อดีตอันเจ็บปวดของเซเลบที่ถูก bully เพราะความฝันอยากเป็นดาว

26 10
 Lady Gaga ถูกหยามหนักว่าเป็นสาวหิวแสงที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวันจะโด่งดังขึ้นมาได้

กว่า Lady Gaga จะก้าวสู่ตำแหน่ง superstar เธอก็ต้องผ่านวันคืนที่ต้องเผชิญกับการหยามหยันบั่นทอนจิตใจมาเนิ่นนานหลายปี ชีวิตวัยเรียนของเธอนั้นเต็มไปด้วยเสียงเย้าเย้ยถากถางเรื่องความฝันจะเป็นศิลปินชื่อดัง ยิ่งเธอเผยให้คนรอบว่าได้รับรู้ว่าเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง ก็ยิ่งดึงดูดพลังงานด้านลบจากพวก bully


"ในสมัยที่เรียนมัธยม ฉันถูก bully และเป็นตัวตลกของคนอื่นเพราะมีความฝันยิ่งใหญ่"

"ฉันยังจดจำในสิ่งที่พวกนั้นพูด bully ฉันต่อหน้าคนอื่นๆ และไม่มีใครออกมาทัดทานใดๆ ไม่มีใครเข้ามาถามว่า ฉันยัง OK อยู่รึเปล่า ความจริงก็คือ หากฉันลุกมาเปิดเผยว่า เรื่อง bully ส่งผลต่อฉันยังไง สถานการณ์ของฉันในโรงเรียนก็ยิ่งจะย่ำแย่ลง"


เธอยังได้แชร์ประสบการณ์ที่ไปพบกับกลุ่มหนุ่มสาวร่วมโรงเรียนที่รู้จักกันที่หน้าร้านพิซซ่า กลุ่มเด็กผู้ชายจับเธอโยนใส่ที่ถังขยะที่หัวมุมสร้างความขบขันให้กับเพื่อนๆ แม้แต่ตัวเธอก็กล้ำกลืนน้ำตาแล้วแสร้งหัวเราะไปด้วยเพราะไม่ต้องการเปิดเผยความอ่อนแอ แต่ก็เห็นสาวในกลุ่มมองเธออย่างสมเพช ราวกับจะท้าให้เธอร้องไห้ออกมาจะได้ยิ่งอับอายไปกว่าเดิม





 

Lady Gaga ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม theatre kids หรือ stereotype เด็กสายการละครที่เต็มไปด้วย passion ในการขับร้องและแสดงบนเวที คนที่อยู่ในกลุ่มนี้มักจะต้องเผชิญกับอคติการเหมารวมว่า เป็นพวก performers ที่แสดงพฤติกรรมขัดหูขัดตา ด้วย mindset ที่อาจจะมีความแตกต่างจากคนอื่นๆที่ส่งผลทำให้กล้าแสดงออกและอินกับการแสดงได้ทุกที่ทุกเวลา ทำให้หลายคนถูกเม้าแรงลับหลัง แต่หนักกว่านั้นคือ กลุ่มเด็ก bully ที่เยาะเย้ยถากถางกันต่อหน้าคนหมู่มากจนต้องอับอายฝังใจ

แม้ว่าเธอจะมุ่งมั่นที่จะสร้างฝันให้เป็นจริง และดูไม่หวั่นเกรงต่อเสียงวิจารณ์ว่าเธอแสดงออกแปลกแยกจนดูไม่เข้ากับสังคมของเด็กวัยรุ่นทั่วไป แต่เธอก็ต้องสะเทือนใจเมื่อไม่มีใครในโรงเรียนที่เข้ามาแสดงความเป็นห่วง แม่ของ Lady Gaga หรือชื่อจริงคือ Stefani เผยว่า เธอเริ่มเจ็บป่วยเป็นซึมเศร้าตั้งแต่อายุน้อยเพราะถูก bully ในวัยเรียน และเธอยังเลือกจะปิดบังพ่อแม่ไว้ เนื่องจากรู้สึกอับอายและไม่อยากให้ครอบครัวรู้สึกกังวล

   

เพื่อนสมัยเรียน  college  เม้า เวิ่นเวอจนรู้สึกรำคาญ

ความทุกข์ใจจากเรื่อง bully ไม่ได้จบสิ้นในรั้วโรงเรียนมัธยมเท่านั้น หลังจากที่เธอได้รับการตอบรับให้เข้าเรียนต่อใน New York University Tisch School of the Arts ซึ่งในความคิดของหลายคน นี่น่าจะเป็นสถาบันการศึกษาที่เต็มไปด้วยศิลปินที่เต็มไปด้วย passion ไม่แพ้กัน แต่ในสายตาเพื่อนนักศึกษา การแสดงออกของเธอถูกมองว่า 'เยอะเวิ่นเวอ' จนรำคาญแทบทนไม่ไหว มีรายงานว่า กลุ่มนักศึกษาที่หมั่นไว้เธอนั้นอดรนทนไม่ไหวถึงกลับรวมกลุ่ม Facebook เพื่อด่าเธอเพื่อความสะใจ และตั้งชื่อกลุ่มว่า Stefani หล่อนไม่มีวันดังได้หรอก


ชาวเน็ทรายหนึ่งที่เคยเรียน NYU ได้เผยข้อมูลว่า group นี้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเล่นงานศิลปินสาววัย 18 ที่รับจ็อบเล่นดนตรีในบาร์แถวๆมหาวิทยาลัยด้วยถ้อยคำร้ายกาจ สมาชิกประนามเธอว่าเป็นนังร่านหิวแสง และหยามว่า นี่หล่อนคิดว่าตัวเองวิเศษมาจากไหน มีคนโพสต์ภาพใบปลิมโฆษณาการแสดงในบาร์ของเธอที่ถูกเหยียบย่ำเปื้อนโคลน เธอรู้สึกแย่กับสิ่งที่เด็กสาวคนนั้นต้องเจอ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจจนลืมเลือนเรื่องนี้ไปในเวลาไม่นาน แต่เมื่อเธอได้มารับรู้ภสยหลังว่า Stefani Germanotta ที่ถูก bully ในเพจนั้นคือ Lady Gaga ก็ต้องตกตะลึง และรู้สึกว่าตัวเองทำพลาดไปที่ไม่ได้เขียนคอมเมนท์ปกป้องเธอคนนี้ ทั้งๆที่น่าจะเป็นนักศึกษาที่กินนอนในหอพักใกล้ๆกัน



แต่ทุกวันนี้ อาจจะมีคนที่อยู่ร่วมกลุ่ม bully ดังกล่าวพยายามจนหืดขึ้นคอเพื่อจองตั๋วชมการแสดงของ Lady Gaga มาแล้ว...



ไม่กี่วันมานี้ Carly Waddell สาวผู้เข้าแข่งขันรายการหาคู่ Bachelor ได้ให้สัมภาษณ์รายการ Podcast เผยประสบการณ์ที่เคยเรียน NYU ช่วงเดียวกับ Lady Gaga ว่า ถึงแม้ superstar สาวจะมีความสามารถยอดเยี่ยม แต่ในมหาวิทยาลัย เธอก็ไม่ปลื้ม Stefani (Lady Gaga) นัก เพราะฝ่ายนั้นเอาแต่เล่นเปียโนขับร้องเพลง Wicked สุดเสียง ใสนขณะที่คนอื่นๆกำลังจะกินอาหารกลางวัน แต่กลับถูกบับให้ต้องมารับฟังพลังเสียงของเธอแทน

"ฉันแค่อยากจะกินแซนด์วิช ด้วยเหตุนี้ก็เลยต้องหยิบไปกินแถวๆโถงทางเดินเพราะเธอทำให้ฉันประสาทเสีย"


แน่นอนว่า  การออกมาแบ่งปันความรำคาญใจในชีวิตมหาลัยของเธอคนนี้ได้ดึงดูดเหล่า Little Monsters ให้เข้ามาถล่มจนยับเยิน   นอกจากมีชาวเน็ทจะสร้าง memes อย่างสนุกสนานจนกลายเป็น viral  หลายคนต่างลงความเห็นตรงกันว่า  haters are gonna hate! เหตุการณ์เช่นนี้ได้ชี้ชัดถึงเหตุผลที่ Lady Gaga  สามารถยืนหยัดในฐานะศิลปิน icon แห่งยุค ส่วนตัวคนที่ออกมาพาดพิงก็ได้แต่ถูกกล่าวถึงช่วงสั้นๆในฐานะอดีตเพื่อนร่วมมหาลัยของ Lady Gaga และถูกลืมไปอย่างรวดเร็ว    หากเธอหวั่นไหวกับสายตาคนอื่นจนไม่ยอมทุ่มเทวิ่งไล่ทำตามความฝันในวันนั้น  ก็คงไม่มี superstar ในวันนี้   

Lady Gaga ในวัยเรียนเคยบรรยายตัวตนของเธอไว้ว่า คนอื่นสามารถพบเห็นเธอในขณะร้องเพลงเสมอ และความฝันของเธอคือ การคว้าโอกาสขึ้นแสดงในฐานะ headliner ที่ Madison Square Garden แต่เธอพุ่งไปไกลยิ่งกว่าที่ฝันไว้ซะอีก จากเด็กสาวที่ถูกโยนใส่ถังขยะและถูกเย้ยหยันว่าฝันเฟื่อง เธอคือศิลปินที่ประสบความสำเร็จล้นหลามทั้งสายดนตรีและการแสดง เป็นเจ้าของอัลบั้มเพลงยอดนิยม 13 รางวัล Grammy และ 1 รางวัล Oscar เธอเป็นหนึ่งในนักร้องดังไม่กี่คนที่สามารถเข้าชิงรางวัลการแสดงชั้นนำ และมี project ใหญ่ยักษ์อย่าง World Tour และสัญญาการแสดงที่ Las Vegas ที่มีผู้เข้าชมเป็นแสนๆ ส่วนผลงานหนังเรื่องต่อไปคือ Joker: Folie à Deux ภาคต่อของ Joker ที่เข้าชิงหลายรางวัล Oscar และทำให้ Joaquin Phoenix คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

คงไม่มีวิธีใดที่สามารถเอาคืนพวก bully ได้สะใจกว่านี้อีกแล้ว!

 Taylor Swift ถูกคนในโรงเรียนมัธยมรุมเกลียดเพราะความมุ่งมั่นจะคว้าฝันเป็นศิลปินดัง

เธอเป็นสาวสวยผมบลอนด์ที่มีรูปร่างโดดเด่นราวกับนางแบบ runway และเติบโตในครอบครัวของผู้มีอันจะกิน ฟังดูแล้วไม่เหมือน profile ของเด็กสาวที่ถูก bully แต่ดูเหมือนสาวคนดังในโรงเรียนอย่าง Regina George ซะมากกว่า ถึงจะอย่างนั้น ความแตกต่างของ Taylor Swift ก็ทำให้เธอตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มนักเรียนหญิงร่วมโรงเรียน ประสบการณ์ที่ถูก bully มาตั้งแต่เด็กสร้างแรงบันดาลใจให้เธอเขียนเพลงเป็นครั้งแรก หรือกล่าวได้ว่า โลกเรามี Taylor


"ฉันคิดว่า Lucky You คือบทเพลงแบบเต็มๆที่ฉันแต่งได้เป็นครั้งแรก มันเป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่กล้าที่จะแสดงความแตกต่าง"

"ฉันถูกล้อเลียน ถูกหัวเราะเยาะมาหลา่ยครั้งหลายหน ถึงขนาดที่มีช่วงเวลาหนึ่งที่แทบไม่มีเพื่อนสักคน"

แม่ของเธออธิบายว่า เหตุผลเป็นเพราะเด็กผู้หญิงคนอื่นต่างนัดกันไปนอนค้างบ้านเพื่อนและเชียร์ฟุตบอล ส่วน Taylor  หมกมุ่นแต่กับการพยายามจะขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีให้ได้   เมื่ออายุได้เพียง 12 ปี ก็คว้าโอกาสในการโชว์ขับร้องสดๆระหว่างเกมการแข่งขันบาสเก็ตบอล  คุณอาจจะคิดว่า เธออาจจะกลายเป็นขวัญใจของคนในเมืองเดียวกัน  แต่ความเป็นจริงก็คือ  เมื่อภาพของ Taylor ปรากฏอยู่บนหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เมื่อเธอต้องไปโรงเรียนในวันต่อมา เธอก็ถูกเด็กๆ bully หนัก เมื่อแม่ของเธอรับรู้ว่า Taylor ต้องนั่งกินอาหารคนเดียวในโรงอาหารเพราะคนอื่นๆหลีกหนีราวกับเธอเป็นตัวน่ารังเกียจ ก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย  และพยายามช่วยเหลือให้ลูกสาวสุดที่รักรู้สึกดีขึ้นด้วยการชวนกันไปชี้ชมเครื่องประดับ opal ที่ร้าน แม่ลูกไม่ได้ซื้ออัญมณีนั้นกลับบ้านแต่ก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นจริงๆ  

ในที่สุด Taylor ก็ได้ยินเรื่องราวที่ Nashville ว่า เป็นศูนย์รวมการเจียระไนศิลปินผู้มีความฝันให้กลายเป็นดาวดัง และศิลปินคันทรีชื่อดังอย่าง Faith Hill ก็ถูกค้บพบจากสถานที่นี้ แม้ว่าเธอจะเป็นเด็กหญิงอายุเพียง 11-12 ก็เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า การเดินทางไปไขว่คว้าหาโอกาสที่ Nashville จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอกลายมาเป็นศิลปินมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จ และแผนการของ Taylor ก็ค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ด้วยวัยเพียง 16 ปี เธอก็ได้ออกอัลบั้มเดบิวท์ที่ประสบความสำเร็จที่โกยยอดขายเป็นล้านๆ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้งสำหรับศิลปินคันทรี่หน้าใหม่เอี่ยม


แต่หากถามว่า ความสำเร็จตั้งแต่เดบิวท์ได้ลบเลือนอคติจากความคิดเด็กร่วมโรงเรียนไปบ้างหรือไม่?    ดูเหมือนว่า กลุ่มนักเรียนที่ตัดสินเธอว่าเป็นพวกแปลกแยกเพราะมีความฝันแตกต่างจากคนอื่นจะยิ่งแสดงอาการยี้เธอหนักกว่าเดิมไปอีก
 อดีตเพื่อนร่วมโรงเรียนยอมรับ แรงเกลียดชังมาจากความอิจฉาจากเริ่มต้นที่ปรามาสว่า ไม่มีทางจะดังได้
เมื่อปีที่แล้ว หญิงสาวคนหนึ่งได้ออกมาแชร์เรื่องราวทาง  Tiktok จนสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์  จากการคอนเฟิร์มว่า สาเหตุที่ Taylor ถูกเด็กในโรงเรียนรุมเกลียดมาจากความอิจฉาริษยาจริงๆ..

"ฉันเข้าเรียนในโรงเรียนเดียวกับ Taylor Swift เราเติบโตขึ้นมาในเมืองเดียวกัน เมื่อปี 2006 ฉันเพิ่งเป็นน้องใหม่ที่โรงเรียน ส่วน Taylor เป็นรุ่นพี่ ตอนนั้นเพลง Teardrops on my Guitar’ เพิ่งจะถูกปล่อยออกมา และเธอก็กลายเป็นดาวดัง ในปีเดียวกันเธอก็ลาออกและเรียนแบบ homeschool"

"ตอนที่เธอเริ่มจะประสบความสำเร็จแบบปังสุดๆ ใครต่อใครก็เกลียดชังเธอกันทั้งนั้น ฉันหมายความว่า เป็นกลุ่มเด็กร่วมรุ่นในโรงเรียน ไม่ใช่คนทั่วไปใน internet นะ"

"เธออายุแค่ 16-17 ปี ลาออกจากโรงเรียนเพื่อสร้างความสำเร็จจากอาชีพศิลปินซึ่งเป็นสิ่งผู้คนต่างก็ตอกย้ำเธอว่า เธอไม่มีวันทำได้"

แต่เมื่อเธอทำมันได้จริง จึงเกิดเรื่องราวแบบองุ่นเปรี้ยวตามมา

 Bully ไม่พอ ยังถูกปล่อยข่าวโจมตี
"เธอเขียนเพลงเกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่เธอเคยคบ  พวกเค้ายังเรียนมัธยมกันอยู่เลย  เรื่องของพวกนี้กลายมาเป็นเพลงดังที่มีเนื้อหาโจมตีว่าเป็นแฟนหนุ่มที่ห่วยแตกแบบไหน"

เธอได้กล่าวถึงการปล่อยข่าวว่าพ่อของ Taylor ติดสินบนให้กับ Scott Borchetta ผู้บริหารค่าย Big Machine Records เพื่อทำสัญญาปั้นเธอเป็นศิลปิน และยังมีเรื่องการเป็นผู้ถือหุ้นของค่ายไว้ว่า

"มีข่าวลือกระจายไปทั่วว่าเธอใช้วิธีใดเพื่อเริ่มต้นอาชีพศิลปิน มันเป็นเรื่องจริงที่มีเพียงไม่กี่คนในโรงเรียนที่พูดถึงเธอในแง่ดี"

ประเด็นที่พ่อของ Taylor ลงทุนซื้อหุ้นของค่ายเพลงนั้นเป็นสิ่งที่ haters นำมาโจมตีเธอมายาวนานหลายปีว่า เธอโด่งดังขึ้นมาได้เพราะพ่อทุ่มเงินเพื่อสร้างทางลัดสู่ความเป็นดาวดังให้กับลูกสาว ถึงขนาดมีคนปล่อยข่าวว่า พ่อของเธอซื้อ CD อัลบั้มของเธอมากมายก่ายกองเพื่อสร้างยอดขายแบบปลอมๆและเพิ่มกระแสให้ให้การเดบิวท์

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า พ่อเธอใช่เงินราวๆ $120,000 ซื้อหุ้นเพียง 3% ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และความสำเร็จไม่มีแผ่วของ Taylor ก็พิสูจน์ชัดเจนว่า เธอต่างหากที่เป็นผู้สร้างค่ายขนานแท้ แม้ว่า Big Machine Records จะมีศิลปินคันทรี่ภายใต้สังกัดอีกหลายคน แต่ยอดขายที่พุ่งกระฉูดของเธอสร้างส่วนแบ่งให้มหาศาล พิสูจน์ได้จากกรณี Scooter Braun ทุ่มซื้อ masters ผลงานหกอัลบั้มของเธอด้วยเงินถึง $330 ล้าน เมื่อแยกทางกัีบต้นสังกัดเดิมก็ยัง remaster จนคว้ายอกขายระดับ platinum ไหนจะทัวร์ที่กระตุ้นเศรษฐกิจอเมริกา เมื่อตั้งคำถามว่า หากผู้บริหารค่ายยักษ์ใหญ่ของโลกมีลูกหลานที่ต้องการจะประสบความสำเร็จเหมือนกับ Taylor แต่ความสามารถไม่ถึง โอกาสที่จะทำความฝันให้เป็นจริงได้จะมีมากสักแค่ไหน?
  

อดีตเพื่อนร่วมโรงเรียนอธิบานว่า การปล่อยข่าวลือเหล่านี้เกิดจากความอิจฉาริษยา เพราะเด็กๆเหล่านั้นไม่เชื่อว่า ศิลปินวัยทีนที่เคยผ่านประสบการณ์แสดงดนตรีในผับท้องถิ่นและไม่เคยได้รางวัลมาก่อนจะสามารถเซ็นสัญญากับค่ายเพลงจนแจ้งเกิดอย่างสวยงามได้ด้วยความสามารถล้วนๆ

"ส่วนใหญ่ ศิลปินแนวเดียวกันไม่สามารถคว้าโอกาสเพื่อเป็นดาวดังได้เหมือนเธอ และในตอนนั้น Taylor ยังไม่สามารถคุมเสียงขับร้องได้ดีเท่ากับทุกวันนี้ มีนักเรียนหลายคนที่เชื่อว่าพวกเค้าเสียงดีกว่าเธอมาก"


เหล่า Swifties  โต้ว่า การจ้องจับผิดและไม่ให้เครดิตความสำเร็จกับศิลปินเป็นเรื่องที่ไม่ fair เป็นอย่างยิ่ง  ถึงปัจจุบันก็ยังมีคนที่ปักใจว่า หากพ่อเธอไม่ทุ่มเงินซื้อหุ้นค่ายเพลง 3%  เธอก็คงไม่โด่งดังเป็น superstar ดังในทุกวันนี้   เธออาจจะมี privillge มากพอที่จะช่วยเหลือในการเริ่มต้นอาชีพในวงการดนตรีในบางส่วน  แต่มีศิลปินอีกหลายคนที่ประสบความสำเร็จเพียง 1-2 อัลบั้มแล้วก็ค่อยๆเงียบหายไป  แต่เป็นพรสวรรค์อันโดดเด่น แผนการธุรกิจเฉียบคมและความส่มำเสมอของ Taylor  ต่างหากที่ทำให้เธอไม่หลุดออกจากสถานะ superstar   กระทั่งทุกวันนี้  Taylor ได้เรียกร้องให้ผู้คนยอมรับและให้เครดิตความสำเร็จที่มาจากความสามารถของเธอ   เพราะถึงจะคว้ารางวัลมาแล้วมากมาย ก็ยังมีคนตราหน้าเธอว่า ใช้เงินพ่อแม่มาสร้างความโด่งดังอยู่ดี

หญิงสาวออกมาเปิดเผยเรื่องที่ Taylor เป็นสาวสุดยี้ในสายตาเพื่อนร่วมโรงเรียนยังเผยว่า เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มอดีตศิษย์เก่าที่ได้รับคำเชิญจาก Taylor ให้เข้ามาชมการแสดงที่ Country Music Awards ปี 2009 ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่า นี่คือการเอาคืนอย่างเจ็บแสบของศิลปินสาวชื่อดัง เพราะนี่เธอสามารถโชว์กลุ่ม haters ให้สัมผัสความจริงแบบจุกๆว่า เธอฝ่าฟันเรื่อง bully จนสามารถเฉิดฉายเป็น superstar ที่ผู้คนมากมายให้ความรักได้อย่างจริงแท้ กระทั่งคนที่เคยเกลียดชังเธอนักหนาอาจจะอดใจเมินเฉยกับคำเชิญนี้ไม่ได้ พวกเค้ามีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมในกลุ่มผู้ชมที่กรีดร้องชื่นชมเมื่อได้ยินการประกาศชื่อเธอเป็นผู้ชนะรางวัลใหญ่ จากอดีตที่ Taylor เป็นเด็กสาวน่าหมั่นไส้ที่ถูกพวกเค้ากล่าวหาเรื่องใช้เงินยัดต้นสังกัดเพื่อออกอัลบั้มเดบิวท์ และสาปส่งว่า ยังไงก็ไปไม่ได้ไกลเพราะเสียงแย่ความสามารถไม่เพียงพอ เมื่อได้จนประจักษ์ชัดแจ้งแล้ว อดีตรุ่นน้องในโรงเรียนเก่าก็ยอมรับว่า ...

"เธอเชิญพวกเรามาที่ CMA เพื่อจะประกาศใส่หน้าพวกเราว่า F You ซะเหอะ และสมควรแล้วที่เราจะต้องเจอเธอเอาคืนแบบนี้ ต้องขอบอกกับ Taylor ว่า เธอทำได้เจ็บดี"


ดูสิ ใครคือคนที่หันเราะทีหลัง  เสียงดังกว่า
"เหตุผลหลักที่ฉันเริ่มเขียนเพลงก็เป็นเพราะว่า ฉันต้องอยู่คนเดียวเสมอ  ตอนที่นั่งอยู่ที่โรงเรียน ฉันจะได้ยินคำพูดประมาณว่า โอ้ มาย ก้อด พาร์ตี้ย์คืนวันศุกร์นี้จะต้องเริ่ดสุดๆไปเลย  ทุกคนได้รับเชิญหมดนะจ๊ะ ยกเว้นยายคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น "
จากที่เคยปลอบใจตัวเองว่า เธอจะไม่เป็นอะไร แม้คนอื่นจะสนุกสนานกันโดยไม่คิดจะชวนเธอให้ร่วมกลุ่ม แต่เธอสามารถใช้เวลาแต่งเพลงที่เกี่ยวกับประสบการณ์นี้ได้

แต่ช่วงเวลาสิบกว่าปีที่เธอมาได้ไกลสุดๆจากวงการ ก้าวผ่านดราม่าและคำวิจารณ์โจมตีสารพัดจนสร้างเสริมความแข็งแกร่ง  ไม่เพียงแต่จะโด่งดังร่ำรวยจนกลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน  แต่เธอยังถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมแห่งศตวรรษที่ 21   แฟนบางคนยังคาดเดาว่า  อาจจะมีใครสักคนในกลุ่มอดีตเพื่อนวัยเรียนที่ทำแย่ๆกับ Taylor ต้องกระเสือกกระสนหาทางจองตั๋ว Eras Tour ให้ลูกหลาน หรืออาจจะโอ้อวดกับคนอื่นว่า เคยเป็นเพื่อนสมัยเรียนกับเธอมาแล้วด้วยซ้ำ

Shawn Mendes ก็ไม่รอด เป็นเหยื่อ bully ในวัยเรียนเช่นเดียวกัน

หลายคนอาจจะเชื่อว่า ชีวิตในเรียนของศิลปินหล่อเหลาจาก Canada ผู้นี้จะ smooth ไร้ปัญหาเรื่อง bully ดูจากรูปร่างหน้าตาอันโดดเด่นของ Shawn Mendes แล้ว เขาน่าจะหนุ่ม popular สุดๆแนวดาวโรงเรียน แต่เมื่อพยายามแสดงความสามารถทางดนตรีทาง social media ก็ดูจะขัดหูขัดตานักเรียนชายคนอื่นมากจนพวกนั้นหันมารังควานเขา

ใช่แล้ว โลกของเราไม่ได้มีแต่ mean girls ยังมี mean guys อีกเยอะแยะที่เห็นความฝันของคนอื่นเป็นเรื่องตลก

Shawn ได้แชร์ประสบการณ์ผ่าน Instagram ว่า

"ตอนที่อยู่เกรด 9 หลังจากที่ผมโพสต์วีดีโอบน Youtube เป็นครั้งแรกในปี 2014 ก็มีกลุ่มเด็กผู้ชายรุ่นพี่ตะโกนใส่ที่ทางเดินว่า ร้องเพลงให้ฟังหน่อย Shawn ร้องสิวะ ด้วยน้ำเสียงท่าทางที่ทำให้ผมรู้สึกจิตตกไปเลย มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นตัวตลก เหมือนกับสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่นั้นเป็นเรื่องงี่เง่าและไม่ถูกต้อง"




"ผมยังโชคดีอยู่บ้าง ผมมีทั้งเพื่อนสนิทและพ่อแม่ที่แสนดี พวกเค้าไม่ยินยอมให้ผมเลิกราจากสิ่งที่ผมรักจะทำมันเพียงเพราะมีคนมองเห็นว่ามันเป็นเรื่องโง่ๆ"
"การทำให้คนอื่นรู้สึกย่ำแย่ในการทำในสิ่งที่พวกเค้ารัก สำหรับผม มันไม่ใช่การเล่นมุกตลก ไม่ว่าใครก็ตามก็คู่ควรจะได้ทำในสิ่งที่ทำให้พวกเขาสัมผัสถึงความชีวิตชีวา"
"ผมไม่ได้เล่าเรื่องนี้เพื่อเด็กๆอายุ 15 ปีที่รู้สึกหวาดหวั่นที่จะทำในสิ่งที่หัวใจเรียกร้องเพราะถูกคำพูดคนอื่นฉุดรั้งไว้เท่านั้น แต่ยังส่งสารไปถึงคนวัย 50 ที่รู้สึกแบบเดียวกันอีกด้วย"
"ผมรู้ดีว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องที่ทำกันได้ง่ายดาย และไม่ได้ขอร้องให้พวกคุณเปลี่ยนแปลงโลกในเวลาชั่วข้ามคืน แต่อยากให้รู้กันไว้ว่า ถึงคุณจะอายุเท่าไร ไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรือมาจากไหน คุณควรค่ากับการทำตามเสียงหัวใจเรียกร้อง"

หาก Shawn ยอมแพ้เพราะถูกรุ่นพี่ bully ในคราวนั้น เราคงไม่ได้เห็นเขาสร้างชื่อเสียงจาก Vineจนมีแฟนๆติดตามนับล้า่น และได้รับการทาบทามจากต้นสังกัดดังจนสามารถส่งผลงานแจ้งเกิดเป็นศิลปินวัยทีนยอดนิยม





ศิลปินนักแสดงที่หลงรักการ perform มาตั้งแต่เยาว์วัยที่ยากจะหลีกเลี่ยง bully


ความรักต่อการ perform ทั้งร้อง เต้น เล่นดนตรีกลับเป็นจุดที่สร้างความแตกต่างจากเด็กคนอื่นรอบข้าง หากเป็นเด็กผู้ชายเมื่อพยายามฝึกฝนความสามารถด้าน musical ไม่ใช่กีฬาที่ใช้พละกำลัง ก็จะถูกเย้ยหยันว่า ทำตัว'ไม่แมน' ด้วยถ้อยคำ homophobic เรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นกับ Zac Efron, Tom Holland และ Jake Gyllenhaal มาแล้ว ซึ่งมันได้ยืนยันชัดว่า ถึงจะเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีหน้าตาดึงดูดใจและยังเปล่งประกายจากพรสวรรค์ที่โดดเด่น แต่เด็กในวัยเรียนนั้นโหดร้ายเป็นที่สุด พวกเค้าใช้การแสดงออกที่ขาดวุฒิภาวะเป็นอาวุธ bully ทิ่มแทงจนเจ็บปวดฝังใจ ทั้งความอิจฉาริษยาและการไม่ยอมรับความแตกต่างจากอคติว่า ความสามารถเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องสุด cool ที่น่าภาคภูมิใจแต่เป็นภาพที่ดูหิวแสงชวนอับอาย

Jake Gyllenhaal เผยว่า แม้ว่าเขาเป็นนักกีฬา แต่เมื่อโชว์ passion ในการร้องเพลงและแสดงละคร ก็ต้องเจอกับการ bully จากกลุ่มเพื่อนในโรงเรียนไม่หยุดหย่อน เมื่อนักข่าวขอให้เล่าถึงประสบการณ์ในตอนนั้น เขาดูสะเทือนใจจนนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะยอมรับว่า มันเป็นประเด็นที่ตอกย้ำถึงเส้นทางวัยรุ่นที่ยากลำบากที่ไม่อยากจะนึกถึงนัก  เมื่อมีโอกาสได้พบหน้ากับกลุ่มคนที่สร้างแผลใจในวัยเรียน พวกเค้าเหล่านั้นต่างยอมรับว่า พฤติกรรม bully ในอดีตเป็นเรื่องงี่เง่าไร้สติ และเมื่อเติบโตขึ้นมา ก็เปลี่ยนมาเป็นสนับสนุนเขาแทน



แม้เรื่องราวความสำเร็จของคนดังที่เรากล่าวถึงในที่นี้อาจจะดูเหมือนการแก้แค้นที่แสนหอมหวานจากคนที่ถูกกระทำ แต่พวกเราต่างรู้ว่า ไม่ได้มีเหยื่อ bully ที่สร้างเสริมความเข้มแข็งจนสามารถฟันฝ่าความเจ็บปวดในวัยเยาว์และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปได้หมดทุกคน บางคนอาจจะยอมแพ้ที่จะทำความฝันให้เป็นจริง บางคนถึงกับเจ็บป่วยทางจิตใจซึ่งยากจะเยียวยาให้หายขาด จะมีสักกี่คนที่ได้รับคำขอโทษที่จริงใจจากคนที่เคยทำร้ายกันด้วยการ bully?

,มันเป็นเรื่องที่น่ากังวลว่า หากทุกคนหวาดหวั่นที่จะตกเป็นเป้าหมายเล่นงานถึงขนาดทิ้ง self-esteem หันมายึดคติ 'จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย' กันหมด แล้วจะเกิดจะเกิดการพัฒนาสู่ความก้าวหน้าได้เช่นไร? คนที่สมควรถูกตอกย้ำให้มีสติแล้วละเลิกการกระทำ bully คือพวกที่อิจฉา+มีทัศนคติคับแคบจนไม่ยินยอมให้ผู้อื่นเด่นกว่าตัวเองต่างหาก


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE