D.I.Y Skin care เป็นยังไงมาอ่านกันน่อ
Jeban'15D.I.Y Skin care หรือ Do-It-Yourself Skin care เป็นการทำครีมบำรุงด้วยตนเอง ความจริงแล้วการทำครีมบำรุงด้วยตนเองนั้นไม่ใช่ของใหม่เลย แต่มีมาช้านานแล้ว ตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ ถือได้ว่าเป็น Traditional way ในปัจจุบันก็ยังเป็นที่นิยมกันอยู่ โดยมากมักเป็น home user ในอเมริกาหรือยุโรป อันเนื่องจากว่าครีมบำรุงต่างๆนั้น ถ้ามีราคาถูกก็จะให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีเท่าที่ต้องการ หรือที่ได้ผลดีเลิศนั้นก็มีราคาแพงมาก การทำหรือผสมครีมด้วยตนเองนั้น เป็นการนำเอาส่วนผสมต่างๆที่เหมาะกับผิวของเรา หรือเหมาะที่จะแก้ปัญหาผิวของเรา มาผสมรวมกันเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งแก้ปัญหาผิวและบำรุงไปพร้ิอมกัน
การทำครีมซักกระปุก บางคนอาจจะนิยมทำเองตั้งแต่เบสครีม จนกระทั่งเอาสารออกฤทธิ์ (actives) มาผสมเลย ขั้นตอนการเตรียมเบสครีมนั้นอาจจะยุ่งยากอยู่ซักหน่อย และต้องรู้เรื่องพอสมควร ต้องรู้ว่าตัวไหนมาผสมแล้วเพิ่มความหนืดของเนื้อครีม ทำให้เนื้อครีมลื่น หรือทำให้เนื้อครีมหนักหรือบางเบา บางครั้งอาจจะต้องต้มเพื่อผสมให้ได้อุณหภูมิที่พอเหมาะ หรือต้องคนแล้วพักไว้ จึงจะสามารถเติมส่วนผสมอื่นลงไป แต่สมัยนี้การทำครีมแบบ DIY มีตัวเลือกที่สะดวกสบายมากขึ้น เพราะมีผู้ผลิตที่นำเอาเบสครีมสำเร็จรูปมาให้ใช้กันเลย ก็ให้เลือกใช้ที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน เช่น บางคนผิวแห้งอาจจะใช้เนื้่อครีม ที่ให้ความชุ่มชื้นมากหน่อย ต่อจากนั้นก็มาถึงขั้นตอนของการเพิ่มสารออกฤทธิ์
สารออกฤทธิ์หรือที่เรียกว่า active ingredient เป็นส่วนผสมหลักสำคัญ ที่ทำให้ครีมบำรุงนั้นมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของสารออกฤทธิ์ ที่เราเติมเข้าไปนั่นเอง เช่น ถ้าเราเติมสารออกฤทธิ์ประเภทลดริ้วรอย ก็ได้ครีมที่เป็นประเภท anti-aging เป็นต้น
ประเภทของการออกฤทธิ์ก็มีมากมาย แล้วแต่ละประเภทก็มีให้เลือกอีกมากมายเป็นร้อยเป็นพันตัว แล้วแต่ว่าเราต้องการแบบใ้ห้เหมาะกับผิวเรามากที่สุด ส่วนใหญ่แล้วประเภทของสารออกฤทธิ์ ก็มีดังนี้ คือ
1. สารออกฤทธิ์ต่อต้านและลดริ้วรอย
2. สารออกฤทธิ์ลดสิวและริ้วรอยจากสิว
3. สารออกฤทธิ์ที่ควบคุมความมัน
4. สารออกฤทธิ์ที่ปรับสภาพผิวให้ขาวขึ้น
5. สารออกฤทธิ์ที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ
6. สารออกฤทธิ์ที่เป็นอาหารบำรุงผิวพรรณหรือบำบัดรักษา
7. สารออกฤทธิ์ที่ใช้เฉพาะบริเวณรอบดวงตา
8. สารออกฤทธิ์ที่ช่วยยกกระชับผิวหน้า
สารออกฤทธิ์บางตัวอาจจะมีคุณสมบัติหลายอย่างในตัวเดียวก็ได้ วิธีผสมก็ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์วิจัย ของสารแต่ละตัวว่าควรเพิ่มเข้าไปในครีมกี่มากน้อย ตามสัดส่วนที่แนะนำต่อปริมาณครีม เพราะว่าสารแต่ละตัวออกฤทธิ์ต่างกัน การใส่น้อยไปอาจไม่เกิดผลอะไร ทำให้ครีมไม่มีประสิทธิภาพ อย่างเช่นที่เราเห็นในครีมราคาถูกทั่วไป ที่โฆษณาว่ามีสารบำรุงตัวนั้นตัวนี้ แต่ใช้แล้วไม่เห็นผล อาจเป็นเพราะเค้าใส่ลงไปในปริมาณที่น้อยเกินไป ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราใส่ส่วนผสมลงไปมากเกินไป มีผลอยู่ 2 อย่างคือ อาจทำให้เกิดการระคายเคือง (ผู้ใช้ต้องทดสอบการแพ้ทุกครั้ง) หรือถ้าใส่ในปริมาณที่เกินคำแนะนำ ก็ไม่เกิดผลอะไรมากไปกว่าปริมาณที่แนะนำ นั่นหมายถึงสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
ข้อมูลจาก www.tanyanana.net
การทำครีมซักกระปุก บางคนอาจจะนิยมทำเองตั้งแต่เบสครีม จนกระทั่งเอาสารออกฤทธิ์ (actives) มาผสมเลย ขั้นตอนการเตรียมเบสครีมนั้นอาจจะยุ่งยากอยู่ซักหน่อย และต้องรู้เรื่องพอสมควร ต้องรู้ว่าตัวไหนมาผสมแล้วเพิ่มความหนืดของเนื้อครีม ทำให้เนื้อครีมลื่น หรือทำให้เนื้อครีมหนักหรือบางเบา บางครั้งอาจจะต้องต้มเพื่อผสมให้ได้อุณหภูมิที่พอเหมาะ หรือต้องคนแล้วพักไว้ จึงจะสามารถเติมส่วนผสมอื่นลงไป แต่สมัยนี้การทำครีมแบบ DIY มีตัวเลือกที่สะดวกสบายมากขึ้น เพราะมีผู้ผลิตที่นำเอาเบสครีมสำเร็จรูปมาให้ใช้กันเลย ก็ให้เลือกใช้ที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน เช่น บางคนผิวแห้งอาจจะใช้เนื้่อครีม ที่ให้ความชุ่มชื้นมากหน่อย ต่อจากนั้นก็มาถึงขั้นตอนของการเพิ่มสารออกฤทธิ์
สารออกฤทธิ์หรือที่เรียกว่า active ingredient เป็นส่วนผสมหลักสำคัญ ที่ทำให้ครีมบำรุงนั้นมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของสารออกฤทธิ์ ที่เราเติมเข้าไปนั่นเอง เช่น ถ้าเราเติมสารออกฤทธิ์ประเภทลดริ้วรอย ก็ได้ครีมที่เป็นประเภท anti-aging เป็นต้น
ประเภทของการออกฤทธิ์ก็มีมากมาย แล้วแต่ละประเภทก็มีให้เลือกอีกมากมายเป็นร้อยเป็นพันตัว แล้วแต่ว่าเราต้องการแบบใ้ห้เหมาะกับผิวเรามากที่สุด ส่วนใหญ่แล้วประเภทของสารออกฤทธิ์ ก็มีดังนี้ คือ
1. สารออกฤทธิ์ต่อต้านและลดริ้วรอย
2. สารออกฤทธิ์ลดสิวและริ้วรอยจากสิว
3. สารออกฤทธิ์ที่ควบคุมความมัน
4. สารออกฤทธิ์ที่ปรับสภาพผิวให้ขาวขึ้น
5. สารออกฤทธิ์ที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ
6. สารออกฤทธิ์ที่เป็นอาหารบำรุงผิวพรรณหรือบำบัดรักษา
7. สารออกฤทธิ์ที่ใช้เฉพาะบริเวณรอบดวงตา
8. สารออกฤทธิ์ที่ช่วยยกกระชับผิวหน้า
สารออกฤทธิ์บางตัวอาจจะมีคุณสมบัติหลายอย่างในตัวเดียวก็ได้ วิธีผสมก็ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์วิจัย ของสารแต่ละตัวว่าควรเพิ่มเข้าไปในครีมกี่มากน้อย ตามสัดส่วนที่แนะนำต่อปริมาณครีม เพราะว่าสารแต่ละตัวออกฤทธิ์ต่างกัน การใส่น้อยไปอาจไม่เกิดผลอะไร ทำให้ครีมไม่มีประสิทธิภาพ อย่างเช่นที่เราเห็นในครีมราคาถูกทั่วไป ที่โฆษณาว่ามีสารบำรุงตัวนั้นตัวนี้ แต่ใช้แล้วไม่เห็นผล อาจเป็นเพราะเค้าใส่ลงไปในปริมาณที่น้อยเกินไป ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราใส่ส่วนผสมลงไปมากเกินไป มีผลอยู่ 2 อย่างคือ อาจทำให้เกิดการระคายเคือง (ผู้ใช้ต้องทดสอบการแพ้ทุกครั้ง) หรือถ้าใส่ในปริมาณที่เกินคำแนะนำ ก็ไม่เกิดผลอะไรมากไปกว่าปริมาณที่แนะนำ นั่นหมายถึงสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
ข้อมูลจาก www.tanyanana.net
Discussion (15)
ขอบคุงค่า ..แต่ก้คงต้องซี้อใช้ต่อไป อิ อิ เพราะซี้อเค้ายังเอาหน้าไม่รอด ถ้าทำเองมีหวังเศร้าๆๆ