ไปทำข่าวมาค่ะ สังคมไทยจะมีควายุติธรรมจริงไหม
Fiaszy6 หลังจากหายป่วย กลับมาสดชื่นเหมือนเดิมด้วยกำลังใจจากหลายๆคนรวมถึงสาวๆในจีบันด้วย ขอบคุณนะคะ เมื่อวันที่ 9 สิงหา เราได้ไปทำข่าวอันเนื่องมาจากคำสั่งสุดโหด ของอาจารย์ในเอก งานนี้เตรียมงานเป็นเดือนค่ะขอย้ำว่าเป็นเดือน (จริงๆนะ) เพราะหาแหล่งข่าวยากมาก งานนี้เราไปกันที่ บ้านทุ่งพระ อ.คอนสาร จ. ชัยภูมิ หุหุ ไม่ทราบว่ามีสาวๆคนไหนรู้จักบ้างรึป่าว
เอาภูมิหลังก่อนเนาะ เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งเรื่องที่ดินทำกิน ของชาวบ้านกับ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) โดยที่อ.อ.ป. ไปปลูกสวนป่าทับที่ดินทำกินของชาวบ้าน นอกจากนั้นยังมีการคุกคามเพื่อให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ โดยวิธีการต่างๆ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 33 ปีก่อนแต่จนถึงทุกวันนี้ก็ไรการแก้ปัญหาแต่อย่างใด
สำหรับเรื่องนี้เราพยายามหาข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายแล้วนะแต่เมื่อเขาไม่ให้เราก็ไม่เอา เสนอมุมมองอื่นเเทนแล้วกันเนาะ เราก็เลยได้ความมาอย่างนี้
เอาภูมิหลังก่อนเนาะ เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งเรื่องที่ดินทำกิน ของชาวบ้านกับ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) โดยที่อ.อ.ป. ไปปลูกสวนป่าทับที่ดินทำกินของชาวบ้าน นอกจากนั้นยังมีการคุกคามเพื่อให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ โดยวิธีการต่างๆ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 33 ปีก่อนแต่จนถึงทุกวันนี้ก็ไรการแก้ปัญหาแต่อย่างใด
สำหรับเรื่องนี้เราพยายามหาข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายแล้วนะแต่เมื่อเขาไม่ให้เราก็ไม่เอา เสนอมุมมองอื่นเเทนแล้วกันเนาะ เราก็เลยได้ความมาอย่างนี้
ชาวทุ่งพระวอนแก้ปัญหา อ.อ.ป. ปลูกป่าทับที่ทำกิน
|
เ
|
มื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2552 บริเวณหน้าสวนป่าคอนสาร ยังมีการตรวจบุคคลเข้าออกอย่างเข้มงวด ถึงแม้ว่าผู้สื่อข่าวจะร้องขอ การเข้าสัมภาษณ์ นายประกาศิต ปริมา หัวหน้าสวนป่าคอนสาร แต่ก็ไร้หวัง โดย นายปัญญา รองหัวหน้าสวนป่าคอนสาร ปฎิเสธการขอเข้าพบในครั้งนี้อ้าง นายประกาศิต ติดราชการต่างจังหวัดไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้
ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทาง ไปยังที่ทำการกำนัน ต.ทุ่งพระ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง เรื่องการคืนที่ดิน 1,500 ไร่ ที่มีคำสั่งออกมาแล้ว ว่ามีความคืบหน้าจริง หรือไม่
นายวิชัย พลอยปัทมวิชิต กำนัน ต.ทุ่งพระ เผยว่า “การยกเลิกสวนป่าคอนสารนั้น ได้มีคำสั่งออกมาแล้วจริง แต่ขณะนี้ชาวบ้านยังไม่ได้ที่ดินคืน ตามคำสั่งที่ออกมา เพียงแต่ให้ชาวบ้านเข้าไปปลูกพืชไร่ทำการเกษตรได้ ในพื้นที่ แต่ อ.อ.ป. มีสิทธิ์เวนคืนที่ดินเมื่อไหร่ก็ได้”
นายวรกมล ทองดีนอก ผู้ประสานงานชุมชนบ่อแก้ว กล่าวต่ออีกว่า “ อ.อ.ป. ขาดทุนมาแล้วหลายปี ต้องหาวิธีทำให้องค์กรอยู่รอด โดยปลูกยางพาราและไม้ยูคาลิปตัส ส่งขาย โดยใช้ข้ออ้างว่า ต้องเลี้ยงเจ้าหน้าที่รัฐและลูกจ้างที่เป็นคนในต.ทุ่งพระ จึงไม่สามารถให้ที่ดินคืนทั้งหมดได้”
ด้านการดำเนินการทวงคืนสิทธิ์ในพื้นดินทำกิน ของชาวทุ่งพระผู้สื่อข่าวได้สอบถามต่อว่า หากภาครัฐยังนิ่งเฉยจะมีการยื่นฎีกา ถวายต่อในหลวงหรือไม่ นายวิชัย กล่าวว่า “เราไม่ได้คิดถึงเรื่องถวายฏีกา เราขอสู้กับกระบวนการยุติธรรมนี้ เพราะเชื่อว่าความยุติธรรม ยังมีอยู่ในสังคม สภาวะบ้านเมืองเช่นนี้ก็ทำให้ในหลวงของเราต้องเหนื่อยแล้ว จึงไม่อยากให้ท่านเหนื่อยเพราะเรื่องของเราอีก ”
ส่วนข้อเท็จจริงเรื่อง ชาวบ้านใช้ความรุนแรงในการเข้ายึดพื้นที่สวนป่าคอนสารในวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2552 นั้น นายวิชัย กล่าวว่า “ชาวบ้านอาศัยคำสั่งจาก ฯพณฯ ท่าน นายกรัฐมนตรี ที่มีคำสั่งให้พี่น้องกลับเข้ามาทำกิน ในพื้นที่ดินของตนเองได้ ชาวบ้านไม่ได้ใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด”
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง ชุมชนบ่อแก้ว พบกับหัวหน้าแกนนำ และได้ทำการตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านบ่อแก้ว ที่มีเพียงการแผ้วถางป่า ปลูกที่พักอาศัยชั่วคราวเท่านั้น บริเวณหน้าทางเข้ายังพบเห็นเจ้าหน้าที่ของ อ.อ.ป. ตรวจสอบการเข้าออกชุมชนบ่อแก้วอย่างเข้มงวด ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามถึงข้อตกลงจาการประชุมครั้งล่าสุด และข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถูกคุกคามจาก อ.อ.ป.
นางปรางทอง ปานตา (แกนนำชุมชนบ่อแก้ว) เปิดเผยว่า “เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ.2552 ได้มีการประชุมระหว่างกรมป่าไม้และประชาชนผู้เดือดร้อน ได้ข้อสรุปว่า จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการทั้งในระดับนโยบาย และระดับชุมชน จัดสรรที่ดินทำกินเพื่อให้พี่น้องเข้าทำประโยชน์ได้ พื้นที่ที่เป็นป่าสมบูรณ์ ก็สามารถทำเป็นป่าชุมชนได้ ส่วนในการคืนที่ดินนั้นยังอยู่ในระหว่างการแก้ไขปัญหา การคุกคามจาก อ.อ.ป. ก็มีมาเรื่อยๆในรูปแบบการโยนความผิดต่างๆเพื่อให้พี่น้องย้ายออกจากพื้นที่ จนชุมชนจัดตั้งกฎขึ้นมาใช้อย่างเข้มงวดและมีเวรยามรักษาความปลอดภัย”
ปัญหาโดยรวมในปัจจุบัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนผู้เดือดร้อนยังคงเดินหน้าในการทวงสิทธิ์ต่อไป แต่จะไม่มีการถวายฎีกาต่อ ในหลวง โดยขณะนี้สามารถแบ่งประเภทผู้เดือดร้อนได้เป็น 3 ประเภทดังนี้ 1.ถูกทับที่ดินทำกิน 103 ราย 2.โครงการป่าไม้ 41 ราย 3.ครอบครัวขยาย 133 ราย รวมทั้งหมดจากการสำรวจ 277 ราย โดยในประเภทครอบครัวขยาย บางครอบครัวกลายเป็นผู้ไร้ที่ดินทำกินโดยสิ้นเชิง ชาวบ้านจึงทำได้เพียงวอนขอความยุติธรรมจากสังคมที่ยังหวังว่าจะพอมีเหลืออยู่บ้าง
อ่านแล้วรู้สึกยังไงกับวงการข้าราชการไทยบ้างอ่าคะ ปัญหามีมานานแต่ไม่แก้ไขซะที เห็นแล้วเหนื่อยใจ
อ่านแล้วรู้สึกยังไงกับวงการข้าราชการไทยบ้างอ่าคะ ปัญหามีมานานแต่ไม่แก้ไขซะที เห็นแล้วเหนื่อยใจ
Discussion (6)
สมัยนี้ต้องเอาเงินฟาดหน้าลูกเดียว สำนึกมันหายกันไปหมดแล้ว