Blink เดือด! เอกสารรายงานภายใน HYBE ถูกตีแผ่ : ล่าสุด CEO ประกาศขอโทษ

12 3
ดูเหมือนว่า กระแสดราม่าของค่ายดังแห่งวงการ K-Pop ยากจะเบาบางลงได้ในเร็วๆนี้  เรื่องราวความขัดแย้งภายในองค์กรก็ยังร้อนระอุ ล่าสุดถูกกระหน่ำไม่ยั้งด้วยดราม่ารายงานวิเคราะห์ศิลปินดังค่ายคู่แข่งหลุดมาสู่สาธารณชน ทำเอาเหล่าแฟนๆเดือดปรี๊ด

พวกเราต่างรู้กันว่า การดำเนินธุรกิจในโลกแห่งความเป็นจริงย่อมห่างไกลจากแนวคิดโลกสวยแบบมอบความรักนับถือให้ทุกคนหรือให้ความสำคัญกับหลัก empathy มากกว่าการสร้างผลกำไร ดูจากอุตสาหกรรม K-Pop ที่นายทุนว่าจ้างทีมงานเพื่อระดมสมองวางกลยุทธ์ปั้นไอดอลเพื่อกอบโกยความนิยมจาก FC แม้จะมีค่ายดนตรียักษ์ใหญ่ในประเทศไม่กี่เจ้า แต่การแข่งขันเพื่อชิงความเป็นหนึ่งในวงการนี้ก็สร้างแรงกดดันสูงจนน่าหนักใจแทน นี่คือประเทศที่มีรายการ TV แข่งขันเพลงที่ได้รับผลโหวตและสร้างผลงานดีที่สุดรายสัปดาห์ และยังมีการคำนวณมูลค่าแบรนด์สูงสุดของไอดอลในทุกเดือน ไอดอลที่เคยยืนหนึ่งบนตารางจัดอันดับความนิยมอาจจะถูกแซงหน้าจนอาจจะหลุดร่วงออกจากสถานะตัวท็อป เสี่ยงที่จะถูกกลุ่มคนไม่หวังดีเย้ยหยันซ้ำเติมให้ช้ำใจ ส่วน FC เองก็ตั้งบาร์มาตรฐานไว้สูงขึ้นเรื่อยๆ ผลักดันให้ไอดอลพัฒนาศักยภาพไม่ให้หยุดนิ่งเพื่อเป็นที่ยอมรับชื่นชมยาวนาน ไม่หลุดจากกระแสความนิยม




การศึกษาต้นแบบความสำเร็จของศิลปินค่ายคู่แข่งที่ก้าวไปสร้างความสำเร็จระดับโลกจะนั้นไม่น่าจะเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายนัก เพราะน่าเชื่อได้ว่า กลุ่มทีมงานปั้นไอดอลต้องอาศัยการวิเคราะห์เกาะติดโมเดลความสำเร็จของวงไอดอลทรงอิทธิพลเพื่อแก้เกมธุรกิจ ตราบใดที่การวิเคราะห์คู่แข่งถูกเก็บเป็นความลับสุดยอดภายในองค์กร ก็คงไม่มีข่าวฉาวตามมา

แต่เมื่อเอกสารรายงานภายในองค์กรหลุดรอดออกมาสู่สายตาสาธารณะชนในระหว่างที่ HYBE เข้ารับการตรวจสอบที่จัดขึ้นโดยคณะกรรมการกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวในรัฐสภา ดราม่าร้อนแรงจึงบังเกิด เนื่องจากการเลือกใช้ถ้อยคำพาดพิงศิลปินค่ายอื่นลับหลังโดยไม่ต้องคำนึงถึงการเรื่องมารยาทหรือการรักษาน้ำใจกัน แต่ละประเด็นที่ถูกตีแผ่ออกมาก็สร้างความโกรธเกรี้ยวในโลกออนไลน์จนเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้บอยคอตค่ายดัง

หนึ่งในกลุ่มศิลปินที่บุคลากร HYBE กล่าวพาดพิงคือ BLACKPINK สี่สาวไอดอลที่สร้างปรากฎการณ์ความสำเร็จระดับ global จนเกิดเสียงอวยยศลือลั่น เรื่องความแข็งแกร่งพร้อมชนทุกดราม่าของ Blink นั้นก็ไม่น้อยหน้าแฟนด้อมอื่น และพวกเราต่างก็เคยได้ยิน history ความขัดแย้งระหว่างแฟนของไอดอลค่าย YG และ HYBE จากการเปิดศึกผ่านแป้นพิมพ์หลายครั้งหลายครา

ไม่น่าแปลกใจว่า เหตุการณ์เอกสารภายใน HYBE ถูกตีแผ่ครั้งนี้จะทำให้ BLINK ลุกฮือทั่วโลกออนไลน์ด้วยความแค้นเคืองแทนศิลปินขวัญใจ 


รายงานวิเคราะห์กลยุทธ์ธุรกิจที่กลายเป็นประเด็นร้อน


ตั้งข้อสังเกตว่า Coachella คือจุดเริ่มต้นความสำเร็จของ BLACKPINK
ในขณะที่ิเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกแห่งนี้ถูกยกให้เป็นประตูโอกาสสำหรับศิลปินเพื่อเพิ่มพูนกระแสความนิยม  แต่ Blink ต่างยืนยันหนักแน่นว่า ฺBLACKPINK ก้าวไปสร้างชื่อเสียงที่หลายประเทศก่อนที่จะได้รับการทาบทามจากผู้จัดงานให้บินมาโชว์ความสามารถบนเวที Sahara ในปี 2019 แม้พวกเธอจะไม่ใช่ศิลปิน Headliner แต่จากภาพฝูงชนที่เข้ามารอชมกันแน่นขนัดที่ปรากฏใน livestream ก็ยืนยันถึงความโด่งดังของพวกเธอได้ชัดเจน energy ของการแสดงก็โดนใจผู้ชมจนต้องแชร์ให้ engagement พุ่งกระฉูด บทวิจารณ์จากสื่อตะวันตกก็ดีงาม แทนที่จะให้เครดิต Coachella เพียงฝ่ายเดียวว่ามีอิทธิพลสำคัญในการผลักดันให้พวกเธอประสบความสำเร็จระดับโลก น่าจะมองถึงปัจจัยสำคัญต่างๆประกอบกัน ทั้งศักยภาพที่โดดเด่นของศิลปิน การวางแผนการตลาด โดยเฉพาะทาง social media และการสร้างผลงานดนตรีออกมากอบโกยความนิยม ในที่สุดก็ทำให้กลุ่มคนที่ยังไม่รู้จักหรือคุ้นเคยกับดนตรี K-Pop มากนักหันมาเปิดใจอยากติดตามทำความรู้จักพวกเธอมากขึ้น
คงไม่น่าแปลกใจที่มีกลุ่มผู้ชมในเทศกาลดนตรีและผู้ชมทางบ้านที่ยังไม่รู้จัก BLACKPINK ดีนัก  เพราะในเวลานั้น K-Pop กำลังอยู่ในช่วงไต่ระดับความนิยมในฝั่งอเมริกาหลังจาก BTS บุกเบิกเส้นทางไว้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เทศกาล Coachella ได้ช่วยเปิดตลาดให้กว้างไกลยิ่งขึ้น แต่ย้อนไปตั้งแต่ปี 2016 ที่สี่สาวยังเป็นศิลปินหน้าใหม่ เพลง Boombayah ก็ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ท Billboard World Digital Song Sales แล้ว

นับตั้งแต่เดบิวท์ BLACKPINK ก็มาแรงสุดๆในแถบเอเชียและเริ่มดึงดูดใจตลาดฝั่งตะวันตกมากขึ้น ในปี 2019 พวกเธอก็เริ่มโพรโมทตัวเองที่อเมริกาด้วยการแสดงในรายการ TV ชื่อดัง ตามมาด้วย Coachella  ภาพบรรยากาศที่เวทีเต็นท์ Sahara ก็น่าจะยืนยันชัดเจนว่า พวกเธอสามารถเรียกความฮือฮาจากผู้ชมไม่แพ้ศิลปินดังจากอเมริกาเลย  และพวกเราก็เคยรู้เห็นกันแล้วว่า ถึงแม้ศิลปินจะมีโอกาสได้ขึ้นแสดงบนเวทีระดับโลก แต่ถ้าทำไม่ถึง  พวกเค้าก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการโจมตีจากชาวเน็ทไปได้

ตั้งข้อสังเกตเรื่องผลโหวตในงานประกาศรางวัลชื่อดัง
แม้จะเนื้อหาเอกสารจะมีการละเว้นชื่อของงานและศิลปินไว้ แต่ชาวเน็ทหลายคนมั่นใจว่า HYBE จะพุ่งเป้าไปยัง Lisa ที่เคยคว้ารางวัล Best K-Pop จากเวที VMAs เป็นครั้งแรกในปี 2022 จากการบรรยายว่า กลุ่ม FC ต่างชาติอาจจะแทรกแซงผลโหวต ผลักดันให้ขวัญใจเป็นผู้ชนะ ซึ่งดูสอดคล้องสถานะไอดอลทรงอิทธิพลของ Lisa แต่น้ำเสียงที่แฝงอยู่ในบทวิเคราะห์ที่คล้ายกับจะกล่าวหาว่า รางวัลไม่โปร่งใสเพราะแฟนๆปั่นผลโหวตนั้นฟังคล้ายกับจะไม่ให้เครดิตความสามารถของศิลปินแม้แต่น้อย

ที่สำคัญ หลักการพิจารณารางวัลของ VMAs มาจากการรวบรวมผลโหวตของแฟนๆ เป็นหลัก ไม่น่าแปลกใจที่ศิลปินที่มี FC แข็งแกร่งจะได้เปรียบ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิพากษ์ VMAs เรื่องความโปร่งใสระบบตัดสินรางวัลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แตกต่างจากงานเจ้าอื่นที่ถูกครหาเรื่องการมอบรางวัลแบบลูกรักลูกชังมาแล้วทั้งนั้น แฟนๆปกป้อง Lisa เต็มที่ว่า ชัยชนะของเธอไม่ใช่เรื่องพลิกโผ ผลงานโซโล่ของเธอประสบความสำเร็จจริงๆ ตัวเลขสถิติสวยงาม กระแสชื่นชมจากโลกออนไลน์ก็เข้าขั้นสนั่นหวั่นไหว หากเธอเข้าชิง VMAs ในปีนั้นแล้วพลาดรางวัลไปน่าจะเป็นเรื่องชวนประหลาดใจมากกว่า

บทวิเคราะห์นี้ทำให้กองเชียร์ Lisa ยิ่งระแวงความเคลื่อนไหวของ HYBE มากขึ้น จากก่อนหน้านี้ที่มีการประกาศชื่อแฟนด้อมของวงน้องใหม่ ILLIT ว่า LILLY ทับซ้อนกับ LILIES แฟนด้อมของ Lisa กลายเป็นกระแสความไม่พอใจในโลกออนไลน์จนต้องเปลี่ยนชื่อเป็น GLLIT  ซึ่งบางคนกล่าวหาว่า หาก HYBE เพ่งเล็ง Lisa ถึงเพียงนั้น ก็อาจจะจงใจใช้แผนทางการตลาดตั้งชื่อแฟนด้อมคล้ายกันเพื่อปั่นกระแสความสนใจให้กับศิลปินน้องใหม่ของค่าย แม้ว่าจะถูกกดดันจนเปลี่ยนชื่อใหม่ แต่ฝ่ายที่โชคร้าย ต้องเจอผลกระทบจากเสียงวิจารณ์ไปเต็มๆคือศิลปินนั่นเอง

วิเคราะห์เกาะติดกระแสตอบรับของการจัดคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศ
มีการเปิดเผยบทความวิเคราะห์จากเอกสาร HYBE ว่า ยอดขาย (Born Pink World Tour) ที่ญี่ปุ่นและอเมริกาเหนือจะไม่พุ่งสูง แต่ตัวเลขในประเทศแถบเอเชียและยุโรปนั้นดูไปได้สวย เมื่อไปแสดงคอนเสิร์ตที่ไต้หวัน เพลงของพวกเธอก็กลับเข้าชาร์ตในไต้หวันอีก แม้ว่าตลาดที่ไต้หวันและฮ่องกงจะไม่ได้ทรงพลังเท่ากับที่อื่น แต่การแชร์โพสต์ของแฟนๆที่เผยให้เห็นบรรยากาศผู้ชมเบียดแน่นในคอนเสิร์ตสามารถเสริมให้ภาพลักษณ์ของวงให้ดูน่าประทับใจ ไม่เพียงเท่านั้น ในรายงานยังปรากฏคำวิจารณ์ที่ฟังดูเชือดเฉือนว่า BLACKPINK เป็นตัวอย่างชัดเจนของวงที่มีชื่อเสียงจากการนำเสนอภาพลักษณ์คนดัง การยืนยันด้วยไลฟ์สไตล์หรูเริ่ดแบบซุปตาร์จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเธอ

BLINK โต้กลับให้วิเคราะห์จากข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะ BLACKPINK เปิดการแสดงที่โตเกียวโดมท่ามกลางผู้ชมนับแสน ดูจากแฟนๆแย่งกันซื้อตั๋วจนหมดก็พิสูจน์ถึงความนิยมในญี่ปุ่นได้อย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนคอนเสิร์ตที่ LA ทำเงินไปกว่า 15 ล้านเหรียญ แม้ความจุของสถานที่จัดคอนเสิร์ตในแต่ละรัฐอาจแตกต่างกัน แต่ภาพที่ผู้ชมนำมาแชร์ผ่าน social media นั้นชี้ชัดว่า ทัวร์รอบโลกของพวกเธอประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ก้าวไปไกลจนทำลายสถิติ girl group ที่ทำรายได้สูงสุดจากทัวร์คอนเสิร์ต



CEO ประกาศขอโทษศิลปินและสังคม


เอกสารภายในถูกตีแผ่จนถูกวิจารณ์หนักเพียงนี้ CEO อี แจซัง จึงต้องออกมาเป็นตัวแทนของ HYBE เพื่อประกาศขอโทษร่ายยาว อธิบายถึงที่มาที่ไปของการวิเคราะห์กระแสสังคมและเทรนด์ต่างๆในวงการเพื่อจะสร้างความเข้าใจต่อกลุ่มแฟนๆ แต่ก็ยอมรับว่า เนื้อหาในบทวิเคราะห์นั้นไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง จึงต้อขอภัยทั้งศิลปินที่ถูกพาดพิงและสาธารณชน และยืนยันว่า บุคลากร HYBE ต่างเสียใจและรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้ศิลปินที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องได้รับผลกระทบถูกเข้าใจผิดจากข่าวลือแพร่กระจายอันไม่เป็นความจริง

CEO เน้นย้ำขออภัยต่อศิลปินที่ต้องเจ็บปวดที่ถูกกล่าวถึงในเอกสารดังกล่าว และเล่าว่า ได้ติดต่อเอเจนซี่ของศิลปินเกล่านั้นเพื่อส่งคำขอโทษโดยตรงแล้ว และยังฝากคำขอโทษไปยังศิลปินค่าย HYBE ที่พลอยต้องมารับมือกับกระแสโจมตีบริษัทไปด้วย

เพื่อจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย CEO ได้เผยถึงแนวทางแก้ไขด้วยการใช้หลักเกณฑ์รวมถึงปรับปรุงระบบภายใน และขอโทษไปยังแฟนๆ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง และทุกๆคนที่รักและสนับสนุนดนตรี K-Pop ที่ถูกเรื่องนี้ทำร้ายความรู้สึก





แม้ CEO จะพยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยการน้อมรับความผิดและขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่กระแสโจมตีก็ยังไม่บรรเทาความดุเดือดลงไป เพราะไม่ได้มีแต่ BLACKPINK ที่ถูกเกาะติด แต่ยังมีศิลปินวงอื่น เช่น หนุ่มๆวง RIIZE ที่น่าจะถูกเรียกว่า เจอ HYBE ชำแหละละเอียด เพราะไม่ได้พาดพิงถึงในแง่ดนตรี แต่เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ไปถึงรูปร่างหน้าตาและสไตล์การแต่งตัวในเดบิวท์

วอนบิน-ใบหน้าดูดีเฉพาะบางส่วน จึงต้องเสริมด้วยการแต่งตัว ถ้าไม่ใส่หมวกบีนนี่แล้ว สัดส่วนจะดูบกพร่องอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งน่าจะเป็นจุดอ่อนต่อการรับหน้าที่เซนเตอร์

Anton- ตัวสูงเกินคาดแต่มีปัญหาเรื่องการเต้น ถึงทีมจะเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ แต่การแสดงในรายการ Inkigayo ก็เผยข้อด้อยออกมา ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจเรื่องการเคลื่อนไหวและคอยมองสัญญาณจากเพื่อน ถึงจะฝึกซ้อมหนักก็ไม่แน่ว่าจะช่วยให้เขาพัฒนาได้

สมาชิกทั้งสองได้รับความสนใจเรียกยอดชมแฟนแคมได้มากที่สุดในวง ส่วนสมาชิกคนอื่นๆดูคล้ายกับ backup มากกว่า หรือบางคนอาจะโดนใจแฟนๆที่มีรสนิยมเฉพาะตัว ดูจากโซฮี ที่ถูกมองว่ามีแคแรคเตอร์น่ารัก

วิเคราะห์ไอดอลค่ายคู่แข่งละเอียดยิบถึงเพียงนี้ แฟน K-Pop หลายคนคงอยากจะอ่านเอกสารตัวเต็มกันแล้ว ซึ่งสื่อรายงานว่า HYBE ยังระบุถึงวงดังอย่าง aespa, NMIXX, Twice, Stray Kids, NCT Dream และวงอื่นๆ ซึ่งในขณะนี้ ชาวเน็ททั้งจากในเกาหลีและต่างประเทศต่างโจมตีค่ายดนตรีทรงอิทธิพลแห่งนี้ว่า ใช้วิธีสกปรกเพื่อกำจัดคู่แข่งให้พ้นทางด้วยการปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียง







สำนักข่าวคยองฮยัง ชินมุน รายงานว่า เอกสารเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในรายงานทิศทางความเป็นไปในวงการ K-Pop ที่นำเสนอให้กลุ่มผู้บริหาร HYBE พิจารณาเป็นรายสัปดาห์ ซึ่งภาษาที่ใช้คล้ายการจับกลุ่มนินทามากกว่ารายงานเป็นลายลักษณ์อักษรในองค์กรใหญ่ ทั้งด้อยค่ารูปลักษณ์และทักษะบนเวทีของไอดอลค่ายคู่แข่ง ถึงขั้นที่เหยียดว่าว่าหน้าตาน่าเกลียด ศัลยกรรมมาทั้งหน้าจนจำไม่ได้ ไล่วิจารณ์ทั้งคู่แข่งจากค่ายยักษ์ใหญ่และค่ายเล็กๆ ลามไปถึงพฤติกรรมของแฟนๆที่ปกป้องไอดอลจนยัดเบียดบทบาทตัวร้ายให้กับค่าย

สื่อดังยังชี้ว่า บัง ชีฮย็อก ผู้ก่อตั้งบริษัทน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการออกคำสั่งให้ส่งต่อรายงานวิเคราะห์วงการดนตรีไปยังผู้บริหารที่เพิ่งเข้าร่วมทำงานในบริษัท แต่ยังไม่มีการยืนยันว่า เขาเป็นต้นคิดให้บุคลากรจัดทำเอกสารเหล่านี้ขึ้นมาหรือไม่ ซึ่งเขาน่าจะรับรู้แน่ชัดถึงการใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมในรายงานที่เหล่าผู้บริหารต้องร่วมพิจารณา แต่กลับปล่อยให้ระบบนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งถูกเปิดโปง กลุ่มชาวเน็ทที่ไม่พอใจที่ยังเห็นบัง ชีฮย็อกเก็บตัวนิ่งเงียบยังรุมกล่าวหาว่า เขาเอาแต่หลบซ่อน ปล่อยให้คนในองค์กรทำหน้าที่โล่กำบังการโจมตี และเรียกร้องให้เขาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์อื้อฉาวครั้งนี้

ทนายความในประเทศเกาหลีรายหนึ่งชี้ว่า นี่เป็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายการหมิ่นประมาท เนื่องจากเป็นการใช้คำพูดเหยียดหยามไอดอลด้วยการระบุชื่อและเอเจนซี่ชัด แม้จะมีคำชี้แจงจาก HYBE ว่าเป็นการส่งต่อรายงานภายในองค์กรให้กับบรรดาผู้บริหารเท่านั้น แต่เมื่อข้อมูลพวกนี้หลุดออกมาภายนอก ก็ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่ว่าจะมีบุคลากรตำแหน่งอื่นๆใน HYBE สามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นได้เช่นกัน


ในขณะที่สื่อบันเทิงเกาหลียังพยายามขุดคุ้ยเนื้อหาของเอกสารรายงานอื้อฉาวและมีผู้ปล่อยข่าวโจมตี HYBE อย่างไม่หยุดยั้ง ค่ายดังแห่งวงการ K-Pop จะใช้วิธีใดเพื่อแก้ไขวิกฤติทางภาพลักษณ์?


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE