ยกทัพประชัน Micellar Cleansing Water ใช้แบรนด์ไหนดี?!?!
Kirana Pongyada 10 4
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆทุกคน กระทู้ที่ 2 ของโบมาแล้วนะคะ หลังจากที่ไปนั่งครุ่นคิดว่า topic ไหนดี ที่เพื่อนๆจะชอบและมีความน่าสนใจ
ในที่สุดเราก็คิดค้นการประชัน Micellar Cleansing Water ที่ล้างเครื่องสำอางสูตรน้ำ ที่ตอนนี้แทบบบบทุกแบรนด์มีการออกจำหน่าย และประชันกันอย่างมากมาย มีทั้งด้านราคา สูตร ขนาด คุณภาพ เยอะแยะมากมายไปหมด
วันนี้ขอเลือกมาทั้งสิ้น 4 แบรนด์ ตามรายชื่อด้านล่างเลยนะคะ
1. Garnier Micellar Cleansing Water
2. Bifesta Cleansing Water
3. Corine de Farme Micellar Water
4. Mizumi Smooth Cleansing Water
ในที่สุดเราก็คิดค้นการประชัน Micellar Cleansing Water ที่ล้างเครื่องสำอางสูตรน้ำ ที่ตอนนี้แทบบบบทุกแบรนด์มีการออกจำหน่าย และประชันกันอย่างมากมาย มีทั้งด้านราคา สูตร ขนาด คุณภาพ เยอะแยะมากมายไปหมด
วันนี้ขอเลือกมาทั้งสิ้น 4 แบรนด์ ตามรายชื่อด้านล่างเลยนะคะ
1. Garnier Micellar Cleansing Water
2. Bifesta Cleansing Water
3. Corine de Farme Micellar Water
4. Mizumi Smooth Cleansing Water
ทั้งหมดทั้งมวลทั้ง 4 แบรนด์นั้น เป็น Micellar Cleansing Water ขออนุญาติเล่าคร่าวๆ ในแต่ละแบรนด์ เริ่มต้นกันที่
1. Garnier - รุ่นสีชมพู เหมาะกับทุกสภาพผิว ผิวบอบบางแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ ผลิตภัณฑ์กระจายตัวบนแผ่นสำลีได้ลื่นไหลดี ผลิตภัณฑ์ไม่มีน้ำหอมเป็นส่วนผสมจึงไม่มีกลิ่นหอมอะไร ปราศจากน้ำหอมจึงอ่อนโยนทั้งดวงตาและปาก และ ยังให้ความชุ่มชื้น ไม่แห้งตึงหลังเช็ด มองจากส่วนผสม ถือว่าค่อนข้างอ่อนโยนระดับนึง อย่างแรกคือใช้สารทำความสะอาดที่เป็นตัวที่อ่อนโยน ในขณะที่ทำความสะอาดก็ให้ความชุ่มชื่นทิ้งไว้อีกด้วยค่ะ
ราคาขวดใหญ่ 400 ml. อยู่ที่ 249 บาท หาซื้อได้ง่ายที่สุด ทั้ง Tops, Watsons, Booths และ Supermarket ชั้นนำทั่วไปเลยค่ะ และถือว่าราคาถูกในบรรดาทั้ง 4 แบรนด์ที่หยิบยกมา
2. Bifesta - เริ่มรู้จัก Cleansing Water ได้ก็มาจาก Bifesta นี่แหละ น้องเค้ามีค่อนข้างหลายสูตร (เหมือนจะ 4สูตร ผิวผสมและผิวมัน ผิวแพ้ง่าย ผิวกระจ่างใส และผิวเป็นสิว) ที่หยิบมาเป็นส่วนของผิวผสมและผิวมันนะคะ น้องเค้าดูดจับเครื่องสำอางค์ได้ดีขจัดความมัน และสิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขน ช่วยกระชับรูขุมขนด้วยสารสกัดจากชาเขียว พร้อมสารบำรุง Hyaluronate เติมความชุ่มชื่นให้แก่ผิว Hypoallergenic สูตรอ่อนโยน ลดแรงเสียดสีต่อผิว Oil-free ไม่ต้องล้างหน้าทันทีหลังเช็ด, ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม สี และสารกันเสียชนิดพาราเบน
ราคาอยู่ที่ 390 บาท 300 ml. หาหาซื้อได้ง่ายพอๆกับ Garnier ทั้ง Tops, Watsons, Booths และ Supermarket ชั้นนำทั่วไปเลยค่ะ
3. Corine de Farme - คิดว่าแบรนด์นี้น่าจะมาใหม่สุดในบรรดาทั้งหมดที่เล่า เนื่องดูไปดู review เลยอยากลองซื้อมาทดลองใช้ดูบ้าง เมื่อเปิดขวด จบพบว่า กลิ่นหอมของดอกไม้ ค่อนข้างแรงไปนิด ส่วนตัวรู้สึกไม่ค่อยชอบมาก แต่ว่าเนื้อสำผัสหลังใช้ถือว่าโอเค ไม่แห้งตึง ไม่เหนียวหน้า ไม่แสบตา รู้สึกได้ว่าไม่ต้องล้างหน้าทันทีหลังใช้เสร็จ น้องเค้าบอกว่าเพราะมีอนุภาคพิเศษ Micellar ที่ช่วยดูดซับสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางได้อย่างล้ำลึกไม่ต้องถูซ้ำ และทำให้เป็นการถนอมผิวหน้าของเราไปด้วยค่ะ
ราคาปกติอยู่ที่ 850 บาท 500 ml. หาหาซื้อได้ที่ Watsons ทุกสาขา
4. Mizumi - สูตรลดแรงเสียดสีผิว (Smooth Cleansing Water) ตัวนี้เพิ่งลองใช้ได้ไม่นาน หลังจากที่คิดๆ ว่าควรลองซื้อมาใช้ดีไหม ปรากฏว่า เนื้อสำผัสแรกดีมาก นุ่มมมมมกับผิวหน้ามากๆถึงมากที่สุด เนื้อสำผัสไม่เหนียวมาก แต่ถือว่าหนึบที่สุดในบรรดาทั้งหมดที่กล่าวมาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องวิ่งไปล้างหน้าทันทีนะคะ และไม่ได้ใช้น้ำมันใดๆ จึงช่วยลดแรงเสียดสีผิวที่เกิดจากการใช้สำลีได้ น้องเค้าเป็นสูตร 5-FREE ไม่มีน้ำหอม น้ำมัน แอลกอฮอล์ พาราเบน และสีสังเคราะห์ และที่สำคัญคือ ไม่มีสบู่และสารก่อฟอง เหมาะมากกับคนที่ผิวแพ้ง่าย ผิวเป็นสิว หรือเพิ่งทำเลเซอร์หน้ามา
ราคาปกติอยู่ที่ 490 บาท 500 ml. หาหาซื้อได้ที่ Watsons ทุกสาขา
1. Garnier - รุ่นสีชมพู เหมาะกับทุกสภาพผิว ผิวบอบบางแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ ผลิตภัณฑ์กระจายตัวบนแผ่นสำลีได้ลื่นไหลดี ผลิตภัณฑ์ไม่มีน้ำหอมเป็นส่วนผสมจึงไม่มีกลิ่นหอมอะไร ปราศจากน้ำหอมจึงอ่อนโยนทั้งดวงตาและปาก และ ยังให้ความชุ่มชื้น ไม่แห้งตึงหลังเช็ด มองจากส่วนผสม ถือว่าค่อนข้างอ่อนโยนระดับนึง อย่างแรกคือใช้สารทำความสะอาดที่เป็นตัวที่อ่อนโยน ในขณะที่ทำความสะอาดก็ให้ความชุ่มชื่นทิ้งไว้อีกด้วยค่ะ
ราคาขวดใหญ่ 400 ml. อยู่ที่ 249 บาท หาซื้อได้ง่ายที่สุด ทั้ง Tops, Watsons, Booths และ Supermarket ชั้นนำทั่วไปเลยค่ะ และถือว่าราคาถูกในบรรดาทั้ง 4 แบรนด์ที่หยิบยกมา
2. Bifesta - เริ่มรู้จัก Cleansing Water ได้ก็มาจาก Bifesta นี่แหละ น้องเค้ามีค่อนข้างหลายสูตร (เหมือนจะ 4สูตร ผิวผสมและผิวมัน ผิวแพ้ง่าย ผิวกระจ่างใส และผิวเป็นสิว) ที่หยิบมาเป็นส่วนของผิวผสมและผิวมันนะคะ น้องเค้าดูดจับเครื่องสำอางค์ได้ดีขจัดความมัน และสิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขน ช่วยกระชับรูขุมขนด้วยสารสกัดจากชาเขียว พร้อมสารบำรุง Hyaluronate เติมความชุ่มชื่นให้แก่ผิว Hypoallergenic สูตรอ่อนโยน ลดแรงเสียดสีต่อผิว Oil-free ไม่ต้องล้างหน้าทันทีหลังเช็ด, ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม สี และสารกันเสียชนิดพาราเบน
ราคาอยู่ที่ 390 บาท 300 ml. หาหาซื้อได้ง่ายพอๆกับ Garnier ทั้ง Tops, Watsons, Booths และ Supermarket ชั้นนำทั่วไปเลยค่ะ
3. Corine de Farme - คิดว่าแบรนด์นี้น่าจะมาใหม่สุดในบรรดาทั้งหมดที่เล่า เนื่องดูไปดู review เลยอยากลองซื้อมาทดลองใช้ดูบ้าง เมื่อเปิดขวด จบพบว่า กลิ่นหอมของดอกไม้ ค่อนข้างแรงไปนิด ส่วนตัวรู้สึกไม่ค่อยชอบมาก แต่ว่าเนื้อสำผัสหลังใช้ถือว่าโอเค ไม่แห้งตึง ไม่เหนียวหน้า ไม่แสบตา รู้สึกได้ว่าไม่ต้องล้างหน้าทันทีหลังใช้เสร็จ น้องเค้าบอกว่าเพราะมีอนุภาคพิเศษ Micellar ที่ช่วยดูดซับสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางได้อย่างล้ำลึกไม่ต้องถูซ้ำ และทำให้เป็นการถนอมผิวหน้าของเราไปด้วยค่ะ
ราคาปกติอยู่ที่ 850 บาท 500 ml. หาหาซื้อได้ที่ Watsons ทุกสาขา
4. Mizumi - สูตรลดแรงเสียดสีผิว (Smooth Cleansing Water) ตัวนี้เพิ่งลองใช้ได้ไม่นาน หลังจากที่คิดๆ ว่าควรลองซื้อมาใช้ดีไหม ปรากฏว่า เนื้อสำผัสแรกดีมาก นุ่มมมมมกับผิวหน้ามากๆถึงมากที่สุด เนื้อสำผัสไม่เหนียวมาก แต่ถือว่าหนึบที่สุดในบรรดาทั้งหมดที่กล่าวมาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องวิ่งไปล้างหน้าทันทีนะคะ และไม่ได้ใช้น้ำมันใดๆ จึงช่วยลดแรงเสียดสีผิวที่เกิดจากการใช้สำลีได้ น้องเค้าเป็นสูตร 5-FREE ไม่มีน้ำหอม น้ำมัน แอลกอฮอล์ พาราเบน และสีสังเคราะห์ และที่สำคัญคือ ไม่มีสบู่และสารก่อฟอง เหมาะมากกับคนที่ผิวแพ้ง่าย ผิวเป็นสิว หรือเพิ่งทำเลเซอร์หน้ามา
ราคาปกติอยู่ที่ 490 บาท 500 ml. หาหาซื้อได้ที่ Watsons ทุกสาขา
วันนี้มาทดสอบประสิทธิภาพการลบเครื่องสำอางค์ของทั้ง 4 ตัวนี้กันดีกว่า ว่าของเค้าเริ่ดดแค่ไหน ทดสอบกับ lip จิ้มจุ่ม 2แบรนด์นะคะ
1. L'Oreal Super Stay Matte Ink
2. Kat Von D Liquid Lipstick
1. L'Oreal Super Stay Matte Ink
2. Kat Von D Liquid Lipstick
ทดสอบโดยการ เช็ด 1 รอบ และรอบที่ 2 สอง แบบการเช็ดไม่แรง ไม่ได้ถู และเรียงลำดับการเช็ดจากซ้ายไปขวา (Maruko ไม่เกี่ยว 5555 จขกท ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว) :)
เรามาดูผลกันเลยดีกว่าาาาา....
เรามาดูผลกันเลยดีกว่าาาาา....
สรุปผล ทั้ง 4 แบรนด์ ทำผลงานได้ดี พอๆกันหมด สามารถเช็ด หรือทำความสะอาดได้ ในระดับเดียวกัน อาจจะแต่งต่างกันที่ความรู้สึกก่อนหรือหลังใช้เท่านั้นจ้า
ถ้าให้เลือก The Best... ส่วนตัวชอบ Mizumi กับ feeling ที่ค่อนข้าง Smooth สุดๆ และ Garnier ทำผลิตภัณฑ์ออกได้ดี และที่สำคัญราคาดีงามมากๆ
ครบหมดเรียบร้อย หวังว่าเพื่อนๆจะชอบกันนะคะ ทั้งหมดนี้เค้าใช้เอง ซื้อเองทุกตัว บอกเล่าตามความรู้สึกที่ใช้เองจริงๆ และไม่ได้ขายของแต่อย่างใดนะคะ แต่อยากให้เพื่อนๆที่เข้ามาดูหาข้อมูลเผื่อจะซื้อจะได้หาข้อมูลได้ง่ายขึ้น
หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะ หรือใครมีความคิดเห็นอย่างไง Comment มาได้เลยค่ะ...
ถ้าให้เลือก The Best... ส่วนตัวชอบ Mizumi กับ feeling ที่ค่อนข้าง Smooth สุดๆ และ Garnier ทำผลิตภัณฑ์ออกได้ดี และที่สำคัญราคาดีงามมากๆ
ครบหมดเรียบร้อย หวังว่าเพื่อนๆจะชอบกันนะคะ ทั้งหมดนี้เค้าใช้เอง ซื้อเองทุกตัว บอกเล่าตามความรู้สึกที่ใช้เองจริงๆ และไม่ได้ขายของแต่อย่างใดนะคะ แต่อยากให้เพื่อนๆที่เข้ามาดูหาข้อมูลเผื่อจะซื้อจะได้หาข้อมูลได้ง่ายขึ้น
หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะ หรือใครมีความคิดเห็นอย่างไง Comment มาได้เลยค่ะ...