Lizzo เจอข้อกล่าวหาแรง คุกคามทางเพศและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่เป็นมิตร
candy 28 10นับตัั้งแต่ที่ Lizzo สร้างชื่อเสียงโด่งดัง ภาพลักษณ์ของเธอยังโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางหมู่ศิลปินดังด้วยกัน นอกเหนือจากความสามารถที่โดดเด่นการันตีด้วยรางวัล Grammy และหลายบทเพลงยอดนิยม เธอยังได้รับคำชื่นชมในเรื่องการต่อสู้กับอคติในสังคมที่เกิดจากการสร้างมาตรฐานความงามที่ยากจะเข้าถึง ได้รับการยกย่องให้เป็นแบบอย่างในการรณรงค์แนวคิด body positivIty
ทว่า เมื่อเธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติความนิยมอันเนื่องมาจากคดีความที่เกิดจากการยื่นฟ้องของของอดีตแดนเซอร์ของเธอสามคน แน่นอนว่าผู้คนในสังคม โดยเฉพาะ fanbase ที่ยืนหยัดสนับสนุนเธอมานานต่างแสดงความตกตะลึงพรึงเพริดต่อข้อกล่าวหารุนแรง
นอกจากข้อกล่าวหาของแดนเซอร์กลุ่มนี้ ยังมีแดนเซอร์คนอื่น ผู้กำกับสารคดีและผู้กำกับศิลป์ที่ออกมาเพิ่มน้ำหนักให้กับข่าวสุดช็อคนี้ว่า พวกเค้าเคยเผชิญกับเรื่องราวย่ำแย่ทำนองเดียวกันมาก่อน
- คุกคามทางเพศ โดยเฉพาะเหตุการณ์ในคลับเปลื้องผ้า
- สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่เป็นมิตร
นอกจากข้อกล่าวหาของแดนเซอร์กลุ่มนี้ ยังมีแดนเซอร์คนอื่น ผู้กำกับสารคดีและผู้กำกับศิลป์ที่ออกมาเพิ่มน้ำหนักให้กับข่าวสุดช็อคนี้ว่า พวกเค้าเคยเผชิญกับเรื่องราวย่ำแย่ทำนองเดียวกันมาก่อน
ข้อกล่าวหาจากฝ่ายแดนเซอร์: Lizzo คุกคามทางเพศและใช้อำนาจในทางที่ผิด
Arianna Davis, Crystal Williams และ Noelle Rodriguez แดนเซอร์ที่เคยร่วมทำงานกับ Lizzo ระหว่างปี 2021-2023 ระบุชัดเจนว่า อดีตศิลปินผู้ว่าจ้างพวกเธอมีพฤติกรรม abusive ในสถานที่ทำงาน และพนักงานยังได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม จึงตัดสินใจฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย
ทนายของแดนเซอร์สามคนได้เป็นตัวแทนออกมาโจมตีศิลปินสาวชื่อดังไว้ว่า
"เป็นเรื่องชวนตกตะลึงเมื่อวิธีที่ Lizzo และทีมงานของเธอใช้ปฏิบัติกับแดนเซอร์นั้นช่างขัดแย้งกับทุกสิ่งที่เธอยืนหยัดสนับสนุนต่อหน้าสาธารณชน ฉากหลังที่เป็นเวลาส่วนตัว เธอเหยียดหยามเรื่องน้ำหนักตัวของแดนเซอร์และด้อยค่าพวกเค้า ซึ่งไม่เพียงแต่มันจะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่บั่นทอนขวัญกำลังใจลงอย่างสิ้นเชิง"
ทนายของแดนเซอร์สามคนได้เป็นตัวแทนออกมาโจมตีศิลปินสาวชื่อดังไว้ว่า
"เป็นเรื่องชวนตกตะลึงเมื่อวิธีที่ Lizzo และทีมงานของเธอใช้ปฏิบัติกับแดนเซอร์นั้นช่างขัดแย้งกับทุกสิ่งที่เธอยืนหยัดสนับสนุนต่อหน้าสาธารณชน ฉากหลังที่เป็นเวลาส่วนตัว เธอเหยียดหยามเรื่องน้ำหนักตัวของแดนเซอร์และด้อยค่าพวกเค้า ซึ่งไม่เพียงแต่มันจะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่บั่นทอนขวัญกำลังใจลงอย่างสิ้นเชิง"
เอกสารทางกฎหมายระบุว่า แดนเซอร์ทั้งสามต้องการค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทางจิตใจ และรายได้ที่พวกเธอยังไม่ได้รับ การเสียโอกาสในการสร้างรายได้ ค่าใช้จ่ายให้กับทนายและค่าธรรมเนียม และร้องให้ให้มีการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน ซึ่งยังไม่มีการระบุตัวเลขชัดเจน
เหตุการณ์ในคลับเปลื้องผ้า
เอกสารการฟ้องร้องได้ระบุเหตุการณ์ในคลับเปลื้องผ้าที่ทริปเมือง Amsterdam ไว้ดังนี้
"Lizzo เชิญชวนให้พนักงานกันสัมผัสลูบไล้ร่างเปลือยเปล่าของนักเต้นเปลื้องผ้า รอรับดิลโด้ที่โผล่ออกมาจากอวัยวะเพศของนักเต้นเปลื้องผ้า และกินกล้วยที่ห้อยออกมาจากอวัยวะเพศของนักเต้นเปลื้องผ้า"
"จากนั้น Lizzo ได้หันมาทางคุณ Davis เพื่อกดดันและยั่วยุเธอให้สัมผัสเต้านมของผู้หญิงที่ทำการแสดงในคลับ" Davis บอก Lizzo ว่าเธอไม่อยากทำแบบนั้น แต่พวกเธอจำใจต้องตามน้ำทำในสิ่งที่ชวนอึดอัดใจเพราะไม่อยากเสียงานนี้ไป
อาจจะมีผู้อ่านที่นึกภาพโชว์เปลือยในคลับเปลื้องผ้าไม่ออก แต่ในบ้านเราก็มีโชว์ปิงปองหรือสารพัดเทคนิคที่นำมาสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชม ถึงขนาด superstar อย่าง Rihanna ก็เคยพิสูจน์มาแล้ว อดีตแดนเซอร์ของ Lizzo ได้ติดตามเธอไปท่องราตรีในย่านขายบริการหรือ Red-light district ที่ขึ้นชื่อลือชาของ Netherlands แต่คงไม่คาดคิดว่า เจ้านายจะยุให้กินกล้วยที่ถูกใช้ประกอบการโชว์เปลือย หรือใช้มือจับดิลโด้ที่นักเต้นร่างเปลือยใช้สอดใส่ในของลับ พวกเธออธิบายว่าไม่สามารถปฏิเสธไม่ไปชมโชว์เปลือยนั้น เพราะคนที่ยอมไปก็อาจกลายเป็นคนโปรดของ Lizzo ส่วนคนที่ไม่ไปอาจจะถูกหมายหัวว่าไม่โอนอ่อนผ่อนตาม ในเดือนต่อมา พวกเธอก็ถูกหลอกล่อไปในสถานนี้ประเภทนั้นอีกครั้ง แม้จะไม่ได้มีเรื่องราวหนักใจเกิดขึ้นมา แต่ก็รู้สึกว่าถูกบีบให้ไม่มีทางเลือก
Davis ที่มีบุคลิกสงบเสงี่ยมได้เล่าเหตุการณ์ว่า เธอและ Rodriguez ลังเลใจที่จะตามไปที่คลับเปลื้องผ้าดังกล่าว แต่พยายามอยู่ห่างจากเวที แต่เมื่อ Lizzo ยุให้เธอสัมผัสร่างกายนักเต้นเปลื้องผ้า เธอก็ปฏิเสธชัดเจนสองครั้ง แต่ Lizzoก็ร้องเชียร์จนคนอื่นๆ ร้องตามไปด้วย เธอจึงยื่นมือไปแตะร่างกายของสาวนักเต้นแค่แป๊บเดียว เพียงเท่านั้นทุกคนก็ระเบิดหัวเราะ มันเป็นเรื่องตลกสำหรับพวกเค้าเพราะเธอดูเป็นคนเรียบร้อยและไม่ประสีประสา เธฮรู้สึดอึดอัดใจมาก แต่พยายามแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนไป และรีบชวนเพื่อนกลับ
เพียงไม่นานจากนั้น ก็มีผู้ขุดคุ้ยว่า ในการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2019 Lizzo ได้แสดงความสนอกสนใจต่อคลับเปลื้องผ้าโชว์กล้วยที่ชื่อว่า Bananenbar ในเมือง Amsterdam ซึ่งเธอ ได้ยินมาก่อนแล้วว่า คลับแห่งนี้มีโชว์พืเศษที่ผู้ชมสามารถกินกล้วยที่โผล่จากอวัยวะเพศของสาวนักเต้นเปลื้องผ้าได้ แต่เธอจะบีบให้แดนเซอร์ทำเรื่องนี้จริงๆหรือ???
ข้อกล่าวหาเรื่องคุกคามทางเพศยังรวมไปถึง เหตุการณ์ที่แดนเซอร์ได้รับชุด see through ใส่แสดง แต่กลับบอกว่าไม่ต้องใส่ชุดชั้นใน และกัปตันทีมแดนซ์ที่เคยแสดงท่าทางทำรักทางปากกับกล้วยต่อหน้าทีมนักเต้น และยึดติดกับเรื่องพรหมจรรย์ของ Davis จนจับมาเป็นหัวข้อสนทนาหลายครั้ง ถึงขนาดที่เอาเรื่องนี้ไปพูดในสัมภาษณ์สื่อ
ข้อกล่าวหาเรื่องคุกคามทางเพศยังรวมไปถึง เหตุการณ์ที่แดนเซอร์ได้รับชุด see through ใส่แสดง แต่กลับบอกว่าไม่ต้องใส่ชุดชั้นใน และกัปตันทีมแดนซ์ที่เคยแสดงท่าทางทำรักทางปากกับกล้วยต่อหน้าทีมนักเต้น และยึดติดกับเรื่องพรหมจรรย์ของ Davis จนจับมาเป็นหัวข้อสนทนาหลายครั้ง ถึงขนาดที่เอาเรื่องนี้ไปพูดในสัมภาษณ์สื่อ
ข้อกล่าวหา จากฮีโร่ในดวงใจ กลายเป็นเจ้านายที่สร้างฝันร้าย
มีคำกล่าวว่า อย่าพยายามไปเจอกับฮีโร่ของคุณในชีวิตจริง เพราะอาจจะอกหักที่เค้าคนนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่จินตนาการไว้ แดนเซอร์ทั้งสามที่ฟ้องร้อง Lizzo ก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตัวตนที่แท้จริงของ Lizzo ขัดแย้งกับภาพที่เธอนำเสนอต่อหน้าสาธารณชน
Davis และ Williams ได้พบกับ Lizzo ย้อนไปเมื่อสองปีก่อนระหว่างที่พวกเธอเข้าร่วมออดิชั่นในรายการ Watch Out for the Big Grrrls ที่เธอเฟ้นหานักเต้นสาว plus size ด้วยตัวเอง ฝันของพวกเธอเป็นจริงเมื่อได้รับการคัดเลือกเข้าสู่ทีม แน่นอนว่า พวกเธอย่อมปลาบปลื้มที่พบกับศิลปินที่เปรียบเหมือนกับฮีโร่ของสาวอวบ แต่ก็เริ่มรับรู้ว่า เมื่อกล้องไม่ได้จับจ้องที่ Lizzo เธอก็มีท่าทีแตกต่างไป แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีว่า Lizzo อาจจะทีทัศนคติแบบ diva อยู่บ้าง เพราะต้องรับมือกับเรื่องยุ่งยากใจหลายอย่าง และ Lizzo ก็ยังเคยบอกกับพวกเธอว่าต้องการให้ทีมปฏิบัติต่อกันเหมือนกับครอบครัว (คำพูดฉาบน้ำตาลที่แสนน่ากลัวที่หลายคนเคยเจอในสถานที่ทำงาน)
Davis และ Williams ได้พบกับ Lizzo ย้อนไปเมื่อสองปีก่อนระหว่างที่พวกเธอเข้าร่วมออดิชั่นในรายการ Watch Out for the Big Grrrls ที่เธอเฟ้นหานักเต้นสาว plus size ด้วยตัวเอง ฝันของพวกเธอเป็นจริงเมื่อได้รับการคัดเลือกเข้าสู่ทีม แน่นอนว่า พวกเธอย่อมปลาบปลื้มที่พบกับศิลปินที่เปรียบเหมือนกับฮีโร่ของสาวอวบ แต่ก็เริ่มรับรู้ว่า เมื่อกล้องไม่ได้จับจ้องที่ Lizzo เธอก็มีท่าทีแตกต่างไป แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีว่า Lizzo อาจจะทีทัศนคติแบบ diva อยู่บ้าง เพราะต้องรับมือกับเรื่องยุ่งยากใจหลายอย่าง และ Lizzo ก็ยังเคยบอกกับพวกเธอว่าต้องการให้ทีมปฏิบัติต่อกันเหมือนกับครอบครัว (คำพูดฉาบน้ำตาลที่แสนน่ากลัวที่หลายคนเคยเจอในสถานที่ทำงาน)
บรรยากาศกดดันในที่ทำงาน
Davis ได้เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายน เมื่อ Lizzo เรียกทีมนักเต้นมาประชุมเครียดว่า เธอได้สังเกตเห็นความไม่เป็นมืออาชีพของทีม และเพื่อจัดการซ้อมยาว 12 ชั่วโมงเพื่อคัดตัวนักเต้นใหม่ แรงกดดันของงานนี้สูงมากจนเธอไม่กล้าเข้าใช้สุขา ความหวาดกลัวที่จะถูกไล่ออกทำให้เธอเลือกจะอยู่บนเวทียาวติดต่อกันหลายชั่วโมง ในที่สุดก็กลั้นปัสสาวะไม่ได้ เต้นต่อไปทั้งๆที่เสื้อผ้าเปียกปัสสาวะจนกระทั่งได้พักช่วงสั้นๆ
Lizzo ได้ตำหนิแดนเซอร์ว่า ไม่สามารถแสดงได้ดีเทียบเท่าที่ตั้งตั้งความคาดหวังไว้ และกล่าวหาพวกเธอว่าดื่มเหล้าก่อนจะขึ้นแสดงทั้งๆที่พวกเธอไม่เคยมีพฤติกรรมนั้น และเป็นต้นเหตุที่เธอสั่งให้แดนเซอร์เข้าซ้อมยาวนานเพื่อออดิชั่นซ้ำ และการตั้งเกณฑ์คัดเลือกสุดโหดก็ทำให้มีคนถูกไล่ออก
แต่แดนเซอร์เชื่อว่า พวกเธอตกเป็นเป้าหมายของของ Lizzo และฝ่ายจัดการเพราะพวกเธอแสดงคำพูดท่าทีอย่างเปิดเผยเพื่อร้องขอให้มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องค่าตอบแทนและการบริหารจัดการ ซึ่งทีมจัดการก็ส่งต่อคำเรียกร้องของพวกเธอไปถึง Lizzo ไปอย่างบิดเบือน
ในที่สุด William ก็ถูกไล่ออก เนื่องจาก Lizzo กล่าวหาเรื่องแอบดื่มเหล้ามาทำงาน แต่เธอยืนกรานไม่ยอมรับและชี้ว่า มีกฎห้ามไม่ให้นำเหล้าเข้ามาในห้องแต่งตัว หรือระหว่างการเดินทาง ส่วนอาหารเครื่องดื่มก็ได้รับการจัดหามาให้เรียบร้อย จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเธอจะแอบดื่มเกล้ากัน
ตามมาด้วย Davis ที่ถูก Lizzo ด่าว่าในระหว่างการประชุมและลงเอยด้วยชะตากรรมเดียวกัน ในเอกสารระบุว่า Davis ถูกกักตัวไว้ในห้องจนกว่าจะเอาโทรศัพท์ให้พนักงานรักษาความปลอดภัยตรวจละเอียดว่าว่าได้แอบบันทึกเสียงหรือไว้หรือถ่ายภาพไว้หรือไม่ เนื่องจากที่เธอได้ยอมรับไปก่อนหน้านี้ว่า อัดคลิประหว่างการประชุมเพื่อบันทึกข้อมูลการแสดงเพราะมีอาการผิดปกติที่ดวงตาทำให้เกิดความมึนงง ซึ่งคนในทีมต่างก็ทราบเรื่องนี้ เธอพยายามชี้แจงว่า เธอเพียงจะชมคลิปในภายหลังเพื่อศึกษาเรื่องหมายเหตุการแสดง ซึ่งระหว่างประชุมอาจจะไม่เข้าใจชัดเจน ไม่ได้มีเจตนาร้ายและลบคลิปออกไปแล้ว แต่ Lizzo โกรธจัดและไล่เธอออก ณ ตรงนั้น เมื่อได้โทรศัพท์คืนมา เธอก็เก็บข้าวของเผ่นไปที่สนามบินทันที
"เธอดูถูกดูแคลนฉันต่อหน้าทุกคน ใช้วาจาทิ่มแทงเรา เธอปล่อยให้กัปตันทีมแดนซ์ด่าว่าพวกเรา"
ในที่สุด William ก็ถูกไล่ออก เนื่องจาก Lizzo กล่าวหาเรื่องแอบดื่มเหล้ามาทำงาน แต่เธอยืนกรานไม่ยอมรับและชี้ว่า มีกฎห้ามไม่ให้นำเหล้าเข้ามาในห้องแต่งตัว หรือระหว่างการเดินทาง ส่วนอาหารเครื่องดื่มก็ได้รับการจัดหามาให้เรียบร้อย จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเธอจะแอบดื่มเกล้ากัน
ตามมาด้วย Davis ที่ถูก Lizzo ด่าว่าในระหว่างการประชุมและลงเอยด้วยชะตากรรมเดียวกัน ในเอกสารระบุว่า Davis ถูกกักตัวไว้ในห้องจนกว่าจะเอาโทรศัพท์ให้พนักงานรักษาความปลอดภัยตรวจละเอียดว่าว่าได้แอบบันทึกเสียงหรือไว้หรือถ่ายภาพไว้หรือไม่ เนื่องจากที่เธอได้ยอมรับไปก่อนหน้านี้ว่า อัดคลิประหว่างการประชุมเพื่อบันทึกข้อมูลการแสดงเพราะมีอาการผิดปกติที่ดวงตาทำให้เกิดความมึนงง ซึ่งคนในทีมต่างก็ทราบเรื่องนี้ เธอพยายามชี้แจงว่า เธอเพียงจะชมคลิปในภายหลังเพื่อศึกษาเรื่องหมายเหตุการแสดง ซึ่งระหว่างประชุมอาจจะไม่เข้าใจชัดเจน ไม่ได้มีเจตนาร้ายและลบคลิปออกไปแล้ว แต่ Lizzo โกรธจัดและไล่เธอออก ณ ตรงนั้น เมื่อได้โทรศัพท์คืนมา เธอก็เก็บข้าวของเผ่นไปที่สนามบินทันที
"เธอดูถูกดูแคลนฉันต่อหน้าทุกคน ใช้วาจาทิ่มแทงเรา เธอปล่อยให้กัปตันทีมแดนซ์ด่าว่าพวกเรา"
Rodriguez ที่ไม่สามารถทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นจึงตัดสินใจลาออกตามเพื่อน เธอบินกลับพร้อมกับ Davis และไม่ได้ถูกกักตัวเพื่อเช็คโทรศัพท์ แต่ก็ผวา เพราะขัดแย้งกันจนนึกว่าจะถูก Lizzo ทำร้ายซะแล้ว
Rodriguez เล่าเหตุการณ์ว่า ตอนที่เธอลุกขึ้นมาปกป้องเพื่อนที่ถูกไล่ออกและประกาศว่าจะขอลาออกไปด้วย Lizzo ก็แสดงท่าทางคุกคามเธอด้วยการเดินเข้าหาพร้อมโชว์หักข้อนิ้วและยกหมัดขึ้นมาแล้ว แม้จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น แต่ก็เป็นเพราะว่ามีแดนเซอร์อีกคนเข้ามาห้ามไว้ ก่อนที่ Lizzo จะพุ่งออกจากห้องไปก็ยกนิ้วกลางและตะโกนใส่ว่า Bye Bit*h
"เราไม่รู้สึกถึงความปลอดภัยและเกิดความหวาดกลัว แดนเซอร์ในห้องถึงกับหลั่งน้ำตากันทุกคน"
เมื่อสี่เดือนก่อน เธอได้แชร์โพสต์ระบายความรู้สึกที่ได้ยืนหยัดปกป้องสิ่งที่ถูกต้อง ปฏิเสธคนที่ไม่ให้เกียรติและก้าวออกมาจากสถานที่ที่ไม่ควรค่าจะอดทนอยู่ต่อ ซึ่งน่าจะเป็น timeline ที่สอดคล้องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งที่พวกเธอระบุในเอกสารฟ้องร้องนั่นเอง โดยเฉพาะที่เธอได้แปะแฮชแทก About damn time ไว้ปิดท้าย ก็คงไม่เป็นใครอื่นไปไม่ได้
Fat Shaming
ในเอกสารฟ้องร้องได้อธิบายถึงประเด็นนี้ว่า
"Lizzo และคุณ Scott (นักออกแบบท่าเต้นของเธอ) ตั้งคำถามต่อตัวคุณ Davis ว่า เธอกำลังประสบปัญหาหรือพยายามทุ่มเทกับบทบาทหน้าที่ของนักเต้นหรือไม่ พวกเธอบีบให้คุณ Davis อธิบายว่าเหตุใดเธอจึงไม่แสดงออกอย่างสดใสร่าเริงมีชีวิตชีวาเหมือนตอนเริ่มออกทัวร์ เมื่อแดนเซอร์น้ำหนักตัวขึ้น ก็มักถูกมองว่าพวกเธอเกียจคร้านหรือแสดงได้แย่ลง"
"การตั้งคำถามของ Lizzo และ คุณ Scott ในเรื่องความทุ่มเทให้กับทัวร์ของคุณ Davis นั้นบ่งชี้ว่าเกี่ยวข้องถึงเรื่องน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นของเธอ ซึ่ง Lizzo เคยได้ตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้มาตั้งแต่เทศกาลดนตรี South by Southwest"
"มันทำให้คุณ Davis รู้สึกว่าเธอมีความจำเป็นต้องไขความข้องใจว่าเหตุใดน้ำหนักของเธอจึงเพิ่มขึ้นมา และเธอก็ต้องเปิดเผยข้อมูลชีวิตส่วนตัวเพื่อที่จะรักษางานนี้ไว้ได้"
Davis เล่าเหตุการณ์เพิ่มเติมจากเอกสารฟ้องร้องกับสื่อว่า เมื่อน้ำหนักตัวของเธอพุ่งพรวดขึ้นมา Lizzo เรียกเธอมาคุยเป็นการส่วนตัว แม้จะแสดงออกว่าเป็นห่วงที่เธอดูไม่เหมือนเดิม โดยที่ไม่พูดชัดๆว่าเป็นเพราะอ้วนขึ้น แต่ก็ทำให้รู้สึกได้ว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้เธอถูกคาดคั้น
"ตอนนี้ฉันดูเปลี่ยนไปมาก น้ำหนักตัวขึ้นมาเยอะ ฉันคิดว่า Lizzo ข้องใจกับเรื่องที่ฉันน้ำหนักตัวเพิ่มมาตลอด" หลังจากเทศกาลดนตรี Lizzo บอกเธอว่ารู้สึกกังวลในตัวเธอ แต่เธอยืนยันว่า ไม่มีสิ่งใดเลยที่แตกต่างออกไป (นอกจากน้ำหนักตัว) และเชื่อว่าตัวเองเต้นได้ดีขึ้นกว่าเดิมซะอีก
"Lizzo และคุณ Scott (นักออกแบบท่าเต้นของเธอ) ตั้งคำถามต่อตัวคุณ Davis ว่า เธอกำลังประสบปัญหาหรือพยายามทุ่มเทกับบทบาทหน้าที่ของนักเต้นหรือไม่ พวกเธอบีบให้คุณ Davis อธิบายว่าเหตุใดเธอจึงไม่แสดงออกอย่างสดใสร่าเริงมีชีวิตชีวาเหมือนตอนเริ่มออกทัวร์ เมื่อแดนเซอร์น้ำหนักตัวขึ้น ก็มักถูกมองว่าพวกเธอเกียจคร้านหรือแสดงได้แย่ลง"
"การตั้งคำถามของ Lizzo และ คุณ Scott ในเรื่องความทุ่มเทให้กับทัวร์ของคุณ Davis นั้นบ่งชี้ว่าเกี่ยวข้องถึงเรื่องน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นของเธอ ซึ่ง Lizzo เคยได้ตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้มาตั้งแต่เทศกาลดนตรี South by Southwest"
"มันทำให้คุณ Davis รู้สึกว่าเธอมีความจำเป็นต้องไขความข้องใจว่าเหตุใดน้ำหนักของเธอจึงเพิ่มขึ้นมา และเธอก็ต้องเปิดเผยข้อมูลชีวิตส่วนตัวเพื่อที่จะรักษางานนี้ไว้ได้"
Davis เล่าเหตุการณ์เพิ่มเติมจากเอกสารฟ้องร้องกับสื่อว่า เมื่อน้ำหนักตัวของเธอพุ่งพรวดขึ้นมา Lizzo เรียกเธอมาคุยเป็นการส่วนตัว แม้จะแสดงออกว่าเป็นห่วงที่เธอดูไม่เหมือนเดิม โดยที่ไม่พูดชัดๆว่าเป็นเพราะอ้วนขึ้น แต่ก็ทำให้รู้สึกได้ว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้เธอถูกคาดคั้น
"ตอนนี้ฉันดูเปลี่ยนไปมาก น้ำหนักตัวขึ้นมาเยอะ ฉันคิดว่า Lizzo ข้องใจกับเรื่องที่ฉันน้ำหนักตัวเพิ่มมาตลอด" หลังจากเทศกาลดนตรี Lizzo บอกเธอว่ารู้สึกกังวลในตัวเธอ แต่เธอยืนยันว่า ไม่มีสิ่งใดเลยที่แตกต่างออกไป (นอกจากน้ำหนักตัว) และเชื่อว่าตัวเองเต้นได้ดีขึ้นกว่าเดิมซะอีก
"มันไม่ได้เป็นคำพูดตรงๆแบบ เธอมันอ้วน ฉันไล่เธอออก หรือเธอน้ำหนักขึ้นมากไปแล้วนะ มันไม่ใช่คำพูดตรงไปตรงมา และฟังดูเหน็บแนมกัน"
Davis ยังอ้างว่า Lizzo บอกกับพนักงานว่า แดนเซอร์ทั่วไปถูกไล่ออกตลอดเวลาหากน้ำหนักตัวเพิ่ม และพวกเธอควรสำนึกไว้ซะที่ได้ร่วมงานกับเธอ เพราะถึงอ้วนขึ้นก็ยังทำงานต่อไปได้
"แล้วเธอก็จ้องมาที่ฉัน ฉันไม่รู้ว่าเธอจำได้รึเปล่าว่าจ้องมาที่ฉัน แต่มันทำให้รู้สึกแบบนั้นเลย"
"มันมีบรรยากาศที่แฝงไปด้วยคำถามว่า ทำไมเธอถึงตัวใหญ่ขึ้นล่ะ? (โดยที่ไม่พูดออกมาตรงๆ)
ในมุมมองของบางคน นี่อาจจะไม่ได้เรียกว่า weight shaming อย่างเต็มปาก แต่ก็เป็นไม่ใช่การกระทำที่ส่งเสริม body positivity เช่นเดียวกัน
ย้อนไปในเดือนมิถุนายน Lizzp ได้ดึงดูดความสนใจจากสังคมออนไลน์ เมื่อมีคน fat shame เธอว่า ไม่เข้าใจที่เธอยังอ้วนขนาดนี้ ทั้งๆที่เต้นสะบัดบนเวที และสงสัยว่าเธอกินอะไรไปบ้าง คำพูดรุนแรงเหล่านี้ทำลายจิตใจเธอจนคิดอยากจะออกจากวงการ เมื่อแดนเซอร์ออกมากล่าวหาว่าเธอเป็นฝ่ายกดดันลูกน้องตัวเองเรื่องน้ำหนัก ก็ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยออกอาการผิดหวังอย่างแรง
ผู้กำกับสารคดีและอดีตคนเคยร่วมงานเผย เจอมาเหมือนกัน!
Sophia Nahli Allison ผู้กำกับสารคดีที่เคยเข้าชิงรางวัล Oscar ได้รับการทาบทามให้มาร่วมงานกับ Lizzo เป็นอีกหนึ่งเสียงยืนยันว่า ถูกปฏิบัติที่ย่ำแย่จนจำฝังใจ
"ในปี 2019 ฉันเดินทางไปพร้อมกับ Lizzo ช่วงสั้นๆเพื่อทำหน้าที่ผู้กำกับสารคดีให้กับเธอ ฉันก้าวจากมาในเวลาสองสัปดาห์ เธอปฏิบัติกับฉันอย่างไม่ให้เกียรติ ฉันได้เห็นถึงพฤติกรรมหยิ่งยโส เอาแต่ตัวเองเป็นใหญ่ และจิตใจที่ขาดความเมตตากรุณาของเธอ"
"ฉันถูกจับโยนใส่สถานการณ์ที่ย่ำแย่และไม่ได้รับการปกป้อง ฉันได้รับการสนับสนุนเพียงน้อยนิด สัญชาตญาณบอกกับฉันว่าจงหนีออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ และฉันก็ดีใจที่เลือกเชื่อความคิดตัวเอง"
"ฉันรู้สึกว่าถูกปั่นหัวและเจ็บปวดฝังลึก แต่ฉันได้รับการเยียวยาจิตใจแล้ว"
"เมื่อได้อ่านรายงานพวกนี้ทำให้ฉันได้ตระหนักว่าผ่านสถานการณ์สุ่มเสี่ยงถึงขนาดไหนมา การใช้อำนาจที่ผิดเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยเกินไป ขอส่งความรักและกำลังใจสนับสนุนให้เหล่าแดนเซอร์ค่ะ"
"ในปี 2019 ฉันเดินทางไปพร้อมกับ Lizzo ช่วงสั้นๆเพื่อทำหน้าที่ผู้กำกับสารคดีให้กับเธอ ฉันก้าวจากมาในเวลาสองสัปดาห์ เธอปฏิบัติกับฉันอย่างไม่ให้เกียรติ ฉันได้เห็นถึงพฤติกรรมหยิ่งยโส เอาแต่ตัวเองเป็นใหญ่ และจิตใจที่ขาดความเมตตากรุณาของเธอ"
"ฉันถูกจับโยนใส่สถานการณ์ที่ย่ำแย่และไม่ได้รับการปกป้อง ฉันได้รับการสนับสนุนเพียงน้อยนิด สัญชาตญาณบอกกับฉันว่าจงหนีออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ และฉันก็ดีใจที่เลือกเชื่อความคิดตัวเอง"
"ฉันรู้สึกว่าถูกปั่นหัวและเจ็บปวดฝังลึก แต่ฉันได้รับการเยียวยาจิตใจแล้ว"
"เมื่อได้อ่านรายงานพวกนี้ทำให้ฉันได้ตระหนักว่าผ่านสถานการณ์สุ่มเสี่ยงถึงขนาดไหนมา การใช้อำนาจที่ผิดเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยเกินไป ขอส่งความรักและกำลังใจสนับสนุนให้เหล่าแดนเซอร์ค่ะ"
นอกจากคู่กรณีแดนเซอร์สามคน Courtney Hollinquest แดนเซอร์และ DJ ที่เคยร่วมงานกับ Lizzo ก็ได้ออกมายืนยันว่า เธอไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้ฟ้องร้อง แต่เคยผ่านประสบการณ์เดียวกันมาแล้ว เธอจึงขอส่งกำลังใจให้กับแดนเซอร์ที่มีความกล้าหาญมากพอจะเปิดเผยเรื่องนี้กับสังคม รวมถึง Quinn Wilson ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ที่เห็นพ้องกันว่า มีเหตุที่ทำให้เธอถอยห่างจากการเป็นส่วนหนึ่งในโลกแห่งนั้นมาสามปี และประสบการณ์พวกนั้นก็ยังสร้างความสะเทือนใจให้เธอ ซึ่ง Hollinquest ได้ปลอบใจกลับไปว่า มีเพียงน้อยคนที่รับรู้ว่าพวกเธอได้ผ่านอะไรมาบ้าง
Wilson เป็นผู้อยู่เบื้องหลังร่วมสร้างสรรค์การแสดงที่สร้างชื่อให้กับ Lizzo เช่น วีดีโอ Truth Hurts และทัวร์ Because I Love You Too ตอนที่ Lizzo ขึ้นรับรางวัล Grammy เธอยังกล่าวขอบคุณ Wilson และระบุว่า หากไม่ได้เพื่อนสนิทคนนี้ เธออาจจะต้องใช้ชีวิตกินนอนในรถ แต่กลายเป็นว่า ผู้กำกับศิลป์ที่ร่วมสร้างความสำเร็จกันมากลับพูดในทำนองว่า เคยผ่านประสบการณ์ที่สร้างความเจ็บปวดจากการกระทำของ Lizzo
เมื่อมีคนตัดสินใจแชร์ประสบการณ์ตรงนอกเหรือจากคู่กรณี (แม้จะไม่ได้ให้รายละเอียดชัดเจน) มันก็ทำให้ชาวเน็ทกลุ่มหนึ่งเชื่อว่า จะมีคนอื่นออกมาเปิดเผยประสบการณ์ตรงเพื่อยืนยันข้อกล่าวหาเหล่านี้อีก เหมือนกับกรณีคนดังที่ถูกกล่าวหาเรื่องการใช้อำนาจในทางที่ผิดและ bully ไม่ว่าจะเป็น Ellen DeGeneres, Chrissy Teigen และ Lea Michel
ชาวเน็ทเชื่อ Beyonce เคลื่อนไหว ไม่เอ่ยถึง Lizzo ในเนื้อเพลง remix ระหว่างแสดงคอนเสิร์ต
Lizzo ไม่เคยปกปิดเลยว่าเธอคลั่งไคล้บูชา Beyonce มากมายแค่ไหน เธอย่อมปลาบปลื้มที่ควีน Bey ได้นำชื่อของเธอไปรวมกับชื่อผู้หญิงเก่งกาจทรงอิทธิพลในเพลง “Break My Soul เวอร์ชั่น The Queen Remix แต่ในการแสดงคอนเสิร์ตที่ Boston เมื่อวันก่อน ผู้ชมตั้งข้อสังเกตว่า เธอได้ตัดชื่อ Lizzo ออกไป และย้ำชื่อ Erykah Badu แทน ทำให้มีความเชื่อกันว่า เธอจงใจเลี่ยงดราม่าที่อาจจะทำให้เสียภาพลักษณ์เพราะถูกจับไปเชื่อมโยงกับ Lizzo ที่กำลังถูก scandal เล่นงาน แต่ก็มีผู้ที่แย้งว่า Beyonce ได้ข้ามชื่อของผู้หญิงผู้โด่งดังคนอื่นในท่อนนี้ คือ Betty Davis Solange Knowles และ Kelly Rowland และเลือกพูดชื่อ Badu คนเดียวซ้ำๆ นี่อาจจะไม่ใช่การแสดง statement ว่าเธอไม่เอา Lizzo แต่เป็นเรื่องบังเอิญ
อย่างไรก็ตาม ก็อาจจะมองได้ว่า นี่อาจจะเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่หักหาญน้ำใจกันหนักเกินไป สังเกตได้จากเพื่อนฝูงคนดังของ Lizzo ยังวางตัวนิ่ง พวกเค้าดูระมัดระวังกับการแสดงความคิดเห็นต่อดรามาครั้งนี้ ซึ่งอาจจะมาจากสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงกับการถูกเหมารวมจนดูไม่ดีไปด้วย แตกต่างจากตอนที่ Lizzo เผชิญกับ cyberbullying ซึ่งคนร่วมวงการต่างก็พร้อมใจออกมาปกป้องและให้กำลังใจเธอ
อย่างไรก็ตาม ก็อาจจะมองได้ว่า นี่อาจจะเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่หักหาญน้ำใจกันหนักเกินไป สังเกตได้จากเพื่อนฝูงคนดังของ Lizzo ยังวางตัวนิ่ง พวกเค้าดูระมัดระวังกับการแสดงความคิดเห็นต่อดรามาครั้งนี้ ซึ่งอาจจะมาจากสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงกับการถูกเหมารวมจนดูไม่ดีไปด้วย แตกต่างจากตอนที่ Lizzo เผชิญกับ cyberbullying ซึ่งคนร่วมวงการต่างก็พร้อมใจออกมาปกป้องและให้กำลังใจเธอ
Lizzo ยังไม่ชี้แจง
เรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ สื่อย่อมตามจิก rep ของ Lizzo ไม่หยุดหย่อน แต่ก็พอนึกภาพออกว่า เมื่อถูกกล่าวหาแรงจนถูกมองว่า เสี่ยงที่จะถูก cancel ตามรอย Ellen DeGeneres ทีม PR ของเธอต้องประชุมเครียดเพื่อรับมือและแก้ไขสถานการณ์นี้
และเมื่อ Lizzo แชร์ภาพทาง Instagram เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แฟนๆต่างเข้ามาโอดครวญด้วยความผิดหวัง หลายคนออกอาการใจสลายที่ได้รับรู้ข้อกล่าวหาซึ่งสวนทางกับความเป็น Lizzo ที่พวกเค้าเชื่อมั่น แม้จะมีคนออกมาทักท้วงว่า ให้รอฟังความจากฝ่ายเธอก่อน อย่าเพิ่งด่วนตัดสินหรือล่าแม่มดเพราะเป็นไปได้ว่า เธอคือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกใส่ร้ายป้ายสี
แต่ก็มีคนโต้กลับว่า การนิ่งเงียบของเธอได้บ่งบอกชัดว่า ข่าวช็อควงการเป็นเรื่องที่มีมูลความจริง ยิ่งมีคนทำงานเบื้องหลังที่น่าเชื่อถือออกมายืนยันว่าเคยผ่านประสบการณ์ย่ำแย่จากการทำงานร่วมกับ Lizzo เหมือนกัน ก็ทำให้ชาวเน็ทหลายคนฟันธงไปแล้วว่า นี่ไม่ใช่การปั้นแต่งเรื่องเพื่อบีบเอาเงินจากคนดัง แต่เป็นเรื่องของการใช้อำนาจกดขี่คนที่อ่อนแอกว่าจริงๆ
และเมื่อ Lizzo แชร์ภาพทาง Instagram เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แฟนๆต่างเข้ามาโอดครวญด้วยความผิดหวัง หลายคนออกอาการใจสลายที่ได้รับรู้ข้อกล่าวหาซึ่งสวนทางกับความเป็น Lizzo ที่พวกเค้าเชื่อมั่น แม้จะมีคนออกมาทักท้วงว่า ให้รอฟังความจากฝ่ายเธอก่อน อย่าเพิ่งด่วนตัดสินหรือล่าแม่มดเพราะเป็นไปได้ว่า เธอคือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกใส่ร้ายป้ายสี
แต่ก็มีคนโต้กลับว่า การนิ่งเงียบของเธอได้บ่งบอกชัดว่า ข่าวช็อควงการเป็นเรื่องที่มีมูลความจริง ยิ่งมีคนทำงานเบื้องหลังที่น่าเชื่อถือออกมายืนยันว่าเคยผ่านประสบการณ์ย่ำแย่จากการทำงานร่วมกับ Lizzo เหมือนกัน ก็ทำให้ชาวเน็ทหลายคนฟันธงไปแล้วว่า นี่ไม่ใช่การปั้นแต่งเรื่องเพื่อบีบเอาเงินจากคนดัง แต่เป็นเรื่องของการใช้อำนาจกดขี่คนที่อ่อนแอกว่าจริงๆ
เชื่อมั่นว่า ความเคลื่อนไหวต่อไปของ Lizzo จะไม่ใช่โพสต์ภาพสวยทาง Instagram เท่านั้น แต่เธอน่าจะกำลังเตรียมตัวเพื่ออธิบายให้เกิดความกระจ่างกว่านี้ และอีกไม่นาน เราคงจะได้ยินเรื่องราวจากฝั่งของเธอ
Lizzo จะยอมรับหรือโต้กลับข้อกล่าวหาเช่นไร มารอคอยอัพเดทกับเรากันนะคะ!