ตัวตนที่ถูกจำกัดในกรอบราชการ "อีฟ สุพิชชา" Pansexual ผู้ชอบแต่งตัวโลลิต้าและทำสีผมพาสเทล

27 12
เราคุ้นเคยกันดีกับคำว่า LGBTQIA+ แต่หากถามถึง Pansexual หลายๆ คนอาจจะคุ้นบ้าง บางคนอาจจะไม่รู้จักเลย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ Pansexual ไม่ได้มีตัวอักษรย่ออยู่ในคำนี้ ทั้งๆ ที่สเปกตรัมนี้ก็คือตัวตนและนิยามขออีกหลายๆ คน

ทำความรู้จัก Pansexual ผ่านคุณอีฟ

อัตลักษณ์ทางเพศ ≠ รสนิยมทางเพศ

คุณอีฟ สุพิชชา นิยามว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ทั้งเพศสภาพและเพศกำเนิด แต่หากถามถึงรสนิยมทางเพศ เธอบอกว่า เธอคือแพนเซ็กชวล (Pansexual) มองว่าความรักไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศ ถ้าชอบหรือรักใครก็ไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพศไหน จะผู้หญิง ผู้ชาย หรือเพศทางเลือก ถ้าชอบก็คือชอบ รักก็คือรัก (ต่างจากไบเซ็กชวลที่รักเพียง 2 เพศ คือชายและหญิง)

ในสังคมเราอาจจะมีผู้เข้าใจ Pansexual ไม่มากนัก หากเทียบกับสเปกตรัมอื่นๆ แต่คุณอีฟก็มองว่าไม่จำเป็นต้องไปอธิบาย หรือบอกคนรอบข้างถึงคำนิยามของตัวเอง เธอเพียงแค่ตั้งสเตตัสไว้ในโซเชียลว่า Pansexual เท่านั้น "มีคนเข้ามาถามบ้างว่าคืออะไร เราก็จะอธิบายบอกเขาไป แต่ไม่ได้ไปสะกิดบอกใครว่าฉันคือ Pansexual นะ"

พอคุณอีฟอธิบายไป ส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจมากขึ้น แต่ก็มีบางคนที่ยังคงสงสัยและถามย้ำบ้าง "บางคนก็จะถามว่า เคยมีแฟนเป็นผู้ชายหรือเปล่า เราก็บอกว่าเคย คือเหมือนเขาต้องการจะอยากรู้ว่าจริงๆ แล้วเราชอบผู้ชายหรือชอบผู้หญิงกันแน่ สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เก็ต มาถามว่าเราเป็นใช่ไหม คือไม่เข้าใจว่าเขาจะมาสงสัยอะไร ก็ฉันบอกว่า ฉันไม่ได้สนใจเพศค่"

การค้นพบตัวเองของคุณอีฟอาจไม่ใช่เรื่องซับซ้อน เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ ย้อนกลับไปในวัยมัธยมที่เธอได้ค้นพบตัวเอง จากการที่แอบชอบคนๆ หนึ่ง "ตอนนั้นก็อดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ ว่าแบบนี้เราเป็นดี้หรือเปล่า แต่พอลองทบทวนก็พบว่า ไม่เขาจะเป็นเพศไหน เราก็ยังคงชอบเขาอยู่ดี หลังจากนั้นก็รู้ว่าตัวเองเป็นแบบนี้มาตลอด คือไม่ได้โฟกัสเพศสภาพของคนที่ชอบ พอโตมาได้มาเจอคำนิยามของคำว่า Pansexual ก็ทำให้ได้รู้ว่า นี่แหละตัวตนของเรา"

ความเป็นตัวเองที่ต้องถูกจำกัดอยู่ในกรอบราชการ

รับราชการ = โบกมือลาสีผมพาสเทลที่รัก

คุณอีฟเล่าว่าตอนนี้เธอเพิ่งเปลี่ยนสายงานมารับราชการ จากเมื่อก่อนที่สามารถทำสีผมและแต่งตัวได้อย่างอิสระ ตอนนี้คือไม่สามารถทำได้แล้ว เพราะงานราชการมีกฎระเบียบต่างๆ ที่ต้องปฏิบัติตามให้อยู่ในกรอบ การแสดงตัวตนออกมาจึงมีข้อจำกัด แต่คุณอีฟก็มองว่านั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เมื่อเราเข้าใจและยอมรับมัน 

"เมื่อก่อนเราจะแบบชอบทําสีผม สีพาสเทลหรือสีสดๆ ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เราต้องกลับมาผมดํา ทําสีผมไม่ได้อีกต่อไป ก็เสียดายอยู่ค่ะ" คุณอีฟบอกว่าในเมื่อเธอยอมรับตัวเองให้เข้ามาอยู่ในองค์กรแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตามกฎขององค์กร "เก็บไว้แต่งตัวเวลาที่เราไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ วันเสาร์-อาทิตย์ หรือตอนไปเที่ยวเราก็จะแต่งเต็มตามใจชอบได้"

การเป็นตัวเองต้องใช้ความกล้า

กว่าจะกล้าเป็นตัวเองแบบตอนนี้ คุณอีฟก็เคยต้องผ่านความกดดันมาก่อนเช่นกัน โดยเฉพาะจากผลพวงของบิวตี้สแตนดาร์ด "แม้จะเปิดรับความหลากหลายทางเพศแล้ว แต่ว่าแต่ละเพศก็ยังมีบิวตี้สแตนดาร์ดของเขาอยู่ คือถ้าคุณไม่ตรงตามสแตนดาร์ดของสังคม ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร แล้วคุณแต่งตัว คุณก็จะยังโดนวิจารณ์อยู่ดี"


ทำให้เมื่อก่อนคุณอีฟก็ไม่กล้าแต่งตัวอย่างที่ใจอยาก คิดว่าต้องรอผอม-ขาวตามสแตนดาร์ดก่อน จึงแต่งหน้าแต่งตัวแบบที่อยากได้ จนอายุเริ่มมากขึ้น ก็ตระหนักได้ว่า ถ้าไม่แต่งตอนนี้แล้วจะแต่งตอนไหน แก่กว่านี้เราก็จะสวยน้อยลงแล้วนะ

"ถ้ารอตอนสวยที่สุด ผอมที่สุดแล้วค่อยแต่ง แล้วเมื่อไหร่จะได้แต่งตัว ก็เลือกที่จะมีความสุขตั้งแต่ตอนนี้ไปเลย อย่างเสื้อผ้าที่เราไม่เคยกล้าใส่ เช่น ชุดว่ายน้ํา บิกินี่ ทูพีซ เมื่อก่อนเราหุ่นดีกว่านี้ เรายังไม่กล้าใส่เลย แต่พอตอนนี้ปลดล็อกเราก็ อ้าว! ก็ใส่ได้นี่นา รู้สึกชนะตัวเอง ฟินมากที่ได้ก้าวผ่านความกลัวของเราไป การได้เป็นตัวเอง มันสบายที่สุดแล้ว"

เธอบอกว่า วัฒนธรรมแล้วก็สังคมรอบข้างมีผลต่อการเป็นตัวเองมาก เพราะกรอบของสังคมที่ค่อนข้างแคบ คนที่หลุดออกไปจากกรอบ ก็จะถูกมองหรือถูกพูดถึงในทางที่ไม่ดี จนทำให้ตัวเองเกิดความกดดัน "ตอนที่เราเด็กเราก็จะไม่กล้าแต่ง เครียดว่าคนอื่นจะมองเราไม่ดี แต่พอเราโตขึ้นถึงจุดหนึ่ง เราจะรู้สึกว่า ไม่เห็นเดือดร้อนอะไร เราแค่เป็นตัวเรา แล้วมีความสุขก็พอ ถ้าเรารอว่าเมื่อไหร่จะพร้อม เมื่อไหร่จะแต่งตัวแบบที่อยากแต่ง คงหมดโอกาสก่อน พอเราปลดล็อก เราก็เป็นตัวเองได้ตลอดค่ะ"

การแสดงตัวตนผ่านบิวตี้

คุณอีฟชื่นชอบการแต่งหน้าและแต่งตัวมากๆ "ปกติจะแต่งหน้าโทนเกาหลี-ญี่ปุ่น แล้วก็แต่งตัวแนวหวานๆ แฟร์รี่หรือแนวโลลิต้าไปเลย รู้สึกว่าแต่งตัวแบบนี้จะเป็นตัวเรามากที่สุด ดูเป็นผู้หญิงมันสดใสร่าเริง"

และแน่นอนว่า เวลาที่แต่งตัวจัดเต็มในแบบที่เธอชอบ เช่น ใส่กระโปรงแนวโลลิต้า ติดโบว์ใหญ่จัดเต็ม ก็จะมีคนมองหรือแซวว่า "แต่งเยอะ แต่งเว่อร์" แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องเก็บมาใส่ใจ ยังมีคนที่เข้ามาชื่นชม และขอถ่ายรูปอยู่บ้าง สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าเอาชนะเหล่าคนที่ชอบมาวิจารณ์ได้

"รู้สึกว่าที่เราเป็นตัวตนเรา ก็มีคนมองเห็นแล้ว เราก็ได้เจอเพื่อนในอินเตอร์เน็ต ที่ชื่นชมการแต่งตัวของเรา  ไม่ใช่รู้สึกว่าเราแปลกหรืออะไร ก็เหมือนได้มิตรภาพใหม่ๆ ด้วย"

บิวตี้คือส่วนช่วยที่ทำให้เป็นตัวเอง

การแต่งหน้าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ได้อธิบายความเป็นตัวเอง ทําให้เราเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด ทริคสำคัญที่สุดในการแต่งหน้าคือ "ต้องรักตัวเองก่อน พอเรารักตัวเอง เราก็จะเห็นว่าเราสวย พอเราเห็นเราสวย พอเวลาส่องกระจกก็จะไม่เห็นข้อด้อย ที่ลดทอนความมั่นใจไป"

การแต่งหน้าของคุณอีฟสิ่งสำคัญคือต้องเริ่มจากการบำรุงผิวให้ดีก่อน "เน้นที่สกินแคร์เป็นหลัก แล้วเครื่องสําอางค่อยตามมา" พออายุเริ่มมากขึ้น ก็ไม่ได้รู้สึกว่าแต่งหน้ายากขึ้น กลับรู้สึกว่าแต่งหน้าได้สวยกว่าเมื่อก่อนซะอีก 

บิวตี้ไอเท็มที่คุณอีฟขอแนะนำ

  • CLIO Veganwear Hyaluronic Serum Cushion คุชชั่นงานผิว
  • PHYSIOGEL Soothing Care A.I. Cream ไม่ว่าคุณจเป็นสิวเป็นผดหน้าแห้ง ทาแล้วหน้ามันก็ดีเลย 
  • Miss Dior EDP ใช้แล้วให้ฟีลว่าเราเป็นคุณหนู
  • Dior J'adore d'eau ให้ฟีลลุคใสๆ ดูบริสุทธิ์และอ่อนโยน
ขอบคุณคุณอีฟที่มาแชร์ประสบการณ์ และพูดคุยความหลากหลายกับเรา จะเห็นได้ว่า ความสวยงามภายนอกและเพศสภาพ ไม่ได้มีบทบาทในการกำหนดความสัมพันธ์ของคนที่เป็น Pansexual เลยจริงๆ นะ
อ่านบทสัมภาษณ์ชาว LGBTQIA+ เพิ่มเติม


sweetsong13

sweetsong13

A dreamer who loves to write
www.sweetsong13.com
sweetsong13@gmail.com

FULL PROFILE