ไปให้รู้ Shiseido Museum 146 ปีที่มีมากกว่าแค่ความสวย!
Jeban' 45 6
ชอบแต่งหน้า ชอบเครื่องสำอางกันแล้วเคยมีบ้างมั้ยที่อยากรู้ว่าบริษัทเครื่องสำอางเค้าทำอะไรกันบ้าง?
หลายครั้งที่ป้าจีนเคยอยากรู้ว่าที่ไปที่มาของเครื่องสำอางหรือแบรนด์บิวตี้ญี่ปุ่นเค้าคิดยังไง ทำยังไงถึงได้มีชื่อเสียงมาได้ยาวนาน เป็นที่นิยมไปทั่วโลก ไหนๆ ก็มาญี่ปุ่นอีกแล้ว งานที่ตั้งใจมาก็จบแล้วยังมีเวลา แถมคราวนี้ได้มีโอกาสคุยกับทางแบรนด์ตรงก็เลยรบกวนทางทีม Shiseido Thailand ให้ช่วยประสานงานให้หน่อยว่าอยากไปเยี่ยมชม Shiseido Museum ที่เมือง Kakegawa จังหวัด Shizuoka อะค่าาาา (จริงๆ มิวเซียมเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมได้เลย ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ที่ต้องขออนุญาตเพราะอยากถ่ายรูปมาเขียนเนี่ย เพราะปกติจะห้ามถ่ายนาจาา)
เมื่อขั้นตอนเรียบร้อย มีการนัดแนะกันพร้อมแล้ว ทีมจีบันเราก็เตรียมตัวออกเดินทางกันค่ะ
หลายครั้งที่ป้าจีนเคยอยากรู้ว่าที่ไปที่มาของเครื่องสำอางหรือแบรนด์บิวตี้ญี่ปุ่นเค้าคิดยังไง ทำยังไงถึงได้มีชื่อเสียงมาได้ยาวนาน เป็นที่นิยมไปทั่วโลก ไหนๆ ก็มาญี่ปุ่นอีกแล้ว งานที่ตั้งใจมาก็จบแล้วยังมีเวลา แถมคราวนี้ได้มีโอกาสคุยกับทางแบรนด์ตรงก็เลยรบกวนทางทีม Shiseido Thailand ให้ช่วยประสานงานให้หน่อยว่าอยากไปเยี่ยมชม Shiseido Museum ที่เมือง Kakegawa จังหวัด Shizuoka อะค่าาาา (จริงๆ มิวเซียมเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมได้เลย ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ที่ต้องขออนุญาตเพราะอยากถ่ายรูปมาเขียนเนี่ย เพราะปกติจะห้ามถ่ายนาจาา)
เมื่อขั้นตอนเรียบร้อย มีการนัดแนะกันพร้อมแล้ว ทีมจีบันเราก็เตรียมตัวออกเดินทางกันค่ะ
วันรุ่งขึ้นคำนวนเวลาพร้อมเผื่อนั่นนี่แล้ว พวกเราต้องออกจากที่พักกันตั้งแต่ 6.30 เพื่อขึ้นรถไฟชิงกันเซนให้ไปถึงเมือง Kakegawa ตามเวลานัด 10 โมงตรง ใช้เวลาจากโตเกียวประมาณ 2 ชั่วโมง ค่ารถไฟ 8,060 เยน/เที่ยว/คน โหดใช้ได้ แต่ถ้าใครมีตั๋ว rail pass จะแวะเวียนมาก็สะดวกดี
จากสถานี Kakegawa เห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือ อากาศก็ดี ชาวคณะเลยชวนกันเดินเล่นไปตามทิศที่ตั้งมิวเซียมให้พี่ google map นำ กะว่าจะหากาแฟกินระหว่างทางชิลๆ แล้วค่อยเรียก taxi ไปต่อ แต่ลืมไปว่านี่มัน Shizuoka เมืองชา! นอกจากร้านกะโหลกกะลาที่สถานีรถไฟแล้วไม่มีร้านกาแฟเลย T_T แถมเดินไปๆ ยิ่งความเมืองหนาแน่นน้อยลงเรื่อยๆ ไม่ใช่ไม่มี taxi แม้แต่รถบ้านก็แทบไม่เจอ สรุปก็เลยต้องเดินกันยาวๆ ไปจนถึงมิวเซียมเลยจ้าาาาาา
จากสถานี Kakegawa เห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือ อากาศก็ดี ชาวคณะเลยชวนกันเดินเล่นไปตามทิศที่ตั้งมิวเซียมให้พี่ google map นำ กะว่าจะหากาแฟกินระหว่างทางชิลๆ แล้วค่อยเรียก taxi ไปต่อ แต่ลืมไปว่านี่มัน Shizuoka เมืองชา! นอกจากร้านกะโหลกกะลาที่สถานีรถไฟแล้วไม่มีร้านกาแฟเลย T_T แถมเดินไปๆ ยิ่งความเมืองหนาแน่นน้อยลงเรื่อยๆ ไม่ใช่ไม่มี taxi แม้แต่รถบ้านก็แทบไม่เจอ สรุปก็เลยต้องเดินกันยาวๆ ไปจนถึงมิวเซียมเลยจ้าาาาาา
ถึง Shiseido Museum ตรงเวลาเป๊ะ เจอนักท่องเที่ยวประปราย ส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่น ทางเจ้าหน้าที่ที่ได้ติดต่อไว้ก็ออกมารับ ทักทายกันไป เค้าก็ดูตื่นเต้นไม่แพ้เรา(คิดเอง) บอกว่าเป็นครั้งแรกที่มี media จากไทยขอมาเยี่ยมชม รับแจกเครื่องแปลภาษาและ press badge ให้ใส่แขนเพื่อแสดงตัวว่าได้ขออนุญาตถ่ายรูปได้นะจ๊ะ
ขนาดของมิวเซียมไม่ได้ใหญ่โตนักส่วนที่จัดแสดงถาวรเป็นส่วนในอาคาร 2 ชั้น จัดวางผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของ Shiseido และบริษัทในเครือ เครื่องหมายการค้า การออกแบบโลโก้ การปรับใช้ ที่มาที่ไป โฆษณา และประวัติความเป็นมาของแบรนด์ที่เรียกได้ว่าเก่าแก่และสตรองมาก
ว่าแล้วเราก็มาทำความรู้จักกับต้นกำเนิด Shiseido กันคร่าวๆ ซักหน่อย
- Shiseido เริ่มต้นจากการเป็นร้านขายยาสไตล์ตะวันตกแห่งแรกในญี่ปุ่น ที่ Ginza Tokyo เมื่อปี 1872 เทียบกับประเทศไทยก็เท่ากับต้นรัชสมัย ร.5 (ขึ้นครองราชย์ได้ 4 ปี)
- สัญลักษณ์ Camellia Treadmark ดอกคาเมเลีย หรือ Hana Tsubaki (椿) ใช้มาตั้งแต่ปี 1915 และยังใช้อยู่จนทุกวันนี้
- นอกจากขายยาแล้วยังเริ่มธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอาง มีการผลิตยาสีฟันออกจำหน่ายเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่นชื่อว่า Fukuhara Sanitary ในปี 1888 และ Eudermine skin toner ในปี 1897
- Shinzo Fukuhara, President มีความคิดว่าทุกๆ สิ่งควรคิดจากพื้นฐานของศิลปะ ได้เปลี่ยนวิถีและการคิดจาก ‘ใช้เพราะเป็นของใช้’ มาเป็น ‘ใช้เพื่อความสุนทรียะ’ เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ Shiseido ให้ความสำคัญจนทุกวันนี้
- ในปี 1902 มีการนำเข้าเครื่อง Soda Water และ Shiseido Parlour ร้านอาหารสไตล์ตะวันตก คาเฟ่และแกลลอรี่แห่งแรกที่ยังได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้ก็ได้เปิดตัวที่ Ginza (เดี๋ยวกระทู้หน้าจะพาไป เราไปชิมกันมาแล้วววว)
- ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 Shiseido ได้ลุกขึ้นมาชวนผู้หญิงปรับลุคตัวเองครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ผ่านสินค้า นิตยสารและสื่อต่างๆ ด้วย theme ‘What is your definition of a Modern Girl?’ เพื่อแสดงตัวว่าผู้หญิงญี่ปุ่นก็ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่เช่นกัน เรียกสั้นๆ ว่า ‘สาว MOGA’ นับได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของวงการความสวยความงามเลยทีเดียว
- อะไรที่เกี่ยวกับผู้หญิง lifestyle ไม่ว่าจะร้านทำผม, Art Gallery, Design & Advertising Agency, การประกวด Miss Shiseido, ทำเสื้อผ้าเด็ก Shiseido ฯลฯ ก็ทำมาหมดนะจ๊ะ
นอกจากเสพข้อมูล ได้เปิดโลกกับผลิตภัณฑ์นานาชนิดที่ Shiseido เคยผลิตเคยทำขึ้นมาบนโลกนี้ที่จัดแสดงในโถงแล้ว คุณเจ้าหน้าที่เห็นเราสนใจเกี่ยวกับการออกแบบและภาพประกอบเป็นพิเศษ ก็เลยพาเราไป ‘ห้องเก็บต้นฉบับ’ ต้นฉบับจริง original artwork บางชิ้นอายุนับร้อยปี ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในห้องปรับอุณหภูมิ ควบคุมความชื้น หยิบมาให้เห็นใกล้ๆ เห็น texture ได้สัมผัส (ผ่านถุงมือ) โอ้โหหหห บอกเลยว่าสุดมากๆ
เส้นทางการเติบโต กว่าจะมาเป็น Shiseido แบรนด์เครื่องสำอางที่หลายๆ คนรู้จักในวันนี้ ไม่ได้แค่กวนครีมแล้วดัง แต่ Shiseido มีการพัฒนามาตลอดเวลากว่าร้อยปี ได้มีส่วนร่วมในธุรกิจและสินค้าต่างๆ ที่ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ถึงความต้องการของผู้หญิงมาหลายยุคหลายสมัย จากส่วนตัวที่ค่อนข้างอินกับประวัติศาสตร์และเครื่องสำอางญี่ปุ่นอยู่แล้ว การถูกบิ้วด้วยบรรยากาศและประวัติความเป็นมาของแบรนด์ที่จัดเต็มขนาดนี้มันช่างยั่วยวนกระเป๋าตังค์ให้วิ่งไปสอยซะเดี๋ยวนี้เลย!
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทีมงาน Shiseido ทุกท่านที่ช่วยประสานงานให้ เพราะนี่ไม่ใช่ event ที่จัดขึ้นมาแล้วเชิญเราไป แต่เราไปขอเค้า ไปรบกวนให้ช่วยติดต่อให้ ซึ่งทุกท่านทำงานแบบมืออาชีพมากๆ ทำให้เราได้เรียนรู้ได้มากกว่าคำว่า เครื่องสำอาง จริงๆ..... ขอบคุณค่ะ :)