คนดังที่ empower ด้วย natural beauty

16 5
ไม่กี่วันมานี้  หนึ่งในประเด็นร้อนที่เกิดขึ้น  social media บ้านเราคือภาพหน้าสดของ Lisa ในระหว่าง shopping กับ Mina  แห่ง Twice  และใบหน้าเปลือยเปล่าของเธอนั้นดูจะทำให้ใครบางคนขัดใจมากถึงขนาดตั้ง  piost ติติงเพื่อให้ปรับปรุงเพื่อให้เธอหันมาปรับปรุงตัง เพราะภาพที่ออกมาดูไม่ดี ลามไปจนถึงเปรียบเทียบกับอดีตคนรักของชายหนุ่มที่เธอกำลังมีข่าวลือด้วยว่า  หญิงสาวคนดังกล่าวแต่งหน้าจัดเต็มซะสวยตลอด   น้ำเสียงของ user รายนั้นไม่ปกปิดเรื่องความคาดหวังใน unrealistic beauty แม้แต้น้อยนิด  คงไม่ต้องแปลกใจว่า   FC จะรวมพลังปกป้องศิลปิน K-Pop สุดสวยกันพร้อมเพรียง หรือให้พูดกันจริงๆ  ไม่จำเป็นต้องเป็นเป็นแฟนของ  Lisa  ก็คงอดไม่ได้จะหยิบยกเหตุผลขึ้นมาหักล้างมายาคติเรื่อง ออกจากบ้านหน้าสด = ไม่ดูแลตัวเอง    แม้พวกเราต่างทราบกันดีว่า   Makeup  สามารถเนรมิตความงามเพื่อช่วยเพิ่มพูนความมั่นใจให้ราวกับใช้เวทมนตร์   แต่ตัวตนที่ไร้การเติมแต่งก็มีคุณค่าสร้างความภาคภูมิใจมิได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ประเด็น Lisa หน้าสดนี้อาจจะทำให้หลายคนมองบนกับเรื่องอคติของในใจคนช่างจับผิด เพราะไม่เพียงแต่ Lisa ยังมีเซเลบผู้เป็นเจ้าของความงามอันโดดเด่นอีกหลายคนที่สามารถเปลือยหน้าออกจากบ้านได้แบบชิลๆ ทั้งๆที่รู้ว่า จะมี paparazzi คอยติดตามถ่ายภาพมาขายให้กับแทบลอยด์ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องคอบยปกปิดด้วยแว่นตากันแดดเสมอไป บางคนอาจจะเลือกถ่าย no-makeup selfie เพื่อแชร์ทาง social media เพื่อให้แฟนๆได้ประจักษ์ว่า พวกเธอไม่ได้เป็นมนุษย์สุดเป๊ะตามภาพที่ผ่านการรีทัชบน maagazine มีทั้งรอยกระ รูขุมขน ใต้ตาดำเหมือนคนทั่วไป

เรื่องโชว์หน้าสดจึงไม่ใช่เรื่องฉีกกรอบหรือถึงขนาดเป็นประเด็น controversial   ไม่ว่าใครก็มีเสรีภาพในร่างกายและสิทธิในการดำรงชีวิตอย่างเป็นส่วนตัว   หากในบางครั้งก็ไม่อยากแตะต้องเครื่องสำอา่ง ก็ไม่ควรถูกจาบจ้วงว่า ไม่ดูแลตัวเองหรือดูแย่  โดยเฉพาะเหล่าคนดังที่ต้องหมดเวลาในชีวิตประจำวันมากมายไปกับการทำงานที่ต้องแต่งหน้าจัดเต็ม   ก็ยิ่งทำความเข้าใจได้ง่ายดายว่า เมื่อถึงนอกเวลางานก็ขอปลดปล่อยตัวเองจากพันธะนี้บ้าง   แม้ว่าใครบางคนจะเรียกร้องให้คนดังนำเสนอภาพลักษณ์ที่ไร้ที่ติแบบ 24-7  แต่คนรักสวยรักงามต่างรู้ดีว่า การแต่งหน้ามากับภาระที่ชวนเหนื่อยจิตไม่น้อย    ไหนจะความรู้สึกอึดอัดระคายเคืองที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อต้องอยู่กับเครื่องสำอางหลายชั่วโมง   เมื่อถึงบ้านแล้วเหน็ดเหนื่อยมากแค่ไหนก็ต้องล้างออกให้สะอาดครบขั้นตอน เมื่อคนดังจะเลือกพักผิวด้วยลุคใสๆในเวลาส่วนตัวจึงไม่ได้เป็นเรื่องชวนเซอร์ไพรส์เลย 

ปัจจุบันที่หลายฝ่ายพยายามรณรงค์เรื่อง self-love และ body positivity    เรื่องหน้าสดคล้ายกับเป็นเทรนด์ที่คนดังใช้ PR ตัวเองซะด้วยซ้ำ  เพราะยิ่งนำเสนอความงามตามธรรมชาติที่มี flaw ด้วยภาพแบบ raw  ก็ยิ่งได้รับคำชมในเรื่องการปลูกฝังให้ผู้คนในสังคมเกิดความมั่นใจ-ภาคภูมิใจในตัวตนที่เป็น  จะเห็นได้ว่า  เซเลบที่หันมาจับธุรกิจ beauty (โดยเฉพาะ skincare) ต่างก็โชว์ผิวพรรณแบบไร้makeup อันเป็นพื้นฐานสำคัญของความงามอันเปล่งประกาย  เพื่อโน้มน้าวใจว่า  หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของพวกเค้าแล้ว  ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือความสวยใสโดยไม่ต้องแต่งเติมเหมือนกับพวกเค้านั่นเอง


Emilia Clarke แชร์ natural selfie  ถูกชาวเน็ทเหยียดว่าแก่จนผิดตาจากลุคแม่มังกร แต่เธอยังโพสต์ต่อไปไม่หวั่นไหว

จะมีผู้หญิงที่ไหนบ้างที่เกอดความยินดีเมื่อเจอ troll เรื่องความแก่!!!   เรื่องไม่ชวนพิสมัยที่ Emilia Clarke ได้พานพบมาได้ชี้ให้เห็นโลกที่โหดร้ายกับผู้หญิงที่อายุมากขึ้นอย่างชัดเจน   เมื่อหลายปีก่อน เธอถูกยกให้เป็นสาวร้อนแรงจากการสวมบทบาทแม่มังกรที่ทำให้ผู้ชายมากมายเก็บภาพเธอไปถวิลหาในความฝัน  แต่หลังจากที่เธอเผยถึงริ้วรอยตามธรรมชาติบนใบหน้าโดยไม่ใช้ filter ลบเลือนออก กลับถูกชายใน Twitter(X)  นำภาพนี้มาแดกดันว่า "เห็นที Daenerys Targaryen ไม่ได้แค่เหน็ดเหนื่อยไร้เรี่ยวแรงจากจากขี่มังกรด้วยความเร็วเต็มกำลังซะอย่างเดียวแล้ว"     ยังดีที่มีคนเพียงส่วนน้อยที่เข้ามาผสมโรง shaming  แต่มีชาวเน็ทอีกหลายพันที่เข้ามาปกป้องนางเอกสาวชาวอังกฤษ   พวกเค้ายืนยันว่า  เธอดูดีมากไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยยี่สิบหรือสามสิบที่มีริ้วรอย และเรียกร้องให้สังคมตระหนักถึงผลเสียของการกำหนด beauty standard ที่ยากจะเข้าถึง


หลายคนลงความเห็นตรงกันว่า โลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่เพียงพอตรงตามความคาดหวังของคนช่างติ หากผู้หญิงเลือกวิธีลดริ้วรอยด้วยการฉีดโบท็อกซ์และฟิฺลเลอร์ก็ถูกตราหน้าว่าสวยแบบจอมปลอม แต่หากปล่อยให้มีริ้วรอยตามธรรมชาติของสังขาร ก็ต้องพบกับเสียงเยาะเย้ยว่าแก่จนไม่น่าพึงปรารถนาอีกต่อไป แต่ Emilia ไม่ได้หวั่นไหวกับพลังงานด้านลบ เธอเปิดเผยว่า เมื่ออายุมากขึ้น ก็พบว่าตัวเองมีความปราดเปรื่องกว่าตอนที่อายุน้อย ด้วยประสบการณ์และผลงานต่างๆที่สร้างความภาคภูมิใจ หากใบหน้าของเธอคือสิ่งสะท้อนกาลเวลาที่ได้ใช้เวลาบนโลกนี้ เธอก็ยินดีไปกับมัน

และนี่คือความงามในทัศนคติของ Emilia

"คามงามคือการเติมเต็มด้วยเสียงหัวเราะ มันเกิดจากการได้รับแรงบันดาลใจ หากคุณดูผอมโซ เหนื่อยล้าและเต็มไปด้วยความเกลียดตัวเอง ไม่ว่าจะแต่งหน้าทำผมสวยเป๊ะสักแค่ไหน คุณก็ไม่อาจจะสวยได้ เราควรร่วมสนับสนุนการหัวเราะให้มากยิ่งขึ้นกันสักนิด มันยังไม่ต้องเสียเงินอีกด้วย ดีจะตายไป"




มันไม่ใช่เรื่องยากเย็นที่จะแยกแยะว่า ตัวตนในชีวิตจริงของนักแสดงย่อมแตกต่างไปจากภาพผลงานบนจอที่ทั้งใช้เทคนิคการแต่งหน้า, lighting และการตกแต่งภาพเพื่อเนรมิตความงามอันน่าตื่นตาตื่นใจ ตัวจริงของ Emilia ไม่ได้สวมใส่วิกหนาราวกับน้ำตก platinum blonde เธอเป็นมนุษย์ที่ไม่สามารถหยุดเวลาไว้ที่ช่วงวัยยี่สิบ ความคาดหวังให้เธอรักษาความงามแบบแม่มังกรไปอีกเนิ่นนานจึงฟังดูเหลวไหล

นอกเหนือจากการทำงานที่ต้องโชว์ความ glam เต็มรูปแบบ เธอก็มักไปไหนมาไหนแบบหน้าใสๆ ดูสบายอกสบายใจที่ได้เปิดเผยให้ผู้คนได้รู้ว่า ใบหน้าตามธรรมชาติของเธอดูเป็นเช่นไรหากไม่ได้ใช้ตัวช่วยแต่งเติมจนเป๊ะ ที่ขาดไปไม่ได้คือรอยยิ้มสดใสที่ทำให้โลกสว่างวาบ  ทำให้สัมผัสได้ว่า เธอไม่คอยวิตกกังวลกับความเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาจนต้องอำพรางรอยตีนกาหรือลายเส้นบนหน้าผาก

ข้อคิดจาก  sex symbol ตลอดกาล... "ยิ่งวิ่งไล่ไขว่คว้า ยิ่งผิดหวัง"

Pamela Anderson ในความทรงจำของผู้คนอาจจะเป็น sex symbol ทรวดทรงอะร้าอร่ามและสไตล์ที่ฉูดฉาด นับตั้งแต่วัยสาวมาจนก้าวสู่เลข 5  เธอก็ยึดมั่นกับ makeup จัดเต็มมาแบบไม่เปลี่ยนใจ  แต่เพียงไม่นานมานี้เองที่เธอลุกมาปฏิวัติตัวเองด้วยลุคหน้าสด  แม้กระทั่งการออกอีเวนท์หรูเริ่ดก็ยังโชว์ผิวพรรณตามธรรมชาติ  ทำให้หลายฝ่ายออกปากอย่างประทับใจว่า  การแสดงถึงตัวตนใหม่ของ Pammy  ทรงพลังที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนเปิดใจยอมรับตัวเองมากขึ้น     เธอเคยเป็นคนดังที่ถูกมองว่าขาดการแต่งหน้าไปไม่ได้เลย  แต่วันหนึ่ง เธอก็เข้าร่วม Paris Fashion Week แล้วประกาศก้องว่า ขอทดลองทำเรื่องที่ฟังดูแหวกแนว นั่นคือ  no-makeup look  นอกจากทาผิวด้วยน้ำมันกุหลาบและแตะมาสคาร่านิดๆ เธอไม่แตะต้องเครื่องสำอางอื่นเลย


"บางครั้งฉันก็เอาแต่ถามตัวเองว่า นี่ฉันทำถูกต้องแล้วรึเปล่านะ มนที่สุดก็ตระหนักได้ว่า นี่ฉันต้องมาวิตกกังวลเรื่องที่คนอื่นจะคิดไปทำไมนักหนา ฉันต้องคอยพะวงว่าคนอื่นจะคิดว่าฉันดูเป็นยังไงด้วยเหรอ?? คราวนี้ เป็นอีกครั้งที่ฉันขอลุกขึ้นมาทำตัวขบถขึ้นมาสักนิด"

"ฉันจะไม่พยายามเป็นสาวสวยเป๊ะที่สุดในงาน ฉันสัมผัสถึงอิสระเสรี  มันเหมือนกับความโล่งอก"


 
"ฉันรู้สึกมีความสุขกับตัวตนของฉันมากที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา"

"หากเราเอาแต่วิ่งไล่ตามเพื่อไขว่คว้าความงามตามรูปแบบที่เรารับมาจาก fashion magazine เราก็จะพบแต่ความผิดหวังเท่านั้น"

"สิ่งสำคัญคือการยอมรับในตัวตนที่เป็น มันคือบทหนึ่งในชีวิตที่ฉันพยายามเปิดใจรับมัน บางครั้ง มันก็เป็นสิ่งที่ดูลำบากบ้าง แต่คุณต้องทำความเข้าใจว่า คุณมีดีมากพอและคุณมีความงดงาม"
"การพยายามไขว่คว้าให้ได้มาซึ่งความอ่อนเยาว์นั้นเป็นเรื่องเลื่อนลอย ในเมื่อทำยังไงก็เอื้อมไม่ถึงสิ่งที่ต้องการ งั้นทำไม่เราไม่มาเปิดใจยอมรับสิ่งที่มีอยู่ล่ะ?"
"เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉันจึงขอเดินออกมาในรูปแบบที่เป็นตัวฉันจริงๆ มันทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ปลดเปลื้องตัวเองจากสิ่งที่ต้องแบกรับไว้ และที่จริง ฉันรู้สึกชอบแบบนี้มากกว่า"

"ฉันขอแต่งเนื้อแต่งตัวเพื่อตัวฉันเอง ไม่ใช่เพื่อสนองความต้องการคนอื่น"




อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เธอห่างจาก makeup มาจากเรื่องราวโศกเศร้าหลังจากที่เธอได้สูญเสีย Alexis Vogel ผู้ที่เป็นเพื่อนรักและ makeup artist ที่จากไปด้วยโรคมะเร็งร้าย เมื่อไร้เพื่อนที่แสนดี เธอจึงรู้สึกว่า มันคงจะดีกว่าหากไม่แต่งหน้า ส่วนสิ่งสำคัญที่ทำให้เธอเลิกกดดันตัวเองเรื่องรูปโฉมอ่อนเยาว์ มาจากการมองชีวิตด้วยสายตาที่ชื่นชมถึงความโชคดีที่มาอยู่ตรงจุดนี้ได้ ในเมื่อคิดตกแล้วว่า รูปร่างหน้าตาคนเราเมื่อสูงวัยก็จะชวนฮากันทั้งนั้น ตัวเธอเองที่ได้เห็นจากเงาสะท้อนในกระจกจนแตกตื่นว่า ความชรากำลังมาเยือนเธอจริงๆก็อดหัวเราะไม่ได้ แต่นี่คือการเดินทางที่มาพร้อมกับความสุข มันเป็นช่วงชีวิตที่ได้รับการเติมเต็มจนพึงพอใจแล้ว


พัฒนาการสู่ minimalist ของ Pammy เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย เธอถูกยกให้เป็นตำนานจากภาพลักษณ์ glam bombshell ในยุคเรืองโรจน์ที่ยังเป็นนางแบบ Playboy และนักแสดง Baywatch แต่เธอยอมรับว่า ที่ผ่านมานั้น เธอเอาแต่ทำตามคำแนะนำของคนอื่น วันเวลาผ่านไปเนิ่นานก็ถึงจุดอิ่มตัวกับการแต่งหน้าแน่น และหันมาท้าดวลแนวคิดเรื่องความงาม กระแสความสนใจที่หลั่งไหลเข้ามาก็ทำให้เธอประหลาดใจไม่น้อย เพราะไม่คาดคิดด้วยซ้ำว่าลุคหน้าสดของเธอจะสะดุดตา

"ฉันทำสิ่งนี้เพื่อตัวเองมากกว่าจะสนใจเรื่องอื่น แค่รู้สึกข้องใจว่า ทำไมฉันต้องพยายามมากมายถึงขนาดนี้? ทำไมฉันต้องมานั่งแต่งหน้าถึงสามชั่วโมงด้วย?'


  Alicia Keys "ผู้หญิงถูกล้างสมองให้ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองดูสมบูรณ์แบบ"

คล้ายกับ Pamela  Anderson เมื่อหลายปีก่อน Alicia Keys ก็เคยทำให้สื่อกล่าวขวัญด้วยลุคที่ธรรมชาติสุดๆ  เธอมาพร้อมกับหน้าสดไม่ว่าจะเป็นงานพรมแดง รายการ TV หรือถ่าย magazine ซูมภาพเข้าไปชัดๆ ก็เห็น texture ผิว ซึ่งเธอได้อธิบายว่า การแสดงออกในตอนนั้นเป็นโมเมนท์ต่อต้านแนวคิดที่สังคมยัดเยียดจนเธอหลงยึดมั่นตามไปด้วย
"ผู้หญิงถูกล้างสมองให้ยึดติดว่า พวกเราต้องมีรูปร่างผอมบาง เซ็กซี่ น่าพึงปรารถนา หรือสมบูรณ์แบบ   หนึ่งในเรื่องที่ทำให้ฉันรู้สึกเพลียจนท้อคือการประเมินค่าผู้หญิง ต้องเจอการทัศนคติเหมารวมที่ทำให้เราหลงเชื่อกันว่า การมีรูปร่างไซส์ปกติเป็นเรื่องไม่ปกติ หรือรูปร่าง plus-size เป็นสิ่งต้องห้าม"
"ทุกครั้งที่ฉันออกจากบ้าน หากไม่ได้แต่งหน้าแล้วก็ทำให้ฉันต้องรู้สึกกังวลใจเสมอ ถ้ามีใครถ่ายรูปฉันล่ะ?? แล้วถ้าเค้าโพสต์ภาพหน้าสดขึ้นมาจะทำยังไง?? มันเกิดจากความไม่มั่นใจ ฟังดูตื้นเขินก็จริง แต่ก็เป็นเรื่องที่ฉันคิดคำนึง ไม่ว่าจะมองยังไง มันก็มาจากความกังวลว่า คนอื่นจะคิดกับฉันแบบไหน"



เธอยืนยันว่า ไม่ได้ต่อต้าน makeup ดังที่มีเสียงครหาว่า เธอกำลังแสดงออกอย่างสุดโต่ง  แต่เธอมีสิทธิ์ทั้งปวงที่จะเลือกในสิ่งที่รู้สึกว่าใช่

"ฉันไม่ใช่ทาสของ makeup และไม่ใช่ทาสของหน้าสดด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเมื่อไร ฉันสามารถเลือกแต่งหน้าหรือไม่แต่งก็ได้ มันเป็นสิทธิ์ของฉัน"
"ฉันคิดว่าการแต่งหน้าคือการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดผ่านงานศิลปะ และไม่คิดจะเหยียดหยามคนที่เลือกแต่งหน้า ไม่ควรมีใครต้องถูกบีบให้รู้สึกอับอายเพราะแนวทางการแสดงตัวตนที่พวกเค้าได้เลือกเอง นี่แหละคือประเด็นที่ใช่ ถ้าคุณอยากจะทำสิ่งนั้นเพื่อตัวของคุณเอง ก็จัดเลย"


เครื่องหน้าสวยพริ้งของ Alicia ทำให้เกิด debate ในประเด็น beauty privilege   เนื่องจากชาวเน็ทหลายคนมองว่า  คนดังที่มีรูปโฉมโดดเด่นโดยไม่ต้องปรุงแต่งมากมายนั้นได้เปรียบคนทั่วไปมาก  เธอมีคิ้วสวยได้รูป  ตาสวยเป็นประกาย ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เค้าโครงใบหน้ามีมิติ ไม่ต้องเติมคิ้วคัดเบ้า หรือถึงไม่พึ่งรองพื้นปกปิดขั้นเทพก็ยังโชว์ความสวยตามธรรมชาติในรายการ TV ได้สบายๆ ในขณะที่ผู้หญิงอีกมากมายยังต้องลังเเลเรื่องนี้   สำหรับพวกเธอแล้ว ความงามอาจจะแตกต่างไปจากคุณภาพซาชิมิ  คงไม่ถึงขนาดจะต้องเน้นเรื่องโชว์หน้าสดที่สุด  แต่เป็นสิ่งที่ทำให้สบายใจมากกว่า

อย่างไรก็ตาม Alicia เคยใช้การแต่งหน้าเพื่อเป็นเกราะกำบังของตัวเองมาตั้งแต่ยังเป็นสาววัยรุ่น เธอต้องต่อสู้กับปัญหาสิวที่เกิดจากความเครียดจนผิวพรรณแย่ลงและต้องแต่งหน้าปกปิดไว้ มิเช่นนั้นก็จะต้องพบกับคอมเมนท์ทิ่มแทงจิตใจ จนในที่สุดก็เชื่อว่า เมื่อไม่แต่งหน้าแล้ว เธอไม่สามารถเป็นคนสวยได้เลย แต่เมื่อเข้าสู่ phase หน้าสดเพื่อเรียนรู้ค้นหาตัวเองก็ได้พบกับวิธีสร้างความสัมพันธ์กับเรื่อง beauty อย่างลงตัว   เธอกลับมาแต่งหน้าออกงานและสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่า เธอคือผู้กำหนด beauty standard ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องให้คนอื่นมาคอยกดดัน


Zendaya  "ไม่ว่าจะแแต่งหน้าแน่นหรือเน้นหน้าสด ถ้าชอบแบบไหนก็จัดไปเลย"

Zendaya เผยหน้าสดมาตั้งแต่เธอเริ่มโด่งดังในบทบาทนักแสดงวัยใสจาก Disney   เธอเลิฟการแต่งหน้าจนสามารถแต่งสวยเริ่ดออกงานพรมแดงด้วยตัวเองได้  แต่ในวันสบายๆ เธอก็ดูสดใสได้เต็มที่โดยไม่ต้องรู้สึกกดดันว่า จะมีใครจ้องจับผิดถึงความแตกต่างกับตอนที่แต่งหน้าแน่น  
แม้เธอจะเป็นนางเอก A List ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความ glam แต่อีกด้านหนึ่ง ลุคหน้าสดของ Zendaya ก็เป็นสิ่งที่พวกเราเห็นกันจนชินตา และอาจจะทำให้บางคนนึกสงสัยถึงที่มาของความมั่นใจในการเปิดเผยรูปโฉมที่ไร้การปรุงแต่ง ทั้งๆที่เธอรู้ดีว่า มีสายตาที่คอยจ้องจับผิดและ เธออาจจะตกเป็นเป้าหมายของ cyberbullying  ที่โหดร้าย

เจ้าตัวยืนยันว่า
"ฉัน happy สุดๆกับสิ่งที่เป็นอยู่ ทั้งตัวตนและใบหน้า ฉันรู้สึกสบายใจไร้กังวลในเรื่องรูปลักษณ์ของตัวเอง ฉันค่อยๆหันมายอมรับในสิ่งที่เคยคิดว่าเป็นข้อบกพร่อง เช่น ฟันเก"

"คุณอาจจะต้องอึ้งว่าผู้หญิงหลายคนหมกมุ่นกับภาพลักษณ์ตัวเองกันมากแค่ไหน ฉันได้พบเห็นเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง ความไม่ชอบในบางสิ่งบางอย่างของตัวเองก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ค่ะ แต่ฉันรู้สึกดีใจที่ฉันไม่เคยมีปัญหาเรื่อง body image เลย ฉันไม่เคยรู้สึกเกลียดตัวเอง แม้กระทั่งตอนที่ถูกล้อว่ามีรูปร่างผอมเกินไปหรือดูเหมือนกับเด็กผู้ชาย มันไม่ได้รบกวนจิตใจฉันแม้แต่น้อย"

"ฉันได้รับการเลี้ยงดูปลูกฝังให้มีความมั่นใจและรู้ถึงผิดชอบชั่วดี แม่ของฉันไม่เคยใส่ใจอะไรที่เกี่ยวกับแฟชั่นหรือกังวลเรื่องรูปโฉมของเธอ ฉันได้เฝ้ามองเธอในภาพของแม่ผู้แสนยอดเยี่ยมและคุณครูที่ทำแต่เรื่องเจ๋งๆเยอะแยะไปหมด ฉันไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาด้วยแนวคิดว่า ฉันจำเป็นจะต้องแต่งหน้าหรือทำผมเพื่อความสวยความงาม แต่ขอให้สนุกไปกับมันมากกว่า"


"ผู้หญิงจะเลือกแต่งหน้าหรือไม่แต่ง ก็ไม่ควรทำเหมือนกับว่าเป็นเรื่องใหญ่โต  หากว่าคุณอยากจะโบ๊ะหน้าจนสวยแน่น ก็โบ๊ะไปเลยค่ะ  ถ้าอยากเผยความเป็นธรรมชาติก็อย่าได้ลังเล  ทำในสิ่งที่คุณชอบเถอะที่รัก แค่มีความสุขก็พอ"  Zendeya แนะนำ

เมื่อถูกถามว่า  เธอสนุกไปกับการแต่งหน้าอย่างเดียว หรือว่าพยายามจะสื่ออะไรบางอย่างออกมาด้วย (เช่น การดึงดูดใจเพศตรงข้าม) เธอก็ประชดกลับว่า

"อ๋อ แน่นอนว่ามันมีสิ่งแอบแฝงตามมาอยู่แล้ว ฉันแต่งหน้าก็เพื่อจะให้ผู้ชายจับจ้องไฮไลท์บนหน้าฉัน  ผู้ชายไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักหน่อย! ฉันแต่งหน้าเพราะว่ารู้สึกสวยแซบต่างหาก ฉันไม่ได้ใส่ใจเลยว่าคนอื่นจะคิดกันยังไง ฉันมั่นใจ รักตัวเอง และหากคิดได้แบบนี้แล้ว จะเสื้อผ้าหน้าผมแบบไหน หรืออยากทดลองทำอะไรก็แล้วแต่ใจเราต้องการ เพราะเราจะไม่หวาดหวั่นไปกับความเห็นของผู้อื่น หากผู้คนชื่นชมก็เหมือนกับเป็นคะแนนบวกพิเศษ แต่ไม่ได้มาจากการเรียกร้องความสนใจ ฉันยังชอบการนำเสนอความงามที่หลากหลาย ฉันปลื้มที่ตัวเองทดลองทำในสิ่งที่แตกต่างแล้วสามารถ empower พวกผู้หญิงให้คิดว่า พวกเธอก็ทำได้เช่นกัน"



ไม่ว่าจะเป็นเซเลบหรือคนธรรมดาทั่วไป  หากเลือกจะไปไหนมาไหนแบบหน้าสด มันก็ไม่น่าจะกระตุกต่อมจับผิดจนคิดเลยเถิดกันไปว่า  นั่นคือสัญญาณของคนที่ไม่ดูแลตัวเองให้สวยเป๊ะตลอดเวลา หรือกล่าวหาว่าเป็นพวกแอนตี้การแต่งหน้า   ถ้าเกิดเอาแต่คิดลบมากเข้า  ผิวไม่สวยกันพอดี!


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE