ถามสาวๆกับโรคเซ็ปเดริ์มบนหน้าจ้า(ขออภัยที่จำชื่อเต็มของโรคไม่ได้น๊ะคะ)
JaneDoe8 แบบว่าอยู่ๆก็เกิดวิตกจริตขึ้นมาน่ะค่ะ
เรื่องคือ เราเป็นๆหายๆกับโรคนี้มาได้หลายเดือนแล้ว
(ใช้ยาเมื่อเกิดอาการพอหายคุณหมอให้หยุดได้แล้วเก็บยาไว้ใช้ในโอกาสต่อไป!?!(คุณหมอรู้ทัน))
แล้วช่วงนี้หน้าค่อนข้างดีขึ้น เลยอยากถามสาวๆว่า
ใครเคยเป็นแล้วหายขาดมั่งคะ? เราอยากหายขาดจังเลย ไม่อยากใช้ยาไปตลอดจัง(เพราะยามีผสมสเตียรอยอ่อนๆ
)
ช่วงนี้ก็พยามไม่เครียด พักผ่อนให้พอ? นอนให้พอ?!? เพื่อแก้จากต้นเหตุแต่ยังแอบกังวลอยู่เลยอะจ้า
(เฮ้อ..ปากก็บอกอยากหายขาด แต่มาตั้งกระทู้ถามมันตอนตีหนึ่งสี่สิบมันจะหายมั๊ยเนี่ยเรา
ช่วงนี้ก็พยามไม่เครียด พักผ่อนให้พอ? นอนให้พอ?!? เพื่อแก้จากต้นเหตุแต่ยังแอบกังวลอยู่เลยอะจ้า
(เฮ้อ..ปากก็บอกอยากหายขาด แต่มาตั้งกระทู้ถามมันตอนตีหนึ่งสี่สิบมันจะหายมั๊ยเนี่ยเรา
ดีนะเนี่ยที่พรุ่งนี้วันหยุด)
Discussion (8)
เราก้อเปนคะ แต่หายแล้วอะ
เปนอยู่สักเดือนนึงได้มั้งคะ
เราเปนตอนหน้าหนาวอะคะ
ทีแรกนึกว่าเปนสิว 55 แต่มันนานจังเลยไปหาหมอ หมอก้อเลยบอก
นอนดึกดื่มน้ำเยอะๆนะคะ
หาเวลานอนตอนกลางคืนให้ได้มากๆหน่อยน๊า
สู้ๆคะ
เปนอยู่สักเดือนนึงได้มั้งคะ
เราเปนตอนหน้าหนาวอะคะ
ทีแรกนึกว่าเปนสิว 55 แต่มันนานจังเลยไปหาหมอ หมอก้อเลยบอก
นอนดึกดื่มน้ำเยอะๆนะคะ
หาเวลานอนตอนกลางคืนให้ได้มากๆหน่อยน๊า
สู้ๆคะ
สุดยอดเรยค่าคุณ yoryam ละเอียดได้ใจมากๆ
นางฟ้ามาโปรด
ขออนุญาตก๊อปปี้ไปแปะไว้หัวเตียงเลยน๊าค๊ะ
..แต่แอบเศร้าว่าต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิตนี่น่ะสิคะ
เลี่ยงยากจิงจิ๊งเครียดกับนอนดึกเนี่ย
ขออนุญาตก๊อปปี้ไปแปะไว้หัวเตียงเลยน๊าค๊ะ
..แต่แอบเศร้าว่าต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิตนี่น่ะสิคะ
เลี่ยงยากจิงจิ๊งเครียดกับนอนดึกเนี่ย
(ไหนจะแก่ลงเรื่อยๆอีก
)
เพื่อนเราก็เป็นค่ะ บอกไว้เลยว่าโรคนี้เป็นแล้วไม่หายขาดค่ะ แต่สามารถทำให้โรคไม่กำเริบได้ถ้าดูแลดีๆ ผื่นจะเกิดบริเวณหน้า หรืออาจจะมีที่อื่นร่วมด้วย แต่ถ้าขึ้นทื่หน้า เราเรียกว่าเซ็บเดิร์ม ถ้าขึ้นที่ตัวมันจะกลายเป็นผื่นแพ้ atopic หรือบางครั้งเป็นสะเก็ดเงิน แต่มันมีวิธีแยกโรค ต้องให้หมดส่องเชื้อดูค่ะ
วิธีรักษาของเพื่อนเรานะคะ
1. ห้ามเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ
2. ทาครีมที่เพิ่มความชุ่มแต่ไม่ทำให้ผิวแพ้ อ่อนโยน เช่น ครีม cetaphil เป็นต้น
3. ทาอาหารเสริม EPO (optional) มีผลวิจัยช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง แต่ต้องกินต่อเนื่องหลายเดือน ถามว่ามันช่วยได้เลยไม่ ตอบว่าไม่ แต่คิดว่ามันอาจจะช่วยให้ผิวหนังช่มชื้นได้นิดนึง ลดระดับการอักเสบได้นิดนึง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
4. หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าแบบไม่จำเป็น
อยากหายแบบนานๆเลย ก็ต้องหมั่นดูแลใส่ใจห้ามขาดค่ะ ครีมเนี่ยห้ามลืมทา ถ้าผื่นเริ่มขึ้นก็รีบทายาที่หมอให้ พอยุบก็หยุด แบบนี้หน้าไม่ติดสเตียรอยด์ค่ะ ใช้เฉพาะตอนเกิดผื่น หัดสังเหตุปัจจัยรอบข้างที่ทำให้เกิดผื่นด้วยก็จะดีค่ะ จะได้รู้ว่า ตัวกระตุ้นเกิดจากอะไร จะได้หลีกเลี่ยง ผื่นจะได้หายไปนานๆจ้า
@BlackwiTchY อยากรู้ต้องดูที่รอยโรคและลักษณะการเกิดโรคค่ะ มันไม่เหมือนกันซะทีเดียว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อมูลจาก http://www.rcskinclinic.com/knowledgezone/readarticle.asp?id=28
ผื่นอักเสบบริเวณผิวมัน (Seborrheic Dermatitis)
ผิวหนังอักเสบแบบนี้ชอบเกิดบริเวณกลางใบหน้า ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความมันมาก อาการอักเสบถ้าเป็นน้อย ๆ หรือ เพิ่งเริ่มเป็นจะมีลักษณะเป็นขุยลอกเป็นหย่อมๆ ถ้าคันมากจะเป็นผื่นแดงกว้างขึ้น มีขุยหนา ลอกเป็นสะเก็ดอาจมีอาการคันร่วมด้วย
บริเวณที่ชอบเป็นบ่อยได้แก่ เหนือคิ้ว หัวคิ้ว ข้างจมูก ซอกจมูก ถ้าเป็นมากอาจลามไปขึ้นตามไรผม จอน หลังหู ต้นคอ และลงไปเกิดที่หน้าอกและหลังได้ด้วยเป็นผื่นแดง และเป็นขุยหรือสะเก็ดหนา บางคนเป็นผื่นและขุยที่ศีรษะเหมือนรังแค
ทำไมจึงมีการอักเสบที่ผิวมัน
โดยปกติแล้ว ผิวที่อักเสบง่ายมักจะเป็นบริเวณผิวที่แห้ง เช่น ผิวด้านข้างของใบหน้า ซึ่งมีต่อมไขมันทำงานน้อยกว่า แต่ในกรณี SEBORRHEIC DERMATITIS กลับตางข้าม คือ เป็นผื่นอักเสบตรงบริเวณที่เป็นผิวมัน ซึ่งปกติแล้วไม่ควรจะอักเสบ จากการศึกษาพบว่าผิวบริเวณดังกล่าวจะแบ่งตัวเร็วกว่าปกติ ทำให้เซลผิวหนังที่ยังไม่เจริญเต็มที่ เคลื่อนตัวขึ้นมาชั้นบนของผิวหนังเร็วเกินไป เซลที่ยังไม่แข็งแรงเหล่านี้จะไวต่อการรบกวนต่างๆ ทำให้เกิดการ บวมแดง เห่อ อักเสบ และหลุดลอกเป็นขุยได้ง่าย
สาเหตุ
สาเหตุที่ทำให้ผิวหนังแบ่งตัวเร็วนั้น มีผู้สันนิษฐานว่า เกิดจากสิ่งรบกวนจากภายในผิวหนังเอง 2 อย่าง ด้วยกันคือ
การรบกวนจากยีสต์ ยีสต์ (YEAST) เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่คล้ายเชื้อรา ชอบอาศัยอยู่ในรูขุมขนบริเวณที่มีผื่น SEBORRHEIC DERMATITIS พบว่ามียีสต์พันธุ์หนึ่งชื่อ PITYRIASIS OVALE มากกว่าปกติ เข้าใจว่ายีสต์เป็นตัวการปล่อยสารที่รบกวนผิว ทำให้อักเสบได้ง่าย
กรดไขมัน (FATTY ACID) เป็นสารที่เปลี่ยนแปลงจากไขมันธรรมชาติที่สร้างจากต่อมไขมันระบายสู่รูขุมขนบริเวณผิวมัน จะมีการสร้างไขมันอกมามาก และกลายเป็นกรดไขมันมารบกวนผิว ทำให้เกิดผื่นอักเสบขึ้น
แต่ก็ยังมีข้อโต้แย้งว่า ตรงบริเวณผิวมันของทุกคนก็พบเชื้อ P. Ovole และกรดไขมันมากกว่าปกติอยู่แล้วแต่ทำไมจึงเกิดผื่นอักเสบ SEBORRHEIC DERMATITIS ในบางคนเท่านั้น เรื่องนี้มีผู้อธิบายว่า ในคนที่เป็นผื่นอักเสบบริเวณผิวมัน ผนังรูขุมขน และเซลผิวหนังขาดความแข็งแรงจึงไม่สามารถทนต่อการรบกวนของเชื้อยีสต์ P. Ovale และกรดไขมันได้และสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังไม่แข็งแรงนั้น มักจะพบในคนที่ขาดสารชนิดหนึ่ง คือ LINOLEIC ACID ซึ่งใช้เป็นส่วนประกอบของเซลผิวหนัง
การเกิดผื่นอักเสบ
SEBORRHEIC DERMATITIS เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน และยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์หาสาเหตุที่แท้จริงแต่เข้าใจว่า เริ่มต้นจากการที่ผนังรูขุมขนและเซลผิวหนังไม่แข็งแรง จึงถูกรบกวนโดยเชื้อ P.OVALE และกรดไขมันในรูขุมขนได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณ ผิวมัน ผลก็คือ เซลแบ่งตัวเร็วขึ้นและเมื่อได้รับสิ่งรบกวนซ้ำเติมจากภายนอก เช่น แสงแดด ความร้อน รังสี ความแห้งจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ความเป็นด่างของสบู่ ฟองครีมล้างหน้า โฟมล้างหน้า เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ฯลฯ ก็เลยทำให้อักเสบแดง เห่อ และลอกเป็นขุยตรงบริเวณที่ถูกรบกวนนั้น นอกจากนั้นเวลาสุขภาพร่างกายทรุดโทรม พักผ่อนน้อย เครียดวิตกกังวล ก็พบว่าผื่นอักเสบบริเวณผิวมันนี้มักจะกำเริบได้ง่าย
การรักษา
รักษาการอักเสบในระยะที่มีผื่นอักเสบ เห่อและแดง แพทย์จะใช้ ตัวยาทาที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบ ให้ติดต่อกันประมาณ 3-4 วัน เพื่อให้เกิดการอักเสบที่เป็นผื่นแดง และคันยุบลง
ยาปฏิชีวนะป้องกันเชื้อโรคแทรกซ้อน และยาที่ช่วยลดและควบคุมเชื้อยีสต์ โดยใช้ภายใต้พิจารณาของแพทย์
ใช้ยาช่วยลดการแบ่งตัวของเซล หลังจากลดยาระงับการอักเสบแล้ว เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดผื่นแดงและการลอกเป็นขุย
ยาลดอาการคัน เช่น กลุ่ม ANTIHISTAMINES
การป้องกัน
หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนต่าง ๆ จากภายนอก เช่น สบู่ที่เป็นด่าง ฟองจากโฟมและครีมล้างหน้า เครื่องสำอาง ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ แสงแดด ความร้อน
คนที่เป็น SEBORRHEIC DERMATITIS ควรใช้น้ำเปล่าหรือสบู่อ่อนเป็นพิเศษ ใช้ครีมกันแดดร่วมกับ MOISTURIZER เพื่อป้องกันการรบกวนจากรังสีในแสงแดด และให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน และระคายเคือง
ในบางรายอาจต้องใช้อาหารเสริมหรือวิตามินบางชนิด เช่น LINOLEIC ACID เพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงของผิวหนัง
SEBORRHEIC DERMATITIS เป็นปัญหาผิวพรรณที่ค่อนข้างจะเรื้อรัง แต่ถ้าได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ระมัดระวังอย่าให้ผิวถูกรบกวน ก็สามารถควบคุมให้ผิวกลับเป็นปกติได้ ในกรณีที่ใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์รักษาป้องกันปัญหาผิวพรรณอื่นๆ เช่น สิว ฝ้า กระ ริ้วรอย ที่เกิดร่วมด้วย การใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เสมอ
วิธีรักษาของเพื่อนเรานะคะ
1. ห้ามเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ
2. ทาครีมที่เพิ่มความชุ่มแต่ไม่ทำให้ผิวแพ้ อ่อนโยน เช่น ครีม cetaphil เป็นต้น
3. ทาอาหารเสริม EPO (optional) มีผลวิจัยช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง แต่ต้องกินต่อเนื่องหลายเดือน ถามว่ามันช่วยได้เลยไม่ ตอบว่าไม่ แต่คิดว่ามันอาจจะช่วยให้ผิวหนังช่มชื้นได้นิดนึง ลดระดับการอักเสบได้นิดนึง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
4. หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าแบบไม่จำเป็น
อยากหายแบบนานๆเลย ก็ต้องหมั่นดูแลใส่ใจห้ามขาดค่ะ ครีมเนี่ยห้ามลืมทา ถ้าผื่นเริ่มขึ้นก็รีบทายาที่หมอให้ พอยุบก็หยุด แบบนี้หน้าไม่ติดสเตียรอยด์ค่ะ ใช้เฉพาะตอนเกิดผื่น หัดสังเหตุปัจจัยรอบข้างที่ทำให้เกิดผื่นด้วยก็จะดีค่ะ จะได้รู้ว่า ตัวกระตุ้นเกิดจากอะไร จะได้หลีกเลี่ยง ผื่นจะได้หายไปนานๆจ้า
@BlackwiTchY อยากรู้ต้องดูที่รอยโรคและลักษณะการเกิดโรคค่ะ มันไม่เหมือนกันซะทีเดียว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อมูลจาก http://www.rcskinclinic.com/knowledgezone/readarticle.asp?id=28
ผื่นอักเสบบริเวณผิวมัน (Seborrheic Dermatitis)
ผิวหนังอักเสบแบบนี้ชอบเกิดบริเวณกลางใบหน้า ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความมันมาก อาการอักเสบถ้าเป็นน้อย ๆ หรือ เพิ่งเริ่มเป็นจะมีลักษณะเป็นขุยลอกเป็นหย่อมๆ ถ้าคันมากจะเป็นผื่นแดงกว้างขึ้น มีขุยหนา ลอกเป็นสะเก็ดอาจมีอาการคันร่วมด้วย
บริเวณที่ชอบเป็นบ่อยได้แก่ เหนือคิ้ว หัวคิ้ว ข้างจมูก ซอกจมูก ถ้าเป็นมากอาจลามไปขึ้นตามไรผม จอน หลังหู ต้นคอ และลงไปเกิดที่หน้าอกและหลังได้ด้วยเป็นผื่นแดง และเป็นขุยหรือสะเก็ดหนา บางคนเป็นผื่นและขุยที่ศีรษะเหมือนรังแค
ทำไมจึงมีการอักเสบที่ผิวมัน
โดยปกติแล้ว ผิวที่อักเสบง่ายมักจะเป็นบริเวณผิวที่แห้ง เช่น ผิวด้านข้างของใบหน้า ซึ่งมีต่อมไขมันทำงานน้อยกว่า แต่ในกรณี SEBORRHEIC DERMATITIS กลับตางข้าม คือ เป็นผื่นอักเสบตรงบริเวณที่เป็นผิวมัน ซึ่งปกติแล้วไม่ควรจะอักเสบ จากการศึกษาพบว่าผิวบริเวณดังกล่าวจะแบ่งตัวเร็วกว่าปกติ ทำให้เซลผิวหนังที่ยังไม่เจริญเต็มที่ เคลื่อนตัวขึ้นมาชั้นบนของผิวหนังเร็วเกินไป เซลที่ยังไม่แข็งแรงเหล่านี้จะไวต่อการรบกวนต่างๆ ทำให้เกิดการ บวมแดง เห่อ อักเสบ และหลุดลอกเป็นขุยได้ง่าย
สาเหตุ
สาเหตุที่ทำให้ผิวหนังแบ่งตัวเร็วนั้น มีผู้สันนิษฐานว่า เกิดจากสิ่งรบกวนจากภายในผิวหนังเอง 2 อย่าง ด้วยกันคือ
การรบกวนจากยีสต์ ยีสต์ (YEAST) เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่คล้ายเชื้อรา ชอบอาศัยอยู่ในรูขุมขนบริเวณที่มีผื่น SEBORRHEIC DERMATITIS พบว่ามียีสต์พันธุ์หนึ่งชื่อ PITYRIASIS OVALE มากกว่าปกติ เข้าใจว่ายีสต์เป็นตัวการปล่อยสารที่รบกวนผิว ทำให้อักเสบได้ง่าย
กรดไขมัน (FATTY ACID) เป็นสารที่เปลี่ยนแปลงจากไขมันธรรมชาติที่สร้างจากต่อมไขมันระบายสู่รูขุมขนบริเวณผิวมัน จะมีการสร้างไขมันอกมามาก และกลายเป็นกรดไขมันมารบกวนผิว ทำให้เกิดผื่นอักเสบขึ้น
แต่ก็ยังมีข้อโต้แย้งว่า ตรงบริเวณผิวมันของทุกคนก็พบเชื้อ P. Ovole และกรดไขมันมากกว่าปกติอยู่แล้วแต่ทำไมจึงเกิดผื่นอักเสบ SEBORRHEIC DERMATITIS ในบางคนเท่านั้น เรื่องนี้มีผู้อธิบายว่า ในคนที่เป็นผื่นอักเสบบริเวณผิวมัน ผนังรูขุมขน และเซลผิวหนังขาดความแข็งแรงจึงไม่สามารถทนต่อการรบกวนของเชื้อยีสต์ P. Ovale และกรดไขมันได้และสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังไม่แข็งแรงนั้น มักจะพบในคนที่ขาดสารชนิดหนึ่ง คือ LINOLEIC ACID ซึ่งใช้เป็นส่วนประกอบของเซลผิวหนัง
การเกิดผื่นอักเสบ
SEBORRHEIC DERMATITIS เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน และยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์หาสาเหตุที่แท้จริงแต่เข้าใจว่า เริ่มต้นจากการที่ผนังรูขุมขนและเซลผิวหนังไม่แข็งแรง จึงถูกรบกวนโดยเชื้อ P.OVALE และกรดไขมันในรูขุมขนได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณ ผิวมัน ผลก็คือ เซลแบ่งตัวเร็วขึ้นและเมื่อได้รับสิ่งรบกวนซ้ำเติมจากภายนอก เช่น แสงแดด ความร้อน รังสี ความแห้งจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ความเป็นด่างของสบู่ ฟองครีมล้างหน้า โฟมล้างหน้า เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ฯลฯ ก็เลยทำให้อักเสบแดง เห่อ และลอกเป็นขุยตรงบริเวณที่ถูกรบกวนนั้น นอกจากนั้นเวลาสุขภาพร่างกายทรุดโทรม พักผ่อนน้อย เครียดวิตกกังวล ก็พบว่าผื่นอักเสบบริเวณผิวมันนี้มักจะกำเริบได้ง่าย
การรักษา
รักษาการอักเสบในระยะที่มีผื่นอักเสบ เห่อและแดง แพทย์จะใช้ ตัวยาทาที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบ ให้ติดต่อกันประมาณ 3-4 วัน เพื่อให้เกิดการอักเสบที่เป็นผื่นแดง และคันยุบลง
ยาปฏิชีวนะป้องกันเชื้อโรคแทรกซ้อน และยาที่ช่วยลดและควบคุมเชื้อยีสต์ โดยใช้ภายใต้พิจารณาของแพทย์
ใช้ยาช่วยลดการแบ่งตัวของเซล หลังจากลดยาระงับการอักเสบแล้ว เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดผื่นแดงและการลอกเป็นขุย
ยาลดอาการคัน เช่น กลุ่ม ANTIHISTAMINES
การป้องกัน
หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนต่าง ๆ จากภายนอก เช่น สบู่ที่เป็นด่าง ฟองจากโฟมและครีมล้างหน้า เครื่องสำอาง ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ แสงแดด ความร้อน
คนที่เป็น SEBORRHEIC DERMATITIS ควรใช้น้ำเปล่าหรือสบู่อ่อนเป็นพิเศษ ใช้ครีมกันแดดร่วมกับ MOISTURIZER เพื่อป้องกันการรบกวนจากรังสีในแสงแดด และให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน และระคายเคือง
ในบางรายอาจต้องใช้อาหารเสริมหรือวิตามินบางชนิด เช่น LINOLEIC ACID เพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงของผิวหนัง
SEBORRHEIC DERMATITIS เป็นปัญหาผิวพรรณที่ค่อนข้างจะเรื้อรัง แต่ถ้าได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ระมัดระวังอย่าให้ผิวถูกรบกวน ก็สามารถควบคุมให้ผิวกลับเป็นปกติได้ ในกรณีที่ใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์รักษาป้องกันปัญหาผิวพรรณอื่นๆ เช่น สิว ฝ้า กระ ริ้วรอย ที่เกิดร่วมด้วย การใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เสมอ
แล้วจะรู้ได้ไงว่าเป็นไอ้โรคนี้ หรือแพ้เครื่องสำอางค์ หรือแพ้น้ำหรืออย่างอื่น
แต่เราพอใกล้30 ก็ดันสิวขึ้นเหมือนกัน
แต่เราพอใกล้30 ก็ดันสิวขึ้นเหมือนกัน
สู้ๆจ้า