เอาละค่ะเริ่มรายละเอียด ไทม์ไปกับเอเจนซี่ค่ะ เดี๋ยวจะมาสรุปว่าระหว่างไปเอง กับไปกับเอเจนซี่ แต่งต่างกันยังไงท้ายเรื่องนะคะ หลังจากที่ทำวีซ่าและซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อยไทม์มีเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการเตรียมตัวคะ ซึ่งแน่นอนค่ะ การเสิจกูเกิ้ลเป็นอะไรที่น่ากลัวสุดๆ ความสกปรก คน อาหารการกิน ความปลอดภัย ถึงขั้นจะซื้อนกหวีดติดตัวไว้เลยทีเดียว แต่พอไปถึงจริงๆ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราเห็นในข่าวเลยคะ สนุกและมันส์มากกกกกกกก

เตรียมตัวอย่างไร

อาหาร ขอบอกว่าไทม์ทานอาหารอินเดียไม่ได้เลย จริงๆแล้วไทม์เป็นคนที่กินอะไรก็ได้ กินง่ายอยู่ง่าย แต่สำหรับอาหารอินเดียกลืนไม่ลงคอจริงๆ ก่อนไปคิดว่าก็คงแบบอาหารใต้แหละ กินได้อยู่แล้วงดหมู 3 เดือนเองชิลๆ แต่พอไปถึง Omg น้ำตาจะไหล เครื่องเทศล้วนๆ และไทม์ดันพลาดตรงที่ไม่ได้ซื้อของจากไทยไปเลย ใครจะไปขอร้องควรซื้ออาหารติดตัวไปด้วย จะได้ไม่เสียใจแบบเรา
- มาม่า ที่นู้นขายซองล่ะ 70 ช็อคมาก
- เครื่องปรุง รสดี พริกป่นสำคัญมากกกกก เพราะพริกที่นั่นไม่มีความเผ็ดเลยค่ะ
- อาหารแห้ง ปลาแห้ง,กุ้งแห้ง,ปลาหมึกแห้งเอย และน้ำพริกเอย พอถึงนู้นแล้วจะอยากกินมากๆ อย่าคิดนะคะว่าแค่ไปตลาดแล้วทุกคนจะได้ในสิ่งที่คิด ขอบอกเลยค่ะ คุณคิดผิดเพราะหายากมาก แม้กระทั้งผักมีขายแทบจะนับได้เลยว่ามีกี่ชนิด

ของใช้ ของกระจุกกระจิกเล็กๆน้อย ควรซื้อไปจากไทยค่ะ ขอบอกตามตรงของที่อินเดียมีให้เลือกน้อยมาก ไทม์ไปอยู่มา 3 เดือนยังหาแหล่งซื้อไม่ได้เลยค่ะจากใจ
- ยางรัดผม ใครจะไปคิดว่าแค่ยางรัดผมสีดำธรรมดาๆจะหายากเย็นขนาดนี้ แม้กระทั้งยางรัดแกงยังไม่มีเลยคะ เพราะอินเดียเขาไม่นิยมใช้พลาสติก แน่นอนค่ะถุงพลาสติกก็หายากอีกเช่นกัน
- ใบมีดโกน อยู่มา 3 เดือนไม่ได้โกนคิ้วเลยค่ะขอพูดแต่เพียงเท่านี้ 555
- ปลั๊ก universal เพราะอินเดียไม่ได้ใช้แบบบ้านเราเป็นหัวกลมๆ จะควรซื้อไปด้วย
- ไม้เแขวนเสื้อและตัวหนีบ อันนี้ไม่ได้พูดเล่นน่ะ ซื้อไปเถอะ T^T 

การแต่งตัวกางเกงกระโปรงยาวเกินเข่าสักนิดก็พอค่ะ ตอนแรกไทม์
เคลียดมากๆว่าจะแต่งตัวอย่างไรดี เพราะเป็นคนไม่ชอบใส่ยีนส์ แต่จริงๆคนอินเดียก็เที่ยวและแต่งตัวเก่งนะค่ะ เราไปคลับเห็นใส่เดรสเกาะอก กระโปรงสั้นก็มีค่ะ ไม่ต้องซีขนาดนั่น

​มาค่ะ!! ขอเปิดการรีวิวด้วยรูปกิจกรรมในสถาบันหน่อยอินเดียไปเลยจร้าาาา

ใครที่คิดว่าตัวเองภาษาอ่อนมากจะไปอยู่ได้ไหม บอกเลยว่าได้ไม่ต้องกลัว ไทม์เป็นคนที่อ่อนแกรมม่ามากค่ะ ขนาดที่ว่า is,am,are ใช้ยังไงอันนี้ยังต้องสตั้น 10 วิก่อนถึงจะเรียงประโยคได้ และที่โง่สุดคือการท่องคำศัพท์ค่ะ เป็นคนที่ท่องคำศัพท์แล้วจำสลับตำแหน่งตลอด 555 เพราะฉนั้นไทม์ไปได้ใครก็ไปได้ และที่สำคัญกลับมาแล้วฉลาดขึ้นเยอะเลยค่ะ อันนี้ขอชมตัวเองหน่อย อิอิ ก่อนไปก็เตรียมตัวสักหน่อย 
App ที่ควรมี

ไม่เน้นเยอะเน้นใช่จริงแถมโหลดฟรี อิอิ
- TOEIC จากที่ลองใช้มาหลายตัว อันนี้ไทม์ชอบสุด มีครบ และแปลให้ไปในตัวด้วย คำไหนไม่รู้กดดูคำแปลได้เลย
- English Grammar มีสอนและแบบฝึกหัดไปในตัว
- Tense แน่นอนค่ะอ่านแบบ Eng ย่อมมีงงแน่นอนต้องมีเวอร์ไทยไว้ช่วย
- Daily Life ไทม์ชอบเป็นการส่วนตัวไว้บันทึกว่าในแต่ละวันทำอะไร เขียนๆไปเถอะค่ะ ไม่ต้องสนว่าจะเขียนถูกไหม หัดเขียนไปทุกวันได้แน่นอนค่ะ
- อันนี้เพิ่มเติม ท่องกิริยา 3 ช่องทุกวัน สำคัญมาก!! วันละ 5 คำก็พอค่ะ

ไทม์เรียนกับสถาบัน EMI ใน 1 วัน จะเรียนทั้งหมด 4 วิชา วิชาละ 1 ชม. ค่ะ

Conversation 

จำเป็นและมีส่วนช่วยมากซึ้งไทม์ลงเรียนเพิ่มอีก 1 ชม/วัน

เพราะไทม์เป็นคนที่พูดแล้วไม่รู้เรื่องติดๆ ขัดๆเวลาพูดไทม์จะพูดได้แค่ปัจจุบัน ไม่สามารถพูดถึงอดีตหรืออนาคตได้เลย คาบเเรกไทม์เรียนพูดทั่วไป พูดไปเหอะ อันไหนพูดผิดอาจารย์ก็จะแก้ให้สนุกดีค่ะ ส่วนคาบสอง พูดอย่างมีหลักการคือต้องกาง Tense มาดูก่อนจะพูดเลยทีเดียวคาบนี้จะเคลียดๆหน่อย แต่ทุกครั้งที่เรียนจะได้ความรู้เพิ่มขึ้น และทุกวันจะมี Topic ไม่ซ้ำกันเราก็จะได้แต่งประโยคไปในตัวพอเริ่มพูดได้ก็จะแย่งกันพูดในคลาสสนุกดีค่ะ

Grammar 

3 เดือนไทม์ยังไม่พอเลยค่ะจริงๆ เรียนยังไม่ครบทุก Tense เพราะหนังสือที่เรียนไม่ได้สอนแบบเป็น Tense แต่จะเป็นการสอนเป็นกรณีเช่น การใช้ is,am,are,Do you..,I am doing,I have to จะเป็นการสอนว่าจะใช้ได้ในกรณีไหนบ้าง ต้องใช้ยังไง  มี 100 บทแต่ไทม์เรียนได้ประมาณ 50 บท แต่แค่นี้ก็ทำให้เรียนรู้ได้มากกว่ามานั่งเรียนทีละ Tense และสมารถใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย ไม่เหมือนการเรียนแกรมม่าแบบที่เราเคยเรียนมาก่อน ทำให้เข้าใจได้ง่าย

Vocabulary 

หนังสือที่ไทม์ใช้เรียนมีส่วนช่วยในการท่องจำได้มาก โดยจะมีเนื้อหาเรื่องเดียวกันคำศัพท์สอดคล้องกันเช่นไทม์เรียนเรื่อง Jobs ในเนื้อเรื่องจะพูดถึงคำศัพท์ที่เราได้ใช้แน่ๆในชีวิตของเรา ทำให้เราเข้าใจว่าคำศัพท์แต่ละคำมีความหมายคล้ายกันก็จริงแต่ใช้ต่างกัน เช่น Work,Career ในบทความก็เล่าเรื่อง แล้วใช้คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องมาใช้ทำให้เราได้คำศัพท์เพิ่มไปในตัว

Reading & Writing 

เป็นเนื้อรื่องทั่วไปค่ะหัดอ่านออกเสียง และเขียนสรุป 

  
 

กิจกรรมก็เยอะวันหยุดก็เช่นกัน 55

เรียนอย่างเดียวเบื่อแย่ หาที่เที่ยวซิคร๊าฟฟฟ

 เด็กๆ กดข้ามส่วนนี้ไปเลยจร๊ะ ก่อนมานี่คิดว่ายังไงๆ เหล้าเบียร์คงไม่ได้กิน นี่กะบวช  3 เดือนไปเลยจ้าาาา ที่ไหนได้ โอ้โหหห ถูกมาก งานนี้มีเมาฟรีลูกหมาป่าแน่นอน *ข้อควรรู้ ร้านแนวนี้มีน้อย และปิดเร็ว

sherlock holmes pub ใน Frazer Town ร้านเจ้าประจำ เด็กไทยเข้าเมื่อไหร่ เจ้าของร้านยิ้มเลยค่ะ 6 โมงเย็นยันเที่ยงคืน เพราะร้านปิดเที่ยงคืนไม่งั้นอยู่ถึงเช้าไปล่ะ 555

แหล่งที่เที่ยวใน Bangalore อันนี้เป็นพระราชวังเล็กๆไว้รับรองแขกสามารถนั่งรถไฟฟ้าไฟลงได้ หรือจะนั่ง Auto ไปก็ได้ค่ะ

ไป Nandi Hills ค่อนข้างไกลต้องเหมารถไป เป็นแหล่งชมวิวบนเขา 

คล้ายๆภูกะดึง ไม่ได้รู้สึกว๊าวอะไรมาก แต่ไปกับเพื่อนก็สนุกมากค่ะ

พวกเราไปที่ Mysore มีที่เที่ยวเยอะมากค่ะ พระราชวังแนะนำให้ไปช่วงเย็นและอยู่ให้ถึงค่ำค่ะ จะมีโชว์แสงเสียเสียง อลังการและสวยมากค่ะ ปล.รู้สึกจะมีแค่วันเสาร์เพราะฉนั้นอย่าลืมเช็ควันก่อนไปเที่ยวนะค่ะ ^^

สรุปค่าใช้จ่าย

รวมค่าทำพาสปอร์ต,ที่พัก,ค่าเรียน และรถรับส่งไปสนามบิน 50,000 บาท ไม่รวมค่าเครื่อง ไทม์จองตั๋วไปกะทันหันเลยได้ตั๋วแพง แต่ใครที่วางเเพลนไว้แล้ว และจองล่วงหน้าถูกกว่ามาก รุ่นน้องจองไปประมาณ 5,000 เองค่ะ

 โดยส่วนตัวคิดว่าการไปกับเอเจนซี่มันสบายตรงที่เราไม่ต้องวิ่งทำเอกสารเอง มีปัญหาก็ติดต่อแก้ไขได้ง่ายกว่าการไปติดต่อเดินเรื่องเองเพราะคนอินเดียทำอะไรค่อนข้างช้า ส่วนค่าใช้จ่ายรายสัปดาห์รุ่นน้องที่ไปด้วยกันไม่กินเที่ยวเท่าไหร่ใช้ไม่ถึง 2000 รู/อาทิตย์เลยค่ะ เพราะค่าอาหาร หารกันประมาณ 500 รู/สัปดาห์ ค่าขนมนิดๆน่อย ของกินไม่ได้แพงมากถ้าพวกเบสิคๆอะหน่ะ แ

ข้อเสีย

- สถาบันที่ไปเรียนมีคนไทยเยอะไปหน่อย จิงๆเขามี 3 คลอสให้เลือกแต่ไม่คิดว่าอันนี้จะมีคนไทยเยอะขนาดนี้ เพื่อนต่างชาติจะเป็นชาวอาหรับซ่ะส่วนใหญ่ และก็มีเพื่อนอินเดียค่ะ

- ไม่มีอ็อฟฟิตประจำ เวลามีงานกลุ่มทำให้รวมตัวกันได้ยาก เพราะพวกเราอยู่หอแยก จะไม่สามารถไปหาเพื่อนๆได้ จึงต้องนัดทำงานตามร้านคาเฟ่

- ที่พักหอรวม รุ่นน้องเจอตัวไรกัดเต็มตัวเลยค่ะ แอบสงสาร แต่ทางเอเจนซี่ก็ช่วยเครียร์กับเจ้าของหอให้ แต่แน่นอนค่ะ คนอินเดียทำอะไรช้ามาก ห้องเราTVพัง ไปอยู่มา3เดือนดูได้ 2 หน 555555 แต่ไม่เป็นไรคะ เพราะไม่ได้ดู

​กรณีที่ ไปเอง

มีน้องๆหลายคนที่ไปเอง ซึ่งแน่นอนค่ะถูกกว่ามากๆๆๆ เพราะค่าเรียนเพียง

วิชาล่ะ 1200-2000 บาท/ เดือน ซึ่งขึ้นอยู่กับสถาบันนั่นๆ ค่าที่พักราคาเราคิดว่าค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับสภาพสิ่งแวดล้อมหรือที่อำนวยความสะดวก ราคาประมาณเราไปอยู่ในกทม.มีตั้งแต่ 2000-5000 มีทั้งแบบหอและห้องเช่า ถ้าไปเองเราก็จะเลือกได้ตามความต้องการมากกว่า และเพื่อนไปห้องได้ ซึ้งแน่นอนค่ะ มีปาตี้แทบทุกวัน 5555 แต่ไปเองต้องติดต่อหาสถาบันเองก่อนเพื่อที่จะขอวีซ่า

สุดท้ายนี้ไทม์อยากจะแนะนำว่าการมาเรียนที่นี้ ดีมากๆ

 ไม่ต้องกลัวเรื่องความปลอดภัย มันไม่ได้โหดร้ายอย่างที่เราเห็นในข่าวเพียงแต่ไปไหนก็มีเพื่อนไปด้วยแต่หลังๆปีกกล้าขาแข็งไปคนเดียวตลอด

ไปช็อป 

ต่อให้ยับ หารครึ่งๆไปเลยค่ะ ค่าเงินจะหาร 2 สมมุติ 1000 บาทไทยก็จะได้ 2000 รู พ่อค้าจะบอกราคาค่อนข้างสูง เพื่อนๆต้องดูสภาพสินค้า คิดว่าอันไหนคิดว่าเราคุ้ม ซึ้งบางอย่างดูแพงมากจะมาต่อครึ่งๆก็ไม่ได้นาจาาา ล่าสุดไปซื้อชุดมาในราคา 150 รู จาก 500 อันนี้รู้สึกเป็นชัยชนะ 555

คนอินเดียพูดภาษาอังกฤษได้ทุกคน 

เพราะฉนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้อะไรกลับมา แม่บ้าน ยาม คนขับรถตุ๊กๆ พูดได้หมด 

ปรับเวลาการกิน 

คนอินเดียกินข้าวเช้าประมาณเที่ยง ข้าวเที่ยงจะเป็นตอนบ่าย3 และข้าวเย็น 3 ทุ่ม ซึ้งแน่นอนคะ หาร้านอาหารเปิดตอนเช้ายากมาก เวลาหิวต้องเพิ่งฝีมือการทำกับข้าวของตัวเอง

GPS ที่นี้ตรงมาก 

ซอกซอยรู้หมด ไม่ต้องกลัวหลง ไม่เหมือนของไทยศรีไม่อยากจะพูด !! แถมเวลาไปไหนใช้ App เรียกได้แบบบ้านเรา แต่ที่อินเดียอินเตอร์กว่าเยอะค่ะ ราคาถูกด้วย

เพื่อนๆคนไหนสนใจลายละเอียดมากกว่านี้

สามารถไดเร็คถามโดยตรงได้เลยนะค่ะ พวกสถาบัน แหล่งที่พัก 

ไทม์ไม่ได้ลงลายละเอียดมากเดี่ยวจะหาว่ามาอวยใครรึป่าว 55

ปล.ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่อนุญาติให้นำรูปมาใช้

 และพี่โยช่างภาพทุกทริปของเรา อิอิ

หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยคร่า

+6

มาทั้งทีก็ต้องเก็บให้ครบซิค่ะ

 แคชเมียร์ เดลี  จัยปูร์ อัคคลา ชัยปุระ ทัชมาฮาล  

ทั้งหมดเนี้ยหมดไปแค่ 5,000 บาทไทย คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม >,< อิอิ