฤติเมื่อพ่อจากโลกนี้ไปด้วยโรคร้าย เธอได้หวนคืนสู่ Bronx ถิ่นเก่าที่เคยใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวเชื้อสาย Puerto Rican แม่ของเธอที่ทำอาชีพแม่บ้านทำความสะอาดตกอยู่ในภาวะขัดสนเสี่ยงต่อการถูกยึดทรัพย์สิน อาชีพนักบริหารจัดการการศึกษาในสถาบัน National Hispanic ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายของครอบครัว เธอจึงต้องหารายได้เพิ่มเติมจากงานบาร์เทนเดอร์และพนักงานเสิร์ฟ หลายครั้งต้องเข้ากะยาวนานติดต่อกัน 18 ชั่วโมง

จากความทรงจำวัยเยาว์ที่ต้องช่วยแม่ทำงานขัดห้องน้ำ การศึกษาที่ดีก็ยังไม่ทำให้เธอหลุดพ้นจากการทำงานบริการรายได้น้อย

จนกระทั่งที่เธอมีโอกาสเข้าร่วมทีมผู้ช่วยในการหาเสียงของ Bernie Sanders เพื่อจะเป็นตัวแทนพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เธอใช้เวลาสองปีเพื่อพิสูจน์ความสามารถกับสมาชิกพรรค สถานที่ที่เธอใช้คิดวางแผนโครงการและคำปราศรัยก็อยู่หลังบาร์แห่งนั้น เธอจะสลัดคราบสาวเสิร์ฟเปลี่ยนเป็นชุดทำงานเพื่อเดินทางออกไปหาเสียง

ภาพของนักการเมืองโนเนมที่พากเพียรจนประชาชนสัมผัสถึงความจริงใจที่จะก้าวเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับ New York ทำให้เธอโด่งดังเป็นพลุแตกมาตั้งแต่ก่อนจะชนะการเลือกตั้งซะด้วยซ้ำ






"คุณจะออกกฎหมายเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชนชั้นแรงงานได้อย่างไร หากคุณไม่เคยเป็นชนชั้นแรงงานก่อน? ลองมาใช้ชีวิตที่ต้องคอยวิตกกังวลว่าประกันสุขภาพขาดมาแล้วสามปี จากนั้นก็เริ่มรู้สึกปวดฟันขึ้นมา เรื่องน่ากลัวเช่นนี้มีอยู่จริง และฉันก็สร้างวิสัยทัศน์จากจุดนั้น ฉันคิดว่าตัวเองเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างถ่องแท้เพราะฉันผ่านประสบการณ์นั้นมาแล้ว"


แต่ภาพของนักการเมืองสาว Latina รากหญ้าซ้ายจัดที่พูดจาฉาดฉานทำให้เธอกลายเป็นเป้าหมายของ hate comments รายวัน   Trevor Noah นักแสดงตลกและพิธีกรที่ชูอุดมการณ์เสรีนิยมเคยกล่าวกับกับ AOC ด้วยอารมณ์ขันเสียดสีว่า "ยินดีด้วยที่คุณกลายเป็นเป้าหมายที่พวกขวาจัดเกลียดชังที่สุด"
และสิ่งที่เกิดกับเธอไม่ได้ผิดแผกจากที่เขาได้เปรียบเปรยไว้ นับตั้งแต่เริ่มแรก ก็ถูกขุดคลิปเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยตอนที่เต้นรำสนุกสุดเหวี่ยงกับเพื่อนๆ มาพิพากษาความเหมาะสมของการวางตัวของผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติ แต่เธอก็ท้าทายกลับด้วยการส่งคลิปเต้นที่ห้องทำงานเพื่อพิสูจน์ว่า shaming เช่นนี้ไม่ได้ไม่ส่งผลใดๆกับความเชื่อมั่นของเธอ


Ted Yoho ส.ส. Ripublican เคยบริภาษเธออย่างหยาบคายว่า "นังชั่ว" ต่อหน้านักข่าว และเธอไม่ลังเลที่จะนำเรื่องนี้กล่าวร้องเรียนในระหว่างประชุมสภา ซึ่งคู่กรณีที่สูงอายุคราวพ่อก็ได้แต่แถข้างๆคูๆ และไม่ได้ขอโทษโดยระบุชื่อเธอตรงๆด้วยซ้ำ สื่อเอียงขวาอย่าง Fox News พยายามขุดคุ้ยหาข้อมูลต่างๆมาโจมตีเธอไม่หยุดหย่อน หรือจะเป็น Tucker Carlson พิธีกรขวาจัดที่เล่นงานเธอด้วยถ้อยคำร้ายกาจ ( Fox ตัดความสัมพันธ์กับ Carlson เมื่อไม่นานมานี้) และ Alex Stein Youtuber ขวาจัดที่ตามไปถ่าย video และพูดคุกคามทางเพศ ดูเหมือนว่า การแสดงออกทางการเมืองและชื่อเสียงโด่งดังไม่ต่างจาก celebrity จะทำให้เธอตกเป็นเป้าหมายโจมตีทุกรูปแบบ

แต่ AOC ยืนหยัดว่า  คำพูดรุนแรงพวกนั้นไม่ได้เสียดแทงให้เธอเจ็บปวด  จากประสบการณ์ชีวิตปากกัดตีนถีบของชนชั้นแรงงาน เธอต้องรับมือกับ abuse ทางวาจามาไม่รู้กี่ครั้งกี่หน  เธอจะขอยืนหยัดเพื่อปกป้องตัวเองและผู้หญิงที่เผชิญสถานการณ์เดียวกัน

ด้วยวาทะศิลป์ทรงพลังของAOC เธอมักดึงดูดความสนใจจากสื่อให้กล่าวขวัญถึงการทำหน้าที่ทางการเมืองและการร่วมเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้เกิดความเท่าเทียมในสังคม เธอกล้างัดกับสมาชิกร่วมพรรคที่เพิกเฉยต่อการสนับสนุนชนชั้นแรงงาน และพยายามสกัดดาวรุ่งไม่ให้เธอแสดงออกด้วยแนวคิดสังคมนิยมอย่างโฉ่งฉ่าง ผลงานโดดเด่นทำให้ความนิยมของเธอพุ่งพรวด นิตยสาร Time จัดให้เธอติดอันดับหนึ่งในบุคคลทรงอิทธิพล เธอกลายเป็นคนโปรดของสื่อบันเทิง ไม่ว่าจะเป็น talk show ชื่อดัง นิตยสาร Vogue, และรายการ Rupaul Drag Race บ้างก็ชื่นชมด้าน glamorous ของเธอ แต่หลายคนเชื่อว่า มันสมองของเธอต่างหากที่ทำให้เธอโดดเด่นเป็นที่สุด

เมื่อได้เห็นคำปราศรัยร้อนแรงจนสภาพแทบไฟลุกกลางสภา และการทำหน้าที่กระบอกเสียงให้กับผู้ประสบปัญหาจากความขัดสน รวมถึงการเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงจาก issue สำคัญ เช่น แผนปฏิรูปเศรษฐกิจสิ่งแวดล้อม สิทธิสตรี และการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ ทำให้ในสายตาหลายคน AOC ดูเหมือนฮีโร่หญิงที่ไม่หวาดหวั่นต่อพลังมืด เธอสามารถท้าทายขั้วอำนาจที่ปลูกรากฝังลึกมานาน และมุ่งมั่นตามอุดมการณ์ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของชนชั้นแรงงานและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ไม่ได้เป็นเพียงแค่การพากเพียรสร้างภาพเรียกคะแนนนิยมเพื่อเอาชนะคู่แข่งในการเลือกตั้ง

แม้จะมีคนอีกมากมายที่มีความเห็นขัดแย้งกับอุดมการณ์ทางการเมืองและแนวคิดเรื่องนโยบาย แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เธอคือคลื่นรุ่นใหม่ที่อนาคตไกลจริงๆ


.”



นายก Finland ผู้ประกาศต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม

ประเทศในแถบ Scandinavia ได้สร้างเสียงกล่าวขวัญมานานจากการพัฒนาประเทศด้วยการบริหารจัดการเศรษฐกิจ โดดเด่นด้วยระบบรัฐสวัสดิการเพื่อสร้างความเสมอภาคให้ประชนทุกคนเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดี และยังมีระบบการศึกษาที่โดดเด่นซะจนได้รับการติดต่อจากหน่วยงานต่างประเทศเพื่อศึกษาดูงาน

Finland คือหนึ่งในชาติที่ผ่านการปฏิรูปจนเจริญรุ่งเรือง แม้จะเป็นประเทศเล็กๆที่ถูกมองว่ามีบรรยากาศน่าหดหู่เพราะสภาพอากาศที่หนาวเย็นยาวนาน แต่กลับถูกคัดเลือกให้เป็นประเทศที่ประชาชนมีความสุขที่สุดในโลกหลายปีติดต่อกัน ทำให้หลายคนอยากรู้ถึงแรงผลักดันที่ทำให้ Finland ประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อนนโยบายสังคมที่มีประสิทธิภาพ

และผู้ที่ได้ก้าวเข้ามารับหน้าที่ผู้นำประเทศในสมัยล่าสุดคือ Sanna Marin ซึ่งในขณะนั้น เธอมีวัยเพียง 34 ปี กลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดของ Finland และในกลุ่มผู้นำประเทศทั่วโลกก็อยู่ในระดับต้นๆ



ผู้นำหญิงไม่ได้เป็นเรื่องที่สร้างความฮือฮาในสังคม Finland แต่อย่างใด เพราะเคยมีประธานาธิบดีหญิงร่วมบริหารบ้านเมืองถึงสิบสองปี ทั้งหัวหน้าพรรคการเมืองและรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆก็เป็นผู้หญิงกันหลายคน และเป็นชาติที่มีรัฐมนตรีผู้หญิงในสัดส่วนที่สูงตาม Spain มาเป็นลำดับสอง สังคมโลกได้จับตามอง Sanna Marin ในจากภาพลักษณ์นายก millennial ฝ่ายซ้าย และพื้นเพที่เติบโตมาในครอบครัวที่เกิดจากการสมรสของเพศเดียวกัน (เธอมีแม่สองคน) ได้สร้างบรรยากาศที่แปลกใหม่

เธอได้อธิบายว่าการเติบโตในชนชั้นแรงงานนั้นทำให้เชื่อว่า เรื่องการเข้าสู่โลกแห่งการเมืองเป็นสิ่งที่ไกลตัว แต่เมื่อก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัย ก็ได้ค้นพบแรงบันดาลใจที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยอาชีพนักการเมือง

"ฉันมาจากครอบครัวที่ขัดสน และไม่สามารถก้าวสู่ความสำเร็จได้หากไม่มีระบบรัฐสวัสดิการและระบบการศึกษาของชาติ"

"พื้นเพของฉันมีอิทธิพลต่อการมองภาพสังคมว่าเป็นเช่นไร และมุมมองเรื่องความเสมอภาคของประชาชน แต่ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะฉันมาจากครอบครัวสีรุ้งจึงทำให้ฉันเข้ามาเล่นการเมือง แต่เหตุผลคือ ฉันคิดว่าคนรุ่นอาวุโสไม่ได้พยายามมากพอเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่ออนาคต ฉันจำเป็นต้องแสดงออกเป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่คิดในใจเท่านั้น"

ผลลัพธ์จากการศึกษาทำให้เธอพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาล่ามในการให้สัมภาษณ์สื่อและการเยี่ยมเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ บุคลิกที่มั่นใจและความงามเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผู้คนสนใจติดตามเธอทาง social media เธอมี followers ทาง Insagram กว่าหนึ่งล้าน เมื่อเทียบกับจำนวนประชากร 5.5 ล้านคนในประเทศ มันคือตัวเลขที่สูงลิบลิ่ว จนทำให้มีผู้มองว่า เธอประสบความสำเร็จจากการ PR ในรูปแบบ influencer






Marin ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคมาตั้งแต่แรก เธอเคยมีบทบาทสำคัญในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคมนาคม แต่หลังจากอดีตนายก Antti Rinne ต้องพบกับแรงกดดันมหาศาลจากการประท้วงของพนักงานไปรณีย์ยาวติดต่อกันสองสัปดาห์ ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลประกาศถอนการสนับสนุน แต่ยื่นข้อเสนอว่า จะยินยอมร่วมเป็นรัฐบาลเดียวกันต่อไปหากเปลี่ยนตัวนายก  เธอจึงได้รับเลือกจากสมาชิกพรรคให้เข้ามารับหน้าที่กอบกู้วิกฤติความน่าเชื่อถือ

แต่ในขณะที่ในสายตาคนนอกอาจจะมองว่าเธอเป็นสาวสุดเจ๋งที่มุ่งมั่นกับการบริหารบ้านเมือง แต่ความนิยมใน Finland นั้นดูแบ่งฝักแบ่งฝ่ายชัดเจน ยิ่งเธอดึงดูดความสนใจจากสื่อด้วยภาพลักษณ์สาวทรงเสน่ห์ ก็ยิ่งถูกจับจ้องด้วยสายตาจับผิดมากขึ้น เห็นได้จากกรณีภาพถ่ายแบบในชุดสูทที่ไร้บรา ซึ่งกลายมาเป็นดราม่าโต้แย้งถึงเส้นแบ่งของการวางตัวเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้นำประเทศ มีทั้งเสียงตำหนิว่าเธอหลงระเริงไปกับชื่อเสียง และไม่คำนึงถึงการสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือของผู้หญิงที่ก้าวมาครองอำนาจทางการเมือง แต่เธอก็ยังได้รับเสียงสนับสนุนจากนักสิทธิสตรีที่ร่วมกันแสดงออกด้วยการใส่เสื้อแหวกลึกโชว์ร่องอก เพื่อกระทุ้งให้สังคมตระหนักว่า ศักยภาพของผู้หญิงไม่ได้ถูกจำกัดไว้ที่การปกปิดเนื้อหนัง



อีกหนึ่ง scandal ที่ส่งผลกระทบกับความนิยมของเธอคือภาพหลุดจาก party ส่วนตัวที่จัดขึ้นที่บ้านพักประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งภาพที่เธอกำลังเต้นอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆ และภาพแขกสาวในงานที่ใช้สถานที่ถ่าย selfie โป๊เปลือย แม้เธอจะพยายามอธิบายว่า อยากจะให้ผู้คนเข้าใจว่า นักการเมืองก็สามารถ party สนุกสนานได้ไม่ต่างจากคนอื่น แต่ก็ยอมรับว่า สนุกเลยเถิดจนเกิดภาพไม่เหมาะสม แต่ถึงจะขอโทษสังคมไปแล้ว แต่ก็ถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องการใช้ยาเสพติด ซึ่งที่เป็นสิ่งที่มาคู่กับ party มันสุดเหวี่ยง จนทำให้เธอต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการเข้ารับการตรวจหาสารเสพติด (ผลเป็น negative)  แต่คลิปไวรัลดังกล่าวก็ฉาวพอจะทำให้ฉายารัฐมนตรีที่เท่ที่สุดเปลี่ยนมาเป็น dancing queen!

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากยุทธวิธีรับมือกับสถานการณ์โรค Covid ระบาดที่ส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อใน Finland น้อยเมื่อเทียบกับประเทศแถบยุโรป รวมถึงการสร้างปรากฏการณ์ทางประวัติศาสตร์ด้วยการนำประเทศเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO เพื่อต่อต้าน Russia ที่ก่อสงครามรุกราน Ukraine ทำให้เธอได้รับความนิยมในกลุ่มหนุ่มสาว หลายคนมองเธอคือฮีโร่ที่มาเพื่อปฏิรูปแนวคิดการเมืองล้าสมัย สื่อต่างชาติถึงกับยกให้เธอเป็น icon แนวคิดหัวก้าวหน้าระดับโลก



ภาพของพรรคร่วมรัฐบาลในสมัยของ Sanna ที่มีรัฐมนตรีหญิงห้าคน และสี่ในห้าคนมีอายุน้อยกว่า 35 ได้สร้างความฮือฮาให้กับสังคม และชาวเน็ทยังล้อเลียนว่าเป็น Spice Girls แห่งสภาผู้แทน แต่เธอได้แสดงจุดยืนว่า หวังว่าในอนาคตภายหน้า โลกจะมองเรื่องผู้นำหญิงเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย

"เราจำเป็นต้องมีคนทำงานจากเพศและวัยและพื้นเพที่หลากหลายมาร่วมมือกันเพื่อบริหารบ้านเมือง"

"ทุกฝ่ายต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อสร้างความเสมอภาค"  

แต่สำหรับการเมืองในสถานการณ์ที่ประเทศชาติเข้าสู่ความผันผวนจากสงครามของประเทศใกล้เคียงและภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโรคระบาด ภาพลักษณ์ของนายกรัฐมนตรีที่โด่งดังที่สุดแห่งศตวรรษก็ยังไม่สามารถแบกรับความคาดหวังของผู้คนได้

หลังจากที่เธอบริหารประเทศมาได้ครบวาระแล้วจัดการเลือกตั้งหารัฐบาลเมื่อไม่นานที่ผ่านมา  ความพยายามของ Sanna ในการนำพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยฝ่าฟันกับคู่แข่งตัวฉกาจ คือพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายขวาจัดก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้  เมื่อพรรคได้รับคะแนนมาเป็นลำดับสาม ส่งผลให้เธอต้องสละเก้าอี้นายกรัฐมนตรีและตำแหน่งผู้นำพรรคในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า  แต่ที่นั่งในสภาของสามอันดับแรกไม่ได้ห่างกันนัก และประชาชนก็ได้เทคะแนนเสียงให้เธอสูงมาเป็นลำดับสองจากผู้แทนทุกคนน่าจะชี้ชัดว่า พลังสนับสนุนเธอยังคงอยู่ และเธอจะเดินหน้าเพื่อทำงานในสภาต่อไป


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE