Red flag หรือไม่? เมื่อคนรักเข้ามาควบคุมการแต่งตัวแบบ Kanye West

แม้ Kanye West จะเก็บตัวเงียบจาก spotlight มาพักใหญ่และยังไม่ปรากฏพฤติกรรมอื้อฉาวทาง social media หลังจากได้รับผลกระทบไปเต็มๆจากการส่งข้อความต่อต้านชาวยิวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว  แต่ไม่นานที่ผ่านมา  ชื่อของเขาก็ปรากฏอยู่บนพาดหัว gossip บ่อยครั้ง  ตามข้อมูลที่สื่อรายงานว่า  Kanye ถูก Adidas ยกเลิกสัญญาไปเพียงไม่นานก็เข้าพิธีแต่งงานกับ  Bianca  Censori สถาปนิกสาวที่เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่ปี 2020   และแม้ว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้จะไม่ได้ถูกนำเสนอออกสื่อแบบจัดเต็มเหมือนกับเมื่อยังรักกับ Kim K รวมถึงเดทสายฟ้าแลบกับ Julia Fox   แต่สไตล์ของคุณภรรยาใหม่ก็ขุดประแสวิพากษ์วิจารณ์ร้อนแรงถึงขนาดมีเสียงเรียกร้องให้มีการตั้งข้อหาการกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล!

มาย้อนรอยกับเราว่า  Kanye  ใช้อำนาจในการควบคุมสไตล์ของคนรักเช่นไร  และมันเป็น red flag หรือว่าสถานการณ์แบบ win-win กันแน่!

เมื่อสื่อได้เฉลยปริศนาว่าสาวสวยที่ควงคู่กับ  Kanye West อย่างเปิดเผย คือ Bianca Censori ที่ร่วมงานกับเขาในฐานะหัวหน้านักออกแบบเชิงสถาปัตยกรรมให้กับ Yeezy    เรื่องถือเป็นความแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นใน priofile การเดทของแร็พเพอร์ชื่อดัง เพราะที่ผ่านมานั้น  เขามักคบหากับสาวงามที่มีอาชีพการงานในวงการบันเทิง  แต่เมื่อได้เห็นความสวยเซ็กซี่ของ Bianca ชัดๆ ก็อาจจะทำให้ชาวเน็ทเข้าอกเข้าใจ เธอเป็นสาว brunette ที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งเย้ายวนใจ  และไม่ต้องไม่สงสัยว่า สื่อจะจับเธอมาเปรียบเทียบกับ Kim K อดีตภรรยาผู้ทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่น   แต่ช่วงแรกเริ่มเปิดตัวความสัมพันธ์นั้น  สไตล์ของเธอยังไม่ได้สร้างเสียงกล่าวขวัญนัก  เพราะยังดูเป็นแนวยอดนิยมอย่างชุดรัดรูปกับบู๊ทยาวที่พวกเราเห็นกันมาจนชาชิน   อย่างไรก็ตาม  ตอนที่มีข่าวลือว่าเธอเข้าพิธีแต่งงานกับ Kanye  (แบบไม่มีผลเป็นสามี-ภรรยากันตามกฎหมาย)  รูปลักษณ์ของเธอก็ดูแตกต่างออกไปจากเดิมพอสมควร เมื่อปีที่แล้ว เธอยังเป็นสาวผมยาวและแต่งหน้าแต่งตัวสวยพริ้งไม่แพ้สาวๆบ้าน Kardashian ดังที่ปรากฏในภาพ

แต่เมื่อภาพของ Kanye และ Bianca ระหว่างเข้าร่วมพิธีทางศาสนาในโบสถ์ได้ถูกเผยแพร่ออกมา ทั่วโลกออนไลน์ก็ฟันธงแล้วว่า fashion experiments รูปแบบ Ye ได้เริ่มต้นอีกครั้ง Bianca ที่หั่นผมสั้นกุดและฟอกสี blonde สร้างความฮือฮาด้วยการปกคลุมทั่วร่างกายด้วยผ้าโปร่งบางที่ทำให้หลายคนนึกถึงถุงน่อง ไม่หยุดความแปลกเท่านั้น วัตถุทรงกลมขนาดใหญ่บึ้มด้านบนก็ชวนให้สังสัยในที่มาที่ไปของมัน ส่วน Kanye นั้นมาในลุคที่น่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากนัก American footballและปลดปล่อยตัวเองจากการสวมรองเท้า

เพียงเท่านี้ก็มีสัญญาณชัดเจนว่า พวกเค้าจะกลายเป็นหัวข้อข่าวที่ดึงดูดความสนใจจากชาวเน็ทไปยาวๆ แม้ว่าจะไม่ได้ออกสื่อแบบเอิกเกริกเลยก็ตาม

สไตล์ที่ดูแตกต่างของคู่รักคู่นี้ได้สร้างเสียงถกเถียงในสังคม  เมื่อปรากฏว่าชัดรัดรูปของ Bianca  นั้นบางลงทุกที  สื่ออาจจะเคยเปรียบเทียบเธอกับ Kim ที่กอบโกยความร่ำรวยระดับพันล้านจาก shapewear  แต่ชุด Skims ของ Kim ก็ยังไม่ได้โปร่งใสจนสื่อต้อง censor ภาพหน้าอกหน้าใจที่ดูคล้ายกับว่าแทบไม่ได้มีอะไรปกปิด  บรรดาคนดังอาจจะ no bra เป็นเรื่องปกติ  แต่การเผยเรือนร่างด้วยผ้า see through ที่แนบเนื้อถึงเพียงนี้ก็ทำให้มีเสียงวิจารณ์ว่า หรือ Kanye กำลังคิดสร้างแบรนด์ shapewear แข่งกับ Skims (ซึ่งความจริงแล้ว Kim ได้ให้เครดิตสามีเก่าว่า เป็นเหมือนกับ creative director ในเงาที่ช่วยเหลือให้แบรนด์ของเธอประสบความสำเร็จ)

หลายครั้ง Bianca จะเลือกชุดที่ใกล้เคียงกับสีผิว ความบางเบาแนบเนื้อของมันทำให้เกิดเป็นความรูป้สึกเปลือยเปล่า  หากมองจากไกลๆ ตอนที่เธอกำลังเดินท้องถนนหรือแวะซื้อของกับ Kanye ก็คล้ายกับว่าไม่ได้ใส่เสื้อผ้า  ซึ่งในขณะที่หลายคนมองว่า  เรื่องรสนิยมการแต่งกายนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล  หากเธอยินดีที่จะใส่ชุดรัดรูปเผยเรือนร่างเต็มตา ก็ไม่ควรมีดราม่าใดๆ  แต่ก็มีเสียงทักท้วงว่า  เธอไม่ได้ดูมาดมั่นกับชุดพวกนี้นัก  ช่วงเดินขึ้นลงรถไม่กี่วินาทีก็ถูก paparazzi จับภาพมาขายสื่อหลายมุม  แต่ก็ยังปรากฏภาพที่เธอกอดอกปิดบังทรวดทรงอะร้าอร่ามหรือมีภาพที่พะวักพะวงจัดหน้าอกให้เข้าที่    ชาวเน็ทบางคนยังสันนิษฐานว่า มันดูเป็นสไตล์ที่ Kanye โปรดปรานมาแต่ไหนแต่ไร จึงมั่นใจว่า เขาคือคนที่หว่านล้อมเธอให้แต่งตัวเช่นนี้

ไม่เพียงแต่จะแต่งตัวเปิดเผยสัดส่วนมากกว่าในอดีต  เมื่อ Kanye หันมาอินกับการเดินเท้าเปล่า  ดูเหมือนว่า สาวคนรักก็ดูจะเห็นดีเห็นงามไปด้วย ช่วงหนึ่ง Ye เคยใส่แต่ถุงเท้า แต่ช่วงนี้หันมาเปลือยเท้าสัมผัสพื้นผิวแบบเต็มๆ จาก LA  ไปถึงทริปต่างประเทศ พวกเค้าออกเดทในเมืองสวยงามของอิตาลีแบบเท้าเปล่า  เมื่อพักผ่อนในโรงแรมหรู พนักงานถึงกับเสนอ slipper ให้  ทำให้ชาวเน็ทโจษจันเรื่องสุขอนามัยและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการเหยียบเศษหินหรือของมีคม  

Jason Lee ที่เคยรับหน้าที่หัวหน้าฝ่ายสื่อให้กับ Kanye วิเคราะห์ว่า  นี่คือการแสดงออกแบบ PR stunt ที่พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ถึงจะถูกกีดกันออกไปด้วย cancel culture  แต่เพียงแค่เขาไม่ใส่รองเท้าก็สร้างเสียงวิจารณ์กว้างขวาง  และมันเป็นการวางกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด เพราะในอนาคตที่เขาใส่รองเท้าที่ลงมือสร้างสรรค์เองก็จะดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้แน่นอน


บางคนเชื่อว่า การเดินเท้าเปล่าไม่ต่างจากการประท้วงที่เขาถูก Adidas เฉดหัวทิ้งจากดราม่าเหยียดยิวในเมื่อธุรกิจที่สร้างความมั่งคั่งจนก้าวเข้าสู่สถานะมหาเศรษฐีพันล้านถูกสั่นคลอน เขาก็สลัดรองเท้าทิ้งไป และน่าจะกลับมาพร้อมกับ project ใหม่หลังจากกระแสอื้อฉาวคลายลงไปแล้ว

ชาวเน็ทอิตาเลียนโจมตี   ควรจับปรับช้อหาแต่งกายอนาจาร โดยเฉพาะเมื่อโป๊ต่อหน้าเด็กวัยใส

ชุดรัดรูป see through และบราตัวจิ๋วที่ไม่สามารถห่อหุ้มทรวดทรงทะลักล้นในทริปที่อิตาลีของ Bianca ทำให้เกิดปฏิกิริยาที่แตกต่างในโลกออนไลน์ ในขณะที่ชาวเน็ทหลายคนยักไหล่แบบเฉยชาเพราะเห็นคนดังโป๊กันจนชิน  แต่ยังมีคนที่ซีเรียสกว่านั้น   ชาวเน็ทในอิตาลีชี้ว่า ประเทศนี้ยังมีผู้ที่ยึดมั่นกับแนวคิดอนุรักษ์นิยม ส่วนการแต่งตัวของเธอนั้นดูสวนทางกับหลักการแต่งตัวให้เข้ากับกาลเทศะที่ชาวอิตาเลียนให้ความสำคัญ  การแต่งตัวที่คล้ายกับเปลือยอกมาเดินข้างนอกจึงเป็นรบกวนสายตาผู้อื่น โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กๆ จนทำให้มีผู้ตำหนิว่า พวกเค้าไม่ได้ให้เกียรติวัฒนธรรมต่างชาติยามที่เข้ามาท่องเที่ยว และดูเข้าข่ายเข้าขั้นอนาจาร  บ้างก็ทวงถามว่า  Kanye เคยประท้วง Kim ที่แต่งชุด corset รัดรูปไปเดินพรมแดง Met Gala เพราะมองว่ามันดูโป๊ราวกับชุดชั้นใน  แต่เมื่อเขามีความรักครั้งใหม่กลับสนับสนุนให้สาวคนรักแต่งตัวเปิดเผยสัดส่วนแบบไม่มีชุดชั้นในด้วยซ้ำ

ในขณะที่มีคนเชื่อว่า Kanye อาจจะมีพฤติกรรม toxic เอาแน่เอานอนไม่ได้ระว่างที่ใช้ชีวิตคู่กับ Kim จนน่าจะเป็นต้นเหตุของการหย่าร้าง  แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Kanye ได้ทุ่มเทใช้อิทธิพลในโลกแฟชั่นและความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองชักนำให้ Kim กลายมาเป็นตัวแม่ในวงการ   แม้แต่ตัวเธอก็ให้เครดิตอดีตสามีอย่างหนักแน่นมาแล้วหลายครั้ง    แต่มันก็อาจจะทำให้คุณจินตนาการได้ว่า Kim จะต้องเชื่อฟัง ไม่ต่อต้านไอเดียของ Kanye มาเป็นเวลาหลายปี  ชุดแนวเดียวกับ Bianca ที่เป็นประเด็นในขณะนี้  เธอก็ใส่มาแล้ว 

ยังจำตอนที่ Kim กับ  Kanye อินกับ concept ใส่หน้ากากเดินออกไปไหนแต่ไหนกันได้รึเปล่า?  จากนั้น Kanye ก็จับ Bianca มาใส่หน้ากากคลุมทั้งหัวเช่นกัน  หลังจากเลิกอินหน้ากากไปแล้ว เธอก็หันมาใส่หมวกคลุมผมที่ไม่แคล้วต้องเป็นไอเดียของแร็พเพอร์ชื่อดังเช่นเดียวกัน

ตอนที่ Kanye คบกับนางแบบสาว Juliana Nalu เธอก็ใส่แต่ Balenciaga boots หนาหนักที่เขาชื่นชอบในตอนนั้น และยังมีกางเกงเกวต่ำสุดๆที่เว้าลงอย่างนาสหวาดเสียวบคู่กับเกาะอก tube top เหมือนกับที่ Julia Fox เคยใส่จนสร้างเสียงฮือฮา  ทำให้มีคนเปรียบเทียบว่า ความสัมพันธ์ของ Kanye ดูคล้ายกับการจับผู้หญิงมาแต่งตัวเหมือนเล่นตุ๊กตา  เมื่อเปลี่ยนคน เขาก็เปลี่ยนสไตล์ของพวกเธอตามใจชอบ

Kim ยอมรับ  Kanye มีอำนาจเด็ดขาดเรื่องการแต่งกายจนต้องโละเสื้อผ้าที่สะสมไปได้เกือบหมด

ภารกิจของ Kanye ในการผลักดัน Kim ให้เข้าสู่โลกแฟชั่นชั้นสูงและลบอคติจากแบรนด์ชื่อดังที่มองว่า ครอบครัว Kardashian ไม่ได้มีภาพลักษณ์เข้ากับความแพงของวงการนี้จต้องเริ่มต้นด้วยการโละตัวคนเดิมๆของเธอทิ้งไป เขาเข้ามาเช็คเสื้อผ้าของเธอทีละชุด และสั่งให้เอาไปทิ้งจนเกือบหมด และพูกจาตอกหน้าแบบไม่ปราณีว่า เธอมีสไตล์ที่ย่ำแย่เป็นที่สุด  (Kim แทบร้องไห้ และแอบเก็บไว้บางส่วนเพราะวางแผนว่าจะรักษาพวกมันเป็นมรดกให้ลูกสาว)  เขาจัดทีมมาช่วยแปลงร่างเธอจนแทบมองไม่เห็นเค้าเดิมจากในอดีต   เมื่อ Kim มองย้อนกลับไปถึงภาพก่อนจะกลายมาเป็นผู้นำแฟชั่นที่เป็นเจ้าของธุรกิจพันล้าน   เธอก็ออกอาการรับไม่ได้เพราะคิดว่าตัวเองเฉิ่มซะเหลือเกิน

แต่การถูกควบคุมเรื่องการแต่งกายมายาวนานก็สร้างความขัดแย้งในชีวิตคู่ได้ พวกเค้าทะเลาะกันเพราะ Kanye ที่หันเข้าสู่เส้นทางศาสนาที่เคร่งครัดและมีมุมมองอนุรักษ์นิยมมากขึ้นเกิดความไม่พอใจที่เห็น Kim แต่งตัวอวดสัดส่วน แม้ว่าเขาจะเป็นผู้คอยตรวจสอบและให้การอนุมัติเรื่องการแต่งกายของตัวเธอมาโดยตลอด โป๊กว่านี้ก็มีมาแล้ว ทำให้ Kim ค้นพบว่า เธอไม่ควรจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก Kanye ในเรื่องการแต่งตัวไปทุกครั้ง และเธอควรมีอิสระในการเลือกมากกว่าเดิม แม้ว่าในอดีต เธอจะยืนยันว่า การนี่คือรูปแบบหนึ่งในการแสดงความรักของสามี เมื่อเดินเข้าห้องมาเขาจะกำกับทุกอย่างว่าเธอควรแต่งหน้าแบบไหน แต่งตัวจับคู่กับอะไร และทำให้เธอเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์สุดล้ำของเขา แต่ Kanye ไปไกลถึงขั้นพยายามมาควบคุมการโพสต์ภาพบน Instagram ของเธอให้เข้ากับ mood ที่เขาต้องการ เธอก็เกิดอาการปรี๊ด เพราะตระหนักว่า เขาก็ไม่มีสิทธิ์จะมาสั่งให้เธอโพสต์ภาพตามรสนิยมของตัวเอง ทั้งๆที่มันคือพื้นที่ของเธอ มันจึงเกิดเป็นการทะเลาะเบาะแว้งอย่างเลี่ยงไม่ได้

เมื่อ Kim อยู่ก้าวเข้าสู่จุด 'ปีกกล้าขาแข็ง'และพยายาม styling ด้วยความคิดตัวเอง ไม่พึ่งพาคำแนะนำและขอความเห็นชอบจาก Kanye   เธอเลือกชุดออกงานสำคัญด้วยความกดดัน แต่ในขณะที่หลายคนชมว่า เธอดูดีในอีเวนท์นั้น แต่  Kanye กลับโทรมาเกรี้ยวกราดใส่ว่า  อาชีพในวงการของเธอต้องจบเห่(เพราะแต่งตัวแย่) และส่งภาพของตัวการ์ตูน Marge Simpsons ที่ใส่ชุดคล้ายกันมาเยาะเย้ย

toxic หรือไม่  ต้องบรรยายมากกว่านี้อีกหรือ?

เมื่อ Kim กลับมามีอิสระในการแต่งกายในแบบที่ต้องการ  เธอกลับพบว่า หลังจากได้รับความช่วยเหลือจาก Kanye มาตลอด  ก็รู้สึกว่าไปไม่เป็น

"มันไปถึงขั้นที่ฉันจะต้องถามหาคำแนะนำจากเขาในทุกๆอย่างที่จะสวมใส่ มาถึงตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกเหมือนเป็นโรคแพนิค แบบว่า ไม่รู้ฉันจะใส่อะไรดี"

ที่ผ่านมา ลุคต่างๆของ Kim ในระหว่างที่ยังมีความสัมพันธ์กับ Kanye นั้นจะต้องมีทีมระดมสมองกันอย่างเข้มข้น และแม้ว่าตัวอาจจะดูห่างกัน ก็ต้องให้เขาเป็นผู้ตรวจสอบเพื่ออนุมัติว่าเธอควรจะใส่ชุดนี้หรือไม่ เมื่อ Kim จะต้องเลือกชุดที่ไม่ได้ตระเตรียมไว้จากระบบเดิม เธอจึงรู้สึกวิตกจริต และยอมรับว่า ถึงจะชอบแฟชั่นมาก แต่ไม่เคยเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งตลอดมา เธอยกย่อง Kanye เรื่องความเป็นอัจฉริยะเรื่องแฟชั่นที่เธอเชื่อใจ

แต่เมื่อความสัมพันธ์ไปไม่รอด Kim ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ถึง Kanye ไม่ได้คอยกำกับให้คำแนะนำเรื่อง styling อีกต่อไป สถานะตัวแม่ของเธอก็ไม่คลอนแคลน ยัง shine ได้แบบไม่แผ่ว เพราะสร้างสมบารมีมาตั้งนานจนมี fanbase ขนาดใหญ่และยังมี glam team ที่ปึ้กขนาดนั้น ที่จริงมีคนมองว่า เธอเลือกเสื้อผ้าที่เข้ากับตัวเองมากกว่าในอดีตซะด้วยซ้ำ

ในขณะที่ Kanye ถูกวิจารณ์ว่า  หมกมุ่นกับการใช้อำนาจบงการภรรยา/คนรักให้แต่งตัวแบบที่ตัวเองชอบฝ่ายเดียว  แต่ก็ยังมีหลายคนที่เห็นต่าง  เพราะเชื่อว่า  Kanye คือจุดเปล่ี่ยนที่ได้ชักนำให้ Kim และครอบครัวเป็นที่ยอมรับจากวงการแฟชั่นชั้นสูง ครอบครัว KarJenner อาจจะทรงอิทธิพลในโลกออนไลน์มากจนหลายคนลืมไปแล้ว  หลายปีก่อน พวกเค้าพยายามเท่าไรก็ไม่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแวดวง A-List  การเดินพรมแดง Met gala ครั้งแรกของ Kim นั้นอยู่ในฐานะ plus one หรือโควต้าคู่เดทคนดังเท่านั้น  เขาพา Kim ไปแนะนำตัวสร้าง connection กับดีไซน์เนอร์ดังที่ฝรั่งเศสด้วยตัวเอง และผลักดันเต็มที่ให้ spotlight ส่องมาที่เธอ  ชุดที่ว่าเข้าถึงได้ยากขนาดไหน หากเขาอยากเห็น Kim ใส่มัน ก็จะพยายามหามาให้ได้  

เมื่อ Kim ทำตามคำแนะนำของ Kanye บวกกับกลยุทธ์ PR ที่ทำให้ทั้งบ้านสร้างชื่อเสียงอลังการก็ทำให้เธอยืนหนึ่งเป็นราชินี internet พร้อมกับพี่สาวน้องสาว  ที่สำคัญ Kim ได้แสดงความซาบซึ้งในตัว Kanye ที่ได้ช่วยเหลือปูทางสร้างชื่อด้านมาแล้วหลายครั้ง  ในสายตาของบางคน มันจึงเป็นความสัมพันธ์แบบ  win-win ฝ่ายหนึ่งทิ้งตัวตนเดิมไปและเชื่อฟังคำคำแนะนำทุกอย่าง และในที่สุดก็ถูกยกให้เป็น fashion icon   อีกฝ่ายก็พึงพอใจที่ได้เห็นภรรยาแต่งกายตรงตามอุดมคติของตัวเอง    

ช่วงเวลาร้อนแรงของ Julia Fox  กับ Kanye อาจจะสั้นจนนับสัปดาห์ได้  แต่เธอก็ออกมายอมรับตรงๆว่า ได้รับประโยชน์เต็มๆเมื่อเขาเข้ามาเปลี่ยนแปลงตัวเธอ

"หลังจากที่ได้เจอกับเขา แค่สองวันจากนั้น ข้าวของเดิมๆของเธอเองก็หายไปหมด มันเหมือนกับวิธีระบาย เหมือนกับว่าฉันเก็บข้าวของเสื้อผ้าแบบเดิมๆทิ้งไป และเก็บชีวิตแบบเดิมใส่ในกล่องไปด้วย ฉันตัดสินใจอย่างมีสติแจ่มแจ้งเพื่อจะเก็บทุกอย่างลงไปในกล่องนั้น ปลดปล่อยอดีตไปซะ"

หลังจากเลิกรากับ Kim Kanye มีความสัมพันธ์อีกหลายครั้ง แต่ดูเหมือนจะมีแต่ Julia ที่ได้แสงมากกว่าคนอื่น ซึ่งสื่อวิเคราะห์ว่า เธอสามารถสร้างกระแสจากเดิมที่ถูกมองในภาพของคนที่ได้รับความสนใจชั่วครั้งชั่วคราวแบบ 15 minutes of fame มาขอพื้นที่หน้าสื่อแฟชั่นและกอสสิปได้ยาวข้ามปีเพราะเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ present ตัวเองเก่งนั่นเอง

Kanye เซอร์ไพรส์ Julia ด้วยการปรนเปรอเสื้อผ้าใหม่ๆ พาเธอไปเยือนแพรีสแฟชั่นวีค ซึ่งทำให้สื่อและชาวเน็ทหันมาสนใจสไตล์ที่แหวกแนวของเธอ Julia ประกาศว่า เธอยินยอมพร้อมใจจะก้าวสู่โลกของ Ye แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะได้รับกระเป๋า Hermès Birkins 5 ใบจาก Ye แล้วจะห่างหายไปจากหน้าสื่อ ช่วงเวลาสั้นๆที่ได้คบกันก็ได้จุดประกายไอเดียในการดึงดูดความสนใจจากผู้คนด้วยแฟชั่นมาจนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม อาจจะมีความเป็นไปได้ว่า Julia ไม่รู้สึกว่าเสียหายตรงไหนที่ต้องแต่งตัวตามที่ชายคนรักต้องการ  เพราะพวกเค้าจบความสัมพันธ์กันอย่างรวดเร็ว หากเป็นความสัมพันธ์ระยะยาว  สำหรับคนที่มีความสร้างสรรค์และสนุกกับการแต่งตัวด้วยไอเดียบรรเจิดแบบ Julia  เมื่อไม่อาจจะแต่งตัวได้ดังที่ใจปรารถนา ในที่สุดเธออาจจะรู้สึกเหมือนถูกกักขังก็เป็นได้

Dr.Betsy Chung ผู้เชี่ยวชาญและนักบำบัดทางความสัมพันธ์ได้อธิบายกับ Daily Mail  สื่อดังจากอังกฤษว่า
"การละทิ้งตัวตนของเราไปในระหว่างการสร้างความสัมพันธ์เป็นเรื่องอันตราย เพราะแม้ว่าคู่รักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันมาก จนไม่ได้เป็นเรื่องแหวกแนวหากพวกเค้าจะมีอิทธิพลต่อกัน ทำให้พวกเค้าเริ่มจะแต่งตัวกินอาหารที่คล้ายๆกัน และเพลิดเพลินกับกิจกรรมแบบดียวกัน อย่างไรก็ตาม นี่คือพฤติกรรม red flag ชัดเจนหากมีฝ่ายหนึ่งถูกครอบงำอยู่คนเดียว และผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ คนๆนั้นจะต้องทิ้งตัวตนที่เป็นไปอย่างสิ้นเชิง"

"มันยิ่งสื่อว่าเป็นเรื่องแก้ยากหากใครบางคนทำแบบนี้จนกลายเป็นพฤติกรรมแบบ patternผ่านความสัมพันธ์หลายครั้งเหมือนกับ Kanye ในความสัมพันธ์ที่ดี คู่รักควรชื่นชมกันและกัน ทั้งสองต่างก็รู้สึกเป็นที่รักและตัวตนที่แท้จริงของพวกเค้าก็ได้รับการยอมรับจากอีกฝ่าย"
"สำหรับเรื่องแฟชั่น มันอาจจะดูเหมือนว่า อาจจะมีความชอบโอนเอียงไปยังบางเทรนด์ตามรสนิยม แต่ควรยอมรับว่า การที่คนรักของเรามีสิทธิ์เลือกที่จะถ่ายทอดตัวตนออกมาตามที่ต้องการนั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่าเช่นกัน"

Megan Weks โค้ชความสัมพันธ์ชี้ว่า  พฤติกรรมแบบ Kanyeเกี่ยวข้องกับโรคหลงตัวเอง  จากแนวโน้มที่เกิดขึ้นเพราะความเจ็บป่วยทางจิตใจ
"คนหลงตัวเองจะสังเกตเห็นเรื่องเล็กๆน้อยๆของคนอื่น หากมีเศษมาติดหน้าคุณหรือมีรอยยับบนเสื้อ พวกเค้าจะเป็นคนแรกที่บอกให้คุณไปจัดการกับเรื่องพวกนี้"
"คล้ายกับตอนที่คนหลงตัวเองต้องการให้คุณมาควงคู่เพื่อสนับสนุนภาพลักษณ์ของพวกเค้าให้ดูดีขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะดูน่าสนุกดีเมื่อได้ปรากฏตัวด้วยภาพลักษณ์คู่รักที่ดึงดูดความสนใจ แต่การกระทำถึงขั้นนี้ซ้ำๆกับคนรักทุกคนเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่า คนที่คบกันอยู่นั้นถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อช่วยให้เขารักษาภาพลักษณ์ตัวเองไว้ได้ เมื่อผู้หญิงคนใหม่ในชีวิตของเขาลุกมาเปลี่ยนตัวเอง มันไม่ใช่สัญญาณแห่งความรักและความเชื่อใจ มันเกิดขึ้นจากการตั้งความคาดหวังเพื่อความสัมพันธ์ในรูปแบบที่เขาเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่า"

หากแฟนมีพฤติกรรมคล้ายกับ  Kanye  คุณจะไปต่อเพราะเชื่อมั่นในความรัก หรือใช้วิธีปรับตัวเข้ากันเช่นไร?