ชวนมากินน้ำมะเขือเทศสีทอง กันเถอะ แหวกแปลก ดี !!!
NuchyLady 1 2ตอนนี้น้ำมะเขือเทศเป็นที่ยอมรับและนิยมสุดๆให้เป็นสุดยอดน้ำผักเพื่อบำรุงผิวและสุขภาพ เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินที่ดีต่อสุขภาพและผิวพรรณโดยเฉพาะ " ไลโคปีน "
ที่มีมากในมะเขือเทศ และวิตามินซีซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องการบำรุงผิวพรรณอยู่แล้ว
"ไลโคปีน" เป็นสารอีกตัวในกลุ่มแคโรทีนอยด์
พบในผักและผลไม้ที่มีสีส้มสีแดงอย่างเช่น มะเขือเทศ แตงโม มะละกอ ฟักข้าว เกรปฟรุต
ถือเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกาย
ซึ่งสารอนุมูลอิสระมีผลทำลายคอลลาเจน
ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยและทำลายเซลล์ผิว
ฉะนั้นไลโคปีนจึงช่วยปกป้องการเกิดริ้วรอยได้ดี
ผิวเด็กโอเคไหมเธอ ยัง ยังไม่หมดนะ
ไลโคปีนสามารถช่วยป้องกันผิวจาก UVB ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวหมองคล้ำได้ดี
เมื่อเปรียบเทียบสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์
เลิศไหมละ แต่งงละสิที่พูดมาไลโคปีนมันมีมากในผลไม้สีแดง ย้ำสีแดง
แต่ชื่อกระทู้พูดถึงมะเขือเทศสีทองไม่ใช่เหรอ??
ใช่แล้วคะ วันนี้ NuchyLady จะมาคุยกันเรื่องมะเขือเทศสีทอง
ที่มันแบบเห้ยแปลก แหวก ไม่เคยได้ยินเลยอะ
สืบเนื่องจากเห็นน้ำมะเขือเทศ Tipco Double Tomato
ที่มีมะเขือเทศ 2 สายพันธุ์ สีแดงและสีทอง ออกมาใหม่ในตู้เซเว่น
( ความรู้สึกแรกที่เห็น คืออะไร มะเขือเทศสีทอง มันแปลกอะแก )
ปกตินิวมักจะซื้อน้ำมะเขือเทศกินเป็นประจำ กินเพรียวๆ บ้าง
กินผสมกับน้ำสตอเบอร์รี่หรือน้ำผลไม้อื่นก็อร่อย
เลยหยิบ Tipco Double tomato มาอ่านส่วนประกอบ มีไลโคปีน 81.32 มก.
และเบต้าเคโรทีน 2,400 มก. ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงมาก
แล้วยังมีคอลลาเจน 480 มก. และวิตามินอื่นๆอีกหลายอย่าง
นางเกิดมาเพื่องานบำรุงผิวจากภายในชัดๆ
มะเขือเทศสีทองจะแตกต่างจากสีแดงก็ตรงที่ให้สารต่อต้านอนุมูลอิสระเป็น "เบต้าแคโรทีน"
แทน "ไลโคปีน" ซึ่งทั้งสองเป็นสารมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระสูงสุด
เบต้าแคโรทีน คือสารตั้งต้นของวิตามินเอ ช่วยการมองเห็นในที่มืดและลดความเสื่อมของดวงตา นอกจากเบต้าแคโรทีน ยังมีวิตามินและสารอื่นๆ แตกต่างจากมะเขือเทศสีแดงอยู่บ้าง
เรื่องของกลิ่น ก็กลิ่นน้ำมะเขือเทศแหละค่ะ ไม่ได้กลิ่นแรงมาก รับได้กินได้คะ
ส่วนเรื่องรสชาติจะเค็มนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ อร่อย ทานไม่ยากค่ะ
แนะนำวิธีทานน้ำมะเขือเทศที่ได้ผลดีที่สุดนะค่ะ
หากอยากให้มีการดูดซึมสารอาหารให้มากที่สุด
ให้ทานน้ำมะเขือเทศกับไขมันเล็กน้อย
อาจเป็นการทานหลังทานอาหารที่มีไขมันเลยทันที
หรือทานตอนว่างแต่หยดไขมันลงไปนิดหน่อย
เพราะไขมันเป็นตัวทำละลายของวิตามิน
ส่วนนินิวเลือกวิธีกินหลังมื้ออาหารที่มีไขมันแทนคะ
สะดวกง่ายดี มื้อไหนมีอาหารทอด มีไขมันสัตว์ทานน้ำมะเขือเทศเลยค่ะ
ก่อนจบกระทู้ ขอปิดท้ายอีกนิดนะคะ
ทุกสิ่งทุกอย่างมีความพอดีในตัวของมัน ทานมากก็ก่อโทษแทนได้นะคะ
ทานน้ำมะเขือเทศมากไปไตอาจมีปัญหาได้นะคะ
เนื่องจากมีโพแทสเซียมสูง และเบต้าแคโรทีนที่มีมากเกินร่างกายต้องการ
จากสารต้านอนุมูลอิสระจะกลายเป็นสารก่ออนุมูลอิสระเสียเอง
ปริมาณแนะนำควรกินน้ำมะเขือเทศไม่เกิน 2 กล่อง หรือถ้าเป็นกล่องใหญ่ก็ไม่เกิน 2 แก้ว
(ถ้ากินน้ำผลไม้อื่นที่มีสารอาหารใกล้เคียงกันให้นับรวมไปด้วยนะคะ)