[Hej, Inglot] เมื่อริอาจไปขอลุค "ใหม่ดาวิแพ้กุ้ง" ดูสักครั้ง
King of Eugenie
20 ม.ค. 63
50
20
เฮ่!! คิสไต่ระดับความเฮี้ยนขึ้นเรื่อยๆค่ะ หลังจากที่เริ่มต้นให้พี่ไผ่ La mer ลอง cushion ให้, ได้เข้า workshop แต่งหน้า Jung Saem Mool กับพี่ป้อม มาวันนี้ใจถึงมากกกกก ไปให้ Inglot แต่งหน้าแบบ Full Makeup เลย ซึ่งก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่คิสให้คนแต่งหน้าแบบจัดเต็มทุกขั้นตอนแบบนี้แต่...ประสบการณ์ก่อนหน้านี้มันคือหายนะและฝันร้ายมาก ก่อนจะไปพูดเข้าเรื่อง คิสนอกเรื่องก่อนเลยนะ
เซอรไพรสกับลุคที่ได้ ไม่ค่อยมีคนพูดว่า "สวย" ใส่ เต็มที่ก็ "น่ารัก" แต่วันนั้นคือคนชมว่าสวย แปลกๆ แต่มันเป็นความแปลกที่ดีมาก แปลกบ่อยๆก็ดีนะ 55
การที่เราจะไว้ใจให้แบรนด์ไหนๆในโลกนี้แต่งหน้าเราแบบ Full นี่คิสว่าค่อนข้างสำคัญมากๆ หลายๆคนคงได้รับบัตรแต่งหน้าฟรี หรือซื้อสินค้าแล้วได้รับสิทธิ์ในการแต่งหน้า หรือแม้แต่ walk-in เข้าไปขอแต่งหน้า เติม(touch up) หรือบางคนก็ขอล้าง (ถ้าขอล้างเมคอัพออก คิสขอบ่อยค่ะ เพราะหน้ามันมาก บางทีมาสคาร่าไหลคิสต้องเช็ดออก ก็เดินไปขอ ถ้าตรงนั้นมี sephora ก็ง่ายหน่อยค่ะ แต่ถ้าไม่มีก็ต้องพูดกับบีเอตรงๆ ส่วนใหญ่คิสได้รับประสบการณ์ที่ดี ไม่ค่อยเจอปัญหาอะไร เจอบ้างก็ไม่อยากจะคอมเพลนอะไรมาก พนักงานเกือบทุกคนมีภาระ มองข้ามได้ก็จะข้ามๆไป เราคงเดินไปรบกวนเค้าผิดจังหวะ) ถ้าคุณมีนัดสำคัญมากจริงๆ คือแต่งหน้าในโอกาสสำคัญ คุณควร "จ้าง" ไม่ใช่ให้เคาทเตอร์แต่ง เพราะงานไม่เหมือนกันค่ะ คิสไม่มีประสบการณ์ในการจ้างช่างแต่งหน้า เพราะดูเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่คิสว่าโอกาสสำคัญ อย่างงานปริญญา, งานแต่ง หรืออะไรงี้ คงไม่มีใครไปแต่ง full ด้วยการแต่งหน้าฟรีตามเคาทเตอร์นะ คิสก็ภาวนาขอให้ไม่มีเคสนั้นเกิดขึ้น เพราะมันไม่ใช่อะที่รัก คือให้ช่างเคาทเตอร์แต่งหน้าไปเดทกับแฟนพอเข้าใจได้ค่ะ เพราะช่างแต่ละคนมีสไตล์ไม่เหมือนกัน แบรนด์แต่ละแบรนด์มี character ไม่เหมือนกัน ไหนจะฝืมือ ชั่วโมงบินของช่างคนนั้นๆที่มาแต่งให้ อาจจะไม่ถูกใจ ไม่ถูกจริตคุณ และกลายเป็นวันนั้น คุณอาจจะรู้สึก "ผิดพลาด" ไปหมดเลยทั้งวัน นั้นยังไม่นับกับความรู้สึกของช่างแต่งหน้าถ้าเค้ารู้ว่าคุณไม่ได้ชอบฝีมือเค้าจริงๆ ไม่ว่าเค้าจะอยู่ในระดับฝึกหัด หรือระดับโปรไปแล้ว ((คิสอยากเล่าปสก.ที่เคยแต่ง full makeup แล้วพลาดจนร้องไห้มาก่อน แต่คงแยกไปเล่าวันหลัง เรื่องมันยาวค่ะ 55))
คิสถ่ายรูปแต่แรกเริ่มเลยไม่ทัน คือทันก็เค้าจัดเตรียมของไว้แล้วค่ะ
สำหรับใครที่ได้รับสิทธิ์แต่งหน้าฟรีจากตามเคาทเตอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจากการซื้อสินค้าหรือได้รับวอยเชอร์ที่ไหนก็ตาม คิสให้ข้อมูลคร่าวๆไว้คือ 1. การนัดหมาย ขึ้นอยู่ด้วยว่าคุณต้องการแต่งระดับไหน คือตั้งแต่ลงรองพื้น ลงเบสเลย หรือแค่มาแต่งตา แค่แต่งคิ้ว คือบางคนอาจจะแค่อยากให้กันคิ้ว บอกพนักงานสาขาไว้ก่อนเลยค่ะ ของคิสคือนัดแต่ง Full Makeup (คิสซื้อตัว Duraline เค้ามาใช้กับ AMC pigment ที่มีอยู่ แต่ไม่ได้มาแต่งสักที) นัดไว้ตั้งแต่ตอนห้างเปิดเลย เค้าจะได้กะเวลาทำงานถูกด้วย และนัดช่างหรือบีเอที่ดูแลเราได้ก่อน ของคิสนัด Inglot CTW ซึ่งร้านค่อนข้างใหญ่มาก และมีพนักงานดูแลทั่วถึงก็จะสะดวกหน่อย แต่บางสาขา บางแบรนด์ มีประจำคนเดียวในบางวันบางshift เค้าต้องขายของไปด้วย เค้าและเราก็จะได้ไม่กังวลเรื่องเวลามากไปด้วย 2. ทำการบ้านเรื่องลุคที่อยากได้ คือควรมีไกด์ไลน์คร่าวๆเช่น โทนสี โทนผิว หรือสไตล์ อย่าปล่อยหน้าเราไปตามใจศิลปินค่ะ เพราะมันอาจจะไม่ถูกใจเราในท้ายที่สุด แต่ก็ไม่อยากให้คาดหวังมากกกกกกกกก เหมือนคิสบอกว่า "อยากได้ลุคใหม่ดาวิกา" "อยากได้ลุคแพ้กุ้ง" คือ พี่ลี่ Inglot ก็ตอบว่าอยากได้แพ้ระดับไหนเดี๋ยวจัดให้ค่ะ คือก็จะมี Artist ที่พร้อมจะเสกให้คุณได้ หรือปรับลุคให้คุณได้ หรือแม้แต่ลุค "ที่เราไม่อยากได้เลย" ก็ควรบอก ค่ะ แบบคิสจะบอกเลยว่า "ต้องดูไม่ดุ ไม่แข็งนะคะ" "ขอคิ้วไม่โก่งมากค่ะ ขอคิ้วงานละเอียด เพราะเขียนคิ้วไม่เคยผ่านเลยค่ะพี่ เพิ่งไปเรียนกับพี่ป้อมมา ทำตามไม่ได้เลย ทำไม่ทันด้วย"คือการขอทุกอย่างที่ว่า คิสก็รู้ต้นทุนตัวเองค่ะว่ามีเท่าไหร่ บอกว่าใหม่ดาวิ เราก็ต้องรู้ตัวเองเนอะว่าเราไปได้ไกลแค่ไหน ที่จริงเอาแค่ให้พ้นความเป็นมนุษย์ลิงให้ได้ก็พอค่ะ 55555555
พี่ลี่ที่เป็นแม่มดให้เสกของใส่คิสค่าาาาา
อันนี้ก็ต้องบอกก่อนว่า เป็นวาสนาหรือผีผลักก็ไม่แน่ใจ คิสเดินเข้ามาในร้านก็ดุ้มๆๆๆๆ เดินมาแบบมั่นหน้ามาก เพราะคิสเป็นคนเดินเร็วมาก ปรับสปีทแล้วก็ยังเร็ว ทำให้คนในร้านเข้าใจว่า...เป็นคนต่างชาติ!! ก็คงไม่ไกลไปกว่าซั่วเถากับฮานอยค่ะงานนี้ นั่นทำให้พี่ลี่เดินดิ่งมาหาคิส และคิสก็บอกไปสั้นๆเหมือนรับงานเอนว่า "ที่นัดไว้อะค่ะ" ก็เลยเป็นที่มาที่ไปว่าคิสได้เจอกับพี่ลี่ ซึ่งพี่ลี่ไม่ใช่ช่างแต่งหน้า!! ลั่น!! คือพี่ลี่แต่งไปสักพักถึงบอกว่า "จริงๆที่ร้านนี่ทุกคนเป็นช่างแต่งหน้ากันหมดค่ะ แต่งได้หมดทุกคน พี่อะไม่ใช่ แต่พี่แต่งให้ได้ " อ้าววววเฮ้ยยยย พี่ลี่!! คิสตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะมาแชร์ปสก.แต่งหน้า full makeup กับ inglot เลยขอภ่ายรูปพี่ลี่และรูปต่างๆในร้านไว้ ตอนขออนุญาต พี่ลี่บอกว่าขอตัวไปทำผมทำเล็บก่อนจะได้มั๊ย มุกแพรวพราววววว มาแต่งหน้าหนูก่อนนนนน
นี่ยังไม่ทันจะแต่งหน้าเลย ยาวเป็น IS อีกแล้ว คิสรู้สึกว่าความต่างของ Workshop ที่คิสไปฟังพี่ป้อมสอนเทคนิคกับการไป Full Makeup Service คือช่างแต่งหน้าเค้ามาแต่งให้เรา ไม่ได้มาสอนเรา เพราะฉะนั้นคือถ้าอยากได้เทคนิคก็อาจจะถามไป ให้ช่างแต่งไป แต่ก็อย่าไปกวนช่างมาก(เหมือนคิส) ค่ะ อยากรู้อะไรก็ on the job learning ไป สังเกตเอาว่าช่างเค้าใช้อะไร หรือใช้วิธีไหน ของคิสในสเตปการรองพื้น พีลี่เห็นหน้าคิส(คิสลงคูชั่น JSM มาแล้วละ แต่ลงบางๆ และไม่ทำอะไรเลยกับส่วนที่เหลือ) พี่ลี่ก็บอกว่า "ลงมาบ้างแล้วใช่มั๊ยคะ" พี่ก็จะเก็บงานให้นะ ก็จัดแจงมองแปรง เรียกเสกแปรงให้มาเพิ่ม* *พี่ลี่มีบอกโดยที่คิสไม่ได้ถามก่อนด้วยว่า แปรงที่นี่เราล้างตลอดนะคะ สะอาดไม่ต้องกังวลค่ะ เหมือนรู้จักคิสมานานแสนนาน 55 คือเป็นคำพูดที่ทำให้คิสรู้สึกดีมากๆ พี่ใส่ใจลูกค้ามากๆค่ะ คิสรู้สึกดีจริงๆนะ พี่ลี่ผสมรองพื้น มีผสม 2 รุ่นค่ะ รุ่นอะไรก็ไม่รู้ เรื่องสียิ่งไม่รู้เลย เพราะพี่ลี่ก็มองคิส เดินไปหยิบ ผสมๆในจานสีสแตนเลส ผสมอะไรก็ไม่รู้จนงงว่านี่หน้าชั้นมันสับสนวุ่นวายขนาดนั้นเชียว!!
แต่ก็นั่นก็ถูกเฉลยตอนที่คิสถามเกี่ยวกับ inglot ทำให้รู้ว่าทำไมของเล่นแบรนด์นี้ถึงได้เยอะนัก เพราะ inglot เป็นแบรนด์สัญชาติโปแลนด์ที่เกิดจากนักเคมี ทำให้ตัวชูโรงของแบรนด์นี้คือการผสมผสานสีสันต่างๆ หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆเข้าด้วยกัน บางอย่างใช้ cross กันไปมาได้หมดก็มี ก็เหมือนกับว่าเป็นคสอ.สไตล์นักเคมี นั่นเอง ((แต่เป็นคสอ.เคมีที่ดูโปรมากนะ คิสรู้สึกเหมือน MAC, MUFE, Nars, Illamasqua ในราคาทีถูกกว่าเกินครึ่ง ราคาร้านนี้น่าเอ็นดูมาก))
คิสพยายามจะเก็บเทคนิค Base Makeup มานะ สังเกตมาได้แค่นี้ค่ะ 1. ตอนเก็บงานรองพื้น จะใช้แปรงรองพื้น แตะเนื้อที่ผสมสีไว้แล้วปาดและ tap เบาๆ มือเบามากกก จนแบบ...พี่ใช้ความรุนแรงกับหนูก็ได้พี่ แต่มือพี่เค้าเบาจริงๆ ลงเบามาก เก็บตามซอกให้เรียบร้อย 2. ฺBuff รองพื้นทั้้งหมดโดยที่ยังไม่ได้ลงแป้งด้วย buff ด้วยแปรงดูโอ้หรือ Stipping brush 3. ลงครีมบลัชก่อนแป้งฝุ่นซะอีก อันนี้คิสจำไม่ได้หรอกค่ะ แต่คือดูจากรูปที่ถ่ายแล้วไล่ขั้นตอนเอา ทุกอย่างเน้นครีมเป็นส่วนใหญ่ เหมือนคสอ.โปรแบบแต่งให้นางแบบ 4. แก้มลงทีละนิด ไม่ลงเยอะ เรียกว่าน้อยมากเลยจะดีกว่า แล้วค่อยๆเติม เรื่องเทคนิคการปัดแก้ม คิสลืมสังเกตค่ะ ที่แน่ๆ ไม่ได้ปัดแนวญี่ปุ่น แก้มกลมๆ ฮาราจุกุ ชิบุย่า และก็ไม่ได้ปัดเฉียงๆแบบเฟียซๆ ลืมค่ะ ลืมสังเกต รูปที่ถ่ายคือ หลับตาไป กดไป มองบ้าง แล้วก็หลับตา ปล่อยให้ช่างแต่งให้สะดวกที่สุด 5. ตอนลงแป้งฝุ่น ก็ผสมอีก!! และมีแป้งฝุ่นอยู่ 2 แบบ แบบแรกจะใช้โดยเอามาผสมสีบนทิชชู่ เอาแปรงแป้งพุ่มใหญ่ๆมาแตะแล้วขยี้หลังมือ(หลังมือพี่ลี่นะไม่ใช่ยืมมือคิสมา 55) ขยี้ให้แป้งมันไม่รวมตัวกันเป็นฝูงบนขนแปรง แล้วค่อยปัด ไม่ได้ใช้พัฟกด 6. แป้งอีกตัว คิสไม่ได้ถาม แต่เข้าใจว่าเป็นพวก setting powder ก็ตามมาลงอีกรอบ อันนี้พี่ลี่บอกว่า "การลงแป้งแบบนี้อยู่ถึงเย็น ไม่ไหลแน่นอน ไม่ต้องห่วงค่ะ" แหนะ ขายเก่งงงงง แซวนะคะ หยอก เพราะเป็นคนที่อัธยาศัยดี น่ารักจริงๆ อยากฝากชีวิตไว้ให้ดูแลเลยละ
มาถึงส่วนที่น่าจะยากทีสุดบนหน้าคิสแล้ว และน่าจะเป็นสิ่งที่คิสกังวลมากที่สุดด้วย คิสบอกพี่ลี่แต่แรกเริ่มเลยว่า "คิสอยากได้คิ้วที่เข้ากับหน้า แต่ไม่ดูน่ากลัว ไม่เอาโก่งๆ เพราะโครงหน้าคิสเหมือนผู้ชาย คิสเพิ่งฟังเทคนิคพีป้อมมา แต่ทำไม่ได้ ทำไม่ทัน อยากได้คิ้วดีๆสักครั้ง" เชื่อมั๊ยว่ายังไม่เคยมีใครบอกคิสเลยว่า ทำไมคิสถึงมีปัญหากับคิ้วตัวเองมากมายนัก นอกเหนือจากแค่ว่า "คิสมีแผลเป็นจากอุบัติเหตุ" พี่ลี่มองก็บอกว่า "คือทีมันเขียนแล้วไม่ได้รูปเพราะกระดูกโหนกคิ้วหนูมันอยู่ตรงนี้ค่ะ" พี่ลี่แตะเพื่อให้คิสก็จะได้เข้าใจปัญหาตัวเองไปด้วยว่าเขียนให้ตรงแค่ไหนก็ดู "คิ้วตก" พีลี่ทำให้คิสเพิ่งรู้ว่าการที่คิสพยายามจะ "เกาหลี" ด้วยคิ้วตรง คิสทำตามใจตัวเองมันจะดูไม่สวย และไม่ได้ดูตรงแบบที่คิสต้องการ แต่รูปกระดูกมันทำให้ดูหางคิ้วตก และหัก ดูคิ้วไม่เต็ม(นอกจากหน้าคิสก็ดูไม่ค่อยเต็ม ภาษาบ้านคิสเรียก ซาจี๊ 55555555)
เอาละ พี่ลี่ใช้แปรงคิ้วแบบที่เป็นหัวแบนๆที่เราคุ้นเคยกัน จิกเนื้อฝุ่นมาลงทีละเส้น...แล้วก็สิ้นหวังค่ะ 555555555555555 คือพี่ลี่ก็บอกว่า ไม่ได้ลงไม่ติด ของหนูจะเขียนเจลให้นะ ก็เปลี่ยนเป็นผสมเจลสีบนหลังสือและเขียนให้คิสแทน บอกเลยว่าคิสพิมพ์เยอะเนี้ย ไม่เท่าพี่ลี่แต่งหน้าให้คิสเลย เพราะพี่ลี่ใจเย็นมากกกกก ใช้เวลากับคิ้วคิสนานมาก ค่อยๆบรรจงเขียน ทำงานละเอียดจนคิสเกรงใจมากๆ รู้สึกผิดไปเลยที่ซื้ออะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ เพราะขนาดมีแค่ AMC กับ Duraline ยังไม่รู้จะจัดการยังไงดี ของที่บ้านเยอะมากกกกก
ด้วยความที่คิสมีอ้อนขอ "ลุคใหม่ดาวิ แพ้กุ้งลอปสเตอร์" ไปนั้น พี่ลี่ก็บอกว่าใช้เป็นพาเลทนี้ละกัน เหมาะกับหนูด้วย คิสมีบ่นให้ฟังเรื่องปสก.การแต่ง Full Makeup ที่หลอนคิสจนทำคิสร้องไห้มาก่อน พี่ลี่เลยบอกว่า "ช่างแต่งหน้าที่ดี เค้าจะรู้ว่าหน้าตาแบบนี้เหมาะกับอะไร ถ้าหนูเดินมาบอกว่าขอสายฝอ ขอกระบอกตาลึกๆ เค้าก็ทำให้ได้ แต่มันไม่เข้านะ คือเค้าจะรู้" ถ้าชอบแบบไหน บอกช่างดีที่สุด ที่หนูบอกว่าหนูไม่ชอบอะไร พี่ชอบมาก จะได้รู้ว่าลูกค้าต้องการหรือไม่ต้องการอะไร แต่จริงๆดูคร่าวๆก็จะพอรู้ว่าเค้าเหมาะกับอะไร ชุดที่เค้าใส่ คือคิสรู้สึกจริงๆว่าพี่ลี่เป็นคนละเอียดอ่อนและใส่ใจลูกค้ามากๆ และอาจจะปสก.คิสมีน้อยเองที่ทำให้ไม่ได้รู้ว่าช่างแต่งหน้าไทยคนอื่นๆก็อาจจะเป็นแบบนี้กัน แต่คิสกลัวมาตลอดเองว่าเค้าจะทำหน้าคิสพังไปเลยทั้งวัน
ขั้นตอนการแต่งตาทั้งหมดที่คิสควรจะสนใจมากๆน๊านนนน คิส...ไม่ได้มองเลย 55 คือต้องหลับตาด้วยละ แล้วก็คิสก็มีอายแชโดว์พาเลทเต็มบ้าน แต่แทบไม่ได้ใช้งานเลย AMC ที่ซื้อมาก็ใช้อยู่ไม่กี่ครั้ง เพราะใช้ไม่ค่อยจะเป็น เอา Duraline ไปก็หวังว่าจะได้เอาไปทำของเล่นให้เป็นเนื้อ liquid แล้วก็จะใช้งานง่ายขึ้น เอาว่าการไล่สี การเบลนด์ การกรีดเจลไลเนอร์ การสมัคช์เนื้อ ทุกอย่างคิสไม่รู้ ..................... ขอปาจุดใส่หน้าตัวเองในฐานะที่ไม่เอาความรู้ใส่ตัว 5555 ออกมาสวยวันนี้คือพอใจละ สวยพอเพียง....เพียงแค่วันนี้!!
พี่ลี่ไม่พลาดจังหวะขายจ้าาาา มีบอกว่าพาเลทนี้มีจัดรายการอยู่ด้วยนะ ซื้อพาเลทแถมลิปสติกไซส์จริง คุ้มมากๆ คิสไม่ได้ซื้อแต่ขอมาแปะโปรไว้ค่ะ เค้าเสกให้สวยแล้วก็ช่วยกันทำมาหากิน พาเลทเค้าเนื้อดี(เดา เพราะเสกให้คิสสวยได้นะเออ) เรื่องอื่นไม่แน่ใจ แต่เรื่องทนนี่แน่นอน ติดทนยัน 3 ทุ่มยังไม่หลุด คิสจำไม่ได้ว่าไม่ได้ลงไพรมเมอร์ด้วย คือปาดตัวนี้เลย พิคเมนท์ของ inglot คงไม่มีอะไรผิดพลาดอยู่แล้ว งานเม็ดสีเค้าคือที่หนึ่ง เหมือนสีทาบ้านค่ะ จะเอาสีอะไร แพนโทนไหนเค้ามีหมด เรื่องความแม่นยำของสีก็อย่างทีบอกว่าเป็นคสอ.สายเคมี สีตรงปกแน่นอน พี่ลี่บอกว่าลูกค้าสายอาหรับ ตะวันออกกลางชอบมาก เพราะเค้าแต่งตากันหนักมือ สีต้องแน่น ลูกค้ามากวาดของกลับไปเยอะมากโดยเฉพาะยาทาเล็บ
พอพูดถึงไอเท็มนี่แล้วคิสก็สงสัย ทำให้อยากพรีเซนท์มากๆถึงอาจจะไม่ได้ touch กับคนไทยนักคือเรื่อง "ยาทาเล็บที่ละหมาดได้" คือ inglot เป็นแบรนด์ที่ถือกำเนิดและเริ่มต้นสินค้าด้วยยาทาเล็บ โด่งดังสุดๆก็มาจากยาทาเล็บ (แต่คิสดันไปรู้จักแต่ AMC เพราะตัวนี้มันดังจริงๆ ระดับโลกค่ะ คิสว่า AMC ของ inglot น่าจะดีที่สุดและหลากหลายที่สุดแล้ว) inglot เอาความรู้ด้านเคมีมาช่วยเหลือสาวๆที่ต้องทำศาสนกิจ "ละหมาด" หรืออื่นๆที่ตัวคิสเองก็ไม่มีความรู้ ปรกติสาวๆมุสลิมจะต้องชำระล้างร่างกายให้สะอาดรวมถึงยาทาเล็บก็ต้องล้างออกให้หมด ไม่งั้นถือว่าผิดหลักศาสนา ตัวนี้ใช้เทคโนโลยีที่เปรียบเหมือน "คอนแทคเลนส์" นำมาปรับใช้ ทำให้ยาทาเล็บที่ทาไป น้ำสามารถผ่านได้ ทำให้ไม่ผิดหลัก ทาได้ตามอัธยาศัย นั่นทำให้สินค้านี้เป็นสินค้าขายดีของกลุ่มลูกค้าฮาลาล อันนี้คือคิสถามและพยายามจะจำกลับมาอธิบาย ทั้งๆที่คิสว่าอาจจะไม่ใช่สาวส่วนใหญ่ที่ต้องละหมาด แต่คิสอยากเล่าเรื่องราวมากกว่าว่า inglot พิเศษยังไง เค้าเป็นแบรนด์สายเคมีที่คิดค้นอะไรมาเพื่อช่วยทำให้ผู้หญิงสวยได้ แม้ในรูปแบบพิเศษ ผู้หญิงเราทุกคนจริงๆก็เหมือนกัน จะมีผ้าคลุมหน้า คลุมผม หรืออะไรแค่ไหน เราก็ยังรักความสวยงามอยู่ดี เรื่องนี้มัน borderless ค่ะ ไม่มีเรื่องอะไรที่จะมาแบ่งแยกได้
ตอนแรกว่าจะทำ mini tour ร้านแต่คงไม่ไหว คิสพิมพ์เยอะไป ดูรูปก็คงบอกแทนได้ถึงความอลังการค่ะ เค้ามีไว้รองรับทุกชาติพันธุ์จริงๆ งานนี้คือ Unesco ควรให้รางวัลนะคะ สาขามิตรภาพต่ออิสตรีทั่วโลก เอาสีไหน คือทุกไลน์เลย สีเยอะจนแบบ...โห้ว กี่ sku กัน แล้วทำ stock สินค้ายังไง มันเป็นความรู้สึก...อลังการปนความเห็นใจพนักงานค่ะ เพราะคิสทำงานสาย WMS/inter-trading มาก่อน เรื่องนี้เรื่องใหญ่มาก
นอกเรื่องสุดๆ ลูกสาวช่างไฟอย่างคิสถูกใจสิ่งนี้ค่ะ โคตร Ring Light อยู่เหนือร้าน มันเป็นอะไรที่อิมแพคมากกกกกกกก คือคนอื่นคงไม่เกทว่าคิสรู้สึกยังไง มันเจ๋งมากๆยิ่งกว่าแขวนแชนเดอเลีย เหมาะกับความเป็น inglot มากจริงๆ รักมากเลย พี่ลี่บอกว่าของทุกๆชิ้นในร้านนำเข้ามาทั้งหมด เก้าอี้ที่คิสนั่งแต่งหน้าตัวละ 5 หมื่น ก็นั่งไปซะอิ่มเอม lazyboy เลยจ้า ดีแล้วที่ไม่รู้ราคาก่อนจะนั่ง 55 คงจะไม่ผ่อนคลายแน่นอน กลัวทำของที่ร้านเค้าพัง
ส่วนตัวคิสก็ไม่รู้จะเริ่มแนะนำสินค้าไหนของ Inglot นอกจากสิ่งที่คิสใช้เองอยู่คือ AMC pigment, Duraline สองตัวนี้คือ Must have ของคิสนะ ส่วนสินค้าอื่นๆ คิสว่าอยู่ในระดับโปร(คสอ.แต่งหน้าแบบมืออาชีพ)ทั้งหมด ควรให้พนักงานมาช่วยเลือกค่ะ เพราะเรื่องสี โทนสี มันเป็นความชอบส่วนตัวของเราก็จริง แต่ประเภท เนื้อ ฟินิช อะไรต่างๆ ที่มันมีเยอะมากๆแบบนี้ พนักงานน่าจะช่วยเหลือได้ดีกว่าค่ะ
อันนี้นอกเรื่อง แต่ก็ต้องเอามาบอกไว้ ถึงจะไม่ได้ใช้ลิปสติก inglot ในลุคนี้ ด้วยความที่คิสเป็นมนุษย์ sensitive เรื่องนี้มากๆ JSM ที่ผ่านมา คิสปาดจนแท่งลิปของ JSM แทบกุด ก่อนจะกล้าใช้แปรงปาดกับลิปตัวเอง เพื่อไม่ให้เป็นการทำลายล้างสินค้าคนอื่น คิสก็เตรียมลิปสติกไปเอง คิสแนะนำใครที่หลอนหรือกลัว ก็เตรียมไปเองจะดีกว่าค่ะ แต่ปรกติแล้วร้านระดับมืออาชีพเค้าจะแยกปาดให้อยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลกัน คิสบ้าไปเอง 55 ก็ขอเป็นการส่วนตัวถึงรู้ว่าเป็นการเสียมารยาท แต่พี่ลี่ไม่ว่าอะไรค่ะ แถมยังเข้าใจดีอีกด้วย คิสแพ้ลิปจนลิปหลุดเป็นแผ่นๆเหมือนเกล็ดปลามาก่อน มันไม่สนุกเวลาต้องมารักษาค่ะ
แปลกอย่างนึงที่คิสใช้แปรงลิปมาปาดเหมือนๆกัน ลองทำเหมือนๆกัน แต่ดันติดทนไม่เท่าที่พี่ลี่ทำ คือมันไม่ใช่การคิดไปเองแน่ๆว่าช่างแต่งหน้าเค้าจะมีเทคนิคอะไรบางอย่างที่เราๆไม่มี พี่ลี่ทำอะไรค่อนข้างเบามืออย่างที่บอก บรรจงมากค่ะ ต๊ะตอนยอน ทาแป้งเก็บรอบขอบปาก แตะสีใหม่ ค่อยๆลงเหมือนลงสีน้ำมันบนแคนวาสที่เข้าใจยากแบบรูปปากคิสและฟินิชที่ได้ก็คุ้มค่ามากๆ เพราะลิปแท่งเดียวกัน คนก็คนเดียวกัน แต่ความติดทนไม่เท่ากันได้จริงๆ อยู่ไปครึ่งวันไม่หลุด
ขอสักรูปน้าาาา พี่ลี่ตัวจริงน่ารักมากๆๆๆค่ะ หน้าเหมือนพี่แหม่มวิชุดามากๆ
ก็ขอบคุณพี่ลี่และ Inglot มากๆที่เสกลุคให้คิสได้อย่างที่ชอบ ถูกใจมากกก คือคิสจะมีความกลัวการแต่งหน้าแน่น หรือแต่งหน้าที่ดูแข็งเป็นหินแกรนิตอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะคิสไม่อยากดูโปรนะ แต่โครงหน้าของคิสเองที่มันสุ่มเสี่ยงมากๆที่จะพัง สวยลำบากอะว่าง่ายๆ เป็นวันที่คิสได้รับคำชมจากเพื่อนว่าสวยอะ วันหลังแต่งแบบนี้อีกนะ คิสมีความรู้สึกว่า เฮ้ย เราสวยด้วยหรอวะ 5555555555 คือถึงแม้คิสจะรู้ตัวเองว่าไม่ใช่คนสวย แต่พอได้ยินคำนี้ก็ยอมรับว่าเขินค่ะ เป็นความเขินที่รู้สึกดีกับตัวเองมากๆ อยากแต่งให้ได้แบบนี้ทุกวัน มัน fulfilled บางส่วนที่คิสก็ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร มันไม่ใช่ฟิลเลอร์ที่เติมร่องแก้ม ไม่ใช่ซิลิโคนที่มาเสริมให้ผู้หญิงสักคน แต่มันเป็นความรู้สึก "รักตัวเอง" "เห็นค่าตัวเอง" มันตลกที่ต้องรอให้คนอื่นมาบอก แต่คิสว่าผู้หญิงเราทุกคนก็คงไม่ได้ต่างกัน เราอยากจะดู "สวยงาม" ในสายตาของบางคน และที่สุดคือ "ในความรู้สึกของหัวใจเราเอง" "Not matter what, I am beautiful" ความรู้สึกนั้นค่ะที่คิสอธิบายไม่ได้ และก็หวังมากๆว่าผู้หญิงทุกคนจะได้รับความรู้สึกนี้ในชีวิต โดยที่ไม่ต้องรอให้ถึงมือช่างแต่งหน้า คือเราทำยังไงก็ได้ให้ achieve สิ่งเหล่านี้ในแต่ละวัน และใช้ความรักตัวเองที่มีออกไปให้โลกเห็นว่าผู้หญิงทุกคนเป็นสวยงามและควรได้รับการปกป้อง ไม่ใช่ทำร้าย หวังว่าสาวๆจะไม่ลำไยกับความโคนันของคิสในคืนนี้นะคะ ขอให้สาวๆหลับฝันดี ตื่นมาทำงานด้วยความสดใสและรู้สึกเหมือนที่คิสรู้สึกค่ะ ^^