สาระดีๆ เกี่ยวกับร่างกายผู้หญิงแบบเรา
bluebacons 43 9
เคยไหม พอเข้าใกล้ช่วงมีประจำเดือนทำไมสิวถึงเห่อ? รู้สึกผิวแห้ง? นอกจากจะปวดท้องแทบ ตาย ตัวบวม อึดอัดใจ อารมณ์หงุดหงิดโมโหง่าย ต้องกลายเป็นดราม่าควีน ผิวของเรายังไม่ดีอีก!
.
มาดูกันว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผิวของเราเป็นแบบนี้ในวันที่มามาก
ใช่ค่ะ เพราะเราคือผู้หญิง เป็นเพศที่ทุกๆเดือนจะต้องหนักหน่วงกับการมีประจำเดือน อารมณ์ สวิงไปมา แค่หมาไม่คุยด้วยก็ร้องไห้แล้ว ต้องมาทะเลาะกับแฟน คุณแฟนก็ดันไม่เข้าใจสะอีกกกกกก อะรู้นะว่านั่งขำอยู่ เพราะหลายๆคนก็เป็นเหมือนกันใช่มั้ยคะ
.
มาค่ะวันนี้ จะมาไขข้อข้องใจให้ ว่าทำไมฉันถึงได้กลายเป็นยัยขี้หงุดหงิดและสิวเห่อในช่วงมี รอบเดือน
.
โดยธรรมชาติของการเป็นสตรีที่ไม่มีครรภ์เนี้ย เราจำเป็นต้องสร้าง “ไข่ (Oval)” โดยไข่จะถูกสร้างนับ จากวันแรกที่เรามีประจำเดือนในเดือนนั้นๆ ไป 14 วัน เพื่อไว้สำหรับการปฏิสนธิเพื่อให้เกิดมาเป็นเจ้า เบบี๋ตัวน้อย แต่เพราะว่าเราไม่ได้ทำการปฏิสนธินี่แหละ เจ้าไข่เลยต้องกลายไปเป็นวันแดงเดือดแทน
.
และหลังจากครบ 28 - 35 วันแล้วนั้น ประจำเดือนของเราก็จะกลับมาใหม่อีก เห้อออ เหนื่อยใจอีกรอบ กันเลยทีเดียว โดยปัญหาต่างๆ ที่เราต้องเจอเนี้ยเกี่ยวข้องกับอะไรกันบ้างมาดูกัน 1. Estrogen Hormone กับผิวแห้งขาดน้ำ - เป็นฮอร์โมนสำคัญในการมีประจำเดือนและอีกทั้งยังมี ส่วนเกี่ยวข้องกับผิวในการ สร้างความชุ่มชื้น, เป็นตัวกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิวอีกด้วย
ในช่วงที่เรามีรอบเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะ ‘ลดลง’ ส่งผลให้ผิวของเราแห้งและดูไม่ กระจ่างใสในช่วงมีรอบเดือน
1. Androgen Hormone กับสิว - แอนโดรเจนเป็นฮอร์โมนที่จะหลั่งเอนไซม์ไปกระตุ้นการสร้าง น้ำมันในผิว หรือ Sebum ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญในการอุดตันและเกิดเป็นสิวแบบต่างๆขึ้นมา แต่ ว่านางเอกของเรา Estrogen Hormone เนี้ย สามารถทำหน้าที่เป็น Anti - sebum ได้ แต่ใน งานวิจัยยังไม่สามารถระบุเหตุผลที่แท้จริงได้ ว่าทำไมสิวเราถึงขึ้นแต่เค้ามีแนวคิดว่า เพราะระดับ ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลง เลยทำให้ไม่มีตัวไปยับยั้งการผลิตของSebum จึงทำให้เราเกิดสิว ในช่วงก่อนมีรอบเดือน และช่วงที่กำลังมีรอบเดือนอีกด้วย
2. Progesterone กับ ตัวบวมน้ำ - ปัญหาที่น่ากังวลใจอีกอย่างนึงเกิดมาจากการลดลงของ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและเอสโตรเจน ทำให้มดลูกของเรามีการหลุดลอกมาเป็น “ประจำเดือน” และเมื่อร่างกายของเราเสียเลือด เซลล์ต่างๆ จะอุ้มน้ำและเกลือไว้เป็นอย่างมาก เพื่อเป็นการรักษาสมดุล จึงเป็นที่มาว่าพอเซลล์ภายในบวม ตัวเราก็บวมด้วยเช่นกัน หลังจากที่เรารู้ที่มาของปัญหาผิวในระหว่างช่วงมีประจำเดือนแล้ว อาจจะช่วยคลายกังวลเกี่ยว กับสิวและผิวแห้งในช่วงรอบเดือนไป เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องของ “ธรรมชาติ” แต่ถ้าใครยังทำใจ ปลงๆ ไม่ได้ล่ะก็
วิธีดูแลตัวเองถ้าใครอยากจะสู้กับปัญหาเหล่านี้
1. ใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Whitening - ตั้งแต่เราเริ่มเป็นสิวผิวหนังของเราบริเวณนั้นจะเกิด การอักเสบและเสียหาย และจะทิ้งรอยฝากไว้หลังจากรอบเดือนหมดอีก เพราะฉะนั้นการใช้สกิน แคร์ที่มีส่วนผสมของ Vitamin C, Niacinamide, Vitamin A, Vitamin E และสารสกัดจาก ธรรมชาติ จะช่วยให้ผิวกระจ่างใส และลดปัญหารอยสิวด้วย
2. โบก Moisturizer เข้าไป - ในเมื่อผิวเราแห้งกร้าน เราจึงต้องทำการล็อคน้ำในผิวของเราไว้ให้ คงอยู่ด้วยการทาครีมที่มีส่วนผสมช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้น เช่น Shea butter และ Hyarulonic acid 3. ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การกิน - เพื่อไม่ให้ตัวบวมน้ำ เราก็ดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆ เพื่อชดเชยเลือดที่ เราต้องเสียและทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งการเลือกกินอาหารที่มี โซเดียมและน้ำตาลน้อย จะทำให้เรารู้สึกอึดอัดตัวน้อยลง การออกกำลังกายเบาๆ ก็จะช่วยลด อาการบวมน้ำได้อีกด้วย
ตอนนี้เราก็เข้าใจตัวเองกันมากขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าเป็นกังวลไป ใช้ชีวิตแบบสบายๆ พอเวลาผ่าน ไปผิวของเราจะฟื้นฟูกลับมาสุขภาพดีอีกครั้งเองค่ะ
ตรงไหนที่ผิดพลาดปาวต้องขอโทษด้วยนะคะ ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมมาแชร์กันได้เลยนะค้า
ใช่ค่ะ เพราะเราคือผู้หญิง เป็นเพศที่ทุกๆเดือนจะต้องหนักหน่วงกับการมีประจำเดือน อารมณ์ สวิงไปมา แค่หมาไม่คุยด้วยก็ร้องไห้แล้ว ต้องมาทะเลาะกับแฟน คุณแฟนก็ดันไม่เข้าใจสะอีกกกกกก อะรู้นะว่านั่งขำอยู่ เพราะหลายๆคนก็เป็นเหมือนกันใช่มั้ยคะ
.
มาค่ะวันนี้ จะมาไขข้อข้องใจให้ ว่าทำไมฉันถึงได้กลายเป็นยัยขี้หงุดหงิดและสิวเห่อในช่วงมี รอบเดือน
.
โดยธรรมชาติของการเป็นสตรีที่ไม่มีครรภ์เนี้ย เราจำเป็นต้องสร้าง “ไข่ (Oval)” โดยไข่จะถูกสร้างนับ จากวันแรกที่เรามีประจำเดือนในเดือนนั้นๆ ไป 14 วัน เพื่อไว้สำหรับการปฏิสนธิเพื่อให้เกิดมาเป็นเจ้า เบบี๋ตัวน้อย แต่เพราะว่าเราไม่ได้ทำการปฏิสนธินี่แหละ เจ้าไข่เลยต้องกลายไปเป็นวันแดงเดือดแทน
.
และหลังจากครบ 28 - 35 วันแล้วนั้น ประจำเดือนของเราก็จะกลับมาใหม่อีก เห้อออ เหนื่อยใจอีกรอบ กันเลยทีเดียว โดยปัญหาต่างๆ ที่เราต้องเจอเนี้ยเกี่ยวข้องกับอะไรกันบ้างมาดูกัน 1. Estrogen Hormone กับผิวแห้งขาดน้ำ - เป็นฮอร์โมนสำคัญในการมีประจำเดือนและอีกทั้งยังมี ส่วนเกี่ยวข้องกับผิวในการ สร้างความชุ่มชื้น, เป็นตัวกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิวอีกด้วย
ในช่วงที่เรามีรอบเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะ ‘ลดลง’ ส่งผลให้ผิวของเราแห้งและดูไม่ กระจ่างใสในช่วงมีรอบเดือน
1. Androgen Hormone กับสิว - แอนโดรเจนเป็นฮอร์โมนที่จะหลั่งเอนไซม์ไปกระตุ้นการสร้าง น้ำมันในผิว หรือ Sebum ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญในการอุดตันและเกิดเป็นสิวแบบต่างๆขึ้นมา แต่ ว่านางเอกของเรา Estrogen Hormone เนี้ย สามารถทำหน้าที่เป็น Anti - sebum ได้ แต่ใน งานวิจัยยังไม่สามารถระบุเหตุผลที่แท้จริงได้ ว่าทำไมสิวเราถึงขึ้นแต่เค้ามีแนวคิดว่า เพราะระดับ ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลง เลยทำให้ไม่มีตัวไปยับยั้งการผลิตของSebum จึงทำให้เราเกิดสิว ในช่วงก่อนมีรอบเดือน และช่วงที่กำลังมีรอบเดือนอีกด้วย
2. Progesterone กับ ตัวบวมน้ำ - ปัญหาที่น่ากังวลใจอีกอย่างนึงเกิดมาจากการลดลงของ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและเอสโตรเจน ทำให้มดลูกของเรามีการหลุดลอกมาเป็น “ประจำเดือน” และเมื่อร่างกายของเราเสียเลือด เซลล์ต่างๆ จะอุ้มน้ำและเกลือไว้เป็นอย่างมาก เพื่อเป็นการรักษาสมดุล จึงเป็นที่มาว่าพอเซลล์ภายในบวม ตัวเราก็บวมด้วยเช่นกัน หลังจากที่เรารู้ที่มาของปัญหาผิวในระหว่างช่วงมีประจำเดือนแล้ว อาจจะช่วยคลายกังวลเกี่ยว กับสิวและผิวแห้งในช่วงรอบเดือนไป เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องของ “ธรรมชาติ” แต่ถ้าใครยังทำใจ ปลงๆ ไม่ได้ล่ะก็
วิธีดูแลตัวเองถ้าใครอยากจะสู้กับปัญหาเหล่านี้
1. ใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Whitening - ตั้งแต่เราเริ่มเป็นสิวผิวหนังของเราบริเวณนั้นจะเกิด การอักเสบและเสียหาย และจะทิ้งรอยฝากไว้หลังจากรอบเดือนหมดอีก เพราะฉะนั้นการใช้สกิน แคร์ที่มีส่วนผสมของ Vitamin C, Niacinamide, Vitamin A, Vitamin E และสารสกัดจาก ธรรมชาติ จะช่วยให้ผิวกระจ่างใส และลดปัญหารอยสิวด้วย
2. โบก Moisturizer เข้าไป - ในเมื่อผิวเราแห้งกร้าน เราจึงต้องทำการล็อคน้ำในผิวของเราไว้ให้ คงอยู่ด้วยการทาครีมที่มีส่วนผสมช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้น เช่น Shea butter และ Hyarulonic acid 3. ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การกิน - เพื่อไม่ให้ตัวบวมน้ำ เราก็ดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆ เพื่อชดเชยเลือดที่ เราต้องเสียและทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งการเลือกกินอาหารที่มี โซเดียมและน้ำตาลน้อย จะทำให้เรารู้สึกอึดอัดตัวน้อยลง การออกกำลังกายเบาๆ ก็จะช่วยลด อาการบวมน้ำได้อีกด้วย
ตอนนี้เราก็เข้าใจตัวเองกันมากขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าเป็นกังวลไป ใช้ชีวิตแบบสบายๆ พอเวลาผ่าน ไปผิวของเราจะฟื้นฟูกลับมาสุขภาพดีอีกครั้งเองค่ะ
ตรงไหนที่ผิดพลาดปาวต้องขอโทษด้วยนะคะ ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมมาแชร์กันได้เลยนะค้า