[เรารู้ โลกรู้] มาส์กมีกี่แบบ + ใช้แบบไหนสวยไวไม่ต้องรอ
King of Eugenie 28 5คิสรู้ คุณรู้ โลกรู้ กลับมาแล้วค่ะ
วันนี้คิสไม่มี Hall of Fame มาให้ค่ะ ดองไว้ก่อน
เหตุเกิดจากเจ้จีบัน คิสอยากจะแชร์มาส์กที่คิสชอบมากที่สุดในตอนนี้
(Arcona Magic Black Ice ซึ่งเป็นมาส์กเนื้อ Hybrid มากๆ คิสชอบตัวนี้จริงๆ ถึงจะหาซื้อในไทยไม่ได้แล้วก็ตาม)
บวกกับปัญหาการทำ Hall of Fame ในหมวดมาส์ก ปีนี้เป็นปีที่คิสเพิ่งจะมาหัดมาส์กหน้าแบบจริงจัง มันเลยสรุปไม่ได้ว่าตัวไหนนะที่ดีที่สุด จะหยิบเอาของที่ใช้อยู่มาบอกว่าดีเลยมันก็แปลกๆ
เลยไม่มีนะ Hall of Fame บอกไม่ได้เพราะคิสไม่รู้ แต่ใช้มาจนพอแยกเนื้อ, สัมผัสและคุณสมบัติของมาส์กได้บ้างแบบงูๆปลาๆ เลยเอาตรงนี้มาแชร์จะดีกว่า
มาม๊ะ วันนี้คิสมาชวนสาวๆคุยว่ามาส์กนี่มันมีกี่แบบกัน แล้วเราควรเลือกใช้แบบไหน
1. Sheet Mask มาส์กแบบแผ่น
มาส์กที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยและเคยใช้กันอยู่แล้ว เป็นมาส์กที่ง่ายสุด สำเร็จรูปสุดๆ ไม่ต้องออกแรงสวย แปะแล้วสวยเลย อิอิ
อันนี้คิสจะพูดถึงเฉพาะที่ทำมาจาก Cotton หรือกระดาษนะ ซึ่งก็มีทั้งแบบในซองที่เราคุ้นเคยกันดี, แบบเม็ดฟูมาส์ก ไว้ใช้ DIY กับโลชั่นน้ำ และแบบ Bubble ซึ่งคิสขอแยกไป
ระยะเวลาการมาส์ก: 20 นาที
ความถี่ในการใช้ที่เหมาะสม: ใช้ทุกวันก็ยังได้ค่ะ ถ้าไม่ได้แปะเกินเวลาก็ไม่มีอันตราย
ทริค
เรื่องที่สำคัญมากๆเกี่ยวกับการมาส์กหน้าแบบ Sheet คือควรแปะทิ้งไว้ไม่เกิน 20-25 นาที อย่าทิ้งเกินกว่านั้น ถ้าไม่ได้อยู่ในห้องแอร์อาจจะได้ถึง 30 นาที เพราะการทิ้งเอาไว้นาน หรือทิ้งเอาไว้จน Sheet แห้ง ความชุ่มชื้นในผิวหน้าเราจะเสียสมดุลได้
และ...ไม่ควรใช้ซ้ำนะค่าาาาา เคยอ่านเจอว่ามีคนใช้ซ้ำดัวยอะ 55 ไม่ดีกะผิวนะตัวเอง แล้วก็ไม่ hygiene ด้วยอะ ซื้อแบบถูกหน่อยก็ได้ แผ่นนึง 20-30 บาทยังมีขายเลย มาส์กแบบนี้เหมาะกับทุกคน ทุกสภาพผิว ตามเท่าที่ใช้แล้วไม่แพ้ การใช้มาส์กในการดูแลผิวแบบต่อเนื่องทำให้ผิวดีขึ้นได้จริงๆ คิสว่าดี บุ๋มก็ต้องว่าดีค่ะ อิอิ
คิสใช้ประจำๆเลยก็จะมี Leaders ซองเขียว, Beauty Diary สูตรไข่มุกดำ, Garnier ซองฟ้า, Innisfree กับ Etude แบบไม่สนใจสูตร เพราะจริงๆมันก็คล้ายๆกันหมดสำหรับคิสนะ คือดี แต่ไม่ได้มีผลแบบว๊าวววว อะโห้อะหาตายแล้วจ้าต้องรีบตุน 55 พวกนี้ราคาก็จะอยู่ราวๆ 20 - 50 บาท
และดีที่สุดเท่าที่คิสเคยใช้มาคือ Dr.Jart+ สูตรเซราไมด์ คือมันดีเทพมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ผิวดีสะใจมากๆๆๆๆ แผ่นมาส์กก็ดีสมราคาจริงๆ ตอนแรกว่าแพง แต่แกะออกมาแล้วเข้าใจสัจธรรม ของดีไม่มีถูกจริงๆ แต่แอบหวังว่าจะเจอที่ดีกว่านี้ในภายภาคหน้าค่ะ มันต้องมีที่ดีกว่านี้แน่ๆละ ตามหากันต่อไป
2. Hydrogel Mask หรือมาส์กแผ่นแบบไฮโดรเจล
อันนี้เกิดจากรุ่นพี่คิสแนะนำเบิกเนตรคิสมาเลยว่าไฮโดรเจลจะดีกับผิวหน้าเรามากกว่าการใช้มาส์กแบบ cotton มากๆ ใช้แล้วผิวจะไฮเดรทสุด เด้งสุดๆ ใช้แล้วผิวสวยทันใจ
ได้ยินว่าสวย คิสเอาเลยจ้า หาซื้อแบบถูกๆก่อนเลย ก็มี Faith in Face ที่หาซื้อง่ายที่สุด ราคาดีที่สุด ตกแผ่นละ 100 นิดๆ เรียกว่าอาจจะแพง แต่ก็คุ้มนะ เพราะไม่ได้ใช้บ่อยๆ คิสใช้ 1-2 อาทิตย์ครั้ง ก็ถือว่าโอเคค่ะ
มาส์กแบบนี้จะเป็นเป็นเนื้อฟิลม์เจลลี่ๆ ทำให้ระหว่างการมาส์กเราได้รับสารอาหารแบบเต็มอิ่ม และไม่สูญเสียความชุ่มชื้นในผิว เหมาะมากๆกับคนผิวแห้ง หรือคนที่ชอบมาส์กแล้วนอนในห้องแอร์ หรือก็เหมาะกับทุกคนนั่นละ แค่มันแพงกว่าแบบธรรมดา
ข้อดี: ดีกว่ามาส์กที่ทำจาก cotton รู้สึกว่าผิวได้รับสารอาหารสะใจมาก
ข้อเสีย: ขยะโลกมาอีกแล้ว, แพงกว่า
ระยะเวลาในการมาส์ก 30-40 นาที
ความถี่ในการใช้ที่เหมาะสม: ตามกำลังทรัพย์
คิส Choice
คิสเคยใช้ของ Lancome ที่ได้มาใช้เซทบล๊อคบัสเตอร์ประจำปีอยู่ประมาณสัก 6-7 แผ่น แล้วก็จากแบรนด์อื่นๆที่คิสก็ไม่รู้จักเหมือนกันในพวกเซทของใช้สุดคุ้มจาก Sephora ก็ต้องยอมรับว่า.....แพงกว่ามันก็ดีกว่าจริงๆ ของ Lancome เจเนฟิคดีเทพสุดๆ แต่คิสก็ซื้อต่อไม่ลงนะ แพงเกินไป
ถ้าถามคิสในตอนนี้ คิสก็ยังคิดว่า Faith in Face เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของคิสอยู่ค่ะ คงซื้อกันไปเรื่อยๆ คิสไม่ได้สนใจสูตรแต่ละอันเท่าไหร่ ใช้แล้วก็ไม่ได้ว่ามันต่างกัน แต่จะเลี่ยงสูตรที่เกี่ยวกับอะไรขาวๆ ต้องดูหน้าซองตอนหยิบ
3. Bubble Mask หรือมาส์กฟอง
อันนี้เป็นมาส์กที่คิสเพิ่งมาใช้เมื่อปีที่แล้ว ใช้ด้วยความรู้สึกระแวงสุดๆ เพราะไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงแล้วหน้าจะพังมั๊ย จะแพ้รึป่าว กลัวมากกกก
แต่!! มันโคตรดีเลยจ้าาาาาา ใช้แล้วรักผิวขึ้นมาเป็นกอง อยากจะโทรจิตไปหาพี่บัวลอยให้เอาที่นาไปจำนองแล้วซื้อตุนเอาไว้สักกุรุส รู้สึกผิวสะอาดขึ้นจริงๆ
ตัวนี้อาจจะใหม่สำหรับคิสหรือคนบางส่วน แต่ที่เกาหลีเค้าใช้กันมานานแล้ว เป็นมาส์กแผ่นเหมือนปรกติเลย แต่ฟังก์ชั่นการใช้งานไม่ใช่เพื่อบำรุงผิว หรือ soothing ผิวแต่อย่างใด แต่ไว้ใช้ทำความสะอาดผิวให้สะอาด
เหมาะมากๆสำหรับคนที่ต้องใช้เวลาในการอยู่ข้างนอกบ่อยๆ เจอพวกมลภาวะต่างๆ ฝุ่น dirt อะไรสะสมในผิว ใช้ตัวนี้ช่วยได้ และเหมาะมากๆสำหรับคนที่ชอบมาส์กอยู่แล้ว และต้องการเตรียมผิวให้พร้อมกับการใช้มาส์กที่มีสารบำรุงผิว
เวลาใช้ล้างหน้าให้สะอาด แนะนำว่าล้างให้เรียบร้อย แล้วอาบน้ำให้เสร็จ แปะมาส์กแล้วรอให้ฟองขึ้นฟูเต็มหน้า ใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที แล้วใช้มือนวดฟองตามแผ่นมาส์กให้ทั่ว รอสัก 5 นาทีแล้วเอามาส์กออก ล้างหน้าตามปรกติ shower ต่อได้เลย เพราะฟองมันจะฟูไร้ทิศทางมาก
ข้อดี: ผิวสะอาดหมดจด รู้สึกเหมือนได้ดีทอกซ์ผิว
ข้อเสีย: หาซื้อลำบาก และยังไม่ค่อยมีเคาทเตอร์แบรนด์ทำขาย อยากซื้อที่ดูน่าไว้ใจหน่อย แต่ละอันที่ซื้อมาใช้ดูผีหลอกมาก
ราคา: 50 - 100 บาทต่อแผ่น อันนี้คือรวมๆหลายๆแบรนด์นะคะ จะประมาณนี้
ความถี่ในการใช้: 2 อาทิตย์ต่อครั้ง
ไม่มีช้อยส์ให้คิสเลือกเลยค่ะ หากันตามมีตามเกิด คิสยังไม่รู้เลยว่ายี่ห้อไหนดี ใช้ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
(ตัวที่อยู่ในรูปเป็นตัวแรกที่คิสใช้ น่าจะไม่มีวางขาย เป็นของโรงพยาบาลที่เกาหลีค่ะ)
4. Sleeping Mask หรือมาส์กแบบทาแล้วนอน
มาส์กตระกูล Sleeping ตัวแรกที่คิสใช้คือ Sulwhasoo ตัวในรูปและก็มีเปลี่ยนไปใช้หลายตัวมากๆ หมดไปน่าจะเกิน 4-5 ยี่ห้อแล้ว แต่คิสก็ยังไม่เจอตัวไหนที่เด็ดกว่าตัวนี้นะ แต่คิสไม่ได้ซื้อมาใช้ต่อเพราะมันมีซิลิโคนเยอะมาก ตามหาไปเรื่อยๆค่ะ
วิธีการใช้งานก็ง่ายแสนจะง่าย ทาเหมือนไนท์ครีมแต่ใช้ปริมาณเยอะหน่อย พอกหน้าทิ้งเอาไว้แบบไม่ต้องล้างออก ตื่นมาแล้วล้างหน้าด้วยโฟมผิวก็จะยังนุ่มมมมมากๆ ฟินมากๆ ต่างกับการใช้ไนท์ครีมมั๊ย?? ส่วนตัวว่าไม่ต่างหรอกค่ะ 55 คือมันก็เหมือนไนท์ครีมนั่นละ แค่ใช้ในปริมาณที่เยอะกว่า และเนื้อที่หนักกว่าทำให้สามารถนวดผิวได้ด้วย แต่ไม่ถึงจะเป็นเนื้อแบบเดียวกับ Massage cream ที่มักจะหนักกว่าอยู่แล้ว
ตัวนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสารของมาส์กด้วย เพราะมีหลาย texture ทั้งแบบเจล, ครีมกึ่งเจล และครีม ไปจนถึงครีมมี่มากๆ ซึ่งถ้าคนมีผิวมัน หรือมีปัญหาเรื่องสิว อาจจะต้องเลี่ยงกลุ่มที่เป็นครีมเบส ใช้แบบเจลเบาๆ อย่าง Laneige หรือ Hada Labo Perfect Gel ก็เป็นของที่ราคาน่ารักและคุณภาพดีค่ะ คิสแนะนำนะ ถึงตอนนี้จะไม่ซื้อต่อแล้ว เพราะสารบางตัวคิสจะพยายามเลี่ยงค่ะ ผิวมีอายุก็จะมีปัญหาเยอะหน่อย
ข้อดี: ง่าย สะดวก
ข้อเสีย: ไม่มี
สำหรับ overnight/sleeping mask ที่คิสใช้ตอนนี้คือ Biotherm Plankton Mask กระปุกหย่ายยยยมากกก ใช้มาจะครบปีแล้วยังไม่หมดเลย และคิสก็ยังตามหาไปเรื่อยๆ ทุกตัวที่ใช้มาก็มีข้อดีข้อเสียหมด มีส่วนผสมที่พาเครียดก็เยอะ ทั้งแอลกอฮอล์ ซิลิโคน พาราเบน เรียกว่าไม่มีตัวไหนที่เพอรเฟค
มีแต่ที่คิสใช้พวก Sample แล้วชอบ และอยากจะซื้อต่อก็มีของ Blithe pressed serum (คิสเทสครบทุกสีแล้ว ชอบสีฟ้ามากที่สุด ส่วนผสมดีมากๆ) เรียกว่าคงตามหาไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอเนื้อคู่ค่ะ
5. Clarifying Mask หรือมาส์กผลัดเซลล์ผิวแบบล้างออก
อันนี้เป็นมาส์กหน้าใหม่ที่คิสเพิ่งมีโอกาสได้ใช้ในปีนี้ (ซื้อมาแบบงงๆ เพราะไม่รู้หรอกว่าอะไรคืออะไร งง มาส์กมันเยอะเหลือเกิน) เป็นมาส์กแบบล้างออก ซึ่ง....
มาส์ก wash-off มีหลายเนื้อมากๆๆๆๆๆ ไม่ได้มีประเภทเดียว
- Clarifying มาส์กที่ใช้เพื่อการผลัดเซลล์ผิว
- Detoxifying มาส์กแบบดีทอกซ์สารตกค้างในผิว
- Hydrating มาส์กที่ใช้เพื่อให้อาหารผิว และลดการระคายเคืองจากมลภาวะหรือแดด
ทุกประเภทใช้งานเหมือนกันหมดคือทาแล้วล้างออก แต่ละยี่ห้อ แต่ละตัวก็มีเวลาที่ทิ้งเอาไว้ต่างกัน (หรือ Sleeping Time เหมือนชาร้อนนั่นละ)
คิสคิดว่ามาส์กประเภทนี้เหมาะกับคนที่สภาพผิวไม่มีปัญหามากนัก หรือคนที่ผิวบางมากๆอยู่แล้วก็ควรเลี่ยง เพราะมีสารที่เป็นกรดในการช่วยผลัดเซลล์ผิวอยู่ ยังไงถ้าจะเริ่มใช้ตัวไหนก็ควรเทสให้แน่ใจก่อนค่ะ
ตอนนี้คิสยังไม่เคยใช้มาส์กในกลุ่มนี้เลย แต่จะเริ่มต้นที่ตัวในรูปเลยค่ะ คือ Herbivore Blue Tansy ที่ฟีดแบคจากต่างประเทศดีมาก สาวๆวอแวกับตัวนี้กันสุดๆ คิสก็อดใจไม่ได้ อยากลองให้หายสงสัยในคุณความดี และราคาอันโหดร้าย ที่แน่ๆคือกลิ่นเหม็นมากกกกกก แต่เนื้อสัมผัสดีมากๆๆๆๆๆ runny มาก ปาดแล้วทิ้งเอาไว้ผิวโกลววววใสสุดๆ ไว้คิสจะเอารีวิวเต็มๆมาฝากอีกทีค่ะ
6. Detoxifying Mask หรือมาส์กดีทอกซ์ผิวแบบล้างออก
ตัวนี้จะเป็นมาส์กแบบสูตรเพื่อการทำความสะอาดสิ่งตกค้างในผิว จะว่าไปก็คล้ายๆกับ Clay Mask อยู่มากๆ ต่างกันที่เนื้อจะเหมือนครีมข้นๆมากกว่าเนื้อ Clay ที่ใช้แล้วจะแห้งกรั่งติดผิวตอนล้าง (คิสก็ใช้แบบ Clay นั่นละ ถูกดี)
ก็มีหลายๆยี่ห้อที่ทำมาส์กสูตรแบบนี้ออกมา ซึ่งคิสก็เคยใช้มาแค่ This works (Evening detox clay mask) , Wei Golden Roots และที่ซื้อมาลองเพิ่มเติมก็คือ origins แบบแคปซูลหลายๆสูตรปนๆกัน ตอนนี้ใช้หมดทุกตัวแล้วก็จริง แต่ก็ยังบอกอะไรไม่ค่อยได้ว่าสูตรไหนที่ดีที่สุด ขอใช้ซ้ำๆไปนานๆก่อนแล้วคงรีวิวได้ค่ะ
ความรู้สึกที่ต่างกับ Clay คือมันจะไม่แห้ง ผิวรู้สึกไม่โดนรบกวน ล้างออกยากพอๆกับ Clay เลยค่ะ แต่ผิวจะดู Hydrated กว่า อิ่มน้ำกว่า
ตัวนี้เหมาะกับทุกสภาพผิวที่ต้องการการดูแลล้างสิ่งสกปรกใต้ผิว สำหรับคนผิวแห้งไม่ควรใช้บ่อย และควรใช้มาส์กแบบ sheet หรือ sleeping mask อื่นๆที่ไม่ต้องล้างออกตาม เพราะช่วยทำให้ได้รับสารอาหารได้อย่างเต็มที่ และไม่ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น
ส่วนที่คิสหมายตาเอาไว้ก็ตัวตามรูปเลยค่ะ Caudalie แบรนด์นี้ทำคิสหวั่นไหวหลายตัวมากๆๆๆๆๆ อายครีมคิสเพิ่งรีวิวไป คิสมีอายครีมของเค้าอีกสูตรเป็นหลอดสีทอง เมื่อคืนคันไม้คันมือมาก เปิดออกมาใช้ โอ๊ยยยย ยังดีกว่าเดิมได้อีกจ้าาาาา อยากด่าตัวเองที่ไปหลงทางซื้อ nuxe ไปได้ตั้งนาน เสียดายเวลา ตัวนี้ดีเทพกว่าหลอดเขียวอีก และไม่มีซิลิโคนเหมือนกันเลย ดีแบบ...คืนแรกก็รักแล้วอะ แต่เมืองไทยเหมือนจะไม่มีขาย T T คิสก็คงต้องไปซื้อที่ฮ่องกงค่ะ ใครหาซื้อได้ คิสเชียร์มากๆๆๆๆ ตัวเอสเซนส์ที่เป็นน้ำก็ดีมากๆด้วย ใช้มาทุกตัวดีทุกตัวเลยแบรนด์นี้
7. Rejuvenating Mask มาส์กอาหารผิวแบบล้างออก
มาส์กตระกูลนี้จะคล้ายๆกับมาส์กแบบ Sleeping เลยคือเป็นอาหารผิว ช่วยทำให้ผิวได้รับการเยียวยา ฟื้นฟูบำรุงผิว แต่ต้องล้างออก(ทำไม!! คิสสงสัยมาก ทำไมถ้ามันบำรุงก็ให้มันอยู่อย่างนั้นไปได้บ่?? 555 เสียดายมากเลยตอนล้างอะ)
มาส์กแบบนี้คิสก็....เพิ่งจะมาใช้เมื่อเดือนที่ผ่านมานี่เองค่ะ 55 คือไม่เคยเจอนะ มาส์กแบบบำรุงแล้วล้างออกเนี้ย ทำไมไม่ leave in หนอ มาส์กแบบนี้เหมาะกับใช้เวลาที่อดนอน รู้สึกผิวโทรม และดีมากๆกับการใช้งานแบบก่อนแต่งหน้า คือล้างออกแล้วหน้าจะพร้อมรบมากๆ ถ้าเป็นพวก overnight/sleeping mask มันจะเหนอะไปค่ะ
ใช้แล้วคือรู้สึกเลยว่าผิวโกลวสวย แต่ไม่มันเมือก(แหง่สิ ไหลไปกับน้ำแล้ว) ชอบค่ะ แต่คงต้องใช้เวลาตามหาอีกนานแสนนาน
จริงๆมาส์กแบบมีก็มีมานานแล้วนะ แต่คิสไม่เคยสนใจซื้อเองละ ที่เคยได้ยินมาก็มี Dr hauschka และ Anne Semonin (มาส์กสาหร่ายของเซโมแนงดังมาตั้งแต่คิสยังเรียนหนังสืออยู่ ปัจจุบันยังหาซื้อนางไม่ได้เลยค่ะ 55 หายไปไหนแล้วหนอ) ส่วน Dr hauschka ก็เป็นมาส์ก Revitalising ที่โด่งดังในระดับตำนาน หาซื้อได้ที่สิงคโปร์ค่ะ ฮ่องกงก็อาจจะมีนะ ลองดูค่ะ
ตัวที่คิสเพิ่งเทสไปคือตัวในรูปค่ะ Peter Thomas Roth เป็นมาส์กทองคำก็ถือว่าชอบเลยละ แต่คิดว่ามันมีที่ดีกว่านี้อยู่ 5555555555 เป็นคนชอบลองอะนะ และไม่กลัวแพ้ ส่วนใหญ่มาส์กพวกนี้คิสไม่แพ้เลย ตัวไหนก็มาเหอะ อิอิ
8. Soothing Mask หรือมาส์กปลอบใจผิว
เรียกซะน่าเอ็นดู 55 คือคิสนิยามมันว่ามีหน้าที่ในการปลอบใจผิวจริงๆนะ คือทำอะไรไม่ได้เลยนอกจาก pamper ทำให้ผิวรู้สึกผ่อนคลาย......และก็.... หมดแล้ว ทำอะไรไม่ได้อีกแล้วจ้า
ลักษณะพวกมาส์กแบบนี้จะเป็นเนื้อเจล ทาแล้วจะรู้สึกถึง cooling effect เพราะเราเอามาส์กไปแช่ไว้ในตู้เย็น ตึงโป๊ะ!! ไม่ใช่ละ คือมาส์กพวกนี้จะดึงเอาพวกสารที่ปลอบใจผิวได้ดีมาทั้งนั้นเลยค่ะ ช่วยทำให้ผิวที่เพิ่งโดนแดดมาหมาดๆ ให้รู้สึก Soothing คลายความอักเสบจากความร้อน และปรับสภาพให้ผิวกลับมาสดใสได้เหมือนเดิม
ตัวที่ทุกคนคงคุ้นเคยกันดีก็พวก Aloe vera ทั้งหลาย บางคนก็เอาเจลว่านหางมาพอกหน้ากันก็มี ซึ่งก็ทำได้ ได้ดีด้วย แต่ส่วนใหญ่มักจะมีแอลกอฮอล์ ก็เลียงได้ก็เลียงค่ะ มองหายี่ห้อที่มันใส่สาร additive น้อยๆ ไม่มีได้ยิ่งดี
ที่คิสใช้มาก็จะมี Fresh Rose Mask (หอมดี แต่ไม่ช่วยไรเลย) และ Kiehl's Calendula เป็นพวกกลุ่ม Soothing Mask แบบล้างออก
ถามว่าตอนนี้คิสใช้ตัวไหนอยู่ คิสก็ใช้ Biotherm ที่เป็น Sleeping Mask ที่พิมพ์ไว้ข้างบนค่ะ เป็นเนื้อเจลๆ ทำให้ soothing ได้เหมือนกัน ใช้แล้วผิวแดงน้อยลง ชอบนะ แต่คงไม่ซื้อต่อละ ขอลองยี่ห้ออื่น คิสมีตัว Sample ของ Clinique Moisture Surge อยู่ก็คิดว่าลองแล้วอาจจะชอบก็ได้ แถมตัวนี้ไม่ต้องล้างออกด้วย
คิสว่าตระกูล Moisture Surge ที่ re formula ออกมาแล้วทำได้ดีมากๆ คิสใช้สูตรเดิมแล้วไม่รู้สึกอะไร พอไปยกเครื่องมาใหม่ โห้ ดีทุกตัวเลยแหะ ตัวครีม Extended คิสเอามาพอกเป็นมาส์กใต้ตายังได้เลย ดีมากๆค่ะ :)
9. Warming Mask มาส์กแบบอุ่น
มาส์กแบบนี้คิสว่าอาจจะ....ไม่เป็นที่รักของสาวไทยเท่าไหร่ 55 คือมันเป็นมาส์กที่นวดแล้วจะอุ่นขึ้น ถึงขั้นร้อนกันเลยทีเดียว แต่ก็อุ่นแค่ไม่นานนัก แป่บเดียวก็หายละ
คิสใช้มาราวๆปีกว่าได้ แค่ใช้อยู่แค่ตัวเดียวคือ Innisfree Ginger Mask ซึ่งใช้แล้วสบายผิวมากๆๆๆๆ คิสชอบที่มันช่วยทำให้ผิวมัน Relax เหมือนเราไปนั่งแช่บ่อน้ำร้อน แล้วรูขุมขนก็จะเบิกบาน พร้อมให้เรามาส์กแผ่นได้ต่อ หรือมาส์กแบบ Sleeping Mask ได้แบบอุ่นใจว่าสารอาหารจะได้เข้าไปทำงานเต็มๆ
มาส์กพวกนี้จริงๆแล้วเหมาะกับสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็น หรือหนาวมากๆ เพราะจะช่วยดูแลผิวทำหน้าเคลือบผิว รักษาความชุ่มชื้นในผิวได้ด้วย หรือคนที่มีปัญหาเรื่องผิวแห้ง คิสบอกเลยว่า...ห้ามพลาด คิสผิวมันยังใช้แล้วติดใจเลยค่ะ ควรลองสักครั้งด้วยประการทั้งปวง สองปวง
คิสมีอยู่ 2 ตัวของ Innisfree และ Caolion ตามรูป แต่คิสจะเปลี่ยนไปใช้ตัวอื่นแน่นอนค่ะ มันต้องมีที่ดีกว่านี้อยู่ข้างหน้าแน่ๆ ที่เล็งไว้ก็มี Sanctuary ในร้าน Boots ตัวนี้ราคาถูกและเป็นเนื้อกึ่ง Clay ซึ่งก็น่าจะเหมาะกับคนที่มีผิว prone skin แบบคิสด้วย/ ตัว Farmacy มาส์กน้ำผึ้งในรูปที่คิสแปะไว้ บอกเลยว่าถ้าหาซื้อได้ห้ามพลาดค่ะ ตัวนี้ฟีทแบคดีมากๆ คิสอยากได้มากเลย แต่หาซื้อไม่ได้ T T Sephora จ๋าาาาา เอาเข้ามาขายเถอะน้าาาา
10. Exfoliating Mask หรือมาส์กขัดผิว
จริงๆคิสว่ามันก็ค่อนข้างจะซ้ำซ้อนกันในกลุ่ม Clarifying กับ Exfoliating คือมันเป็นมาส์กสายผลัดเซลล์ผิวทั้งคู่ แต่คิสว่าจะต่างกันที่ "วิธี"การผลัดเซลล์ผิว
คือถ้าเป็น Clarifying จะเป็นมาส์กที่ผลัดเซลล์ผิวให้เกิดใหม่จากส่วนผสม แต่ถ้าเป็น Exfoliating นีจะเกิดการผลัดเซลล์ผิวได้จากทั้งส่วนผสม และมาส์กที่เป็นเม็ดบีดส์ หรือมีสครับในตัว ซึ่งก็มีมาส์กหลายเนื้อ เนื้อเคลย์ เนื้อเจล
สำหรับคิสที่ใช้มาแล้วเข้าข่ายก็มี Origins ตัว Rose Clay ที่เป็นแบบนี้ คือได้ทั้งคุณสมบัติการ Detox ผิว และการ Exfoliate ผิวไปในตัวเดียวกัน/ คิสไปส่องที่ร้าน The body shop ตามน้องข้าวมาก็ดูตัว Acai กับตัวสูตรถ่านหิมาลัยอะไรนี่ละอยู่ อาจจะได้ลองตัวใหม่เพิ่มเติมในช่วงปีหน้าก็ได้ น่าสนใจและราคาสมเหตุผลค่ะ
ส่วนตัวคิสชอบ...แต่ก็ผะอึดผะอมที่จะใช้ เพราะจริงๆแค่สครับผิวก็รบกวนผิวหน้ามากๆอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยอยากจะไปมาสครับเอาตอนล้างอีก เวลาใช้เสร็จผิวบางทีก็จะรู้สึกแสบนิดหน่อย ตัวนี้เหมาะกับคนที่อยากลัดขั้นตอนในการ Detox ผิวให้จบในขั้นตอนเดียว ไม่ควรตามด้วยโทนเนอร์ที่มีสารรุนแรง อย่างแอลกอฮอล์หรือกรดผลไม้ มาส์กแบบนี้ผู้ชายน่าจะชอบค่ะ เพราะดูแลผิวจบในเวลาสั้นๆและไม่ต้องใช้งานหลายตัว
11. Clay Mask หรือมาส์กโคลน
ที่จริง Clay Mask อาจจะ lap กันกับมาส์กหลายๆประเภท คือ Clay เป็นลักษณะเนื้อโคลน หรือครีมเนื้อหนักที่มีคุณสมบัติในการดูดซับสิ่งสกปรก ความมัน และสิ่งตกค้างในผิว ซึ่งคุณสมบัติของ Clay ก็เปลียนไปจากมาส์กในยุคอดีตมากๆ กลายเป็นเนื้อ Clay แต่ช่วยบำรุงผิวก็มี เนื้อ Clay แต่ผสม Scrub มาด้วยก็มีอีก
แต่ถ้าเป็นเนื้อ Clay แบบแรกเริ่มจริงๆจะเป็น Clay ของจริงเลยค่ะ เนื้อเมื่อแห้งแล้วจะแห้งเป็นเหมือนโคลนเลย ที่คิสใช้และต้องยอมรับว่าเป็นคุณสมบัติที่แท้ทรู คือ AHAVA ตามรูป ตัวนี้เป็นโคลนจากเดดซีแท้ๆ ใช้แล้วผิวหน้าเนียนนนนน เหมือนเกิดใหม่เลยค่ะ ผิวรู้สึกดีจริงๆ คิสใช้ตอนอยู่ปอหกได้ เพราะตอนนั้นมีปัญหาสิวเยอะมากๆ ได้โคลน dead sea นี่ละช่วยได้เยอะเลย ถ้าอยากได้ ใกล้สุดมีวางขายที่สิงคโปร์ค่ะ ถ้าข้อมูลผิดไป ก็ไปที่ฮ่องกง มีขายแน่นอน
(ใครหาซื้อได้บอกคิสด้วยนะคะ คิสอยากได้อยู่เหมือนกัน เป็นมาส์กโคลนตัวเดียวจริงๆที่ใช้แล้วรู้สึกว่าได้มากกว่าแค่ล้างรูขุมขนผิว สัมผัสดีจนผ่านมาสิบปีคิสยังไม่ลืมอะ - -")
คิสใช้ Clay Mask มาเยอะพอสมควรจากปัญหาผิวเดิมที่มีอยู่ เรียกว่า Clay ไหนที่ว่าดี ติดโผขั้นหิ้งคิสว่าคิสใช้มาหลายๆตัวแล้ว แต่....พอคิสอายุเยอะ คิสกลับแทบจะไม่ได้แตะเลย เว้นบางช่วงที่รู้สึกผิวหมักหมมจริงๆ ก็อาจจะใช้เป็นบางจุด แต่ไม่ทาทั่วหน้าอีกแล้ว มันไม่เหมาะกับคนมีอายุเท่าไหร่ค่ะ นานๆใช้ทีก็โอเค
มาส์กประเภทนี้ เหมาะกับเด็กวัยรุ่น หรือผิวที่มีปัญหาสิว ความมันส่วนเกิน ใช้อาทิตย์ละครั้ง เป็นอย่างมาก ไม่ควรใช่ถี่กว่านี้เพราะจะรบกวนซีบัมผิวได้
12. Peel-off Mask หรือมาส์กแบบลอกออก
มาส์กที่เชื่อว่าหลายคนรู้จักกันดี แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่ชอบใช้ 55
ตัวที่ขึ้นหิ้งระดับตำนานอย่างมาส์กดำโคเซ่ หรือมาส์กระชากวิญญาณในห้องโภช น่าจะเป็นไอเท็มที่ได้ยินก็ลังเลแล้วว่า...มันดีหรือมันเลวกับชีวิตเรากันแน่
คิสใช้ตัวนี้น้อยมากกก แต่ก็ redeem เก็บมาไว้ตอนนี้ก็ 5 หลอดจิ๋วเข้าไปแล้ว คือมันใช้ปริมาณค่อยข้างเยอะ หลอดนึงใช้ได้ไม่กี่ครั้งก็หมด และเป็นมาส์กที่ค่อนข้างรบกวนผิวมากๆ
ถามว่าแล้วรบกวนขนาดนี้ ทำไมยังยินดีจะปาดใส่หน้าตัวเอง
ก็เพราะว่ามาส์กแบบ peel-off สามารถดึงเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกได้ รวมถึงสิ่งสกปรกตกค้างต่างๆที่โฟมล้างหน้า หรือออยล์ก็เอาออกไม่หมด
คิสว่ามาส์กแบบนี้เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวมัน สิว(แต่ต้องไม่อักเสบ) สิวเสี้ยน หรือรู้สึกว่าผิวไม่สะอาด ตัวนี้จะเหมาะมากๆ หรือช่วงเวลาพิเศษ ต้องไปงานแต่ง ไปงานสำคัญ มาส์กตัวนี้ไว้ก่อนหน้าวันงานสัก 2 วันกำลังดี ผิวจะได้ไม่แดงค่ะ
เวลาทาต้องปาดหนาๆ แล้วนอนยาวไปเลย ทิ้งเอาไว้ 40-60 นาที หรือบางยี่ห้ออาจจะเร็วหน่อย รอจนแห้งสนิททั่วทั้งใบหน้าแล้วค่อยลอกออก จะได้ผิวสดใหม่ยิ่งกว่าฟาร์มเฮาส์ซะอีก
ไม่ควรใช้มาส์กตัวนี้บ่อยนะคะ คิสใช้แค่เดือนละครั้งเท่านั้น