kanchanaburi No plan No problem l เที่ยวกาญจนบุรีแบบไม่มีแพลน Caratravel

12 6

ฮัลโหลวววว สวัสดีค่าทุกคน น้องหล้ากลับมาล้าว พร้อมกับทริปท่องเที่ยวมันส์ ฉบับคนไม่มีแพลน ต้องบอกเลยว่าเป็นครั้งแรกเลยที่เราออกเดินทางแบบไม่มีแผนการใดๆ จุดเริ่มต้นของทริปนี้เกิดขึ้นจาก

1. เพื่อนชะนีนางหนึ่งเพิ่งเลิกกับผัว วันหยุดเสาร์อาทิตย์เลยว่าง จิตใจชะนีฟุ้งซ่าน ต้องการไปไหนสักที่

2. ส่วนสมาชิกในทริปอีกคนอยากไปหาช้าง ที่ไหนก็ได้ที่มีช้าง เนื่องจากไม่ได้สัมผัสผิวช้างมานานแล้ว คงจะรู้สึกกินไม่ได้นอนไม่หลับกระสับกระส่าย อยากจะดมกลิ่นขี้ช้างให้ชื่นใจ

3. เราหาข้อมูลเจอว่าที่มีช้างให้ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด และไม่ไกลเกินไป น่าจะไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่า ‘กาญจนบุรี’

4. แต่เนื่องจากเราเสิร์จหาที่พักแบบกระทันหัน หลายที่ที่น่าสนใจจึงเต็มหมดแล้ว ไม่ก็แพงเวอร์ หรือโทรมแบบสุดๆ

5. ใครบางคนพูดขึ้นมาว่างั้นก็ไปกันแบบ Road trip มั้ย นอนบนรถก็ได้

6. ใครอีกคนเบรกความคิดบ้าๆนั้นไว้ แล้วบอกว่ากูมีเต้นท์ กางเต้นท์นอนก็ได้ นอนบนรถก็โหดเกิ๊นนนนน

7. ใครบางคนตั้งคำถามว่าละจะกางเต้นท์ที่ไหน

8. “ไปก่อน ไว้ค่อยคิด”

ทั้งหมดทั้งมวลจึงเกิดเป็นทริปเที่ยวกาญจนบุรีในครั้งนี้ของเรา เย้! จะมีอะไรน่าสนใจในทริปนี้บ้างเข้าไปดูในคลิปวิดีโอกันก่อนนะคะ ดูจบแล้วอ่านรายละเอียดการเดินทางด้านล่างได้เลยค่า

เราเริ่มต้นออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่ (จริงๆคือนัดเช้าตรู่ แต่ขับรถเข้าเขตกาญจนบุรีจริงๆช่วงบ่าย 5555) จุดหมายแรกของเราคือ 'หมู่บ้านช้างเมืองสิงห์' เพราะจากการเสิร์จหาข้อมูลแล้ว นอกจากขี่ช้าง ที่นี่ยังมีกิจกรรมอาบน้ำช้างด้วย ระหว่างทาง สายตาก็เหลือบไปเห็นทุ่งทานตะวันเล็กๆ จอดเข้าข้างทางทันที ไม่ต้องไปลพบุรีก็มีรูปทานตะวันได้เด้อ คุ้มมาก55555

อ่ะ ความสู้แดดกันอย่างกับว่าอากาศช่วงบ่ายของไทยเย็นสบายแบบลอนด้อน

หลังจากตากแดดกันจนหน้าไหม้เราก็ออกเดินทางกันต่อเพราะพี่ช้างรอเราอยู่

หลังจากไปถึงจ่ายเงินค่ากิจกรรมคนละ 300 บาท เราก็ได้จับคู่แยกนั่งพี่ช้างไปคนละตัว ตอนขาไปเนี่ยเค้าจะให้เราซ้อนควาญช้างไปก่อน พี่ช้างจะพาเราเดินทางไปในแม่น้ำเล็กๆ

ระหว่างทางเดินไปก็จะมีเจ้าหน้าที่ถือโทรศัพท์ตามถ่ายรูปให้ด้วย 

ช้างที่นี่น่ารักและใจดีมากๆ พาพวกเราเล่นมุดน้ำบ้าง โยนเราลงจากงวงบ้าง สนุกเหมือนเล่นสวนน้ำอ่ะ เป็นประสบการณ์ที่อยากให้ทุกคนไปลองเพราะได้ใกล้ชิดช้างม๊ากกกก สำหรับใครที่กลัวสัตว์ตัวใหญ่อย่างพี่ช้างจะบอกว่าให้ลองไปสัมผัสดู แล้วจะรู้ว่าพี่ช้างเค้าน่ารักนะเว้ยแกรรรร

ได้เล่นกับช้างสมใจอยาก คงนอนหลับฝันดีไปหลายคืน

ใครตัวเบาๆ หน่อย พี่ช้างก็จะยกนิ่งๆ ให้ได้ชอตสวยๆแบบนี้ ถ้าตัวหนักพี่แกก็จะปล่อยเราลงไวนิดนึง5555

เราได้ใช้เวลาอยู่กับช้าง เล่นน้ำ ถ่ายรูป อาบน้ำขัดๆ ถูๆ ประมาณครึ่งชั่วโมงก็หมดเวลาสนุก ต้องบอกลาพี่ช้างแล้ว

แล้วน้องหล้าจะกลับมาหาใหม่เด้ออออออ

หลังจากออกจากหมู่บ้านช้างเมืองสิงห์ เรากับเพื่อนก็ตกลงกันว่าจะไปหาสวนน้ำเล่นให้สะใจ เพราะติดลมจากตอนเล่นน้ำกับช้าง เลยมุ่งหน้าไปแถวๆ ไทรโยค (ที่มีที่พักริมน้ำเยอะๆ) เพื่อไปเล่นสวนน้ำที่ อนันตราบุรี รีสอร์ท (อันนี้เราเคยไปมาแล้วครั้งนึง คนนอกสามารถเข้าไปเล่นได้ เสียคนละประมาณ 300 ถ้าจำไม่ผิดนะคะ)

เราไปถึงตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกดินเต็มที ไม่ทันแพรอบสุดท้าย ได้เล่นเครื่องเล่นอย่างเดียว แถมยังแทบไม่มีเวลาถ่ายรูป ใครจะไปแนะนำไปไวหน่อยน้า จะได้คุ้มค่าเข้าที่จ่ายไปเด้อ

ถึงจะไม่มีเวลาแต่นางก็ขอแวะถ่ายนิดนุง

หน้าตาของสวนน้ำก็จะประมาณนี้ ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่สนุกมากถ้าไปกับเพื่อน แข่งกันบ้าง แกล้งกันบ้าง กลับมาแผลถลอกเต็มไปหมด เพราะขูดกับแผ่นที่เค้าลอยน้ำไว้ให้เหยียบ แถมปวดตัวระบมเวอร์ ใครชอบความเอ็กตรีม ลำบากแบบมันส์ๆ ควรตามรอยเด้อค่า

หลังจากเล่นสวนน้ำกันจนหมดเวลา เราก็อาบน้ำสระผมที่รีสอร์ท เพราะยังไม่รู้ว่าคืนนี้จะไปนอนที่ไหน เลยอาบให้สะอาดไปก่อน เผื่อไม่มีห้องน้ำ หลังจากนั้นก็กินอาหารเย็นที่ร้านอาหารของรีสอร์ทเลย ราคาไม่แพง แถมบรรยากาศดีด้วย กินเสร็จเราก็ช่วยกันเสิร์จหาที่ตั้งเต้นท์นอนในคืนนี้ เจอหลายที่ที่มีลานกางเต้นท์ บ้างก็โทรไปไม่ติด หรือไม่ก็ปิดแล้ว ตอนนั้นเริ่มคิดอะไรกันไม่ออก หรือจะตั้งเต้นท์ข้างถนน หรือว่าต้องยกเลิก เปิดห้องนอนที่ไหนสักที่หนึ่ง หลังจากนั่งปรึกษากัน เราก็ได้ข้อสรุปว่าเราจะไปตายเอาดาบหน้า ลองขับรถไปดูที่อุทธยานแห่งชาติ น้ำตกเอราวัณดูก่อน ถ้าเค้าไม่ให้กางเต้นท์ก็จะออกมากางตรงลานข้างนอก ที่เราเคยไปเมื่อหลายปีมาแล้ว ไม่ไกลจากน้ำตก เป็นลานโล่งๆ ตอนนั้นเราเข้าไปเล่นเสก็ตบอร์ด ในหัวตอนนั้นคือถ้าไม่ได้กางในอุทธยานก็ยังมีที่สำรอง และสุดท้ายเจ้าหน้าที่อุทธยานก็ต้องรับเราอย่างดี ดีใจม๊ากกก เราเลยได้แพลนสำหรับวันพรุ่งนี้แบบไม่ต้องคิดให้ปวดหัว "พรุ่งนี้เช้าเราจะตื่นไปเดินขึ้นชั้น 7 ของน้ำตกเอราวัณกัน!"

เช้าวันต่อมา เราตื่นกันแต่เช้า (เราคิดว่าเช้าแล้วนะ แต่ตื่นมาเต้นท์รอบข้างหายไปหมดแล้ว สรุปคือพวกเราเนี่ยตื่นสายที่สุด) และรีบเดินขึ้นน้ำตกด้วยความที่กลัวว่าสายไปกว่านี้แล้วจะคนเยอะ เราพกขนมไปด้วยเผื่อหิวเพราะตื่นมายังไม่ได้กินอะไรกันเลย แต่ก็โดนยึดไปทั่ชั้น 3 เพราะทางอุทธยานไม่ให้เอาของกินขึ้นไป ขนาดน้ำยังต้องมีการมัดจำขวด ว่าเอาไปแล้วจะเอาขวดกลับมาทิ้งข้างล่าง ข้อนี้เรายอมรับได้และไม่โกรธอุทธยานเลย แม้วันนั้นพวกเราจะหิวจนหน้ามืด เพราะที่ต้องมีกฏแบบนี้ เรารู้ดีว่าต้นเหตุมันก็มาจากนักท่องเที่ยวนั่นแหละ ที่ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่รักษาความสะอาด จะให้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปตามเก็บขยะถึงชั้น 7 ทุกวันก็คงไม่ใช่ เช้าวันนั้นเราเลยเดินหอบ ท้องร้อง ขาดน้ำกันตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง55555

เราเดินขึ้นกันไปแบบเรื่อยๆ ใครที่ไม่เหนื่อยก็ขึ้นไปรอก่อน ส่วนเรานี่แวะกันตลอดทาง พักบ้าง ถ่ายรูปบ้าง เล่นน้ำบ้าง เราว่ามันทำให้การเดินขึ้นที่ชันๆ ไกลๆ มันเหนื่อยน้อยลงนะ ได้พักบ่อยๆ และโฟกัสกับธรรมชาติและความสวยงามที่แตกต่างกันของน้ำตกแต่ละชั้น แทนที่จะเป็นระยะทางที่ต้องเดิน

เราจะไม่รีวิวเส้นทางเดินและน้ำตกแต่ละชั้น เพราะเราอยากให้ทุกคนไปเห็น ไปลุ้นเอาเองว่าชั้นไหนน่าตาเป็นอย่างไร เรามีแค่ภาพสวยๆ ที่เราแวะถ่ายตามทาง เอามาอวดยั่วให้อยากไปตามรอย 55555 (แต่จะใจดีบอกให้ว่าชั้นที่เราได้รูปน้ำฟ้าใสอย่างกะบลูลากูนมานี่อยู่ชั้น 5 เพราะฉะนั้นอดทนเดินขึ้นไปให้ถึงชั้น 5 ก็ยังดีเด้อ)

ข้อดีของการไปพักที่อุทธยานคือเราได้ขึ้นมาตอนเช้าที่แทบจะไม่มีคนเลย น้ำตกเงียบสงบ น้ำฟ้าใสเหมือนกับสระว่ายน้ำส่วนตัว

นอกจากความใสแล้วที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือความเย็นของน้ำ หนาวม๊ากกกก เย็นเหมือนว่ายน้ำเล่นในตู้เย็น แต่จะบอกว่าความเหนื่อย ความร้อนที่ต้องเดินขึ้นไปมันทำให้เราแช่น้ำเย็นๆ นั่นได้แบบสบายๆเลยแหละ

ก่อนจะขึ้นไปถึงชั้น 7 มีหลายครั้งเหมือนกันที่เราคิดกับตัวเองว่าพอละ เราไม่อยากขึ้นไปเห็นแล้ว ช่างมันเถอะ เหนื่อย หิว ร้อน ต้องคอยดึงสติตัวเองกลับมาตลอดว่าแบบ เราเดินขึ้นมาถึงตรงนี้แล้วนะ จะไม่ขึ้นไปเห็นหน่อยเหรอ ว่าข้างบนมันเป็นยังไง เราเลยอยากจะบอกทุกคนที่อ่านกระทู้นี้ว่า ถ้าคุณมีโอกาสได้ตามรอย แล้วระหว่างทางคุณเกิดเหนื่อย ท้อ ขี้เกียด หรืออะไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีเพื่อนที่เคยเห็นแล้วบอกว่ามันไม่สวยเท่าไหร่ ถึงแม้จะเคยเปิดรูปดูว่าชั้นอื่นๆ สวยกว่าก็ตาม เราอยากให้คุณลองขึ้นไปดูด้วยตาของตัวเอง ความสวยของแต่ละคนมีมาตรวัดไม่เหมือนกัน บนชั้น 7 นั้นอาจจะสวยสำหรับคุณก็ได้ เราเองก็เอาชนะความเหนื่อยมาด้วยความคิดพวกนี้เหมือนกัน 

ความรู้สึกตอนขึ้นไปถึงคือ เออ ชั้นอื่นมันก็สวยกว่าจริงๆ นั่นแหละ แต่ก็ยังดีที่เราได้ตัดสินความสวยงามเหล่านั้นด้วยสายตาเราเอง ไม่ได้ฟังจากปากของคนอื่น ขนาดชะนีอ้วนขี้เหนื่อยขี้ร้อนอย่างเรายังขึ้นไปได้ คนทั้งโลกก็ต้องไปได้เหมือนกัน น้องหล้าเชื่อแบบนั้น555555

แล้วเจอกันใหม่นะเอราวัณ 

หลังจากแบกร่างตัวเองลงจากน้ำตกชั้น 7 เราก็เก็บเต้นท์ อาบน้ำ หาอะไรกินและมุ่งหน้าไปสู่ซาฟารี ปาร์ค เนื่องจากเพื่อนคนหนึ่งในทริปเคยไปมาแล้ว และมาโม้ให้ฟังว่าเห็นยีราฟโผล่เข้ามาในกระจกรถเลยนะ เจอเสือ สิงโต แบบใกล้ๆเลยด้วย พวกเราทุกคนเลยเออ ต้องไปดูให้เห็นกับตา ว่ามันยังไง55555

แต่โชคดีไม่ได้อยู่กับเราเสมอไป เพราะพวกเราเสิร์จกูเกิลแมพไผิดที่! คือขับมาตั้งไกลแมพพามาโผล่ 'สวนสัตว์เลี้ยง' เป็นสถานรับเลี้ยงสุนัขจรจัด อะไรประมาณนั้น มองหน้ากันแบบงงๆ ต้องงมหาทางกันใหม่

แต่ในเรื่องร้ายก็ยังมีเรื่องดีซ่อนอยู่ เพราะระหว่างทางที่เราไปผิดที่นั่นแหละ เราได้พบกับโลเคชั่นที่เหมาะจะไถสเก็ตมากๆ ไม่มีรถ เป็นเนินลงเขานิดๆ แถมมีวิวภูเขาและต้นข้าวโพดเกร๋ๆ ดีอ่ะ เลี้ยวรถเข้าข้างทางอย่างไว คิดไม่ผิดจริงๆที่พกบอร์ดมาด้วย

หลังจากหลงไปหลงมาเราก็มาถึงสวนสัตว์ ซาฟารีปาร์ค กาญจนบุรีกันสักที มาถึงนี่การแสดงสัตว์หมดไปหลายโชว์แล้ว ยังดีที่สามารถซื้อตั๋วนั่งรถบัสเข้าไปชมสัตว์ได้อยู่ (แต่สัตว์ก็จะเหลือน้อยหน่อย เพราะเอาเข้ากรงไปบ้างแล้ว) แต่ข้อดีของการมาถึงช้าคืออากาศไม่ร้อน และแทบไม่มีคน

รถบัสจะขับเข้าไปให้เรามองดูสัตว์จากนอกหน้าต่าง ได้เห็นเสือ สิงโตแบบไม่มีกรงอะไรมากั้น ตื่นเต้นเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กเลย

ทางสวนสัตว์จะมีให้ซื้อแครอทไว้ให้อาหารสัตว์ด้วยนะคะ แนะนำว่าต้องซื้อ เราจะได้ Attention จากเจ้าสัตว์ทั้งหลาย

ไฮไลท์ของที่นี่คงหนีไม่พ้นเจ้าพวกยีราฟ ที่มันตะกละมากๆ 55555 ยื่นหน้าเข้ามาขออาหารถึงในรถ นับเป็นการใกล้ชิดยีราฟที่สุดในชีวิต ถึงกับเลียหน้ากันเลยอ่ะ55555

ใครมาที่นี่คงต้องได้รูปมุมนี้กลับไปทุกคน เรานี่วางแผนกันอย่างดี ออกมาให้อาหารทีละคน ผลัดกันถ่าย พอให้เสร็จก็ต้องไปหลบมุมกล้อง ให้เพื่อนคนต่อไปออกมาบ้าง ชุลมุนวุ่นวายมาก55555 เพราะยีราฟมันก็ตะกละเหลือเกิน ใครอยากรู้ว่ารู้สึกยังไงต้องลองไปดู ไปกับเพื่อนแล้วจะมีแต่เสียงหัวเราะ

ฟลามันโกก็มาเด้ออออ อยู่ไกลๆ ต้องใช้กล้องซูมเอา

นอกจากได้ส่องสัตว์โกลน่ารักแล้วก็ยังจะมีรูปเกร๋ๆ ฟีลทำฟาร์มแบนี้กลับไปอวดเพื่อนเด้อ55555

ขอปิดทริปนี้ด้วยรูปนุ้งยีราฟจอมตะกละ ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านทริปเละๆเทะๆ ไม่มีแพลนของเรา ใครชอบก็ตามรอยได้น้า แชร์กระทู้ไปกดดันเพื่อนให้ออกไปเที่ยวด้วยกันได้เด้อ ไว้รอบหน้าจะมีทริปอะไรมาอัปเดต ฝากติดตามด้วยนะคะ


carahalloween

carahalloween

เราเป็นชะนีน้อย (แต่ตัวใหญ่ ขัดแย้งแมะ) ที่ชอบเที่ยว ชอบทะเล รักภูเขา รักน้ำ รักปลา รักซากุระ (ไม่ใช่ละ5555) เราเที่ยวบ่อย เที่ยวจนไม่มีเงินเก็บ เที่ยวจนเรื่องราวมันล้น จนต้องเอามาเล่าให้คนอื่นฟัง ลองมาอ่านเรื่องราวของสถานที่ต่างๆผ่านมุมมองของเรากันนะ และนอกจากชอบเที่ยวแล้ว เรายังรักแฟชั่นและการแต่งหน้า (บ้าๆบอๆ) เอามากๆ ใครที่ชอบสไตล์เดียวกับเราคือยินดีด้วยเด้อ เธอมีเพื่อนแล้วจ้า มาบ้าไปด้วยกันนะ <3

FULL PROFILE