RECAP : JUNGSAEMMOOL กับ "Duo งานผิว" ที่คนไม่มีสกิลเมคอัพก็ใช้ได้
Wanviset 67 16
เมื่อช่วงปลายปีที่แล้วเรียกว่าเป็นที่ฮือฮาจนฉุดไม่อยู่กับการเปิดตัวเคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์จากแดนเกาหลีอย่างแบรนด์ "JUNGSAEMMOOL" ที่มีเมคอัพอาร์ตติสอย่างคุณ JUNG SAEM MOOL เจ้าของแบรนด์มาร่วมงานเปิดตัวในครั้งนี้ด้วย พร้อมนำเสนอทริคในการสร้างสรรค์งานผิวในแบบที่เรียกว่า "Glass Skin" ที่ให้ผิวสวยสุขภาพดี รวมถึงยังมีไลน์ผลิตภัณฑ์อีกมากมายแต่ที่ทำให้เราสะดุดตาจนอดใจไม่ไหวตำมาทีเดียวถึง 2 ไอเทมรวดอย่างที่เพื่อนๆ ได้เห็นไปแล้วใน รีวิว JUNGSAEMMOOL : Makeup No Makeup items - งานผิวที่ผู้ชายก็เอาอยู่!
ซึ่งจากวันนั้นก็ผ่านเวลามาเกือบ 3 เดือนเห็นจะได้จนเรามานั่งสังเกตุตัวเองดีๆ ในวันนี้ว่าช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาเราหยิบ 2 ไอเทมนี้มาใช้บ่อยมากถึงมากที่สุด (อาจเพราะเรามีสกิลการแต่งหน้าที่เรียกว่าต่ำเตี่ยเรี่ยดินถึงขีดสุดหละมั้ง) ทำให้การหยิบไอเทมโปรดอย่างเบสตัวโปรด JUNGSAEMMOOL Skin Setting Tone Manner Base SPF 30 PA+++ และแป้งฝุ่นลูกรัก JUNGSAEMMOOL Pro-lasting Finish Powder มาใช้คู่กันจึงเป็นอะไรที่ง่าย ไม่โป๊ะ ยังคงให้ผิวเราดูเป็นผิวอยู่ จนเราต้องขอหยิบมาเล่า(ป้ายยา)อีกรอบแหละ เอาเป็นว่าไปดูขั้นตอนการลงเมคอัพที่เราทำเป็นประจำเลยดีกว่าฮะ...
ซึ่งจากวันนั้นก็ผ่านเวลามาเกือบ 3 เดือนเห็นจะได้จนเรามานั่งสังเกตุตัวเองดีๆ ในวันนี้ว่าช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาเราหยิบ 2 ไอเทมนี้มาใช้บ่อยมากถึงมากที่สุด (อาจเพราะเรามีสกิลการแต่งหน้าที่เรียกว่าต่ำเตี่ยเรี่ยดินถึงขีดสุดหละมั้ง) ทำให้การหยิบไอเทมโปรดอย่างเบสตัวโปรด JUNGSAEMMOOL Skin Setting Tone Manner Base SPF 30 PA+++ และแป้งฝุ่นลูกรัก JUNGSAEMMOOL Pro-lasting Finish Powder มาใช้คู่กันจึงเป็นอะไรที่ง่าย ไม่โป๊ะ ยังคงให้ผิวเราดูเป็นผิวอยู่ จนเราต้องขอหยิบมาเล่า(ป้ายยา)อีกรอบแหละ เอาเป็นว่าไปดูขั้นตอนการลงเมคอัพที่เราทำเป็นประจำเลยดีกว่าฮะ...
Step 1 : JUNGSAEMMOOL Skin Setting Tone Manner Base SPF 30 PA+++
หลังจากที่เราลง Skincare เสร็จแล้วก็มาเริ่มกันที่การลงเบสตัวโปรดอย่าง JUNGSAEMMOOL Skin Setting Tone Manner Base SPF 30 PA+++(40ml./1,100.-)
เพื่อปรับโทนผิวโดยรวมให้ดูสม่ำเสมอกันมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยค่า SPF 30/PA+++ ทำให้เราอุ่นใจทุกครั้งหลังออกแดด เพราะนอกจากกันแดดที่เราทาไปก่อนหน้านี้(ใน Skincare Step) ยังมีเบสตัวนี้ที่เป็นเกราะป้องกันรังสียูวีอีกหนึ่งชั้น เอาซิ๊! สาดแสงมาเลยแม่!
Step 2 : JUNGSAEMMOOL Pro-lasting Finish Powder
แน่นอนว่ามนุษย์ผิวผสม - มันอย่างเราไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตในเมืองไทยที่มีสภาพอากาศประหนึ่งว่าซ้อมหนีไฟแบบนี้ได้ เราเลยขอลง JUNGSAEMMOOL Pro-lasting Finish Powder(12g/1,100.-) แป้งฝุ่นลูกรักกระปุกนี้บางๆ บริเวณกรอบหน้า และ T-Zone เพื่อเซทให้ทุกอย่างอยู่ในที่ที่ควรอยู่
บอกเลยว่านี่คืออีก 1 แป้งฝุ่นที่เราเลิฟที่สุดในช่วงปลายปีนี้ เพราะเราได้หยิบมาใช้บ่อยที่สุดในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากเค้าจะเซทตัวแบบ Semi-Matte แล้วยังคุมมันได้ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ทำให้หน้าเราแห้งจนเกินไป ส่วนตัวแล้วเราชอบที่จะใช้เค้ากับแปรงมากกว่าพัฟที่มาในกล่องนะ เพราะเรารู้สึกว่าได้ลุดที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าเยอะเลยหละ
เรามีเก็บภาพหลังลงทั้ง 2 ตัวเสร็จมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันด้วยหละว่าผิวที่ได้เป็นยังไง ไปชมพร้อมๆ กันเลยฮะ..
เรามีเก็บภาพหลังลงทั้ง 2 ตัวเสร็จมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันด้วยหละว่าผิวที่ได้เป็นยังไง ไปชมพร้อมๆ กันเลยฮะ..
อยากให้สังเกตุบริเวณจมูก และข้างแก้มจะเห็นว่าในภาพ Before(ด้านซ้าย) จะเห็นรูขุมขนที่ค่อนข้างชัด แต่หลังจากที่ลง JUNGSAEMMOOL Skin Setting Tone Manner Base SPF 30 PA+++ และ JUNGSAEMMOOL Pro-lasting Finish Powder แล้วรูขุมขนดูเบลอๆ แบบไม่มีที่มาที่ไป ที่สำคัญคือยังคงความเป็นผิวอยู่เสมือนว่าเราทาแค่ Skincare ยังไงยังงั้นเลยหละฮะเป็นฟินิชลุคที่เราตามหามานาน และยัไม่เจอแบรนด์ไหนที่ทำได้
ส่วนเรื่องรอยแดงต่างๆ ก็ยังคงมีให้เห็นบ้างประปราย ซึ่งส่วนตัวเราโอเคมากกับเรื่องนี้ เพราะเราก็คือมนุษย์คนนึงอะเนอะจะมีสิวบ้าง ระคายเคืองบ้างก็ไม่เห็นแปลกอะไรจริงปะ?
แต่จะแค่มาทาๆ ให้ดูแล้วจบไปมันก็คงจะไม่ได้จริงมั้ยหละครับ เอาเป็นว่าเราจะพลีชีพท้า PM2.5 ไปเดินเล่นข้างนอก(ที่จริงก็คือหาเรื่องไปหาของกินนั่นแหละ ไอ้อ้วนเอ้ย!) แล้วเราจะมาอัพเดทให้ชมว่าเป็นยังไงบ้างเน้อ....
ส่วนเรื่องรอยแดงต่างๆ ก็ยังคงมีให้เห็นบ้างประปราย ซึ่งส่วนตัวเราโอเคมากกับเรื่องนี้ เพราะเราก็คือมนุษย์คนนึงอะเนอะจะมีสิวบ้าง ระคายเคืองบ้างก็ไม่เห็นแปลกอะไรจริงปะ?
แต่จะแค่มาทาๆ ให้ดูแล้วจบไปมันก็คงจะไม่ได้จริงมั้ยหละครับ เอาเป็นว่าเราจะพลีชีพท้า PM2.5 ไปเดินเล่นข้างนอก(ที่จริงก็คือหาเรื่องไปหาของกินนั่นแหละ ไอ้อ้วนเอ้ย!) แล้วเราจะมาอัพเดทให้ชมว่าเป็นยังไงบ้างเน้อ....
พอดีเราเดินผ่าน STADIUM ONE แล้วเห็นเค้ายังไม่เก็บต้นคริสมาสต์ เลยนึกได้ว่าคริสมาสต์ที่ผ่านมาเรายังไม่ได้ถ่ายรูป เลยขอแว๊ะ Selfie ตัวเองซะหน่อย...ขออภัยในความเบลอนี้ด้วยเน้อ เราเขิลอะคนมองเต็มเลย อารมณ์ว่า "มันเลยเทศกาลแล้วไม๊ ?"
ซึ่งกว่าที่เราจะไปทำธุระปะปังเสร็จ(ทำพูดดี แค่หาของกินเนี่ยอะนะ) แล้วกลับมาถึงบ้านก็ปาเข้าไปเกือบ 4 ชม. แล้ว งั้นขอแว๊บไปเช็คหน้าหน่อยดีกว่าเป็นยังไงบ้าง....
ซึ่งกว่าที่เราจะไปทำธุระปะปังเสร็จ(ทำพูดดี แค่หาของกินเนี่ยอะนะ) แล้วกลับมาถึงบ้านก็ปาเข้าไปเกือบ 4 ชม. แล้ว งั้นขอแว๊บไปเช็คหน้าหน่อยดีกว่าเป็นยังไงบ้าง....
จากภาพจะเห็นว่าผิวเราแทบไม่ต่างจากตอนที่แต่งเสร็จใหม่ๆ เลยทั้งความเงาบนผิวที่กำลังพอดี รวมถึงความมันบนผิวที่มีให้เห็นน้อยมาก อาจจะมีหลุดบ้างบริเวณแก้มเพราะเราเดินผ่านทางที่เค้ากำลังก่อสร้างแล้วฝุ่นมันเข้ามาโดนหน้า เลยใช้นิวเช็ดออกเบาๆ ขอรับ
สรุป
ต้องยอมรับเลยว่า Duo ตัวโปรดคู่นี้ทำให้เราใช้ชีวิตง่ายขึ้นจริงๆ เราว่าไม่ต้องมีสกิลในการแต่งหน้าก็สามารถใช้ได้นะ หากให้เราสรุปทีละไอเทมเราขอสรุปดังนี้ฮะ :
- JUNGSAEMMOOL Skin Setting Tone Manner Base SPF 30 PA+++ : เป็นเมคอัพเบสที่มีลักษณะคล้ายกันแดด เนื้อนุ่มละมุน เกลี่ยง่าย เบลนด์เข้ากับผิวได้ดี ตลอดเวลาที่ใช้มาไม่เจอการ Ball-up(เป็นขุย)ให้เห็น ช่วยให้รูขุมขนดูเบลอได้เล็กน้อย ที่สำคัญคือมีค่ากันแดดที่ SPF30/PA+++อีกต่างหาก เรียกว่าเป็นเบสคู่กาย ที่ขาดไม่ได้เลยหละฮะ
- JUNGSAEMMOOL Pro-lasting Finish Powder : สมชื่อคำว่าแป้งเทพ ด้วยคุณสมบัติที่บางเบา เนื้อละเอียด ทาแล้วไม่หนักหน้า เซทตัวแบบ Semi- Matte คุมมันได้ค่อนข้างดี แถมยังไม่ทำให้หน้าแห้งอี๊กก อัญเชิณขึ้นแท่นแป้งฝุ่นลูกรักแห่งปี 2019 ของเราไปเป็นที่เรียบร้อย