เจาะลึก เพราะอะไรผู้คนจึงเพิกเฉยต่อคำเตือนพฤติกรรม Red Flag ของ Diddy มานานหลายปี

12 5
กระแสข่าวใหญ่หลังจากอัยการของรัฐบาลกลางสหรัฐฯส่งคำฟ้องเพื่อดำเนินดคีทางอาญากับ Diddy เจ้าพ่อแห่งวงการฮิปฮอปได้สร้าง impact อันสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นให้กับสังคม ตามมาด้วยคำถามชวนหนักใจว่า เพราะอะไร ผู้คนจึงละเลยกับ red flag ที่มีผู้ออกมาส่งสัญญาณเตือนมาแล้วหลายครั้งตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา 

การต่อยอดความสำเร็จจากธุรกิจกนตรีไปยังธุรกิจที่หลากหลายได้ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้ทรงอิทธิพลของ Diddy ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นขวัญใจของคนดังขา party ก็ยังมี connection กับกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลที่ฟังดูไม่ได้ห่างไกลจากอาชญากรทางเพศ Jeffrey Epstein มากนัก ข่าวลือเรื่องดำมืดเบื้องหลัง party ที่ Diddy ทุ่มเงินจัดปีละหลายครั้งหลุดลอดออกมาจนกลายเป็นข่าวซุบซิบบ้าง แต่เรื่องเล่าสุดระห่ำใน party ก็ไม่ได้ฟังดูเลวร้ายเท่ากับข้อกล่าวหาเรื่อง sex traffickingด้วยการใช้ธุรกิจและอิทธิพลมาบังหน้าตามที่อัยการแจกแจงข้อกล่าวหา

นับตั้งแต่ยุค 90s ที่ Diddy สร้างสมบารมีจนมีชื่อเสียงเป็นที่นับหน้าถือตาในวงการ ก็เคยมีผู้ที่กล้าออกมาแชร์ประสบการณ์ย่ำแย่ที่เคยสัมผัสตัวตนของเขา และสังคมเองก็ดูจะไม่ได้ให้ค่ากับข้อมูลเหล่านี้มากนัก รวมถึงสื่อดังทั้งหลายที่ยกยอ Diddy ในฐานะศิลปินทรงคุณค่าและพ่อดีเด่นมานาน แต่เมื่อความจริงหลายประการถูกเปิดโปงให้ทุกคนได้รับรู้ สื่อบันเทิงก็หักลำรุมขุดคุ้ยกันยกใหญ่ 

เวลาผ่านไป ความคลางแคลงใจของผู้คนก็ยิ่งเพิ่มขึ้น Instagram ของ Beyonce, Mariah Carey, Mary J Blige และศิลปินดังที่สนิทสนมกับ Diddy นั้นเต็มไปด้วยคำพูดคาดคั้นจากชาวเน็ทว่า ทั้งๆที่พวกเค้ารู้เรื่องราวอื้อฉาวที่เกิดขึ้นใน Freak Offs (party มั่วเซ็กส์และยาเสพติดที่อัยการแถลงข่าวว่า Diddy จัดขึ้นเพื่อล่วงละเมิดเหยื่อ) แต่กลับยังรักษามิตรภาพกับแร็พเพอร์ผู้อื้อฉาวมานานหลายปี ชาวเน็ทบางคนถึงกับโจมตีพวกเธอว่า ไม่ได้ส่งเสริมพลังเพื่อนหญิงอย่างแท้จริง เพราะคนร่วมวงการก็เคยออกมาเผยเรื่องราวใน party ที่ฉาวโฉ่และด้าน abusive ของ Diddy มาหลายต่อหลายครั้ง คนที่คบกับสนิสสนมย่อมรู้ดีกว่าใคร แต่ศิลปินชั้นนำและผู้บริหารจากวงการฮิปฮอปกลับผนึกกำลังกันเหนียวแน่น ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับ Diddy จนมีภาพลักษณ์ของเจ้าพ่อที่ยากที่จะแตะต้องได้



ดูอย่าง Rolling Stone ที่จัดหนักด้วยสกู๊ปสืบสวนจากข้อมูลของพยานมากกว่า 50 ชีวิต เพื่อยืนยันถึงพฤติกรรม abusive ของแร็พเพอร์ดังย้อนไปตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็เคยทาบทามเขามาขึ้นปกให้สัมภาษณ์โพรโมทตัวเอง รวมถึงสื่อชั้นนำอีกหลายเจ้าที่ร่วมกันอวยยศ แม้จะรับรู้ถึงข่าวคราวเสียหายจากอดีตถึงปัจจุบันของ Diddy รวมถึงข้อกล่าวหาจากคนในวงการที่ออกมาโจมตีเรื่องความไม่ชอบมาพากลใน party และพฤติกรรม abusive ที่เป็นแพทเทิร์น

เรื่องราวเหล่านี้อาจจะทำให้คุณนึกสงสัยว่า หาก Cassie ไม่รวบรวมความกล้าออกมาเปิดเผยความจริงที่เธอถูกอดีตคนรักทำทารุณกรรม เหยื่อรายอื่นก็อาจจะยังกลัวเกรงกับอิทธิพลการคุกคามของ Diddy จนไม่กล้ายื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย และเขาก็อาจจะรอดตัวจากการถูกดำเนินคดีจากเจ้าหน้าที่รัฐไปได้อีกนาน

สังคมไม่ได้ให้เครดิตกับผู้ที่ออกมาเปิดเผยประสบการณ์ โดยเฉพาะผู้หญิงที่สถานะเป็นรอง

เรื่องของความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ฝ่าย abuser เป็นเพศชายที่มีสถานะเหนือกว่าเหยื่อเพศหญิงนั้นอยู่คู่กับสังคมมนุษย์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แน่นอนว่า สำหรับเหยื่อที่อ่อนแอกว่า การเอาชนะความหวาดกลัวจากอิทธิพลและการข่มขู่จากอีกฝ่ายก็เป็นเรื่องยากเย็นอยู่แล้ว แต่การออกมาเปิดเผยความจริงจะยิ่งลำบากยิ่งไปอีก เมื่อผู้กระทำผิดสามารถเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดจากการพิพากษาของสังคมและกฎหมาย และลดทอนความน่าเชื่อถือของเหยื่อที่กล้าออกมากล่าวหา

ดูอย่าง Aubrey O’Day อดีตสมาชิกวง Aubrey O’Day ที่เซ็นสัญญากับค่าย Bad Boy ของ Diddy ที่ออกมาเปิดใจว่า เธอถูกบีบให้ออกจากวง เพราะยืนกรานปฏิเสธไม่ยอมทำตามคำเรียกร้องของผู้ก่อตั้งค่ายที่ไม่ได้เกี่ยวกับงานดนตรี แม้เธอจะไม่ได้ลงรายละเอียดชัดเจนว่าถูกกระทำเช่นใดบ้าง และดูเหมือนว่าคนทั่วไปจะไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเธอนัก อาจจะเป็นเรื่องที่น่าเจ็บใจ แต่ภาพลักษณ์ที่เย้ายวนของเธออาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้มีคนมองเธออย่างไม่เชื่อถือ และตั้งแง่ว่า เธอคงเป็นเพียงอดีตเกิร์ลแบนด์ที่หิวแสงจนต้องใช้วิธีโหนชื่อเสียงของเจ้าพ่อฮิปฮอปเพื่อเรียกร้องความสนใจ


แต่หลังจากที่มีผู้ปล่อยวีดีโอ Cassie ถูก Diddy ทำร้ายร่างกายหนักหน่วงกลางโรงแรมออกมา ผู้คนเริ่มฟันมาฟัง Aubrey มากขึ้น แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังหวาดวิตกถึงความปลอดภัยในชีวิตจนไม่กล้าจะเปิดเผยเรื่องราวเพิ่มเติม จนกระทั่งเมื่อ Diddy ถูกจับกุม เธอจึงได้บอกเล่ารายละเอียด power harassment หรือการใช้อำนาจของผู้บังคับบัญาชาบีบคั้นคุกคามเธอ และเธอยืนยันมี มีเหยื่อมากกว่าที่ปรากฏในข่าว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Dawn Richard อดีตเพื่อนร่วมวง Danity Kane ที่เพิ่งจะยื่นฟ้อง Diddy จากข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเมื่อไม่นานมานี้

หลายคนไม่ถือคำเตือนเรื่อง Diddy เป็นเรื่องจริงจัง เพราะมองว่า เขามีภาพลักษณ์น่าเชื่อถือมากกว่าคนที่ออกมากล่าวหา

เมื่ออดีตพิธีกรรายการ Gossip ชื่อดัง Wendy Williams เม้ามอยว่า Diddy ส่งเกิร์ลกรุ๊ปในสังกัดมาดักตบเธอที่หน้าสถานีวิทยุที่เธอจัดรายการ จากความไม่ลงรอยกันเนื่องจากเธอพยายามปล่อยข่าวลือว่า Diddy ปกปิดรสนิยมทางเพศไม้ป่าเดียวกันไว้  ถึงขนาดใช้อิทธิพลบีบให้เธอถูกไล่ออกจากรายการวิทยุ เธอยังเขียนในหนังสือชีวประวัติว่า เขาทำทุกทางเพื่อทำลายอาชีพการงานของเธอ และเธอยังวิพากษ์วิจารณ์เขาไม่ไว้หน้า ไม่ว่าจะเป็นวิถีเพลย์บอยที่สะกดจิตสาวๆให้มาติดกับ และความพยายามคืนดีกับ Cassie ด้วยการโพสต์ข้อความง้องอนผ่าน social media เพราะเธอเชื่อว่า เขาปฏิบัติกับอดีตคนรักสาวเหมือนเป็นเจ้าของมากกว่าจะมาจากความรักที่แท้จริง




แต่ในสายตาของหลายคน คำพูดของ Wendy นั้นอาจจะฟังคล้ายกับเรื่องเล่าใส่สีตีไข่เพื่อให้ร้ายคู่อริมากกว่าจะเชื่อถืออย่างเป็นจริงเป็นจัง เพราะไม่เพียงแต่ Diddy จะมีเพื่อนฝูงที่เป็นคนดังทรงอิทธิพลไม่แพ้กันอย่าง Jay Z, Will Smith และบรรดาผู้บริหารสายดนตรีทั้งหลาย ดิว่าที่ร่วมสร้างชื่อเสียงมาด้วยกันอย่าง Mary J Blige หรือ Jennifer Lopez อดีตคนรักที่รักษามิตรภาพที่ดีให้แก่กันก็ดูจะมีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากกว่า
คล้ายกับกรณี 50 Cent ศิลปินดังที่บาดหมางกันมายาวนานร่วมยี่สิบปี จนกระทั่งผู้คนหลงลืมสาเหตุที่พวกเค้าแตกหักกันไปแล้ว ไม่ว่าฝ่ายพี่ห้าสิบตังค์จะออกมาแซะหรือเตือนภัยสังคมสักเท่าไร ก็ยังมีคนมองว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของคู่อริที่จะสาดโคลนใส่กัน หนำซ้ำ ตัวคนออกมาโจมตียังมีเรื่องฉาวติดตัวอยู่ไม่น้อย กลายเป็นข้อครหาว่า 50 Cent อิจฉาตาร้อนเมื่อเห็น Diddy ได้ดีไม่มีจม สร้างรายได้มหาศาลจนครั้งหนึ่งถูกจัดให้เป็นศิลปินทรัพย์สินพันล้านซะด้วย ส่วนเขากลับเจอภาวะขาลงและใช้จ่ายเกินตัวจนต้องยื่นขอล้มละลาย เมื่อเขาพยายามแฉ Diddy รัวๆ ในขณะที่อีกฝ่ายคล้ายกับจะไม่เดือดร้อนหรือมีท่าทีอยากสู้กลับ จึงทำให้แฟนๆเชื่อกันว่า นี่เป็นการเอาคืนกันเพราะความโกรธแค้นส่วนตัวเท่านั้น เพราะแม้แต่อดีตคนรักของ 50 ที่มีลูกด้วยกัน ก็ถูกโจทก์รายหนึ่งที่ยื่นฟ้อง Diddy ระบุว่า เธอหนึ่งในเป็น sex worker ซึ่ง Diddy หยิบยื่นค่าจ้างรายเดือนเพื่อใช้บริการสนองตัณหา 50 ย่อมรู้สึกคับแค้นใจที่แม่ของลูกยังถูกมองเป็นหนึ่งในอีหนูของศัตรู จึงพยายามเล่นงานอีกฝ่ายไม่หยุด

มีเสียงวิจารณ์ว่า 50 Cent น่าจะรู้ลึกถึงข้อมูลเด็ดที่จะทำให้สังคมรับรู้ตัวตนอีกด้านของ Diddy แต่สิ่งที่เขาได้นำมาเปิดเผยกลับดูเหมือนกับการ troll เพื่อให้อีกฝ่ายเจ็บใจมากกว่าการกระชากหน้ากากกัน บ้างก็คิอว่าเป็นวิธีทางการตลาดเพื่อโพรโมทตัวเอง ซึ่งฝ่าย Diddy เองก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาไม่เคยถือสาที่ 50 ตามแซะไม่หยุดหย่อน ตรงกันข้าม เขายังสัมผัสได้ถึงความรักจากอีกฝ่ายมากกว่า แต่ในคราวนี้ การจองเวรอย่างกัดไม่ปล่อยของ 50 ที่หลายคนไม่ได้เชื่อถือก็เข้าสู่กระบวนการสร้าง documentary เปิดโปง Diddy ที่ทำให้ผู้ชมเฝ้ารอ ซึ่งสื่อรายงานตรงกันว่า Netflix เป็นผู้ทุ่มเงินซื้อผลงานนี้เพื่อลง stream ในขณะกระแสข่าวฉาวยังร้อนแรง

แม้แต่ Kanye West ที่ออกมาพูดจาจาบจ้วงใครเมื่อใด ชาวเน็ทก็ส่ายหัวไม่อยากเชื่อถือมากนัก เนื่องจากหลากหลายวีรกรรมเจ้าปัญหาถึงขนาดถูก cancel ไปจริงๆ บวกกับอาการ Bipolar ซึ่งทำให้หลายคนมองว่า เขาไม่สามารถควบคุมการพูดจาเพ้อเจอได้เมื่ออาการกำเริบ แต่ในขณะนี้ โลกออนไลน์ก็ต้องโจษจันไปด้วยการหยิบยกเอาคำพูดของ Kanye ในอดีตที่โจมตี Diddy ว่า ลอยหน้าลอยตาในทุกวันนี้ได้เพราะใช้เส้นสายทำข้อเสนอแลกเปลี่ยนกับผู้มีอำนาจจนสามารถเอาตัวรอดจากการดำเนินคดี


Kanye อาจจะหมายถึงคดียิงปืนคนคนในคลับถูกลูกหลงเมื่อปี 1999 ส่งผลให้ Diddy และ J Lo ที่ยังมีสถานะคนรักถูกตำรวจรวบตัวจับคุมขังข้อหาพัวพันกับการทะเลาะวิวาท ครอบครองอาวุธปืนและพยายามฆ่าจนกลายเป็นตราบาปไม่ลบเลือนของฝ่ายหญิง แม้ว่าพวกเค้าจะอยู่ในคุกเพียงไม่นานนักก็ถูกปล่อยตัวและสามารถรอดจากการการพิพากษาโทษ มีเพียงแต่ Shyne แร็พเพอร์คนสนิทของ Diddy ที่ถูกพิพากษาโทษจำคุกสิบปี แต่เหยื่อรายหนึ่งที่เป็นลูกหลงกระสุนเคยยืนยันว่า เหตุเกิดจากDiddy มีปากเสียงกับพ่อค้ายาและเขาก็มีปืนในมือ และเธอเห็น Diddy เป็นผู้ลงมือยิงด้วยตาตัวเองอย่างชัดเจน เธอถูกยิงเข้าที่บริเวณจมูก จนกระทั่งวันนี้ก็ยังมีเศษกระสุนหลงเหลืออยู่ที่ใบหน้า แต่แร็พเพอร์ชื่อดังกลับรอดคุกไปได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ Diddy ก็เคยทำร้ายวงการผู้จัดการของ Nas จนต้องเจรจาจ่ายเงินทำขวัญครึ่งล้านดอลลาร์ และได้รับคำสั่งศาลให้ไปรับการบำบัด anger management
คำพูดของ Kanye ที่ไม่มีใครสนใจเท่าใดนักถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นร้อน เพราะแม้ว่าเขาจะเคยสนิทกับ Diddy จนเคยพา Kim และพี่น้องไปร่วม party มาก่อน แต่ก็หมางใจกันในภายหลัง ชาวเน็ทข้องใจว่า เขากำลังพูดถึงคดีจากการใช้ความรุนแรงของ Diddy เมื่อสองทศวรรษที่แล้ว หรือกำลังเปิดโปงเบื้องหลังที่ถูก Diddy อำพรางไว้ตลอดระยะหลายปีมานี้ ซึ่งมันดูสอดคล้องกับการสืบหาความจริงจากนิตยสาร Rollting Stone ที่เข้าถึงตัวพยานจนได้ข้อมูลมาว่า Diddy เคยทำร้ายร่างกายพนักงานหญิงในค่าย Bad Boy และใช้เอาอี้ฟาดผู้บริหารค่ายเพลงที่มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เขาเลิกราไปแล้วด้วยอารมณ์หึงโหด

เมื่อผู้คนได้ประจักษ์ว่า เขาทำทารุณ Cassie คนรักสาวที่อายุน้อยกว่าถึง 17 ปีไว้หนักหนาสาหัสขนาดไหน รวมถึงเรื่องเล่าวีรกรรมจากปากคำพยานหลายคนที่ชี้ตรงกันว่า ถึงจะใช้ความรุนแรงมานานก็ยังรอดพ้นจากคุกมาได้เสมอ ข้อมูลจาก Kanye West ก็ไม่ได้ฟังเป็นเพียงเรื่องเพ้อเจ้ออีกต่อไป


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE