เที่ยวอีสาน 3 จังหวัดงบ 500 บาท Travel with 500 baht (northeastern thailand)
iimrrizz 10 5เที่ยวอีสาน 3 จังหวัด 3 วัน 4 คืน มองเห็นประเทศลาวใกล้แค่เอื้อม กินข้าวครบ 3 มื้อ บางวันก็เกิน 555555.: งบ 500 บาท: เดินทางด้วยรถไฟ.หน้าหนาวแล้วววว ออกไปเที่ยวกันเถอะ ❄️ปล.ขออภัยหากมีคำไม่สุภาพ เดินทางจริงไปเมื่อเดือนธันวาคม ปี 59
มีเงิน 500 บาท ก็เที่ยวได้ 3 จังหวัดแล้ววว
ชัยภูมิ
นครราชสีมา
หนองคาย
เรื่องของเรื่องคืออยู่ดีๆก็เบื่อๆอยากออกไปสัมผัสอากาศหนาวๆที่อื่นบ้างนอกจากกรุงเทพ แล้วก็เห็นคนในเฟสลงรูปไปเที่ยวเยอะแยะเต็มไปหมด อยากไปบ้าง ฮืออ TTพอคิดได้ปุ๊บก็ชวนทุกคน แต่ก็ไม่มีใครไปได้เลย ติดงานกันหมด 5555555555555 พอชวนไปชวนมา อ๊ะ ได้ผู้ร่วมทริปมา 2 คน นี่ก็คิดในใจ (ได้เหยื่อมาแล้ววว 555555)
ไปเที่ยวกันนนน !!
หลังจากที่เราได้ผู้ร่วมทริปมา ก็เริ่มหาดูว่าที่ไหนน่าไปบ้าง (ทุกคนตามใจเราหมดให้เราเป็นคนเลือก อิ้อิ้)พอดูๆพวกรีวิวไปเรื่อยๆ เหนือก็เคยไปแล้ว ใต้ก็เคยไปแล้ว งั้นไปอีสานบ้างละกัน เลยหาที่ที่ไปง่ายๆ ไม่แอดเวนเจอร์มาก เดี๋ยวผู้ร่วมทริปจะร้องไห้ 555555
สรุปได้ว่า ที่แรกที่จะไปคืออุทยานป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ (ยังไม่รู้ว่าจะไปถึงมั้ยนะ 555).วันพุธที่ 14/12/59หลังจากทุกคนเลิกงานก็มาเจอกันที่สถานีรถไฟหัวลำโพง รอรถไฟรอบประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ
ก่อนเดินทางตกลงกันไว้ว่า จะไม่ซื้ออะไรกินเลยนอกจากน้ำเปล่าจ้าาา เพื่อประหยัดงบ แต่ละคนเลยขนของกินกันมาจากที่บ้านอย่างบ้าคลั่ง เหมือนจะไปทำสงครามแล้วกลัวอดตาย เรียกได้ว่ากระเป๋าเสบียงนี่หนักกว่ากระเป๋าเสื้อผ้าอีก 555555มีกระเป๋าทั้งหมด 6 ใบ- กระเป๋าเสื้อผ้า 3 ใบ คนละ 1 ใบ- กระเป๋าเสบียงรวมกัน 1 ใบ- กระเป๋ายาและอุปกรณ์อาบน้ำเครื่องสำอางค์บลาๆๆรวมกัน 1 ใบ- กระเป๋าเต้นท์ 1 ใบสรุป ถือคนละ 2 ใบพอดี.ปล.ใครถือกระเป๋าเสบียงซวยสุดจ่ะ หนักชิบหาย 5555555
ได้เวลาออกเดินทางแล้ววววอาร์นั่งรถเร็วขบวนที่ 133 กรุงเทพ-หนองคายรถออกจากกรุงเทพเวลา 20:45เป็นรถไฟฟรีนาจาาาาดูในรีวิวมา เค้าบอกว่าถ้าจะไปอุทยานป่าหินงามต้องลงสถานีบ้านวะตะแบก แต่ขบวนนี้ไม่ผ่านอะ.ค่าใช้จ่าย : 0 บาท
แปบนึง ขอคั่นแนะนำตัวละครแปบ.รถเมย์ : เพื่อนมหาลัย นางน่ารักใสๆ ไม่ค่อยโกรธใคร ชอบตามใจ ถ้าไม่ชอบอะไรก็จะเก็บไว้อยู่อย่างงั้นแหละ ไม่ค่อยกล้าพูด เพราะกุดุ 5555555 อยู่ด้วยกันได้ เพราะนางเป็นคนรักสะอาด เป็นระเบียบ นางอยากไปเที่ยวแบคแพคแบบเราบ้าง เลยลองหลอกๆมา เอ้ยๆ เลยลองชวนๆมา 5555555.ข้อดี : ไม่เรื่องมาก กินง่ายอยู่ง่าย จะพาไปไหนนางก็ไปหมด กางเต๊นท์ได้ สามารถเดินได้ยาวนานมากอิสั_ ทางเท้า ทางปกติ ขึ้นเขา เดินหม๊ด ไม่คิดจะหยุดบ้างเลยหรออิเหี้_ บางทีกุก็จะเป็นลมไง (โมโหไรมาอะ ._.)
เพชร : น้องในวงโย สภาพคล้ายๆคนเร่ร่อน นางนอนได้ทุกที่ หาร้านของกินได้ไวมาก เช่น นั่งกินข้าวกันอยู่ในที่โล่งแจ้ง สายตามองไปได้ไกลโพ้นบนพื้นที่ว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรนอกจากต้นไม้ แต่นางบอกว่าเดี๋ยวไปซื้อลูกชิ้นก่อนนะ แล้วมันก็เดินไป ในขณะที่เรากะเมย์ยังนั่ง งงๆ ว่าร้านลูกชิ้นโผล่มาจากไหนวะ (มีจริงๆ) เป็นคนมีความย้อนแย้งในตัวเอง เช่น หนูไม่ชอบเกาหลีเลย แต่ดูซีรีย์ทุกเรื่อง หนูจะไม่กินขนมอันนี้อีกแล้ว แต่พอยื่นให้ก็แด_ต่อ ไม่หนาวหรอก หันไปอีกทีใส่เสื้อจนเหลือแต่ลูกกะตา นางหิวตลอดเวลา เป็นคนทำให้กระเป๋าเสบียงเบาลงได้เยอะ ไปไหนต้องหาที่ชาตแบตตลอด ของคนอื่นเค้ายังหมดไม่ถึงครึ่ง นางหมดไป 3 รอบแล้ว บ่นตลอดทางเวลาเดิน แต่ก็ไป.ข้อดี : ช่วยเมย์กางเต๊นท์ได้ นอกนั้นไม่มีอะไรดีเลย แต่เจ้ก็รักน้าาา 5555555555
ต่อๆระหว่างทางเลยนั่งอ่านๆรีวิวไปเรื่อยๆ เลยมาเทียบกับตารางรถไฟขบวนที่ผ่านสถานีบ้านวะตะแบกว่าเราจะลงสถานีอะไรที่ใกล้บ้านวะตะแบกที่สุด แล้วก็จับใจความได้ว่า สถานีบำเหน็จณรงค์ใกล้ที่สุด เลยคิดว่า เออๆ ถึงบำเหน็จณรงค์ประมาณตี 2 กว่าๆ เดี๋ยวเดินไปบ้านวะตะแบกก็ได้ เดินไปเรื่อยๆน่าจะถึงเช้าพอดี (ไม่ได้ปรึกษาใครทั้งนั้น ว่าเค้าจะเดินกะกุมั้ย 555) เลยหันไปบอกเพื่อนกะน้อง.อาร์ : เดี๋ยวเราลงสถานีบำเหน็จณรงค์แล้วเดินไปนะเพชร : เดินไปไหนพี่ ?อาร์ : เดินย้อนกลับไปสถานีบ้านวะตะแบกเมย์+เพชร : ...ทุกคนดูเงียบๆ สงสัยเสียงรถไฟดังเลยไม่ค่อยได้ยิน
รถไฟก็เดินทางไปเรื่อยๆ คนไม่เยอะเนื่องจากเป็นวันธรรมดา พอใกล้ๆถึงอยุธยาก็เริ่มตะหงิดๆในใจว่า ถ้าเดินจากบำเหน็จณรงค์ไปบ้านวะตะแบก จะไกลมั้ยวะ ? เลยลองดูในแมป ปรากฎว่า ห่างกัน 29 กิโล... แด_จุดเลยกุเลยนั่งหาวิธีอื่นแบบเงียบๆ ก็ไปเจอรีวิวนึง เค้าบอกให้ไปต่อรถที่แก่งคอย เลยหันไปถามเพื่อนกับน้องอีกทีว่าอาร์ : จะไปต่อรถที่แก่งคอยมั้ย ? จะได้ไม่ต้องเดินไป 555555เมย์ + เพชร : เอา !อาร์ : แต่ว่ารอรถนานมากเลยนะ เราจะถึงแก่งคอยประมาณ 5 ทุ่ม กว่ารถอีกคันจะมา ตี 5 กว่าเลยนะเมย์ + เพชร : ไม่เป็นไร รอได้ !.ทุกคนตอบกันพร้อมเพรียง
ช่วงกำลังเดินทางก็มีเรื่องหลอนๆนิดหน่อยตอนนั้นก็ค่อนข้างดึกแล้ว ระหว่างที่อาร์กับเมย์ก็นั่งฟังเพลง เล่นโทรศัพท์เรื่อยเปื่อย บรรยากาศวังเวงๆ ทันใดนั้น ! อยู่ดีๆก็เหมือนมีคนมาจับขา !!!อ่อ อิเพชรเอง เลยถามน้องว่า อะไร พูดอะไร ไม่ได้ยิน แต่พอเงยหน้าขึ้นมาถึงกับตกใจ !!!เค้าจำเป็นต้องนอนขนาดนี้มั้ยอะ 5555555555555555555555
แล้วเวลา 23:30 เราก็เดินทางมาถึงสถานีชุมทางแก่งคอย แล้วต้องนั่งรอต่อรถเพื่อจะไปสถานีบ้านวะตะแบกตี 5:30 รอยาวๆไป 6 ชั่วโมงค่ะ 5555555555นั่งรอก็แล้ว นอนรอก็แล้ว กินข้าว กินหนม อาบน้ำ ชาตแบตจนเต็มหมดทุกเครื่องรถก็ยังไม่มา ฝนก็ตกไปอีกกก เริ่มหนาวๆละ นี่อยู่แค่สระบุรีเองนะ
ในที่สุด ก็ถึงเวลาสิ้นสุดการรอคอย เย้ !ตี 5:30 แล้ววไปรับตั๋วค่ะ รถไฟฟรีไปอี๊กอาร์นั่งรถท้องถิ่นขบวนที่ 433 ชุมทางแก่งคอย-ชุมทางบัวใหญ่รถออกจากชุมทางแก่งคอยเวลา 05:30ขบวนนี้แหละที่ผ่านสถานีบ้านวะตะแบก.ค่าใช้จ่าย : 0 บาทรวม : 0 บาท
เราออกเดินทางไปยังบ้านวะตะแบกพร้อมกับฝนตก และอากาศเย็นๆ คันนี้เป็นรถท้องถิ่นมีแค่ 3 โบกี้เอง แทบจะไม่มีคนเลยตลอดทาง เพราะเป็นวันธรรมดาด้วยแหละ ชอบเที่ยววันธรรมดาจุง อิ้อิ้
กว่าจะถึงสถานีบ้านวะตะแบกก็ 8 โมงกว่าๆ เลยหลับไป พอลืมตามาอีกที ถึงประมาณลพบุรี ฟ้าเริ่มจะสว่าง ภาพที่เห็นแว๊บแรก (สมองยังไม่ประมวลผล) นึกว่ารถไฟวิ่งอยู่ในน้ำ 555555 เป็นทางเดินรถไฟที่สวยมากกกกกกก ทางยาวมากกกก อยู่ท่ามกลางเขื่อนป่าศักดิ์ชลสิทธิ์
นั่งมองพระอาทิตย์ขึ้นได้จากบนรถไฟเลยอะ ดี๊ดี วิวสวยมากจริงๆ ขากลับทีแรกว่าจะแวะ แต่เหนื่อยเกินไปเลยเลยกลับบ้านไปเลยแล้วกัน 555555 น่าเสียดายมาก
วันพฤหัสที่ 15/12/59.สวัสดีจังหวัดที่ 1 ชัยภูมิแล้วเราก็ถึงซักทีสถานีที่หามานาน 555555ถึงสถานีบ้านวะตะแบกเวลา 08:08ฟ้ายังไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ คล้ายๆฝนจะตก แต่ก็ไม่ตกนะ
หลังจากกินจุกจิกมาตลอดทาง เลยล้างหน้าแปรงฟันอีกรอบนึง (พึ่งแปรงมาตอนอาบน้ำสถานีที่แล้ว 5555) แล้วก็แวะกินข้าวเช้าที่สถานีก่อนละกัน ของกินที่เอามาก็เยอะจนเลือกไม่ถูก เลยเลือกๆมาสองสามอย่าง 55555555
สถานีบ้านวะตะแบกเป็นสถานีเล็กๆ อากาศดีมากกกก ตอนนี้เริ่มสัมผัสได้ถึงธรรมชาติแล้วล่ะ > <
ได้เวลาเดินของจริงแล้วล่ะ แค่มองเห็นทางเดินจากหน้าสถานีไปถนนใหญ่ก็อึ้งนิดๆ ไหนวะถนนใหญ่ ?
เดินมาได้ซักพัก ก็ถึงปากทางเข้าสถานีรถไฟ เจอถนนใหญ่แล้วววววว
แต่เหมือนจะดีใจ..
ยังค่ะ เรายังต้องเดินต่อไปยังตลาดเทพสถิตย์อ่านๆรีวิวมาคร่าวๆตอนอยู่บนรถไฟ เค้าบอกว่าต้องไปขึ้นรถเพื่อที่จะขึ้นไปอุทยานป่าหินงามที่นั่น แล้วจากสถานีรถไฟมาถึงถนนใหญ่ไม่มีรถอะไรเลยยยยย นอกจากสิบล้อนานๆผ่านมาคัน เราเลยต้องเดินต่อไป
เปิดแมปดูได้ใจความว่าพอเราออกจากปากทางสถานีรถไฟมาแล้วต้องเลี้ยวขวา แล้วเดินตรงต่อไปอีก 2.6 กิโล จ่ะ เดินไปยาวๆ =.=
ผ่านไปประมาณ 1 กิโลกว่าๆ เจอศาลาพอดี นั่งพักแปบ ไหล่จะหัก 55555555555
แต่โชคดีที่อากาศดี ไม่มีแดดซักนิดเลยย อากาศเย็นๆ เดินสบายๆ (จริงๆหรอ TT กระเป๋าหนักสั_)
และแล้วก็มาถึงตลาด เพื่อนั่งรถคันนี้..
ยังไม่พอ เรายังต้องนั่งรถคันนั้นย้อนกลับมาทางเดิมที่เราเดินจากมากว่า 3 กิโล..เดินมาเพื่ออออออออออออออออ่อ เพื่อมาขึ้นรถไง หึหึ
ถึงแล้วววววววว ! มาถึงอย่าง งงๆ สำเร็จไป 1 เรามาถึงจุดหมายได้แล้วจากตลาดเทพสถิตย์มาถึงอุทยานป่าหินงามระยะทางประมาณ 40 กิโล ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เหมารถมา 400 บาท 3 คน.ค่าใช้จ่าย : 400 บาทรวม : 400 บาท
ทางเดินเข้าไปลานกางเต๊นท์ และเส้นทางต่างๆเพื่อไปเที่ยวในอุทยาน เงียบมากกกกกก เงียบจนเรียกได้ว่าวังเวง ทั้งอุทยานมีเราอยู่ 3 คนไม่รวมเจ้าหน้าที่อีกสามสี่คน นี่สินะคือการพักผ่อน คิดถูกแล้วที่มาเที่ยววันธรรมดา 5555555555ค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท 3 คน : 120 บาทค่าพื้นที่กางเต๊นท์คนละ 30 บาท 3 คน : 90 บาท.ค่าใช้จ่าย : 210 บาทรวม : 610 บาท
พอถึงปุ๊บนี่ก็เสิชหาจุดหมายที่ 2 ก็พบว่า ผาสุดแผ่นดินสวย แต่อยู่ห่างจากจุดกางเต๊นท์ 2 กิโล ต้องขึ้นเขาไป แล้วก็คิดว่าจะไปยังไง เดินไปก็ได้มั้ง (คิดเอง ไม่ได้ถามคนอื่นอีกแล้ว 555)หาไปหามา เพื่อนกับน้องกางเต๊นท์กันเสร็จแล้ว 555555555
และทั้งอุทยาน มีอยู่เต๊นเดียว..
เลยตกลงกันว่า เดี๋ยวนอนก่อนละกัน ตั้งนาฬิกาปลุกไว้บ่ายสาม เดี๋ยวตื่นมาค่อยเดินขึ้นไปไปค่ะ ได้เวลานอนแล้ว
พอตื่นมาจริงๆก็เกือบเย็นๆแล้ว เลยตกลงกันใหม่ว่าเดี๋ยวขึ้นพรุ่งเช้าดีกว่า เดี๋ยวขึ้นไปแล้วมืด ลงมาไม่ทัน
ลมแรงมากกก ขอบอกว่ามากๆ แรงกว่าลมทะเลอีก แต่เป็นลมหนาวนะ พอฟ้าเริ่มมืด อากาศเริ่มหนาว เลยกินข้าวอาบน้ำแล้วเข้านอนเลย รอบข้างมืดมากกกกกก จะออกไปข้างนอกเต๊นท์ต้องใช้ไฟฉายอย่างเดียวค่ะ
พรุ่งนี้จัดคิวไว้ว่า เดี๋ยวจะเดินขึ้นไปข้างบนตอนตี 5 แล้วลงมา 7 โมง เพื่อจะกลับไปสถานีบ้านวะตะแบกขึ้นรถตอน 8 โมง แล้วไปนครราชสีมาต่อ.รูปนี้ตื่นมาถ่าย หนาวจนต้องตื่น หนาวมากกกก ตอนแรกก่อนมาคุยกับน้องว่า.อาร์ : เช็คอุณภูมิแล้ว ที่นู่น 20 องศากว่าๆเอง จะหนาวป้ะวะเพชร : ไม่หนาวหรอก โห่ หนูพึ่งไปเขาใหญ่มาอาร์ : งั้นเจ้เอาเสื้อกันหนาวออกดีกว่า หนักกระเป๋า (แล้วก็ลืมเอาออก ดีนะที่กุลืมมมมม !).ตอนนอน นี่ก็ตื่นมาเพราะหนาวจนนอนไม่ได้ ลมก็แรงชิบหา_ พัดเต๊นท์แทบปลิว ยังไม่พอ ฝนก็ดันตกด้วยนะจ๊ะ เออ เอาเข้าไปอาร์ : เพชร (น้องนอนตะแคงหันหลังให้)เพชร : ห๊ะ (พลิกตัวกลับมาแม่งใส่เสื้อเหลือแต่ลูกกะตา)อาร์ : นี่สินะ ! ไม่หนาวของมึ_อะ !
วันศุกร์ที่ 16/12/59.ถึงเวลาตี 5 เราก็ออกเดินทางไปยังจุดหมายที่ 2หนาวสั_ๆ ลมแรงแบบพัดตัวจะปลิวอะ นี่ไม่ได้ประชดนะ แรงขนาดนั้นจริงๆ ทุกคนใส่เสื้อและกางเกงทุกตัวที่มี ทางมืดมากกกก มองอะไรไม่เห็นทั้งนั้น ต้องใช้ไฟแฟลตจากโทรศัพท์ อาร์ถือแฟลตเครื่องนึง เมย์เปิดแมปเครื่องนึง มือที่เอาออกมาถือถึงกับชา ยิ่งไปลึกๆทางจะชันขึ้นเรื่อยๆ แต่ถนนดี กว้างและขับรถขึ้นมาได้.รูปนี้ถ่ายตอนนั่งพักตรงลานจอดรถ ใกล้จะถึงแล้ว
มาถึงข้างบน จะมีเค้าท์เตอร์เหมือนจะเป็นของเจ้าหน้าที่ แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่นะจ๊าาบอกแล้วทั้งอุทยานมีอยู่ 3 คนค่ะอิดอ_เงียบมากๆ มีแต่เสียงลมพัดแรงและดังมาก.รูปนี้ถ่ายตอนนั่งอยู่ข้างบนแล้ว แต่รอให้พระอาทิตย์ขึ้นก่อนค่อยเดินออกไปที่ผา
ตอนนี้เป็นเวลา 6 โมงเช้า ลองเช็คอุณภูมิ มันบอก 18 องศา โกหกกูแน่ๆค่ะ อิเหี้__ยยยยย อากาศหยั่งกะ -10 บอก 18 องศา ตัวกุจะแช่แข็งอยู่ละ ลมนี่ก็จะพัดอะไรขนาดนั้นอะ คิดว่าตัวเองเป็นทะเลหรอ มึ_เป็นภูเขาไง ลืมไปแล้วหรอออออ ?
พอฟ้าเริ่มสว่างก็เดินออกไปตรงผา
อากาศดีและลมแรงมากกกก
ฟ้ายังไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่
ถึงแล้วสินะ จุดหมายที่ 2 มาถึงจนได้ สำเร็จไป 2 แล้ว น้ำตาจะไหล TT เดินทางมาเรื่อยเปื่อยมาก มาถูกได้ยังไง
ที่นี่จะเป็นลานผากว้างๆ ลมแรงและวังเวงมาก ไม่มีคนเลย 55555555555555
อันนี้เป็นจุดที่ตามรีวิวมา ในรูปเป็นเวอร์ชั่นซูม
เวอร์ชั่นซูมแบบมีพรีเซนเตอร์
เวอร์ชั่นปกติ
นี่คือไม่หนาวของมันไง นางใส่เสื้อมาทั้งกระเป๋าจ่ะ
ออกไปแตะขอบฟ้าแปบ
มองลงไปได้ไกลมาก เป็นภูเขาและป่าหมดเลย ไม่มีบ้านเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอะไรแซมขึ้นมาทั้งนั้น
บอกแล้วว่าทั้งอุทยานมีอยู่ 3 คน 5555555
สรุปที่นี่คือดี มาก เป็นคนไม่ชอบเที่ยวที่คนเยอะๆ นี่ก็ไม่มีคนถึงขั้นวังเวงเลยล่ะ เพราะเป็นวันธรรมดาด้วย (พอใจรึยัง) ได้มาสูดอากาศเย็นๆเข้าปอดแล้ววววว.อากาศหนาว | ธรรมชาติ | รักส์ ❄️
พระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้ววว
มุมฮิตมุมเดิม แต่สว่างกว่าเดิม
ลม
ไปค่ะ ไปกันต่อที่ทุ่งดอกกระเจียว ทางเข้าจะอยู่ข้างกับผาสุดแผ่นดิน
เส้นทาง..
ศึกษา..
ธรรมชาติ..
ธรรมชาติพอมั้ยล่ะมึ_
**** เดี๋ยวมาต่อให้นะคะ ขอลงกระทู้งานแปบ อิอิ ****