กระแสสังคมแตก ปมหย่าร้าง Britney-Sam

28 10
การแต่งงานที่ Britney เคยชื่นชมไว้ว่า ช่างแสนสุขราวกับเรื่องในเทพนิยาย  แต่วันเวลาที่ผ่านพ้นไปเพียง 14 เดือนก็ทำให้พวกเราได้เรียนรู้ว่า ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะได้พบกับความรักที่ลงเอยด้วยความสุขล้ำตลอดไปดุจในนิยาย

หลังจากที่มีการเปิดเผยเรื่องการเลิกราของ Britney และ Sam แฟนๆของเจ้าหญิงเพลง pop จะออกโรงปกป้องเธอเต็มที่และฟาดฟันฝ่ายสามีที่แสดงท่าทีว่าต้องการเจรจาเพื่อเงินค่าเลี้ยงดู แต่ยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากคนกลุ่มใหญ่ที่มองว่า มีความเป็นไปได้ที่เธอจะเป็นต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหา เห็นได้จากความขัดแย้งกับครอบครัวจนไม่มีคนอยู่เคียงข้าง แม้แต่ลูกชายที่เธอรักดุจดวงใจก็ก้าวออกจากชีวิตเธอไป

แน่นอนว่า คนภายนอกคงไม่ได้เข้าอกเข้าใจปมการหย่าร้างที่อยู่เบื้องหลังได้อย่างแน่ชัด เพราะคนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนดังก็ได้แต่คอยติดตามข่าวและข้อสันนิษฐานต่างๆ ไม่อาจจะปักใจเชื่อจากคำบอกเล่าจากแทบลอยด์ไปหมด ได้แต่ติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ที่เกี่ยวข้อง

แต่สิ่งเดียวที่แน่ใจก็คือ  นี่เป็นสถานการณ์ที่น่าเศร้าเหลือเกิน

Britney เผยความรู้สึกครั้งแรกหลังแยกทาง 'ไม่สามารถทำใจรับความเจ็บปวดได้อีกต่อไป'
"ตามที่ทุกๆคนได้รู้กันแล้วว่า Hesam กับฉันไม่ได้ครองคู่กันอีกต่อไป  6 ปี เป็นวันเวลาที่ยาวนานในการใช้ชีวิตอยู่กับใครบางคน  ฉันรู้สึกช็อคอยู่นิดหน่อย  แต่ฉันจะไม่มาอธิบายต้นสายปลายเหตุเพราะที่จริงมันก็ไม่ใช่ธุระกงการของใครนี่นา"

"แต่ว่านะ ฉันทำใจรับความเจ็บปวดต่อไปไม่ไหวแล้วล่ะ มันเหมือนกับจะเป็นการเชื่อมต่อกันทางกระแสจิตนะ ฉันได้รับข้อความมากมายจากบรรดาเพื่อนๆที่ทำเอาใจละลายไปเลย ต้องขอขอบคุณ"


"ฉันทำเหมือนกับว่าตัวเองแข็งแกร่งมาเนิ่นนานเกินไปแล้ว และถึงแม้ว่าภาพบน Instgram ของฉันจะดูเลอเลิศแต่มันห่างไกลจากความเป็นจริงและฉันว่าพวกเราต่างรู้เรื่องนี้ดี ฉันอยากจะเปิดเผยให้ได้เห็นความรู้สึกนึกคิดและน้ำตาที่มาจากจิตใจที่แท้จริงของฉัน แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ฉันจะต้องเก็บซ่อนความอ่อนแอไว้เสมอ"


"ถ้าฉันไม่ทำท่าเป็นนักรบผู้เข้มแข็งในสายตาพ่อ ก็จะถูกส่งตัวไปให้แพทย์รักษา แต่นั่นเป็นช่วงเวลาที่ฉันจำเป็นต้องมีครอบครัวมากที่สุด เราควรจะเป็นที่รักโดยไร้เงื่อนไข ไม่ใช่จะรักได้ก็ต้องยื่นเงื่อนไขมาให้"

"ดังนั้นฉันจะพยายามเข้มแข็งขึ้นมาเท่าที่จะทำได้  และที่จริงในตอนนี้ฉันก็สบายใจมากๆเลยล่ะ   ขอให้วันดีๆและอย่าลืมส่งยิ้มกันด้วย"



แถลงจาก Sam ยังมีความรู้สึกรักและให้เกียรติกัน ไม่มีความตั้งใจคัดค้านข้อตกลงใน prenup
แถลงการณ์จากสามีนั้นยังสื่อถึงพลังงานด้านบวก ฟังคล้ายกับว่า  การแตกหักครั้งนี้เกิดจากการใคร่ครวญตัดสินใจร่วมกัน ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางรุนแรงดังที่แทบลอยด์เสนอข่าว   แต่หากติดตามข่าวบันเทิงมาตลอดก็จะพบว่า นี่คือคำพูดเสริมภาพลักษณ์ที่เหล่าเซเลบมักนำมาอธิบายการเลิกรา  ไม่ว่าเรื่องราวเบื้องหลังจะขัดแย้งกันอย่างรุนแรงหรือไม่  คนดังก็จะส่งคำพูดสวยออกมาว่า ยังมีความรู้สึกดีๆให้กัน  

"หลังที่มีความรักและยึดมั่นผูกพันในกันและกันมาเป็นระยะเวลา 6 ปี ภรรยาและผมได้ตัดสินใจที่จะยุติเส้นทางชีวิตคู่ เราจะยึดมั่นในความรักและให้เกียรติกัน และผมหวังว่าเธอจะได้พบเจอสิ่งดีๆต่อไปในอนาคต"

"เรื่องไม่ดีมันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ  หากจะให้ขอเรียกร้องความเป็นส่วนตัวก็ดูจะประหลาด ดังนั้นผมจึงขอร้องให้ทุกๆคนรวมถึงบรรดาสื่อให้แสดงออกอย่างนุ่มนวลและเห็นอกเห็นใจกันบ้าง"


ล่าสุด Us Weekly ได้รายงานว่า ความแตกแยกของคู่สามีภรรยาร้าวลึกจนไม่พูดจากัน Brit ไม่ยอมให้ Samอาศัยที่บ้านต่อจนเขาต้องเก็บข้าวเก็บของออกไป ทีมกฎหมายจึงรับหน้าที่ติดต่อสื่อสารเพื่อเจรจาการหย่าร้างและธุระปะปังอื่นๆ






แต่เรื่องราวแบบ cliche ใน Hollywood ที่คู่สมรสที่อายุน้อยกว่าหลายปีและมีสถานะทางการเงินด้อยกว่าลุกขึ้นมายื่นขอหย่าและแสดงเจตจำนงในการเรียกค่าเลี้ยงดูก้อนโตนั้นทำให้ Sam ถูกพิพากษาจากชาวเน็ททันทีว่า เขามีพฤติกรรมไม่ต่างจากนักขุดทอง มีคนออกมาจิกกัดด้วยซ้ำว่า ไม่ได้ประหลาดใจแม้แต่น้อย  รวมถึงเปรียบเทียบว่าเขาเป็น  Amber Heard ในร่างเพศชาย!

ทั้งๆที่ Sam อยู่เคียงข้าง Brit ในขณะที่เธอต้องอยู่ภายใต้ conservatorship มาหลายปี แต่แต่งงานกันได้เพียง 14 เดือนก็ขอหย่า ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า นี่คือการวางกับดักปอกลอกระยะยาว เขาเฝ้ารอให้ Brit เป็นไทเพื่อเพื่อได้สิทธิ์ในการแต่งงาน และหักหลังเธอด้วยการฟ้องหย่า แม้ว่าจะเซ็นข้อตกลง prenup ที่สามารถป้องกันทรัพย์สินของเธอ แต่ก็มีเสียงลือหนาหูว่าว่า Sam แสดงพฤติกรรมหัวหมอ หวังจะใช้ความสามารถของทนายมาคัดค้าน prenup เพื่อจะเรียกเงินไปให้ได้มากที่สุด โดยได้ระบุในเอกสารขอหย่าว่า เขาต้องการเรียกร้องค่าเลี้ยงดูและต้องการให้เธอจ่ายค่าดำเนินการกฎหมายและทนายให้
ในขณะที่เกิดเสียงวิพาษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ตัวแทนของ Sam ก็อออกมาปฏิเสธข่าวลือที่กล่าวหาว่า เขาทำตัวเป็นปลิงด้วยการเรียกร้องเงินทองที่เป็นน้ำพักน้ำแรงของของ Brit ไว้ว่า

"มันการกล่าวอ้างออกมามากมายว่า Sam กำลังคัดค้านข้อตกลง prenup และขู่เข็ญอดีตภรรยาเพื่อหาผลประโยชน์ด้ววยการปล่อยวีดีโอแฉ อย่างไรก็ตาม คำพูดกล่าวอ้างพวกนี้ล้วนแต่เป็นเท็จ และเธอไม่ได้ตกเป็นเป้าโจมตีด้วยเจตนาในแง่ลบ และมันไม่มีทางจะเป็นเช่นนั้นได้ Sam สนับสนุนเธอมาโดยตลอด และจะเป็นเช่นนี้เสมอไป"

แต่ทนายหย่าฝ่ายชายยืนยัน ต้องตรวจสอบเรื่องทรัพย์สิน 
แต่หากพูดถึงการหย่าร้างกับคู่สมรสที่เป็นคนดังที่ร่ำรวยระดับเศรษฐี  การก้าวออกจากชีวิตอีกฝ่ายแบบตัวเปล่าๆนั้นคงจะเป็นเรื่องที่ยากจะทำใจเชื่อ    มีงานงานว่า Brit ได้ว่าจ้างทนายหย่าชื่อดังที่ Kim Kardashian เคยเรียกใช้บริการ เพื่อจะมั่นใจได้ว่า  ความสามารถของทนายเซเลบจะช่วยปกป้องทรัพย์สินของเธอไว้มากที่สุด  ในขณะที่ตัวแทนของ Sam ยืนยันว่า จะไม่คัดค้านข้อตกลงใน prenup แต่ทนายของเขาก็เผยไต๋แล้วว่า จะต้องตรวจสอบทรัพย์สินกันอย่างละเอียด เพราะหลังจากที่แยกทางทาง Sam ก็ยังไม่ได้ระบุว่า ทรัพย์สินส่วนใดเป็นของใครบ้าง และมีสิ่งใดที่เป็นสินสมรสที่จะต้องแบ่งกัน

แหล่งข่าววงในวิเคราะห์ว่า แม้ Britney จะมี prenup เป็นปราการแข็งแกร่งไม่ให้ Sam แตะต้องเงินทองที่เธอทุ่มเทหามา แต่ดูเหมือนว่า ลงท้ายแล้วก็ต้องเจรจากันเพื่อเซ็นเช็คให้อดีตสามีเพื่อการันตีว่า เขาจะไม่นำเรื่องราวส่วนตัวและความลับที่เธอไม่ต้องการเปิดเผยให้คนนอกรู้ไปขายให้สื่อหรือฉวยโอกาสข่มขู่เรียกเงินจากเธอในอนาคต (คล้ายกับข้อตกลงการหย่าที่ Johnny Depp ทำไว้กับ Amber และต่อมา เขาถูกเธอดัดหลังด้วยการนำเรื่องราวไปเขียนบทความให้กับสื่อดัง และอ้างว่า ไม่ได้เอ่ยชื่อใครจึงไม่ผิดสัญญา ผลที่ตามมาคือมหากาพย์ฟ้องหมิ่นประมาทที่ทำให้ฝ่ายหญิงพ่ายแพ้ไปในที่สุด) ซึ่งหากพวกเค้าตกลงตัวเลขเงินในการตกลงไม่เปิดเผยความลับแล้ว หาก Sam ผิดคำพูดขึ้นมา ก็ต้องคืนเงินจำนวนนั้นให้กับ Britney และอาจจะเสี่ยงถูกฟ้องหมิ่นประมาทเหมือนกับที่ Amber Heard เคยประสบมาแล้ว

สื่อดังเผยแพร่ภาพรอยฟกช้ำที่ตาและแขนของ Sam ชี้ว่ามันเป็นผลจากการใช้ความรุนแรงของเจ้าหญิงเพลง Pop
เป็นเรื่องปกติในวงการ Hollywood  เมื่อชีวิตคู่คนดังมาถึงจุดสิ้นสุดแบบจบไม่สวย  ก็มักมีผู้ที่ทำหน้าที่พรายกระซิบส่งต่อข้อมูลให้กับแทบลอยด์   ในกรณีของ Britney และ Sam  สื่อที่ดูขยันขันแข็งที่สุดหนีไม่พ้น TMZ  ที่อ้างแหล่งข่าววงในที่แฟนๆของ Brit เชื่อว่า ไม่ใช่ใครอื่นไกล ย่อมเป็นทนายหรือไม่ก็ตัวแทนของฝ่ายชายนั่นเอง เพราะแต่ละเรื่องนั้นมีแต่คำกล่าวหาว่าฝ่ายหญิงทำเรื่องเสื่อมเสีย  โดยเฉพาะที่บอกว่า เธอมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงในครอบครัว

TMZ ระบุว่า Sam ได้เล่าเรื่อง Britney ทำร้ายร่างกายของเขาในช่วงหลายปีมานี้ เธอเคยทุบเขาที่กำลังหลับบนเตียงจนตาเขียว

"มีคนบอกพวกเราว่า พวกเค้าทะเลาะเบาะแว้งกันหลายครั้งจนบอดี้การ์ดต้องเข้ามาห้ามปราม แต่มีกรณีที่ Brit จู่โจมเขาในขณะที่กำลังนอนหลับ เราได้รับข้อมูลมาว่า Sam ไม่ได้ใช้กำลังตอบโต้เธอ แต่ตกตะลึงที่ภรรยาทุบตีเขา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงต้นปีซึ่งตรงกับช่วงที่ Sam ถูกถ่ายภาพในสภาพตาเขียวและมีรอยกัดที่แขน"
"Paparazzi ถามไถ่เขาว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาพยายามทำไม่รู้ไม่ชี้และขอให้ช่างภาพหยุดถ่าย""

"แหล่งข่าวรายหนึ่งบอกว่า Sam วิตกกังวลที่ Britney หมกมุ่นกับมีด เราได้รับการบอกเล่าว่ามีมีดอยู่ทั่วบ้าน รวมถึงห้องนอนของพวกเค้า"
"ฺBritney หวาดระแวงว่าใครบางคนจะเข้ามาทำร้ายเธอ เธอจำเป็นต้องมีมีดไว้ป้องกันตัว"
"เธอจะบันดาลโทสะอย่างฉับพลันเพียงเพราะเรื่องขี้ปะติ๋วและมันทำให้ Sam หวาดกลัว"
น้ำเสียงของ TMZ ที่บรรยายถึง Sam ในแง่ดีงามว่า เขาพยายามเต็มที่เพื่อจะช่วยเหลือภรรยา แต่ก็ทนทุกข์ใจต่อไปไม่ไหวนั้น มันได้สร้างความคลางแคลงใจให้กับแฟนของ Britney พวกเค้าเชื่อว่า สำหรับสื่อกอสสิป มันเป็นเรื่องแสนสะดวกที่จะกล่าวโทษ superstar ว่าสติแตกทำร้ายสามี เพราะการรายงานเรื่องเสื่อมเสียของเธอย่อมดึงดูดความสนใจได้มากกว่าเรื่องราว gold digger แบบเดิมๆ เมื่อสามีที่อ่อนวัยกว่าขอหย่าและเรียกค่าเลี้ยงดูหลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นาน




ตั้งแต่สามเดือนก่อน TMZ เคยรายงานผ่านสารคดี Britney Spears: The Price Of Freedom เรื่องความขัดแย้งในชีวิตคู่ของทั้งสองไปว่า พวกเค้ามีปากเสียงกันเพราะ Sam เชื่อว่าเธอนอกใจเขาส่งผลให้ชีวิตคู่ใกล้อับปาง แต่ในขณะนั้น Sam ก็เคยออกมายืนกรานว่าไม่เป็นความจริง และยังประนาม TMZ ที่สร้างสารคดีใส่ร้ายพวกเค้า แต่ในวันนี้เขาคือฝ่ายยื่นขอหย่าเสียเอง และ TMZ ก็อ้างคนวงในเพื่อขยี้ว่า พฤติกรรมนอกใจและใช้ความรุนแรงของ Brit เป็นเหตุผลที่ผลักดันให้ Sam ยื่นขอหย่า

แต่แฟนของ  Brit ชี้ว่า  ศิลปินสาวขวัญใจของพวกเค้าต่างหากที่เป็นฝ่ายมีรอยฟกช้ำมาแล้วหลายครั้ง  และปรากฏชัดอยู่ตามจุดต่างๆบนร่างกายจนแฟนๆไถ่ถามด้วยความเป็นห่วง  บางครั้งเธออาจจะอธิบายว่าเป็นอุบัติเหตุเดินชนเสาจนหน้าผากปูดเขียว บ้างก็เหยียบตะปู แต่ร่องรอยเหล่านี้ก็ยังทำให้แฟนๆค้างคาใจอยู่ไม่หาย  แต่ต้องการคำอธิบายว่า Brit กำลังตกเป็นเหยื่อความรุนแรงหรือไม่!

Prenup  ของคู่นี้ ตั้งเงื่อนไขไว้เช่นไร?
Us Weekly  สื่อทรงอิทธิพลได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวคนวงในว่าข้อตกลง prenup ที่ Brit และ Sam ลงชื่อไว้ก่อนจะเข้าพิธีวิวาห์นั้นแน่นหนาประดุจสััญญาเหล็ก   ข้อตกลงที่สำคัญญอันหนึ่งระบุไว้ว่า Sam จะได้รับเงินจำนวนหนึ่งล้านดอลลาร์ทุกๆสองปีในการใช้ชีวิตแต่งงานด้วยกัน   และตั้งวงเงินสูงสุดไว้ที่สิบล้านหลังจากการแต่งงานปีที่ 15 ไปแล้ว ฝ่ายสามียังตกลงไม่รับส่วนแบ่งจากรายได้งานดนตรีของ Britney และบ้านหรูที่พวกเค้าอาศัยด้วยกันก็ไม่ได้มีชื่อของเขาร่วมเป็นเจ้าของ

แต่การแต่งงานของพวกเค้าเพิ่งผ่านไปได้เพียง 14 เดือน นั่นหมายความว่า หากข้อมูลที่สื่อเจ้านี้รายงานเป็นความจริง เมื่อ Sam ต้องการเรียกร้องค่าเลี้ยงดูดังที่ได้ระบุไว้ในเอกสารขอหย่าที่ยื่นต่อศาลไปไม่กี่วันมานี้ ทำให้มีการคาดการณ์ว่าทนายก็ต้องัดกลเม็ดมาเจรจาเพื่อเรียกตัวเงินให้ได้มากที่สุด







TMZ ได้สืบหาข้อมูลเรื่อง prenup มานำเสนอว่า Sam จะไม่ได้รับเงินจากการหย่า เพระาการเว็นวัญญาก่อนแต่งงานจะกีดกันเขาจากการเรียกร้องค่าเลี้ยงดู เขาสามารถได้รับไปเพียงของขวัญและรถยนต์ที่ Brit แต่ไม่มากไปกว่านั้น และใน prenup ยังกำหนดข้อตกลงให้คู่สัญญาเก็บรักษาข้อมูลไว้เป็นความลับ ห้ามไม่ให้ Sam เปิดเผยเรื่องส่วนตัวของภรรยา

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า Sam จะเดินจากไปแบบตัวเปล่าๆ  เพราะทนายของเขาก็แย้มถึงการตรวจสอบสินสมรสขึ้นมาแล้ว และ Sam ยังมีข้อได้เปรียบจากการเป็นคนที่อยู่ข้างกาย Brit มาหลายปี อาจจะรู้เรื่องราวชีวิตของเธอมากกว่าสมาชิกครอบครัวที่ตัดขาดกันไปซะอีก  หากความพยายามในการคัดค้านข้อตกลงใน prenup ประสบความสำเร็จ  นั่นหมายความว่า เป็นไปได้ที่เขาจะไม่ถูกบังคับให้เก็บเรื่องความสัมพันธ์กับ Brit เป็นความลับอีกต่อไป และเพื่อตัดปัญหาถูกประจาน Brit อาจจะตัดใจเซ็นเช็คที่ด้วยจำนวนตัวเลขที่เธอยอมรับได้  ซึ่ง TMZ ประมาณไว้ว่าจะเงินเป็นตัวเลขหกหลัก ไม่ถึงหลักล้าน 

สื่อกำลังปฏิบัติกับ Britney เหมือนกับเหตุการณ์ในปี 2007 หรือไม่??

ความเคลื่อนไหว FreeBritney และการเปิดเผยเรื่องราวผ่านสารคดี Framing Britney Spears ทำให้หลายคนได้ตระหนักถึงเส้นทางชีวิตของ superstar ที่ดำดิ่งสู่ความมืดมน เพราะไม่เพียงแต่จะถูกคนรอบตัวเข้าหาเพื่อหวังผลประโยชน์และถูก abuse จนทุกข์ทรมานมาเนิ่นนาน สื่อยังเปรียบเหมือนกับเครื่องมือร้ายกาจที่คอยเหยียบย่ำซ้ำเติมเธอ โน้มน้าวให้ผู้คนเชื่อว่า เธอคือตัวปัญหาด้วยการใช้เรื่องความเจ็บป่วยทางจิตใจมาเป็นเหตุผลรองรับ แม้จะหลายฝ่ายจะรับรู้ว่าเธอต้องฝ่าฟันมรสุมชีวิตหนักหนาสาหัสมามากมาย แต่เมื่อใดก็ตามที่ Brit มีภาพขัดใจชาวเน็ตออกมา เธอก็จะถูกพิพากษาด้วยคำว่าสาวสติแตก ไม่ต่างจากสถานการณ์วิกฤติที่เกิดขึ้นในปี 2007 ภาพของดาวที่เจิดจ้าที่ร่วงหล่นสู่หุบเหวดำมืดได้สร้างความเป็นห่วงเป็นใยในหมู่แฟนๆ แต่ในขณะเดียวกัน เธอกลับถูกเย้ยหยันและด้อยค่าราวกับเป็นตัวตลกประจำวงการ

นี่คือสิ่งที่สื่อแทบลอยด์โจมตี Brit ในระยะหลังๆ

  • Daily Mail รายงานข่าวลูกชาย Brit หวาดหวั่นเรื่องแม่เสพยากระตุ้นประสาทและลงเอยด้วยความตายเหมือนกับ Amy Winehouse หลังจากส่งนักข่าวไปสัมภาษณ์พ่อลูกถึงบ้าน  แต่ในภายหลัง Kevin Federline บอกปัดว่าไม่มีใครพูดเรื่องนี้  และประกาศตัดขาดกับนักข่าวคนดังกล่าว  
  • แต่หลายคนเชื่อว่า พวกเขาจงใจประจาน Brit แต่ไม่ยอมรับ  และ Brit ยังออกมาโต้ตอบคำกล่าวหานี้ว่า  นี่คือการ bully ด้วยการใส่ร้ายป้ายสี และรู้สึกเป็นทุกข์ที่ได้รู้ว่าลูกชายและอดีตสามีนำเรื่องเธอไปพูดออกสื่อ
  • TMZ นำเสนอภาพ  Brit ในร้านอาหารและระบุเหตุการณ์ว่า เธอสติหลุดโวยวายกลางร้าน และพูดจาฟังไม่ได้ศัพท์ ทำให้ Sam ลุกหนีไปทิ้งเธอให้นั่งคนเดียว  และดึงดูดความสนใจจากชาวเน็ทว่า เธอกำลังอยู่ในระยะอาการManic Episode หรือระยะอารมณ์พลุ่งพล่านที่เกิดจากโรค Bipolar
  • แทบลอยด์หลายเจ้ามักบรรยายการแสดงออกผ่าน social media ของ Brit ว่า ดูไม่อยู่กับร่องกับรอย แปลกเพี้ยน แม้จะไม่ได้ใช้คำพูดโจมตีรุนแรง แต่ก็เหมือนชี้นำให้คนคิดว่าเธอผิดปกติแบบกู่ไม่กลับ
  • ล่าสุด The Sun ตีข่าวว่า Sam ตัดสินใจยุติชีวิตคู่เพราะพฤติกรรมผิดปกติของเธอที่แย่ลงทุกทีจนกลายเป็นความ toxic   และน่าจะได้ข้อมูลมาจากแหล่งข่าวเดียวกันกับ TMZ ว่า เธอเหวี่ยงใส่สต๊าฟในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ทั้งตะคอก ขว้างปาข้าวของเสียหาย  ปามีดใส่กำแพงและซ่อนมันใต้โซฟา  แม้ว่าเขาจะพยายามอดทนแต่ก็รับไม่ไหวอีกต่อไป

กระแสวิพากษ์วิจารณ์แตกเป็นสองฝ่าย
แฟนๆร่วมส่งกำลังใจและปกป้อง  Britney สุดตัว

แน่นอนว่า แฟนๆของ Britney จะออกมายืนหยัดปกป้องเธอ เห็นได้ชัดจาก #JusticeForBritney ที่ขึ้นเป็น trending อย่างรวดเร็ว ความเห็นของหลายคนพุ่งไปในทิศทางเดียวกันดังนี้

  • ตั้งข้อสงสัยว่า นี่เป็นแผนการ scam ระยะยาวของ  Sam  เขาพยายามปรนเปรอเธอให้หลงเชื่อว่ารักจริง เมื่อตายใจแล้วสัญญาว่าจะมีอนาคตร่วมกัน  แล้วใช้ชีวิตหรูหราไม่ต่างจากคนดังระดับ high profile ด้วยเงินของเธอ  เหลังจากใช้อิทธิพลของเธอจนเข้าช่วยเหลือจนคว้างานแสดงมาได้  ก็หาโอกาสตีจากด้วยการร่วมมือกับสื่อทำลายชื่อเสียงของภรรยา  ตอกย้ำ blackmail สูบเงินค่าปิดปากจากเธอเพื่อการันตีว่าจะอยู่สุขสบายไปอีกนาน
  • โต้แย้งว่า ภาพเร่าร้อนและวีดีโอเต้นรำที่ Brit โพสต์มาตลอดหลังจากที่เป็นอิสระจาก conservatorship ไม่ได้แสดงถึงภาวะความเจ็บป่วยทางจิตใจที่สุ่มเสี่ยงจะเป็นอันตรายตามที่หลายคนโจมตี  ในเมื่อยังมีคนดังอีกไม่น้อยที่โชว์ความเปลือยบน social media  ดูอย่างครอบครัว KarJenner ที่เผยให้เห็นเนื้อหนังกันจนชาวเน็ทเคยชิน  แต่พวกเธอไม่ต้องเจอกับข้อกล่าวหาว่าทำตัวเพี้ยนหรือติดยา  ส่วนเรื่องคลิปเต้น  Brit ก็เคยอธิบายแล้วว่า เธอไม่แคร์ที่คนจะโจมตีทักษะการเต้น เพราะเธอถือว่านี่คือวิธีเยียวยาตัวเอง
  • โจมตีสื่อที่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของ Brit  และกล่าวหาเธอว่ามีพฤติกรรมเสื่อมเสีย ทั้งนอกใจ ใช้ความรุนแรงและทำตัวเพี้ยนหลุดโลก   ทั้งๆที่เคยตัวอย่างปรากฏตัวอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า  วิธีการขายข่าวของสื่อส่งกระทบต่อตัวเธอรุนแรงมากแค่ไหน 

ชาวเน็ทที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องปัญหาความเจ็บป่วยทางจิตใจของ  Britney และฟันธงว่าจำเป็นต้องใช้ conservatorship ควบคุมเธอเหมือนเดิม
ในขณะที่ Britneyได้รับกำลังใจล้นหลามจากแฟนๆ   ชาวเน็ทจำนวนไม่น้อยเลยที่มองเธอว่าเป็นต้นเหตุของดราม่าทั้งหลายที่เกิดขึ้น  และขยี้ในปัญหาโรคทางจิตใจองเธอว่า เธอไม่ได้อยู่ในสถานะที่ควรจะใช้ชีวิตอย่างอิสระ และต้องมีผู้พิทักษ์ที่เหมาะสม
  • วิจารณ์ว่า Brit แสดงอาการเจ็บป่วยทางจิตใจออกมาชัดเจนผ่าน social media และภาพที่ถูกแอบถ่าย ทำให้ข้อกล่าวหาเรื่องพฤติกรรม toxic จากแทบลอยด์ฟังดูน่าเชื่อขึ้นมา   
  • บางคนประกาศว่าเชื่อ Sam เพราะมองว่า อาการป่วยของภรรยาที่รุนแรงขึ้น น่าจะทำให้เขาพบกับเหตุการณ์ที่เหมือนกับฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ต้องก้าวจากความสัมพันธ์ที่ระทมทุกข์ 
  • ตั้งข้อกังขาว่า  หลังจากได้รับอิสระแล้ว Brit ยังรักษาตัวด้วยยาและการบำบัดจากผู้เชี่ยวชาญหรือไม่?   หลายคนสันนิษฐานว่าการแสดงออกแบบสุดขั้วของ Brit เป็นผลมาจากโรค Bipolar 
  • มีการหยิบยกเอาความขัดแย้งกับลูกชายวัยรุ่นมาเชื่อมโยง เด็กทั้งสองให้สัมภาษณ์สื่อเรื่องความสัมพันธ์ที่ห่างเหินกับแม่  และแสดงออกว่าเกิดอะไรบางอย่างที่สร้างแผลใจจนไม่ต้องการเจอแม่  ทำให้มีผู้เชื่อว่า Brit ทำร้ายจิตใจคนใกล้ตัวโดยท่ี่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ซึ่งมันเป็นการผลักไสให้พวกเค้าหนีกายจากเธอไป
  • หนักกว่านั้น  ยังมีชาวเน็ทที่ขอโทษขอโพยครอบครัวของ Brit เพราะเปลี่ยนความคิดแล้วว่า พวกเค้าเข้ามาแทรกแซงชีวิตเธอเพราะห่วงใยเรื่องความเจ็บป่วยทางจิตใจจริงๆ (แม้ว่าทนายของเธอจะระบุว่า พ่อและทนายคนเก่าของเธอรีดเงินไปจากเธอถึง $36 ล้าน ซึ่งเห็นได้ชัดจากทรัพย์ที่ร่อยหรอลง ซึ่งแฟนๆเธอควรจะมีทรัพย์สินเป็นร้อยล้านเมื่อเทียบกับศิลปินที่โด่งดังในระดับเดียวกัน)
  • ชาวเน็ทบางคนชี้ว่า  เห็นด้วยที่พ่อของเธอเอารัดเอาเปรียบและทารุณทางจิตใจเธอ เขาไม่สมควรแม้แต่น้อยที่จะมารับหน้าที่ผู้พิทักษ์  แต่เชื่อว่า conservatorship มีความจำเป็นกับเธอ และจำเป็นต้องมีทีมที่ไว้ใจได้เข้ามากำกับดูแล
  • ที่น่าเศร้าไปกว่านั้นก็คือ  หลายคนพูดถึงจุดจบแบบโศกนาฎกรรม ราวกับจะบอกว่า เธอจะต้องพบกับความสูญเสีย หรือโลกจะต้องสูญเสียเธอไป

สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจกับปมการหย่าร้างของ Britney ที่สื่อและชาวเน็ทโฟกัสสาเหตุไปที่เรื่องความเจ็บป่วยของเธอ ถึงกับมีคนเห็นด้วยว่า ควรใช้ conservatorship มาควบคุมชีวิตเธออีกครั้ง แต่เมื่อมองไปยัง Kanye West ศิลปินที่มักตกเป็นข่าวฉาวจากพฤติกรรมใช้ social media ระรานคนอื่น แม้แต่คนในครอบครัวก็ไม่ละเว้น และยังจุดประเด็นความขัดแย้งในสังคมบ่อยครั้งจนถูก cancel ไปเต็มๆจากดราม่าเหยียดชาวยิว เรื่องราวของเขาอาจจะดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือด และตั้งข้อสงสัยว่า พฤติกรรมเจ้าปัญหาของ Kanye น่าจะเกิดขึ้นจากอาการในระยะ Mania และการหยุดใช้ยารักษาอาการ Bipolar ด้วยตัวเอง

ในขณะที่ผู้คนมองว่า Kanye จำเป็นจะต้องได้รับการช่วยเหลือเพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม แต่ปฏิกิริยาจากผู้คนกลับแตกต่างจากกรณี Brit ไม่ค่อยมีคนสนับสนุนให้เขาเข้าสู่ระบบ conservatorship มากนัก แม้ว่าเขาเคยเกิดอาการ melt down จนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลจิตเวชมาแล้วเช่นกัน และยังคุกคามอดีตภรรยากับ Pete Davidson จนชาวเน็ทเป็นห่วงสวัสดิภาพ และยังมีพฤติกรรมที่สร้างความเสียหายต่อผู้อื่นอีกหลายครั้ง แต่ DL Hughley นักแสดงตลกผิวดำก็เคยฟาดเปรี้ยงว่า หาก Kanye เป็นผู้หญิง ก็คงถูกสั่งให้มีผู้พิทักษ์ไปแล้ว

"ดูอย่าง Britney สิ เธอไม่ได้แสดงออกผิดปกติแบบคุ้มดีคุ้มร้ายได้ถึงครึ่งหนึ่งของ Kanye ด้วยซ้ำ"
การแสดงความเห็นที่แตกต่างกันเป็นเรื่องที่พบได้แทบทุกวินาทีในโลกออนไลน์...

เมื่อชีวิตคู่ถึงทางตัน ความเจ็บป่วยทางใจของ Britney คือตราบาปที่ทำให้หลายคนที่โยนความผิดให้เธอรับไปเต็มๆ เอนเอียงไปเชื่อถือการกล่าวอ้างของแทบลอยด์ ขัดแย้งกับแฟนๆที่เชื่อว่า จิตใจที่เปราะบางทำให้เธอตกเป็นเหยื่อผู้ไม่หวังดีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยากเย็นที่จะหาคนที่ยื่นมือเข้าหาด้วยความจริงใจ ซ้ำร้าย สื่อก็ยังกระหน่ำซ้ำเติมโดยที่ไม่สนใจเรื่องราวในอดีตว่าเธอต้องผ่านเส้นทางสาหัสสากรรจ์มาขนาดไหน

แล้วคุณล่ะ คิดเช่นไรกับปมการหย่าร้างของ Britney?


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE