เกาะดราม่า #ศิลปินเกาหลีโกงค่าบั้ม พุ่ง Trending in Thailand

23 10
เคยได้ยินใครสักคนบอกว่า "Thailand  ดินแดนแห่งการให้โอกาส"  แม้แต่คนดังจากเกาหลีที่เผชิญกล่าวหาว่ากระทำความผิดทางกฎหมายจนกระทั่งถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดจริง และอาจจะถูกมองว่า ศิลปินดังกล่าวคงถูก cancel จากวงการบันเทิงตลอดชีพ    แต่หากชดใช้การกระทำผิดในอดีตไปแล้ว หากประกาศขอโอกาสเพื่อได้เริ่มต้นสร้างสรรค์ผลงานในวงการอีกครั้ง แฟนชาวไทยที่ยังรักกันเหนียวแน่นก็พร้อมจะส่งแรงใจให้ไอดอลขวัญใจได้ไปต่อ   จากความเชื่อมั่นว่า  nobody is perfect และพวกเราต่างทำผิดพลาดกันได้ เมื่อได้รับบทเรียนสำคัญไปแล้ว ก็สมควรที่จะได้รับการส่งเสริมให้ใช้ความสามารถให้เป็นประโยชน์อีกครั้ง

แต่เมื่อศิลปินที่ได้รับโอกาสที่สองเพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งต้องเผชิญกับกระแสโจมตีในโลกออนไลน์ว่า มีความพัวพันกับการฉ้อโกงแฟนๆ  ซึ่งฟังดูเหมือนการทำลายความเชื่อใจกันอย่างแรง  ข่าวนี้อาจจะทำให้คุณฉงนใจ  ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้เป็นเช่นไรนะ?
หลังจากที่เกิด #ศิลปินเกาหลีโกงค่าบั้ม ทาง Twitter(X) ได้เพียงไม่นาน  ก็ทำให้ชาวเน็ทฟันธงได้ว่า  ศิลปินต้นเรื่องคือ พัค ยูชอน หรือมิคกี้ อดีตสมาชิกบอยแบนด์ชื่อดัง TVXQ!. และ JYJ  จาก history ที่เต็มไปด้วย scandal ที่เกาหลีใต้ ทั้งการเสพยาร่วมกับอดีตคู่หมั้นสาวไฮโซ และการเซ็นสัญญากับเอเจนซี่ซ้ำซ้อนจนศาลสั่งห้ามเขาปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์รวมถึงห้ามเข้ากิจกรรมวงการบันเทิงในประเทศ   การโพรโมทผลงานในต่างประเทศดูจะเป็นทางเลือกสำคัญเพื่อการเริ่มต้นใหม่ในฐานะศิลปิน  เนื่องจากยังได้รับแรงสนับสนุนจาก FC ที่ญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆในแถบเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทยที่ได้กลายมาเป็นจุดหมายปลายทางที่มีผู้คนรอต้อนรับอย่างอบอุ่น  

ดูเหมือนว่า การงานของเขาจะไปได้สวยเลยทีเดียว ทั้งการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ดังและการเข้าร่วมอีเวนท์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต ให้สัมภาษณ์สื่อ ถ่ายแบบนิตยสาร สื่อบางเจ้าเคยอวยยูชอนว่าเป็น 'เขยไทย' จากภาพที่เขาปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมในบ้านเราและชื่นชมถึงการเข้าร่วมงานช่วยเหลือสังคมด้านต่างๆ จากคำยืนยันจากยูชอนว่า เขาจะทิ้งอดีตไว้เบื้องหลังและเริ่มต้นใหม่ด้วยความสุข และจะพยายามทุ่มเททำงานเพื่อให้สมกับที่แฟนๆต้องอดทนและให้ความไว้วางใจกันมาตลอด ทำให้หลายคนเชื่อว่า เขาได้ก้าวข้ามด้านมืดในชีวิตที่เคยทำผิดพลาดที่บ้านเกิดไปได้อย่างเต็มตัวแล้วจริงๆ

แต่ปัญหาคาราคาซังที่เกิดจากการดำเนินงานที่ไม่โปร่งใสก็ส่งผลกระทบต่อ FC จนเจ็บแทบกระอัก

ศิลปินโกงค่าอัลบั้ม... ฟังดูเหมือนข้อกล่าวหาที่รุนแรงจนเหลือเชื่อ ในเมื่อศิลปินเป็นผู้รับส่วนแบ่งจากต้นสังกัด ไม่ใช่ผู้จัดการเรื่องสินค้าโดยตรง ในเบื้องต้นจึงมีผู้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า ยูชอนคือเหยื่อของการฉ้อโกงเช่นเดียวกัน เพราะในระหว่างที่แฟนๆแสดงความวิตกกังวลถึงปัญหาเอเจนซี่เดิมเชิดเงินอัลบั้มหนีหายข้ามปี เขาก็ได้ออกมาชี้แจงว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงจะใช้กฎหมายเอาผิดเอเจนซี่ใจคด แต่เรื่องก็เงียบไปหายไปจน FC ร้อนใจเดินเรื่องไถ่ถามตามติดกันเอง ฝ่าย Logbook เอเจนซี่ที่รับหน้าที่ดูแลยูชอนมาจนล่าสุดได้พยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยการกำหนดระยะเวลาคืนเงินให้กับแฟนๆ โดยที่ให้เหตุผลว่า ปัญหาเรื่องทนายทำให้การเดินเรื่องถูกเตะถ่วงออกมาอีก


แต่เมื่อเรื่องการคืนเงินยังไม่ไปถึงไหน Logbook ที่เคยออกหน้าจัดการกับปัญหานี้กลับประกาศว่า ไม่ได้ทำหน้าที่ดูแลยูชอนอีกต่อไป ข่าวแพร่สะพัดทำให้เหยื่อโกงค่าอัลบั้มรู้สึกสิ้นหวังที่จะได้รับเงินคืน ทั้งยังมีคนรู้สึกไม่แน่ใจในตัวยูชอนขึ้นมา เนื่องจากภาพที่ปรากฏผ่านสื่อ ดูเหมือนว่าเขาใช้ชีวิตที่ดูสุขสบายและไม่ได้ชี้แจงความคืบหน้าเรื่องนี้อย่างชัดเจน จนถึงขั้นที่มีคนกล่าวหาเขาว่า เสวยสุขโดยไม่แคร์ความกลัดกลุ้มใจของ FC ที่สนับสนุนเขาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย และยังมีเสียงเรียกร้องว่า ในฐานะศิลปินได้รับโอกาสจากแฟนจนสามารถก้าวต่อไปหลังจากผ่านวิกฤติทางชื่อเสียงมาได้ เมื่อเกิดปัญหาร้ายแรงจากจัดการที่ไม่โปร่งใส ก็ควรจะแสดงออกให้เห็นถึงจัดการอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความเชื่อมั่นกลับมาเพื่อถนอมรักษาน้ำใจแฟนๆไว้ ซึ่งจะช่วยยืดเส้นทางหากินของตัวเองไปอีกนานๆ

ในขณะเดียวกัน หลายคนที่ยังมีความเชื่อมั่นในตัวยูชอนต่างส่งกำลังใจด้วยภาพดอกทานตะวัน (การแสดงออกจาก FC เพื่อสนับสนุนยูชอน) และเชื่อว่าเรื่องราวจะคลี่คลายลงไปเมื่อยูชอนเดินหน้าเอาผิดจากคนคดโกงและเคลียร์คำครหาที่สร้างความมัวหมองออกไปอย่างหมดจด




ปัญหาความขัดแย้งกับเอเจนซี่

ล่าสุด ผู้บริหาร Logbook เอเจนซี่ที่รับช่วงการดูแลงานของยูชอนมาตั้งแต่ปี 2019 ได้ส่งแถลงการณ์เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลีไว้ดังนี้

  • ผู้บริหารตัดสินใจเซ็นสัญญากับยูชอนในฐานะพรีเซนเตอร์เพื่อโพรโมทสินค้าของบริษัท แต่ในช่วงนั้น ยูชอนถูกดำเนินคดีและควบคุมตัวจนไม่สามารถดำเนินธุรกิจร่วมกัน  แต่ก็ไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายจากศิลปิน พวกเค้าเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาและกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งเมื่อเขาถูกปล่อยตัวจากการคุมขัง ซึ่งผู้บริหารมองว่า นี่คือโอกาสครั้งสุดท้ายในวงการของยูชอน

  • แต่จากจุดเริ่มต้นก็พบกับความยากลำบาก เพราะมาค้นพบภายหลังว่า ยูชอนยังติดสัญญาอยู่กับเอเจนซี่อื่น  แต่เป็นเพราะว่าบริษัทได้จ่ายเงินล่วงหน้าให้ยูชอนไปแล้ว  แต่เขาไม่สามารถจ่ายเงินคืนให้ได้   ผู้บริหารจึงเลือกช่วยเหลือยูชอนในเรื่องค่าใช้จ่ายเพื่อต่อสู้ทางกฎหมายถึง 100 ล้านวอน  และพยายามเต็มที่เพื่อจะช่วยให้เขาหวนกลับมาทำงานแม้ว่าศาลจะตัดสินห้ามไม่ให้เขาทำกิจกรรมใดๆในวงการบันเทิง  ทั้งยังหยิบยื่นเงินให้ยูชอนและน้องชายยืมถึง 300 ล้านวอนเพื่อนำไปใช้จ่าย  
.
  • แม้ว่าตัวเลขค่าใช้จ่ายสูงจะสร้างความกดดันให้กับบริษัทที่มีขนาดเล็ก   แต่ผู้บริหารได้โน้มน้าวให้นักลงทุนทุ่มเงินเพื่อจัดการแสดงและกิจกรรมต่างๆ ทั้งยังเช่าบ้านในเมืองไทยให้เพราะต้องการให้ศิลปินอาศัยในสิ่งแวดล้อมที่ดี  แม้แต่การจ่ายภาษีในเกาหลีใต้ เพราะรายได้ของยูชอนในตอนนั้นไม่เพียงพอ แต่ก็ต้องจ่ายภาษีให้แทนเพราะเกรงว่า หากติดค้างภาษีกับรัฐแล้ว ยูชอนจะไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้  ผู้บริหารยังดูแลค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าเช่ารถราคาแพง ที่ตัดสินใจทำสิ่งเหล่านี้ไปเพราะความเชื่อแน่วแน่ในอนาคตของศิลปิน  เพื่อจะทำให้เขาหวนคืนสู่วงการให้สำเร็จ


  • แต่ทั้งๆที่เห็นทิศทางความเป็นไปได้ที่เริ่มจะสดใสมากขึ้น ไมกี่เดือนที่ผ่านมา ยูชอนได้เรียกร้องเพื่อย้ายวีซ่าไปขึ้นอยู่กับบริษัทของคนรักของเขา และแจ้งว่าจะแต่งงานกับเธอ ผู้บริหารเอเจนซี่ไม่ได้ขัดข้องและจัดเตรียมเอกสารเรื่องวีซ่าให้เรียบร้อย  แต่หลังจากย้ายวีซ่าแล้ว ยูชอนกลับบอกว่าต้องการจะเบรคจากการทำงานบันเทิงไปสักพักเพราะเหนื่อยใจ  ผู้บริหารที่เห็นว่ายูชอนมีความเครียดจึงตอบตกลงเลื่อนกิจกรรมต่างๆเพื่อศิลปินจะได้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่  แต่ในเดือนกันยายน ยูชอนกลับบอกแฟนๆว่า จะออกจากเอเจนซี่โดยที่ไม่ได้แจ้งผู้บริหารก่อน

  • แม่ของแฟนสาวของยูชอนได้ติดต่อมายังพนักงานชาวไทยที่ทำงานให้กับเอเจนซี่เพื่อสั่งให้พวกเค้ายุติ FC ที่เป็นทางการที่บริษัทเป็นผู้ดำเนินงาน เพราะฝ่ายของแฟนสาวจะรับหน้าที่ดูแลกิจกรรมงานบันเทิงของยูชอนเอง  แฟนสาวและแม่ได้ขู่พนักงานว่า จะทำให้อาศัยในเมืองไทยไม่ได้อีกต่อไป โดยที่มีการบันทึกเสียงคำพูดข่มขู่ของคู่กรณีไว้ด้วย


  • ผู้บริหารได้ขอคำอธิบายในเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากยูชอน ซึ่งได้รับคำตอบแต่เพียงว่า จะลองเช็คดู  หนำซ้ำยังขอให้ผู้บริหารแจ้งแฟนๆถึงข้อตกลงในสัญญาบางอัน ทั้งๆที่ผู้บริหารไม่ได้ทำยอมรับข้อตกลงนั้น ซึ่งแน่นนอนว่า จะต้องปฏิเสธกลับไป   นับแต่นั้นเป็นต้นมา ยูชอนก็ได้กล่าวหาบริษัทในเรื่องที่ไม่เป็นจริง  นั่นคือ บริษํทได้หน่วงเหนี่ยวไม่ให้เขามีอิสรภาพ   เหตุการณ์ที่ย่ำแย่เหล่านี้ทำให้ผู้บริหารไม่เชื่อมั่นที่จะทำงานร่วมกับยูชอนอีกต่อไป  ดังนั้นจึงได้ส่งสัญญาที่มีรายละเอียดข้อตกลงและเรียกร้องให้ศิลปินคืนเงินก้อนโตที่ยืมไป แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับแต่อย่างใด  ยูชอนยังไปร่วมพูดคุยในบอร์ดของน้องชายและยังพูดโกหกเกี่ยวกับบริษัท   เมื่อผู้บริหารได้เห็นว่ามีคนที่หันมากล่าวโทษเขาเสียๆหายๆโดยที่ไม่เป็นจริง ก็สร้างความรู้สึกว่าถูกหักหลังอย่างรุนแรง

  • บริษัทต้องขาดทุนยับเยินเพราะไม่สามารถจัดจำหน่ายสินค้าและคอนเทนท์ในราคาที่ตกลงกันไว้ ศิลปินที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบกลับนิ่งเฉยไม่ตอบกลับ  และยังกล่าวหากันอย่างไม่เป็นความจริงและก้าวก่ายการทำธุรกิจของบริษัท จึงไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากการยื่นฟ้องร้องศิลปิน

  • ขอร้องให้แฟนๆร่วมใจกันทำให้ศิลปินหันมาแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำลงไป ไม่เอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของคนอื่นที่ชีวิตของเขาต้องพบกับความยากลำบาก  เขาได้เลือกจะจบกับศิลปินแล้ว แต่แฟนๆน่าจะช่วยให้ศิลปินก้าวสู่เส้นทางที่ถูกต้องได้

  •  ผู้บริหารมีหลักฐานยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดในแถลงการณ์นี้เป็นความจริง  และจะเปิดเผยหลังจากที่ปรึกษากับทนายแล้ว

ชาวเน็ทบางคนตั้งข้อสังเกตว่า ยูชอนเคยเกิดกรณีพิพาทกับอดีตผู้จัดการและเอเจนซี่เก่าจนต่างฝ่ายออกมาแฉกันนัว เกิดเป็นคดีฟ้องร้องมาแล้ว และดูเหมือนว่าเหตุการณ์ล่าสุดจะเข้าสู่รอยเดิม



แต่คำแถลงการณ์จากผู้บริหารเอเจนซี่ก็ไม่ได้ทำให้แฟนๆที่รอคอยการคืนเงินค่าอัลบั้มรู้สึกเบาใจขึ้นมา  เพราะ Logbook เคยรับหน้าที่เป็นตัวแทนเพื่อดำเนินการเรียกค่าเสียหายจากเอเจนซี่เจ้าปัญหาที่เชิดเงินจาก FC หายไป  แต่ก็ไม่ปรากฏความคืบหน้ามากนักเนื่องจากอุปสรรคต่างๆ จนทำให้บางคนมองว่า  ยิ่งกระบวนการฟ้องร้องถูกเตะถ่วงออกไปเรื่อยๆ   จน Logbook เลือกจะแก้ไขสถานการณ์ด้วยการชดเชยด้วยส่วนลดตั๋วคอนเสิร์ต   ส่วนความหวังที่จะได้รับเงินคืนยิ่งริบหรี่  ซ้ำร้าย เมื่อศิลปินและเอเจนซี่ล่าสุดแสดงออกชัดเจนว่าได้ตัดความสัมพันธ์กันไปแล้ว ใครที่จะเป็นออกมารับผิดชอบความเสียหาย?

คำขอโทษและคำมั่นในการ  take action จากยูชอน

ไม่ต้องสงสัยว่า trending นี้จะกระทบกับชื่อเสียงของยูชอนจนเขาต้องรีบส่งคำขอโทษที่ออกมาชี้แจงสถานการณ์ช้าจนทำให้แฟนๆรู้สึกวิตกกังวล แต่ก็ยืนยันว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อได้ตรวจสอบเรื่องราวก็ได้เตรียมการดำเนินการทางกฎหมายซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆได้ และจะทำเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหาและเปิดเผยถึงความจริงต่อทุกๆคน post ดังกล่าวได้ดึงดูดแฟนๆหลั่งไหลเข้ามาให้กำลังใจ และยืนยันว่า พวกเค้าจะยังรักและเชื่อมั่นในตัวเขาเสมอไป พร้อมกับปกป้องกระแสโจมตีศิลปินขวัญใจว่า เขาไม่ใช่ผู้ลงมือคดโกงเงินค่าอัลบั้มไปเสวยสุข แต่เป็นมิจฉาชีพในคราบเอเจนซี่ต่างหาก มันจึงไม่ยุติธรรมที่จะบีบให้เขาต้องมารับผิดชอบ


อีกด้านหนึ่ง กลุ่มคนที่เสียความรู้สึกไปแล้วได้ร่วมใช้ social media ทวงหาความจริงใจของยูชอน แม้ว่าเขาจะยืนยันว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำคดโกงที่หยียบย่ำความรู้สึกแฟนๆ แต่หากให้ความสำคัญกับความรู้สึกของ FC อย่างแท้จริง ก็ควรจะออกมาอัพเดทเรื่องราวให้รับรู้เข้าใจทั่วกันเป็นระยะ เพราะนี่เป็นเรื่องฉาวที่บั่นทอนความน่าเชื่อถือของเขาไปไม่น้อย ในวันข้างหน้า เมื่อเขาส่งผลงานใหม่ออกมา ตอนที่แฟนๆจะกดโอนเงินสั่งซื้อก็อาจเกิดความระแวงว่า จะได้รับสินค้าหรือถูกโกงอีกหรือไม่ !   ล่าสุดที่เอเจนซี่ที่เพิ่งตัดความสัมพันธ์กันออกแถลงการณ์ discredit  ก็ทำให้ชาวเน็ทมองสถานการณ์นี้ด้วยความเคลือบแคลงใจไปกว่าเดิม  ยิ่งเขาบอกว่า ไม่สามารถอธิบายรายละเอียดได้หลังจากนิ่งเงียบในประเด็นนี้ไปนาน ก็ไม่ได้เพิ่มความอุ่นใจขึ้นมา  บางคนเสนอว่า ยูชอนควรนำเงินส่วนตัวมาคืนให้แฟนๆก่อน  เพื่อไม่ให้สถานการณ์ย่ำแย่ไปกว่าเดิม

ชาวเน็ทออกปาก เสียดายความสามารถ
นับตั้งแต่ก้าวสู่สถานะไอดอลตัว top ในสมัยยังเป็นสมาชิก TVXQ !  ยูชอนได้สร้างความประทับใจจากความสามารถทางดนตรี ทั้งการขับร้อง  ลีลาเต้นและแรงดึงดูดระหว่างการแสดงบนเวที  การสื่อสารภาษาอังกฤษคล่องแคล่ว และยังเก่งกาจด้านแต่งเพลง+compose  แม้ว่าเขากับสมาชิกอีกสองคนจะต่อสู้เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากสัญญาทาสกับต้นสังกัดยักษ์ใหญ่ และแม้ว่าจะชนะการฟ้องร้องและสามารถสร้างชื่อเสียงจากการแยกตัวออกไปตั้งวง JYJ แต่ก็ถูกอิทธิพลมืดขัดขวางการโพรโมทผลงานจนเป็นเรื่องยากเย็นที่จะได้เห็น JYJ ใน รายการ TV  

อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้น แม้ JYJ จะได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม แต่ยูชอนไม่ได้ห่างหายไปจากสายตาแฟนๆในประเทศ นั่นเป็นเพราะการพิสูจน์ฝีมือการแสดงจากหนังและซีรีส์ยอดนิยมที่ทำให้คว้ารางวัลชั้นนำมาแล้วมากมาย สำหรับผู้ที่แจ้งเกิดจากอาชีพไอดอล เส้นทางการสร้างชื่อเสียงจนเป็นที่ยอมรับในวงการแสดงนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคจากอคติและการจ้องจับผิด แต่ยูชอนในยุครุ่งโรจน์นั้นได้รับคำชื่นชมและคาดหมายกันว่า เขาจะเป็นไอดอลที่ก้าวมาเป็นพระเอกแถวหน้าของวงการ และสร้างความโด่งดังได้ยาวนานไม่แพ้กับศิลปินดารา A List ในเกาหลีใต้


แต่มรสุมชีวิตที่เกิดจากตัวเลือกที่ผิดพลาดก็ทำให้เส้นทางที่สวยงามเจิดจ้าในวงการดับวูบไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นเหตุที่เกิดในประเทศเกาหลีใต้ที่มีบทลงโทษต่อผู้กระทำผิดข้อหาเสพยาเสพติดอย่างเข้มงวด และยังมีบรรทัดฐานสังคมที่คาดหวังต่อคนดังเป็นแบบอย่างอันขาวสะอาดไร้ที่ติ ก็ดูเป็นเรื่องยากเย็นที่หวนกลับมาสร้างความโด่งดังได้เหมือนเก่า ไม่เพียงเท่านั้น ปัญหายุ่งเหยิงที่เกิดจากการละเมิดสัญญากับเอเจนซี่เดิมคือ Yesperar ด้วยการเซ็นสัญญากับเอเจนซี่อื่นซ้ำซ้อน ทำให้บริษัทเล่นงานด้วยการยื่นขอคำสั่งศาลห้ามไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมในวงการบันเทิงแทบทุกอย่างในประเทศไว้ชั่วคราว ซึ่งกินเวลามาถึง 2 ปีแล้ว  ถึงแม้ว่าในปีก่อนเขาจะขออุทธรณ์ แต่ศาลยังสั่ง ban ต่อไป


ท่ามกลาง  scandal ที่นำมาซึ่งอุปสรรคหนักหน่วงในระยะเวลาหลายปีมานี้   ยังมี FC ที่ยืนหยัดสนับสนุนยูชอนอย่างไม่หวั่นไหว  เพราะเชื่อมั่นถึงโอกาสในการเริ่มต้นใหม่สำหรับผู้ที่เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต   และมีผู้เปรียบเทียบว่า โลก fandom ดูจะไม่มีปัญหาในการแสดงความคลั่งไคล้ต่อ superstar ฝั่งตะวันตกอย่าง Justin Bieber และอีกหลายคนที่เคยออกมายอมรับเรื่องปัญหาใช้ยาเสพติด  ในเมื่อยูชอนถูกตัดสินความผิดและรับโทษคุมประพฤติที่เกาหลีใต้ไปแล้ว ก็ไม่ควรบีบคั้นเขาจนถึงขั้นไร้ที่ยืนสังคม  หากเขาพร้อมจะเรื่มต้นชีวิตใหม่อย่างถูกครรลอง  ก็ถือเป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนที่ล้มแล้วต้องการจะพัฒนาตัวเองและก้าวใหม่อย่างมั่นคง    ส่วนสถานการณ์ล่าสุดนับเป็นความโชคร้ายที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น  หากรู้ว่าจะมีเรื่องโกงเงินค่าอัลบั้มจนแฟนๆเดือดร้อน เขาคงไม่ตกลงเซ็นต์สัญญาทำอัลบั้มกับบริษัทนี้

แต่แฟนๆที่ออกโรงปกป้องยูชอนอย่างไรเงื่อนไขก็ถูกจิกกัดว่า เป็นติ่งที่ความรักบังตาจนไม่ยอมรับพฤติกรรม problematic ของศิลปินขวัญใจ

กระแสข่าวเรื่องแฟนซื้ออัลบั้มแล้วถูกเทยาวที่ฉาวขึ้นมาอีกทำให้ภาพลักษณ์ของเขามัวหมองลงไปอีกครั้ง  ตามมาด้วยการถกเถียงว่า  สิ่งที่เกิดขึ้นควรอยู่ภายในความรับผิดชอบของยูชอนหรือไม่?   ฝั่งที่สนับสนุนยูชอนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า  จะเชื่อมั่นและอยู่ข้างเขาเสมอไปและเขาไม่จำเป็นต้องแสดงคำขอโทษจากความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อ  แต่ฝ่ายเห็นต่างก็แสดงความมั่นใจว่า ยูชอนไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องตามที่แฟนๆของเขาปกป้อง  มีทั้งกลุ่มแฟนที่ออกอาการอกหักกับเรื่องฉาวคราวนี้และคนที่กดดันให้ยูชอนเร่งทำอะไรสักอย่างเพื่อแฟนๆจะได้รับเงินคืนมาให้เร็วที่สุด


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE