รุปทำจมูกตั้งแต่วันแรก เปรียบเทียบให้ดูจ้า ทำมาสองรอบ
uunws 2 118บันทึกคน “ทำจมูก”
จริงๆแล้วไม่เคยคิดจะเขียนบันทึกนี้หรอกนะ
แต่ดั๊นนน ไปเห็นสาวคนนึงเขียนบันทึกรายงานการทำจมูกขึ้นมา
แล้วเราก็ชอบอ่านของพรรณนี้เนื่องจาก เรามีประสบการณ์ในการทำจมูกถึงสองรอบ
เลยอยากดูของชาวบ้านมั่งว่าเป็นยังไง
และการทำ 2 รอบนี้เองก็มีความแตกต่างมากมาย
และน่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่คิดจะทำจมูก
เพราะรอบแรกทำราคาถูกและไม่ได้ศึกษาให้ดีก่อน ผลที่ได้จึงต้องไปทำจมูกใหม่555
และรอบ 2 เราทำกับหมอนพรัตน์ รัตนวราห แอบเครดิตหมอเค้าหน่อยละกัน
แพงหน่อยแต่เราได้ปรึกษากับหมอโดยตรง มีเวลาคิด เวลาศึกษาเยอะขึ้น ที่สำคัญสวยขึ้น กร๊ากๆๆๆ
รอบแรกทำเมื่อปลายปี 2007 อะ ทำมาไม่ถึง 10,000 แถวบ้านเรียกถูกได้อีกเพราะตอนนั้นงบน้อยมาก
วันที่ไปทำมีเวลาคุยกับหมอก่อนทำ 5 นาที ไม่ถึงสิ 3 นาที เค้าจับๆเนื้อตรงจมูก
เสร็จก้อวาดๆๆด้วยปากกาแล้วก็บอกว่าไม่ต้องห่วงหรอกสวยแน่ๆ แล้วเราก็จำคำนี้ได้จนทุกวันนี้
แล้วพยาบาลก็พาเข้าไปเปลี่ยนเสื้อเป็นสีเขียวยังกะจะผ่าตัดใหญ่โต มีหม่งมีหมวกด้วย โดนล้างหน้าด้วย
ดังนั้นคนที่คิดจะแต่งหน้าไปก็ล้มเลิกแผนการได้เลย
นี่คือ BEFORE
จากนั้นไปนอนคอยอีกห้องนึงโดยเค้าจะให้เรากินยาให้ง่วง แล้วก้อทำความสะอาดจมูก
จากนั้นเราก็จะง่วง แต่เราไม่ง่วงเพราะดันกินกาแฟกะเปปซี่มา เซ็งเป็ดมาก
แต่ก็เอาเถอะความผิดเราเอง 5555555
สักพักเค้าจะเข็นเราเข้าห้องผ่าตัด จากนั้นเค้าก็ปิดหน้าปิดตาเรา จิ้มเข็มเข้าตรงหลังมืออะ เจ็บได้อีก น้ำตาเล็ดแต่ต้องอดทนฟอร์มว่าไม่เจ็บ
แล้วอยู่ดีๆก็เบลอๆงงๆไป แล้วก็หลับๆตื่นๆ แต่รู้ตัวตลอดเวลาว่าเค้าเริ่มแล้วนะ แบบว่างัดๆ กรีดๆ แต่ไม่เจ็บเพราะโดนฉีดยาชาไปแล้วเรียบร้อย
สรุปก็คือ เสียวสุดตอนรอเนี้ยแหละ ทำจริงๆก็ไม่เจ็บนักหรอกถึงจะรู้สึกตัวก็ตาม
หลังจากนั้นจะเป็นการแสดงความหง่อมของหน้าดิช้านนนนนนนนนนนนนนนนนนน
20 August 2007
เริ่มจากวันแรกหลังทำเสร็จ เราทำเสร็จตอน 13.00 น. แล้วก็กลับมาสอบกลางภาค ตอน 15.30 นะ ถ้าจำไม่ผิด สอบแบบเบลอๆเมาๆน่ะเลยได้ C+ มา ขำได้อีก
ความหง่อมมันอยู่ตรงที่ว่า เลือดนี่ทะลักไหลออกมาอย่างมีความสุข ไอเราก็จะซื๊ดก็ซื๊ดไม่ได้ไม่กล้าทำอะไร กลัวมันเบี้ยว เหอๆๆ
ความปวดวันนี้ยังไม่เท่าไร.. แต่สภาพภายนอกสยองขวัญมาก
ปัญหามันอยู่ที่ว่าเค้าให้คู่มือการดูแลหลังผ่าตัดมา... แต่นึกออกมะ มันก็ไม่ชัวร์อะ คืออยากจะ make sure ว่าชั้นทำงี้ได้ไม๊ ทำงั้นได้ไม๊ไรเงี้ย
สุดท้ายก็..โอเคทำตามคู่มือก็ได้ คือเค้าให้ทำความสะอาดทุกวันนนนนนนนนนนนนนน !!
การทำความสะอาดนี่แหละคือขุมนรกรวมความแสบเจ็บปวดรวดร้าวอย่างหาที่สุดไม่ ฮือๆๆ
แล้วก็ให้ประคบร้อน ประคบเย็นอะไรก็ไม่รุ้ งง ไม่เห็นบอกเลยว่าประคบตอนไหนบ้างอะไรบ้าง เซ็งเป็ดมาก
จะโทรถามหมอก็ไม่ได้ ไม่มีเบอร์ติดต่อหมอโดยตรง
มีเฝือกยันจมูกมาให้ด้วยแต่ตอนนั้นเราก็ไม่สนใจหรอกว่าอะไรมันยันจมูกเราอยู่ จะแกะยังไงอะไรยังไง เหอๆๆ
ก็คอยลุ้นวันต่อๆไป เพราะมันก็ไม่ได้ลำบากชีวิตมากนัก แต่ว่าไปไหนมาไหนเค้าก็จะรุ้หมดทั้งซอยว่าอีนี่ทำจมูกมา
21 August 2007
วันนี้ตื่นมา...แทบไม่กล้าหยิบกระจกมาส่องหนังหน้าตัวเองเลย บวมแบบแย่ๆอะ ไม่รู้จะอธิบายยังไง บวมๆร้อนๆปวดๆตื้อๆตลอดเวลา
ใต้ตานี่แดงราวกับโดนต่อยมา เหอๆๆๆหน้ามันแผล่บด้วย ศพมาก ดูรูปได้ว่ามันศพจริงๆ 55555555
วันนี้ก็ประคบร้อนบ้างเย็นบ้างสลับกันไป และทำความสะอาดจมูกอย่างแสบบบบบบบ
22 August 2007
วันนี้เริ่มนับถอยหลัง เห็นเค้าว่ากันว่าพักฟื้น 5 วัน ก็หายแล้ว เย่ๆๆ เหลืออีก 2 วันเอง
อาการวันนี้เหี่ยวเหมือนเมื่อวาน แต่แย่กว่าเพราะมันปวดอะ ในรูปนี่เราแอบโบกแป้งขาวๆมากลบเกลื่อนความฟกช้ำดำเขียวของหนังหน้าใต้ตาเรา เหอๆๆ
ส่วนอาการบวม วันนี้นี่ขอมอบรางวัล เทพธิดาหน้าสิงโตให้เลยอะ สุดๆแล้ววันนี้
วันนี้ประคบร้อนเย็นสลับกันไป โดนไม่รู้ว่ามันช่วยเหลืออะไรเรา
และก็ยังแสบแผลอยู่โดยเฉพาะตอนทำความสะอาดมันอะ
23 August
ปรากฏว่าวันนี้กับเมื่อวานนี่หาได้แตกต่างกันไม่ เราต้องแบกร่างกายและหนังหน้าเหียกๆของเราไปเรียน
อายเพื่อนมาก ประกาศศักดาให้รู้กันไปเลยว่าจมูกอีช้านโดนยัดปลาสสะติกเข้าไป เอิ้กๆ
วันนี้ก็ทำความสะอาดจมูกเหมือนเดิมและก็ประคบๆร้อนเย็นสลับๆมั่วๆกันไป
24 August
วันนี้เริ่มอยากตายขึ้นมาซะจริงๆ ทำไมมันไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย ไอที่แดงๆม่วงๆใต้ตาเราก็ไม่ไหวจะเขียว
แถมยังขยายวงกว้างความเขียวขจีไปทั่วแก้มบนเลยอะ
ส่วนหน้าก็ยังคงเป็น เทพธิดาหน้าสิงโตอยู่เหมือนเดิม แหงะ!
เสียจายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
และก็ทำความสะอาดจมูกเหมือนเดิม ประคบร้อนเย็นมั่วๆ ปนๆ กัน
ก็ไม่รู้จะปรึกษาใครอะ ตอนนั้นก็รู้จักคนทำจมูกน้อยเหลือเกิน
เบอร์หมอก็ไม่มี -..-
และวันนี้ เราก็เอาเฝือกออก เอาออกยากได้อีก เพราะมันคือเฝือกแบบปูนขาวอะ ไม่รู้เรียกไม่ถูก
ภายใต้เฝือกอันนั้นก็จะพบกับรอยฟกช้ำดำเขียวเหมือนโดนต่อยมา พร้อมกับรอยปากกาที่ยังฝังลึก 555
25 August
นี่มันวันที่ 6 แล้วนะ ใครบอกชั้นว่าหาย 5 วันเนี่ยยย ฮือๆๆ
สำหรับอาการก็จากความเขียวใต้ตาก็กลายเป็นความเหลืองงแทนแล้ว ความปวดลดลง เดินเบาๆได้ เดินแบบโหย่งๆอะ
ความบวมยังทรงๆ แต่ลดลงบ้างอะไรบ้าง ค่อยยังชั่ว
แต่ก็ยังไม่อยากจะพบปะชาวบ้านอยู่ดี เหอๆๆ มันแย่อะ
2 สัปดาห์ให้หลัง
วันที่ 13 หลังผ่าตัดน่ะ ถึงจะโอเคดูเป็นคนขึ้นมาและไปเดินสยามอวดจมูกใหม่บ้างอะไรบ้าง
แต่กลิ่นไอความเป็นสิงโตก็ยังคงคุกรุ่นอยู่ คือมันยังบวมแบบรั้งลูกตาอยู่อะ เอาเป็นว่า มองกระจกแล้วก็รู้อะ
หนังมันไม่ฟีบไปกับเนื้อเราจริงๆ แต่ก็ดีใจอะ ไม่มีจมูกมา 20 ปี อยู่ดีๆก็มีสะงั้น
ตอนนั้นดีใจมากแบบว่าคิดถูกเว้ยที่ทำ
8 เดือนผ่านไป ไวเหมือนโกหก
หลังจากผ่านไป 2 เดือนเป๊ะ จมูกเราก็คงที่ถาวร..
ผลลัพธ์ที่ได้คือ เนื้อมันหายบวมมันเลยไม่โด่งอีกต่อไป เซ็งเป็ดมาก รู้งี้ปล่อยให้มันบวมไปตลอดชีวิตดีกว่า
แล้วยิ่งไปเทียบกับชาวบ้านแล้วความมั่นใจก็หายไปเลยยยยยยยยยยยยยย เหมือนไม่มีดั้งงะ หน้าแบนเหมือนเดิม เซ็งๆๆๆๆๆๆ
แต่มีคนบอกว่า มันเป็นธรรมชาติมากกกกกกกกกกได้อีก เพราะมันแบน (แป่ว....)
ก็แอบภูมิใจเล็กๆว่าเหมือนธรรมชาติจริง แต่ลึกๆก็อยากจะทำใหม่นะ
แต่ทว่าเค้าว่ากันว่าทำรอบสองมันเจ็บกว่ารอบแรก และบวกกับโรคทรัพย์จาง เราก็เลยไม่มีแพลนว่าจะทำใหม่เลย at all
ในที่สุด...
ในที่สุดดดดดดดดดด.....
ก็เกิดแรงบันดาลใจในการทำจมูกใหม่ขึ้นดังประการฉะนี้
1 จมูกเดิมมันไม่มีตรงดั้งเลย มีแต่สันทื่อๆ ตรงๆ
2 ปลายจมูกเต่อเหมือนก่อนทำ คือ จมูกสั้นเหมือนเดิม ปลายมันเชิดขึ้น เลยหวังว่าถ้าทำใหม่จะให้มันยาวๆจะได้หน้าดูเล็กลง
3 ไปฉีดโบทอกซ์ให้หน้าเล็กกับหมอคนหนึ่ง(หมอนพรัตน์เนี่ยแหละ) แล้วเราก็ฉวยโอกาสปรึกษา(บ่นมากกว่า)
เพราะเค้าให้เบอร์ที่เราสามารถติดต่อเค้าได้โดยตรง แบบว่าโทรไปสติแตกใส่คุณหมอหลายครั้งจนอยากทำเลย อิอิ
4 อยากได้แบบเกาหลีๆ
5 จมูกเดิมเนี่ย เวลาผ่านไป8-9 เดือน แล้วยังเจ็บอยู่เลย แถมมีเลือดออกเป็นบางครั้งด้วย ถ้าเราเอาทิชชู่ไปปั่นทำความสะอาดอะ แล้วเวลาเราแต่งหน้าอะ แค่โดนเบาๆก็เจ็บแล้วอะ งงมาก ตอนแรกนึกว่าจะเป็นปกติในไม่ช้านะ นี่จะปีแล้วยังเจ็บอยู่ เลยกลัวว่าอนาคตมันจะติดเชื้อหรืออะไรพวกนี้ เลยเอาออกดีกว่า เหอะๆๆๆๆๆๆๆ
=========================================================================================
ต่อมาด้วยความอยากสวยเราก็ตัดสินใจทำกะหมอนพรัตน์เนี่ยแหละ
แต่เค้าไม่ได้เปิดคลินิกอะ เค้าทำกะโรงพยาบาล
แต่เค้าแบบว่าให้เวลาเราเยอะมากกกกกกกกกกกกก คือถ้ามีปัญหาก็ติดต่อเค้าได้โดยตรงเลย
อย่างไรก็ตามปัญหาสำคัญของเค้าคือ เค้าหล่อสู้หมอโอ๊คไม่ได้ 555
26 May 2008
วันนี้ตอนเย็นเรียนเสร็จ ก็ถ่อไปที่โรงพยาบาล โดยเอารูปดาราเกาหลีเยอะๆไปให้เค้าดู แต่เค้าก็บอกว่ามันอาจจะไม่เหมือนเป๊ะนะ เพราะพื้นฐานโครงของจมูกคนเรามันต่างกันและหมอจะดูให้มันเข้ากับโครงสร้างหน้าแต่ละคนด้วย แต่เราก็คาดหวังสูงอยู่ดี 5555555555
ไปถึงโรงพยาบาลก็โดนล้างหน้าทั้งหมด แล้วก็เปลี่ยนชุดเป็นสีเขียวเข้าห้องผ่าตัด เปิดเพลงเบาๆ
รอบนี้เค้าให้กินยาง่วงนะ (คิดว่า) แต่เราก็ไม่หลับอยู่ดี ด้วยความตื่นเต้น
แล้วเค้าก็ฉีดยาชาข้างๆจมูกทั้งสองข้าง แอบเจ็บอยู่เหมือนกัน (รอบนี้ไม่ฉีดที่หลังมือแฮะ?)
แต่หลังจากนั้น ความชาก็บังเกิด พอเค้าทำอะไรกะจมูกเรา เราก็ไม่รู้ถึงความเจ็บเลย
สักพักก็เริ่มสะลึมสะลือ
แล้วเค้าก็คงงัดซิลิโคนเล็กๆอันเดิมของเราออก แล้วใส่อันใหม่เข้าไปแทน อันนี้ยาวกว่าอันเดิมมาก
คือเค้าเอามาให้ดูด้วยอะ 555555555555
บรรยากาศดูชิวสุดฤทธิ์
ไปๆมาๆ เค้าก็เอากระจกให้เราส่องหน้าสะงั้นน่ะ เราก็ส่องแต่ด้วยความสะลึมสะลือเราก็ตอบโอเคไป
พอฟื้นมาดูกระจกอีกที ไอเราก็คิดว่าเป็นเฝือกแบบที่แรก
ปรากฏว่าเป็นพลาสเตอร์สีเนื้อ หรือใสไม่รู้ในภาพเนี่ย (อีตอนเอาออกนี่สงสัยสิวเสี้ยนหลุดตรึม)
แล้วเราก็จ่ายกะตังอันน้อยนิดและกลับบ้านในสภาพนี้
นี่ถ่ายตอนถึงบ้านแว้ว!
เรื่องการดูแลหลังการผ่าตัดคุณหมอนพรัตน์ เค้าแนะนำต่างกะโบร์ชัวร์ที่เราทำครั้งแรกอะ
คือ
1 ยกหัวสูงตลอดเวลา แม้แต่เวลานอน
2 อยู่ในที่เย็น
3 ประคบเย็นตลอดเวลา อันนี้สำคัญมาก
4 อย่าเคลื่อนไหวร่างกายมาก และอย่าพูดมาก
5 ไม่ต้องไปยุ่งกับแผลเลย คือไม่ต้องไปทำความสะอาดมัน
นอกจากประเด็นเรื่อง หมอเค้ามือเบา ไอ้ 5 ข้อนี่ก็น่าจะเป็นอีกประเด็นนึงที่ทำให้การทำจมูกรอบสองของเรานี้ หายไวแบบไม่ไหวจะไว
27 May 2008
วันรุ่งขึ้นปวดนิดๆ บวมบ้างอะไรบ้าง ดังภาพ
แต่แปลกที่ว่า ไม่มีแดงๆม่วงๆใต้ตาเลย
สงสัยจะมีพรุ่งนี้มั้ง
และเราก็ดูแลเหมือนที่บอกไป 5 ข้อข้างบน
28 May 2008
วันนี้แทบไม่ปวดเลย มาปวดอีกทีตอนเย็นๆค่ำๆ
และเกือบจะหายบวมแล้ว ชีวิตสดใสได้อีกอะ
เพิ่งวันที่ 3 เอง
แต่รอยคล้ำ ช้ำ ใต้ตาก็ยังไม่ปรากฏ เราก็ไม่อยาก ชะล่าใจ หลงดีใจไป
เลยโทรไปถามหมอ หมอเค้าบอกว่าถ้าวันนี้มันไม่มีต่อไปก็ไม่มีแล้วล่ะ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด ดีใจมากมาย เพราะ อีรอยคล้ำใต้ตานี่กว่าจะหายสนิทรอบแรกตั้ง 2 อาทิตย์
29 May 2008
วันนี้เรามองกระจกแล้วมันดูแบบว่าเหมือนปกติมาก แต่มันก็บวมๆนิดๆ
และเราก็อยากออกจากบ้านบ้างอะไรบ้าง เลยโทรถามหมอว่าจะเอาพลาสเตอร์ออกดีไหม? เค้าก็บอกเอาออกได้เลย
เราเอาออกอยุ่ เกือบชั่วโมง แอบอยากจิกหมอเค้าเหมือนกันว่าไม่ติดกาวตราช้างไปเลยล่ะ
แต่ก็ดีอะ ไม่เจ็บเลยแต่ถ้าเอาออกแรงๆเราจะกลัวเบี้ยว
นี่เราแบกหน้าบวมๆไปกินฮะจิบังราเมนมา ไปเจอเพื่อน เพื่อนก็ไม่รู้นะว่ามันบวม
หายไวดี เราก็ไล่เพื่อนไปทำจมูกพร้อมกับโปรโมตหมอให้เพื่อนฟังใหญ่เลย 5555555
30 May 2008
วันนี้ไม่บวมอีกต่อไปแล้ววววววววววววววว
ดีใจมาก เลยถือโอกาสไป Blog 9 (ระหว่าง นั่งเล่น กับ ซานติก้าอะ แต่ตอนนี้มันปิดไปแล้ว)
แบกหน้าสวยๆที่ยังไม่หายดีไป
แต่ถามหมอว่ากินเหล้าได้ไหม เค้าบอกไม่ได้
แต่เราก็กิน กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก
กินแต่พอเหมาะพอควรน่ะ ไม่ใช่เมาเละเทะไปชนหนุ่มๆ เดี๋ยวมันจะเบี้ยว
31 May 2008
วันนี้ก็เรียกได้ว่าปกติมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สวยเลยอะชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เพราะปลายมันยาวแล้วทำให้หน้าเรายาวขึ้น
หลังจากนั้นประมาณ อาทิตย์นึงก็มีงานถ่ายแบบเข้ามา เราก็บอกเลยว่าตอนนี้ชั้นสวยยย ชั้นทำจมูกมาใหม่
แล้วก็งานเข้าตลอดเลย
กร๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไม่รู้โหงวเฮ้งหรือเราสวยน่ะ โฮ๊ะะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แถมมีคนทักด้วยว่า เราสวย พอเราถามว่าสวยตรงไหน
เค้าก็บอกว่าตรงจมูก --_________--"
เลยไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี
และนี่ก็ภาพ 10-11เดือนต่อมา มันจะฟีบลงมาจาก 1 เดือนแรก
ดูเป็นธรรมชาติดี แต่เราไฮไลท์ให้มันเป็นสันหน่อย เพราะจะได้ถ่ายรูปออกมาดูดี
และเพื่อนๆก็บอกว่าชอบจมูกนี้กันมากกว่าจมูกแรกถึงแม้ว่าจมูกแรกจะดูไม่รู้เลยว่าแอบทำมา
แล้วหน้าเราก็เฉี่ยวขึ้นอะ ปกติตาเราจะธรรมดา ก็มีคนทักว่าไปทำตามาหรอ
จริงๆแล้ว พอทำจมูกหนังมันก็ดึงงะ ตามันเลยรั้งเข้าหากัน แบ๊วขึ้นสะงั้นน่ะ
สุดท้ายนี้ก็ฝากบอกคนที่สนใจจะทำจมูกว่า
1 ต้องเข้าใจว่าการทำศัลยกรรมไม่ได้ทำให้คุณสวยขึ้น 20 เท่า แต่อาจจะทำให้คุณดูดีขึ้นบ้างอะไรบ้าง ดังนั้นความคาดหวังจึงไม่ควรสูงเกิน เช่น หน้าเหมือนจา พนม แต่มาทำจมูกเพราะหวังจะเหมือนแบรด พิตต์
2 ศึกษาให้ดีก่อนว่าอยากจะทำที่ไหน ไม่ใช่ว่าอ่านๆๆตามเวบบอร์ดต่างๆ แล้วไปเชื่อคอมเม้นในเวบบอร์ดว่าหมอนั้นดีหมอนี้ดี คลินิกนั้นดีคลินิกนี้ดี
เพราะ มันอาจเป็นโฆษณาชวนเชื่อได้
ทางที่ดีเราควรดูไว้ใช่ว่า และควรเชื่อคนที่ทำมาแล้วจริงๆมากกว่า ประเด็นนี้สำคัญน่ะ
เพื่อนเราสองคนไปทำที่คลินิกกับหมอคนเดียวกันที่คนในเวบบอร์ดเชียร์กันเป็นล้านเลย
ปรากฏว่ามีคนนึงไม่พอใจเลย คือทำมาแล้วเหมือนไม่ได้ทำ
ส่วนอีกคนนึงบอกว่าโอเค
ดังนั้น เราควรให้เวลากับมันบ้างอะไรบ้าง เดี๋ยวนี้คนทำศัลยกรรมเค้าไม่ค่อยปิดบังกันเท่าไรหรอก ถามๆไปเถอะ
ถ้าอยากได้จมูกสวยๆมามีไว้ในครอบครอง ก็ต้องหมั่นซักถาม ไม่ใช่หมั่นอ่านโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ
3 การดูแลหลังผ่าตัดน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไปอ่านซะที่เราบอกไป 5 ข้อน่ะ
4 เราควรเลือกทำกับหมอนี่แบบว่ามีเวลาคุยกับเราได้เยอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไม่ใช่ เห็นหน้ากัน 3 นาทีจับส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดเลยก็ไม่ไหว แล้วก็ควรมีเบอร์ติดต่อกับหมอเค้าโดยตรงมากกว่าที่จะคุยผ่านพวกเจ้าหน้าที่อะไรเงี้ย ใครจะไปรู้ดีเท่าหมอ เหอะๆๆๆๆๆๆ
เราเลยถูกใจหมอที่เราทำรอบ 2 มากมาย
5 เอารูปดาราหรือคนที่เราอยากจะเหมือนในมุมต่างๆไปให้หมอเค้า แล้วบอกเอาแบบนี้
ทำเป็นตั้งความหวังสูงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเยอะๆ กดดันหมอเค้าเล่นๆ เค้าจะได้ทำสวยๆ 5555
6 ทำจมูกรอบแรกรอบสองนี่ความรู้สึกเจ็บไม่เห็นจะต่างกันเลย เผลอๆรอบสองเจ็บน้อยกว่า แถมหายไวมากด้วย
แต่ถ้าจะต่างก็แค่เงินในกระเป๋า รอบสองแพงกว่า อิอิ
7 อย่ากินกาแฟหรือเครื่องดื่มคาเฟอีนก่อนทำนะจ้ะ
8 อย่าสดแบบว่าไปทำคนเดียวแล้วโหนรถเมล์กลับบ้านก็ไม่ควร และหลังจากผ่าเสร็จน่าจะมีคนช่วยดูแลในการ
เปลี่ยนผ้าเย็นให้บ่อยๆ เราจะได้ไม่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายให้มันกระเทือนจมูกเรานัก
9 หน้านี่ไม่ต้องแต่งไปหรอก พยาบาลก็มีแต่สาวๆ 555555