[ละเอียดยิบ] ✿ ขอแชร์ประสบการณ์ในการทำเลสิคค่ะ ✿

31 31

สวัสดีค่ะเพื่อน จีบัน วันนี้นุ้งหน่อย กลับมาแล้วกลับมาแบบมีสาระสุดๆ โดยจะขอนอกเรื่อง มาเม้าท์ มาบอกเล่าประสบการณ์ในการทำเลสิค แก้ไขปัญหาสายตาสั้น มาเล่าให้ฟังแบบละเอียดยิบบบบบบค่ะ!!!!!!  ต้องเกริ่นก่อนว่าเนื่องจากหน่อยนั้นสายตาสั้นมากก่อนทำเลสิคนั้นใส่แว่นมาตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลาย ประมาณอายุ 15 เนอะ แล้วพอเข้ามหาลัยก็มาเริ่มใส่คอนแทคเลนส์ตอนเรียนปี 2 ก็ใส่มาเรื่อยๆ จนทำงานทุกวันนี้แต่ไม่เคยมีความคิดที่จะทำเลสิคเลยค่ะ เพราะเราใส่คอนแทคได้ บิ๊กอาย ก็มีค่าสายตาตอบโจทย์เรามาก ก่อนทำเลสิค สายตาสั้นประมาณ 7.00 – 8.00 ค่ะ ก็ใส่คอนแทคแบบไม่ได้พอดีกับค่าสายตาขนาดนั้น แต่ล่าสุดก่อนที่จะตัดสินใจทำเลสิคก็คือ รูสึกว่าเดี๋ยวทำไม เราใส่คอนแทคแล้วมองอะไรไม่ปกติ ไม่คมชัด เหมือนแต่ก่อน ก็มีการปรับค่าสายตาของคอนแทคเลนส์ เพิ่มขึ้นจาก 7.00 เป็น 7.50 ก็เพราะคิดว่า สายตาน่าจะสั้นขึ้นเพิ่มขึ้นตามปกติ แต่ ... พอเปลี่ยนแล้วก็ยังไม่คม ไม่ชัดอยู่ดีค่ะ เลยตัดสินใจเข้าร้านแว่น ไปวัดสายตา เพื่อจะทำการตัดแว่นใหม่ด้วย ปรากฎว่า ... มีสายตาเอียงแถมมาให้ด้วยจ้า ซึ่งมันเป็นอาการที่ทรมานมาก นะคะ สำหรับสายตาเอียง คือ มันจะมองอะไรเบลอๆ มึนๆ งงๆ มาก ทำให้ปวดหัว ชีวิตไม่มีความสุขเลย

ปกติคนสายตาสั้นมองเห็นแบบในภาพตัวอย่างนะคะ คือจะมองภาพแบบใกล้ชัด ไกลไม่ชัด (ดูภาพประกอบนะคะ ภาพนี้หามาจากในเน็ตนะคะ)

ส่วนคนสายตาเอียง จะเป็นแบบตัวอย่างค่ะ คือ ไม่ชัดไปหมดดดด ทั้งใกล้และไกลซึ่งหน่อยเป็นทั้งสองอย่างแบบนั้นค่ะ TT_______TT #โถ่ชีวิตของดาวววว

ทีนี้พอตัดแว่นมาใหม่ เราก็จะมีอาการยังไม่คุ้นชินกับแว่นตาอันใหม่ ใช่มั้ยคะ ปกติเราใส่คอนแทคเลนส์เวลาออกนอกบ้าน จะใส่แว่นบ้างบางครั้ง หรือเวลาอยู่บ้านเท่านั้นเพราะมันมีการปรับทั้งสายตาสั้น และสายตาเอียง ซึ่งพอมองมันก็ชัดขึ้น แต่ มันจะมีความไม่ชิน มันยังมีอาการพื้นลอย ปวดกระบอกตา ปวดหัว ซึ่งทางร้านบอกว่าเราต้องฝึกค่ะ ใส่ทุกวัน สักประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งเราก็ต้องทนค่ะ ใส่แว่นหนาเตอะทุกวันๆๆๆๆๆๆ  แถมปกติเราก็จะแต่งหน้าไปทำงาน พอใส่แว่น มันก็ทำให้เกิดความเบื่อ คือ แต่งหน้าไม่สนุกค่ะ ทาตาสวยๆ พอใส่แว่นก็กลายเป็นป้า เราไม่แฮปปี้เลย ถึงขั้น แค่ทาครีม ทากันแดด แล้ว ปัดแป้งฝุ่น ออกจากบ้านเลยค่ะ 55555

แถมเวลาเดินออกจากรถไฟฟ้าจะเจอปัญหาที่คนใส่แว่นเท่านั้นเข้าใจค่ะ #ฝ้าขึ้นเด้ออออออออ

ยังค่ะ ยังไม่สุด เคย ถอดแว่นวางไว้ แล้ว มองไม่เห็นค่ะ ชีวิตที่ไม่มีแว่นเหมือนคนตาบอดจริงๆนั่งทับมันเลยจ้า ทับจนขาแว่นเบี้ยว ต้องไปซ่อม พนง. ที่ ร้านถึงกะบอกว่า ลูกค้าอย่าเผลอทับอีกนะคะ รอบนี้ดัดขาไปแล้ว ถ้ารอบหน้าทับอีกเหล็กตรงขาอาจจะหักเลยต้องเสียตังค์เปลี่ยนกรอบนะคะ #ค่ะ TT____TT

แต่เราเจอปัญหาจนท้อใจมาก คือ พื้นลอย ก้าวบันไดต้องเล็งให้ดี บันไดเลื่อนก็จะกะระยะไม่ถูก มันลำบาก เคยหนักสุดคือ เดินริมฟุตบาทป้ายรถเมล์ เกือบร่วงถนน ให้รถทับ อันนี้แหล่ะ คือ สาเหตุที่เราเริ่มศึกษาเรื่องการทำเลสิค แบบจริงจังไปตั้งกระทู้ถามพันทิพย์ ก็ไม่มีคนมาตอบเลย #ร้องไห้ T__T  เลยตัดสินใจค้นเอง เปรียบเทียบเอง ดูรีวิว ดูข้อมูลเองเลยค่ะ


จนไปเจอกระทู้นึงในพันทิพย์เคยมีคนทำรีวิวไว้มีรายละเอียด ราคา และข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์มาก ในการไปค้นหาข้อมูลต่อตอนแรกตั้งงบไว้ 4 – 5 หมื่น ค่ะ แต่พอค้นไปเรื่อยๆ ก็เจอ ข้อมูล ของหลายที่มากทั้ง รพ.กลาง , รพ. เวชธานี , รพ.ตำรวจ ราคาก็ไม่แพง แต่คิวยาวมาก แต่เจอหลายๆ คน ในกระทู้ รีวิว บอกว่า ทำกับพญ. ตุลยา ตั้งศิริพัฒน์ กันเยอะมาก บอกว่าคุณหมอคือ มือทองในเรื่องของการทำเลสิค เลยตัดสินใจเช็ค ดูว่า เจอแฟนเพจของคุณหมอตุลยา ที่มีพี่แอดมินเป็นเลขาคุณหมอ ก็เลยไปสอบถามดู


คุณหมอเข้ารักษาที่ รพ.ไหนบ้างก็เจอพบว่าคุณหมอ รักษาอยู่ 3 ที่ค่ะ

1. Supreme iLasik ตั้งอยู่ ถ.สีลม

2. ท็อปเจริญจักษุ ตั้งอยู่ ถ.แจ้งวัฒนะ

3. โรงพยาบาลปิยะเวท ตั้งอยู่ ถ.พระรามเก้า <<< ซึ่งเราเลือกทำที่นี่ค่ะ เพราะเหตุผลว่าที่แรก ราคาแพงเพราะเครื่องมือดีที่สุด และต่างกับ 2 ที่หลัง 


แต่เราสู้ราคาไม่ไหวค่ะ ส่วนที่แจ้งวัฒนะ ไกลบ้านเรามากค่ะ เวลาเลือกทำ คำนึงถึงเวลาตอน follow up แผลด้วยนาจา เลยเลือกปิยะเวท นี่หล่ะค่ะ ไม่ไกลมาก มีรถไฟฟ้า รถฟใต้ดินเดินทางสะดวก มีรถส่วนตัวขับไม่นานมาก มีทางด่วนวิ่งแป๊บเดียวถึงรพ. ละเอาหล่ะค่ะ พอตัดสินใจว่าจะทำที่ปิยะเวท เราก็ทำการเช็คคิวและราคาค่ะ ซึ่งราคาไม่แพงถูกกว่างบประมาณในใจอีกนะยูววววว์ซึ่งราคานี้ คือ 37,900 บาท รวมค่าตรวจสายตาแบบละเอียด ค่าผ่าตัด ค่ายา และค่าตรวจแผล follow up แบบ 1 วัน/ 7 วัน/ 1 เดือน/ 3 เดือน/ 6 เดือน/ 1 ปี เรียบร้อยแล้ว 


ซึ่งบางรพ. นั้น อาจจะมีค่าใช้จ่ายตรงนี้เพิ่มเติมค่ะพอนัดคิวแล้ว เราเองได้คิวทำเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ค่ะ ซึ่งระยะในการรอคิวประมาณ 1 เดือนนับจากวันจอง เราจองตอนช่วงปลายๆ เดือนตุลาไว้ซึ่งระหว่างนี้พอ 1 วันก่อนวันทำเลสิค คุณเจ้าหน้าที่จะโทรมาแจ้ง ว่า วันที่ไปทำให้สระผม อาบน้ำให้เรียบร้อย เลิกใส่คอนแทคเลนส์ก่อนวันทำ 7 วัน (ซึ่งเรางดไปเลยตั้งแต่ไปตัดแว่นมารวมๆ ก็เป็นเดือนพอดีที่ไม่ได้ใส่คอนแทคเลยเพื่อรักษากระจกตาให้สมบูรณ์ที่สุด) 


งดแต่งหน้า งดฉีดน้ำหอม โรลออน ทุกฉีด เพราะมันจะมีผลกับค่าเลเซอร์ในห้องผ่าตัดค่ะ พาญาติมาด้วย (เราพาแฟนไป) และให้ใส่เสื้อที่มีกระดุมผ่าหน้ามานะคะ เพื่อเวลาที่เรากลับบ้าน เราจะได้ถอดเสื้อง่ายๆ ไม่ไม่โดนแผลที่ตาค่ะ ซึ่งเราทำตามที่เค้าแจ้งเป๊ะๆ ทุกประการ ในวันไปพบหมอค่ะ  


ก่อนวันทำเลสิค นี่ถึงกับบนบานศาลกล่าวกับศาลตา-ยาย พระภูมิเจ้าที่ ที่บ้านเลยนะ ว่าขอให้ทำได้ และปลอดภัย 5555555 เอาหล่ะค่ะ เมื่อวันที่หมูต้องขึ้นเขียงก็มาถึง คุณเจ้าหน้าที่นัดเรา 8-9 โมงค่ะให้มาถึง รพ. เมื่อมาถึงรพ. เราก็ต้องทำประวัติคนไข้ใหม่ค่ะ ที่ชั้น 1 และ นำใบส่งตัวขึ้นมายื่นที่ชั้น 6 ค่ะ ด้านหน้าของรพ. เป็นแบบนี้ค่ะ

พอมาถึงเราก็ต้องเริ่มทำการตรวจเช็คสายตาแบบละเอียดก่อนเพื่อให้คุณหมอวิเคราะห์ว่าจะทำได้มั้ย ทำได้หรือเปล่า จะทำได้มั้ย ทำได้หรือเปล่า ชะชะช่า!ซึ่ง ขั้นตอนก็จะมีประมาณนี้ค่ะ

  • วัดความดัน , ชั่งน้ำหนัก , วัดส่วนสูง
  • กรอกประวัติ ค่ะ ว่า อายุเท่าไหร่ อาชีพอะไร : ซึ่ง เราถามก่อนเลย ว่า เราอ่ะทำงานหน้าคอมพ์ตลอด บางทีก็ต้องใช้สมาร์ทโฟนในการทำงานแทน เราจะทำยังไงดี พี่เจ้าหน้าที่ ที่นี่ใจดีทุกคนค่ะ พี่เค้าก็จะให้คำแนะนำว่า เราอ่ะต้องพักผ่อน งดใช้สายตา งดการเล่นมือถือ และคอมพิวเตอร์ สักประมาณ 7 วัน พอจะได้มั้ย เพื่อให้สายตาพักแบบเต็มที่ แล้ว หลังจากนี้ โอกาสที่จะกลับมาสายตาสั้นก็มีนะคะ ในระยะ 5 – 10 ปี เพราะเราอายุยังน้อย อาจจะกลับมาสั้น สัก 100 – 200 ก็น่าจะมี ซึ่งเราโอเค ไม่มีปัญหา ขอแค่ไม่ให้มันแย่กว่าที่เป็นอยู่เรายอม
  • วัดสายตา , วัดความดันลูกกะตา ซึ่งขั้นตอนนี้ จะมีลมออกมาเป่าปู้ด ที่ตา สะดุ้งโหยงทุกครั้งที่โดนเป่า ซึ่งผลออกมาตอนแรก เราใจเสียมาก เพราะเจ้าหน้าที่แจ้งว่า เราค่าความดันลูกตาสูง อาจจะเสี่ยงต่อการเป็นต้อหินในอนาคต เพราะกรรมพันธ์ในบ้านเรามีอากงเป็นต้อกระจก เรากลัวมากว่าจะทำเลสิคไม่ได้
  • วัดความโค้งของกระตา วัดความหนาของกระจกตา ซึ่ง โชคดีมากที่ เรากระจกตาหนาประมาณ 560 ซึ่งมันสามารถทำเลสิคได้จ้า สาเหตุเรื่องความดันในลูกตาสูงอาจจะมาเพราะกระจกตาเราหนาก็เป็นได้ ทำแบบ SBK Wave Front  เย้ๆๆๆๆ
  • พอเจ้าหน้าที่บอกว่าทำเลสิคได้เราก็จะมาเริ่มหยอดยาขยายม่านตาค่ะ ตอนแรกจะแสบๆ ตานิดนึง แล้วเค้าก็จะให้ไปทานข้าว ระหว่างนี้ม่านตาจะขยายต้องมีญาติไปด้วยนะคะ เพราะเราจะมองอะไรไม่ชัดแล้ว สักประมาณ 45 – 60 นาที
  • พอทานข้าวเสร็จขึ้นมาเช็คดูการขยายของม่านตา ซึ่งเจ้าหน้าที่เช็คของเราแล้ว เค้าก็บอกว่าม่านตาเราขยายน้อยมาก ซึ่งอิน้องก็ตกใจ ว่าจะเป็นอะไรมั้ยคะ แต่เค้าบอกว่า ดีแล้วค่ะ ขยายน้อย เป็นผลดี เวลาที่เราขับรถตอนกลางคืน เราจะได้ไม่มองเห็นไฟเป็นแฉกๆ เยอะ
  • จากนั้นกลับมาวัดสายตาอีกครั้งค่ะ ว่าหยอดยาขยายม่านตาแล้ว สายตามีเปลี่ยนมั้ย ซึ่งไม่มีเปลี่ยนค่ะ สั้นเท่าเดิมคือ 7.00 และเอียงประมาณ 1.25 ทั้งสองข้าง ซึ่ง อันนั้นงงมาก เพราะตอนไปร้านแว่นเค้าวัดไม่ได้เท่ากับรพ. แต่ช่างมัน เอาที่ รพ. นี่แหล่ะชัวร์สุด
  • เข้าไปพบคุณหมอกันค่ะ เช็คสายตากันอีกรอบ มีเครื่องส่องตา มองตามแสงไฟที่คุณหมอสั่ง คุณหมอตุลใจดีค่ะ คุณหมอก็บอกว่าโอเค ทำได้ ดีแล้วที่มาทำเร็ว เพราะตอนนี้เส้นเลือดฝอยวิ่งเข้ามาหาลูกกะตาดำเราแล้ว เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า หนูจะไม่ไหวแล้วจ้ะนายจ๋า แต่ถ้าหากในอนาคตสายตาสั้นอีก เราอาจจะต้องมาเช็คกันว่า จะยังเลเซอร์ได้อีกมั้ย #รับทราบค่ะคุณหมอ
พอเช็คทุกอย่างเสร็จ ก็เป็นขั้นตอนของการไปจ่ายตังค์ และรับยาพร้อมอุปกรณ์ค่ะ ถุงใครถุงมัน เลยต้องไปชั้นล่างเพื่อจ่ายตังค์และรับยากันค่ะ

นี่ค่ะใบเสร็จจ่ายเองเจ็บเองนักเลงพอ 5555555

ส่วนถุงยา นั้นจะมีดังนี้ค่ะ

  • สำลีก้อน พร้อมเทปกาวไว้แปะที่ครอบตา ค่ะ
  • น้ำตาเทียม Vislube 1 กล่อง มี 20 อันค่ะ
  • น้ำเกลือขวดเล็กไว้เช็ดตา ซึ่งเราใช้อันนี้เช็ดหน้าด้วยค่ะ
  • ยาพารา แก้ปวด
  • ยาหยอดตาสำหรับฆ่าเชื้อ
  • และยาคลายเครียด หรือยานอนหลับแบบอ่อนค่ะ

ซึ่งพอรับยาเสร็จเราต้องกลับขึ้นมาชั้น 6 เพื่อฟังบรีฟ ขั้นตอนของการดูแลตัวเอง หลังทำเลสิค วิธีการล้างแผล หยอดตา ต่างๆ ค่ะ ซึ่งเราก็เข้าไปฟังพร้อมกับคนอื่นๆ ที่รอคิวทำเลสิคคนอื่นๆ ระหว่างนั้นจะมีพี่ดาว ที่เป็นเลขคุณหมอ เป็นคนคอยสอน วิธีการเช็ดตา การหยอดตา และตอบคำถามต่างๆ ซึ่งอันนี้ พี่ดาวเจ๋งมาก สามารถตอบทุกคำถาม ที่คนสงสัยได้หมด แม้กระทั่งคำถามจากเจ้าหนูจัมมัยร่วมคลาสบางคน เช่น ทำไมต้องเช็ดตาแบบนี้ ทำไมเช็คแบบเช็ดอายไลเนอร์ไม่ได้#ก็แผลมันเพิ่งทำเสร็จเช็ดแบบปกติไม่ได้เดี๋ยวน้ำเข้าเดี๋ยวกระจกตาเปิดจ้ะป้า 555555เอาหล่ะค่ะ จบคลาสเรียนวิธีการใช้ยา การล้างแผล และ วิธีการแปะที่ครอบตาแล้ว เราก็ต้องเซ็นใบยินยอมผ่าตัดค่ะแล้วพี่ๆ เค้าก็จะเช็คดูว่า ใครกระจกตาหดกลับมาเป็นปกติแล้วบ้าง ซึ่ง นุ้งหน่อยเป็นคนแรกเลยจ้า หดก่อนเพื่อนนนน 55555 ก็มันไม่ได้ขยายเยอะอ่ะ เลยได้ทำคิวแรกเลย บางคนต้องใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงเลยนะคะ กว่าจะหดกลับเป็นปกติ

เอาหล่ะค่ะ พร้อมจะไปขึ้นเขียงหมูกับเราหรือยัง ???เริ่มจากเราต้องไปล้างทำความสะอาดหน้าอีกรอบค่ะ เจ้าหน้าที่จะมีเซตาฟีล ไว้ให้ล้างหน้า ผ้าขนหนูซับหน้าพร้อมไปใส่เสื้อคลุมผ่าตัด ใส่หมวกคลุมผมกันจ้า จากนั้นก็เข้าห้องค่ะ ห้องผ่าตัดแอร์เย็นมากกกกก เพราะต้องรักษาอุณหภูมิให้เครื่องมือ โหยยย ... ณ จุดนั้น ใจสั่นมากขึ้นไปนอนบนเตียงแล้ว ยอมรับว่าอ่านรีวิวคนอื่นมาเยอะพอสมควรเพื่อไม่ให้เด๋อจนทำตัวไม่ถูก แต่ตื่นเต้นมากกก กลัวมากกกกมันจะมี เครื่องยิงแสงสีเขียว สีแดง ให้เรามองเอาไว้ อ๋อไฟสีเขียวสีแดง ที่อ่านในรีวิวคืออันนี้นี่เอง แล้ว ระหว่างนี้เจ้าหน้าที่จะหยอดยาชาให้ค่ะ 


แล้วก็บรีฟกันเรื่อง ส่งสัญญาณค่ะ เราจะคุยกันด้วยการโต้ตอบเท่านั้น เราห้ามพยักหน้า นะคะแล้วก็อธิบายว่าจะมีการทำการเปิดกระจกตาค่ะ ซึ่งคุณพยาบาล ก็เปิดให้ฟังข้างหู กลัวตื่นตระหนก ซึ่งพอได้ยินตอนแรกก็ตกใจจริงๆ อ่ะ 5555 มันเหมือนเสียงใบเลื่อยอะไรสักอย่างระหว่างนั้นก็จะคอยหยอดยาชาตลอด ประมาณ 4-5 รอบได้ ซึ่งระหว่างนั้น ก็ได้ยินคำแนะนำตลอดว่า ห้ามสะบัดหน้าหนี นะคะ มองไฟสีเขียว สีแดงไว้ อย่าพยักหน้านะคะ เลยถามกลับไปว่า #มีที่ล็อคคอมั้ยคะหนูกลัวลืมตัว #ไม่มีค่ะ 


ฮาครืนนนนกันไปค่ะคู๊ณณณณณ 55555  ระหว่างนอนหยอดยาชานั้น ก็แอบเอามือคลำๆ ข้างเตียงค่ะ นึกในใจ ว่า ถ้ามันเจ็บจี๊ดขึ้นมาตูจะจิกอะไรดีวะ เตียงไม่มีอะไรให้จิกเลย สรุปเลยนอนเอามือประสานกันไว้ค่ะ บอกตัวเองว่าถ้าเจ็บก็คงต้องจิกมือตัวเองไปพลางๆ นะลูกกกกจากนั้นก็ได้เวลาค่ะ คุณหมอตุลยา เข้าห้องมาแล้ว พร้อมกับเสียงประกาศที่บอกว่า ระหว่างทำ ไม่ว่าจะทำตาข้างไหนต้องลืมตาสองข้างตลอดเวลานะคะ นี่นอนนิ่งเลยค่ะ ไม่ตอบใดๆ กลัวแล้ววววววว


>>>> ขั้นตอนการทำมาแล้วค่ะ <<<<

  • คุณหมอจะใช้พลาสเตอร์แปะเพื่อถ่างตาล่าง ตาบนของเราไว้ แล้วใส่ที่ถ่างตาค่ะ
  • จากนั้นก็จะทำการเปิดกระจกตาค่ะ ขั้นตอนต่างๆ จะมีพี่พยาบาลคอยบอกตลอดนะคะ ว่าต้องมองแสงสีเขียวสีแดงนะคะ เดี๋ยวภาพจะหายไปประมาณ 10 วินาทีไม่ต้องตกใจนะคะ อย่าสะบัดหน้าหนี เริ่มจากตาข้างขวานะคะ
  • เมื่อภาพกลับมาใหม่ ก็จะทำการใช้เลเซอร์ยิงเพื่อปรับผิวกระจกตา พยาบาลจะพูดประมาณว่า สายตาสั้น 700 เอียง 125 ยิง 59 วินาที แล้วก็จะเริ่มยิงค่ะ พร้อมนับถอยหลังให้ ค่ะ 20 … 10 … 1 ซึ่งมันไม่เจ็บ แต่จะได้กลิ่นเหม็นไหม้ เหมือนไม้ช็อตยุงแล้วยังเปิดไฟช็อตมันจนไหม้อ่ะ 55555  เสร็จแล้วค่ะ จากนั้น ก็ จะทำการปิดกระจกตาด้วยไม้พายหรืออะไรสักอย่างเกลี่ยๆ กระจกตา แล้วปิดตาข้างที่ทำเสร็จไว้ แล้วย้ายข้างกันค่ะ
  • คุณพยาบาลจะคอยแนะนำทุกๆ ขั้นตอนเหมือนเดิมนะคะ ยอมรับว่าข้างขวา เราใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ตลอดเวลา แต่ไม่ได้เจ็บหรือจิกมือตัวเองแต่อย่างใด นอนฟังทุกอย่าง อย่างตั้งใจ ไม่ตอบไม่คุยอะไรเลย นอนนิ่งมาก ตอนทำบอกกับตัวเองในใจเลยค่ะ “แกจะถอยไม่ได้นะ แกคิดถึงตอนใส่แว่นสิ ต่อไปนี้จะไม่ต้องโดนแว่นบีบดั้งแล้ว จะได้แต่งหน้าสวยๆ จัดเต็ม จะได้โลกใหม่แบบ HD และที่สำคัญแกรูดบัตรเครดิตไปแล้วนะโว้ยยยย 555555”
  • ยิ่งพอย้ายมาข้างซ้ายรู้สึกชิลมาก พอรู้ว่าทำอะไรบ้างจากข้างขวา ข้างซ้ายเลยชิลมาก โดยเฉพาะตอนยิงเลเซอร์ 59 วินาทีผ่านไปอย่างรวดเร็วนึกในใจ คุณหมอคะ ยิงอีกค่ะ ยิงอีก หนูเพลิน หนูอยากคุ้มค่า 55555 พอทำทุกอย่างเสร็จ ลงจากเตียงก็จะเริ่มมองเห็นชัดขึ้นแบบมีหมอกฟุ้งๆ ที่ตาค่ะ ระยะเวลารวมๆ ไม่เกิน 30 นาทีอ่ะค่ะ
  • พอออกมาจากห้องผ่าตัด เราจะต้องมาให้คุณหมอจะออกมาจากห้องผ่าตัดเพื่อเช็คแผลค่ะ เช็คกันแบบรายบุคคลนะคะ ไม่ได้ทำเสร็จแล้ว คนถัดไปเชิญเลยค่ะ แบบนั้นเด้อ คุณหมอจะดูว่าแผลโอเคมั้ย แผลย่นหรือเปล่า ถ้าแผลไม่โอเคต้องไปซ่อมนะคะ #ไม่สลบและก็ไม่ตายจ้า 55555
  • เมื่อคุณหมอเช็คแผลว่าโอเคแล้ว จะส่งตัวเราไปให้เจ้าหน้าที่ดูแลต่อค่ะ เราก็จะได้ทานยาแก้ปวด
  • แล้วหยอดยาฆ่าเชื้อ แล้วก็ น้ำตาเทียม จากนั้นปิดฝาครอบตาค่ะ #ขออภัยอ้วนเหลือเกินอันนี้ทำเลสิคไม่ได้คลอดลูกนะจ๊ะ #อยากตบแฟนมากๆถ่ายยังไงให้เราดูอ้วนฟระ555555


พอปิดตาเสร็จทุกอย่างเรียบร้อย เป็นอุลตร้าแมนกลับบ้านกันเล้ยยย ซ่ามากกกก พูดเลยย หารู้ไม่ว่าเดี๋ยวยาชาหมดฤทธิ์เท่านั้นแหล่ะ น้ำตาไหลเองเฉย ดราม่าควีนมาเลย 555555

ระหว่างนี้เราจะเห็นทุกอย่างฟุ้งๆ หมอกขาวๆ นะคะ แต่เริ่มเห็นหน้าแฟนเราชัดขึ้นเยอะเลย ดีใจมาก

เรียบร้อยค่ะ กลับบ้านโล้ดดดดดดดดด คุณเจ้าหน้าที่ก็แนะนำว่าให้ กินยาคลายเครียดเลยนะคะ นอนพักเยอะๆ พรุ่งนี้เช้ามีนัดกันใส่แว่นกันแดดมาเจอกันนะคะ


ระหว่างนี้ 7 วัน คุณหมอก็ให้เราล้างแผล เช็ดน้ำเกลือที่ตาเช้าเย็น หยอดยาฆ่าเชื้อ หยอดน้ำตาเทียม ทุกๆ ชั่วโมง หมอจ่ายยี่ห้อ Vislube มากล่องนึง มี 20 หลอดที่น้อยมากแกร๊ หลอดละเกือบ 20 บาท วันนั้นฝุ่นเข้าตาขยี้ตาก็ไม่ได้คันก็คัน แสบก็แสบ แม่หยดล้างตาเลยจ้า 1 หลอดดด 555555


อาทิตย์นึงก็หมดแล้ว แต่เราก็ไปหาซื้อตุนไว้ได้ ราคาร้านขายยาข้างนอกขายประมาณ 450 บาทแต่เราไปซื้อจากร้านขายยา ตรงข้ามรพ. จุฬามา กล่อง 370 บาทเอง เดือนนี้ก็ตั้งใจว่าจะใช้ยี่ห้อนี้ไปก่อนเพราะน้ำตาเทียมเค้าเจ้มจ้นเหนียวมาก แล้วอีก 1 เดือน จะใช้ยี่ห้อไหนก็ได้ คุณหมอไม่ว่า

พอกลับบ้าน ก็กินข้าว กินยานอนหลับ แล้วนอนเลย ซึ่งระหว่างนั้นจะมีอาการตึงๆ ตา เวลากระพริบตาจะเจ็บนิดๆ แต่มันเป็นความเจ็บปวดแบบ HD ความเจ็บปวดที่เราสามารถทนได้ ไม่รู้ว่าทำจมูกเจ็บมั้ย เพราะไม่เคยทำ แต่รู้ว่า ผ่าฟันคุดเจ็บทรมานกว่านี้อีกแกร๊ อะไรที่ใครเค้าเล่าให้ อย่าไปสนใจ ที่เค้าว่ามันจะอย่างนั้น อย่างนี้ ไม่จริงเลย สิบปากว่า ไม่เท่าทำเอง


พอหลับไปตื่นเช้ามา โอ้โหหหห... ความรู้สึกนี่ยิ่งกว่าเจ้าหญิงนิทราที่เพิ่งโดนจุมพิตให้ตื่น 5555555

ทุกอย่างมันมองเห็นชัดมาก เทสๆ โดยการมองตัวเลขนาฬิกาที่แขวนกำแพงได้แบบชัดแจ๋ว เปิดหน้าต่างข้างบ้านเห็นยัน แมวที่วิ่งไล่กันกันตรงหลังคาบ้าน ดีใจน้ำตาจะไหล


  • ขั้นตอนในการดูแลตัวเองหลังทำเลสิคคือ
  • นอนหลับให้เพียงพอ
  • ใช้สำลีชุดน้ำเกลือเช็ดรอบเปลือกตา 7 วัน เช้า - เย็น
  • งดใช้สายตา 24 ชั่วโมงแรก ทั้งอ่านหนังสือ ขับรถ ดูโทรทัศน์ งดใช้คอม และมือถือ
  • กินยาแก้ปวด หากมีอาการปวดตา
  • ไม่บีบตา ไม่ถู หรือ ไม่ขยี้ตาแรง
  • แปะที่ครอบตา 7 วัน หรือจะแปะเฉพาะตอนนอนก็ได้ แม้แต่นอนงีบกลางวันก็ต้องแปะนะคะ กันจกตาตัวเอง
  • หากออกแดดต้องสวมแว่นกันแดด กันฝุ่น กันลม ขอบอกว่าตอนฝุ่นเข้าตาแล้วขยี้ตาไม่ได้ทรมานมากต้องหยดน้ำตาเทียมล้างแทนน้ำเปล่า
  • งดล้างหน้า 7 วัน
  • งดใช้ครีม และเครื่องสำอาง 7 วัน
  • ห้ามสระผม ให้น้ำเข้าตา อยากสระผม เข้าร้านเลยจ้า
  • งดเล่นกีฬา งดว่ายน้ำ 1 เดือน
พอหลังทำ 1 วัน ก็ต้องไปให้คุณหมอดูแผลค่ะ มีการเช็คสายตากันก่อนพบคุณหมอ ว่าโอเคมั้ยแผลสวยหรือเปล่า คุณหมอก็จะถามว่าเป็นยังไงบ้างเห็นชัดมั้ย เราก็บอกเห็นชัดประมาณ 80% เลยค่ะคุณหมอก็บอกว่า มันจะค่อยๆ ชัดขึ้นอีกนะคะ


แล้ววันที่เขียนรีวิวนี่ก็ ครบ 7 วันพอดี ก็มีนัดกับคุณหมออีกรอบ ก็เหมือนเดิม ตรวจด้วยเครื่องวัดสาย และวัดความดันลูกตา ละพบคุณหมอเพื่อดูว่าแผลติดเชื้อมั้ย ซึ่งของเราแผลโอเค พอคุณหมอบอกว่า “หนูล้างหน้าได้ปกติ ดีแล้ว แต่งหน้าจัดเต็มนี่ยิ้มปากกว้างจนคุณหมอขำเลย” เพราะหนูดีใจมากที่หน้าโดนน้ำได้แล้ว คุณหมอหัวเราะแรงมากกก


ซึ่งก่อนกลับเราก็แอบถามคุณหมอว่า หนูขออนุญาตถามนิดนึงได้มั้ยคะ ซึ่งคุณหมอก็ใจดีบอกถามได้เลยค่ะ เลยถามไปว่า หนูสายตากลับมา 0.00 แล้วใช่มั้ยคะ คุณหมอก็บอกว่า ศูนย์แล้วแหล่ะ ทำไมหรอ เลยบอกเปล่าค่ะ สงสัย ซึ่งคุณหมอก็ถามกลับว่า ทำไมหล่ะ มองไม่ชัดหรอ เลยบอกว่าชัดแจ๋วเลยค่ะ เหมือนตายแล้วเกิดใหม่จริงๆ คุณหมอก็ขำอีก แล้วบอกว่า “ถ้าตอนนี้มองเห็นชัดแล้ว สายตาจะ 0.00 หรือเปล่าก็ไม่สำคัญหรอก ไว้อีก 1 เดือนมาเจอกัน เดี๋ยวเรามาเช็คกันแบบละเอียดอีกครั้งนึงเนอะ #จริงของคุณหมอค่ะ ^^”


เอาหล่ะค่ะ รีวิวนี้ยาวหน่อยนะคะแต่ตั้งใจเขียนเพื่อแชร์ประสบการณ์ให้สาวแว่น ที่อยากตั้งค่าโรงงาน คืนการมองเห็นโลกแบบ Full HD กลับคืนมา แบบเรา หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ

ซึ่งเรายอมรับเลยว่าก่อนทำ คุยกับคนนู้น คนนี้ ข้อมูลไม่เหมือนกันอาจจะทำให้เรากลัวไปบ้าง แต่ขอยืนยัน ว่าทำเหอะ ทำแล้วดี เจ็บอย่างที่คิด ผ่าฟันคุดทรมานกว่าเยอะจริงๆ แล้วที่สำคัญ อย่าไปดู Final Destination ที่เค้าพูดถึงฉากทำเลสิคละกัน <<< อันนี้เราโดนแฟนเราพูดบัฟมา =***=  


อย่าไปหาดูรีวิวเป็นคลิปนะคะ ดูเป็น text พอให้จินตนาการแบบเบาๆ เพราะวันที่ไปทำมีพี่ผู้ชายคนนึง ถามเราว่าทำเสร็จเจ็บมั้ย เค้าตรวจแล้วแต่ไม่กล้าทำ เพราะกลัว

ดังนั้น เราต้องมุ่งมั่นค่ะ ความกล้าต้องมีมากกว่าความกลัว แล้วจะพบกับคำว่าเกิดใหม่แบบที่ใครเค้าว่ากันค่ะ


หากมีข้อสงสัยอะไรถามคุณหมอเลย ซึ่งเราได้ยินมาว่า คนทำเลสิคจะไม่สามารถใส่คอนแทคเลนส์ได้อีกแล้วจริงมั้ย ???

คุณหมอบอกว่าคนทำเลสิค สามารถกลับมาใส่คอนแทคเลนส์ได้ค่ะหลังทำ 1 เดือนก็ใส่ได้แล้ว เพียงแต่อย่าใส่นานเกิน 8 ชั่วโมง แล้วก็เพื่อรักษากระจกตาของเรา ไม่ให้เป็นแผลค่ะ แล้วก็อาจจะใส่แล้วไม่กระชับเท่าเดิม อาจจะหลุดบ้างเท่านั้นเอง ^^

หากสงสัยอะไรตรงไหนสอบถามเพิ่มเติมได้นะคะ ไว้จะแวะมาตอบให้ค่ะ

ไปแล้วววค่ะ 


บะบุยยยยย xoxo


noi_506

noi_506

My name's หน่อย ค่ะ^^
อายุ 30 ต้นๆ เป็นสาว office ธรรมดาๆ ติดตามจีบันมานานมากแล้ว เกือบ 10 ปีได้เข้าเว็บนี้ตั้งแต่เป็นเด็กน้อยหอยสังข์ ยังเรียนอยู่มหาลัยชื่นชอบในสกินแคร์และเครื่องสำอาง ชอบซื้อ ชอบลอง ของเล่นใหม่ๆ เงินเดือนไม่เหลือเก็บเพราะ ไม่ว่าBeauty Blogger คนไหน แนะนำอะไรดี อะไรเด็ด ก็จะพยายามไปหาซื้อมาใช้ตามเสมอๆ 55555

Contact Me : noi_506@hotmail.com

FULL PROFILE