Event : Find Your Glow with Clinique iD Tone-up gel

51 10
JEBAN GIVEAWAY / ได้รางวัลจากจีบันนี่แหละ!

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวจีบันทุกคน วันนี้เราได้มีโอกาสได้ไปร่วมกิจกรรมกับทาง Jeban x Clinique ที่จัดขึ้นที่เคาน์เตอร์ Clinique สาขาสยามพารากอน ครั้งนี้ผลิตภัณฑ์ที่เราได้ไปลองในครั้งนี้ ก็คือ Clinique iD Tone-up gel นั่นเอง


เพื่อนๆ หลายคนคงเคยรู้จักและเคยใช้ตัว Clinique iD กันมาแล้ว แต่ครั้งนี้ทางแบรนด์ได้ออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ เป็น Clinique iD Tone-up gel ซึ่งคุณสมบัติหลักๆก็คือ ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสหลังใช้ทันที พร้อมทั้งยังสามารถเลือก Booster ที่เหมาะกับผิวตัวเองได้อีกด้วย

ตระกูล Skin Care ของ Clinique iD ก็จะมี Moisturizer ให้เลือกหลากหลาย ซึ่งเพื่อนๆก็จะสามารถเลือกให้เหมาะกับผิวของตัวเองได้

1.เนื้อ Lotion : เนื้อโลชั่น เหมาะกับผิวที่มีผิวผสมค่อนไปทางแห้ง เนื้อโลชั่น จะมีความนุ่ม ละมุน และช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้นานถึง 8 ชั่วโมงกันเลย

2.เนื้อ Gel : เนื้อเจลนี้จะเป็นเนื้อเจลที่ Oil-free และบางเบา ไม่ทำให้หน้ามันเพิ่มระหว่างวัน เหมาะสำหรับคนที่มีผิวผสมค่อนไปทางมัน หรือผิวมัน ตัวนี้ใช้แล้วจะสบายผิวมากๆ พร้อมทั้งยังให้ความชุ่มชื้นกับผิวนาน 8 ชั่วโมงเช่นกัน

3.เนื้อ Jelly : เนื้อเจลลี่ตัวนี้ บางเบามากๆค่ะ แต่ยังให้ความชุ่มชื้นที่ยาวนานเหมือนตัวอื่นๆ แต่ตัวนี้จะมีนวัตกรรมที่ช่วยปกป้องกันผิวจากมลภาวะต่างๆได้อีกด้วย ถ้าใครที่ผิวแพ้ง่าย ตัวนี้ก็เหมาะมากๆเลยค่ะ


และตัวที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ก็คือ

4.เนื้อ Tone-up Gel : เนื้อโทนอัพเจล จะมีลักษณะที่เป็นเนื้อครีมเจล ให้ความชุ่มชื้น ไม่ทำให้หน้ามันเพิ่มขึ้น พร้อมมีเทคโนโลยีการกระจายแสง ทำให้ผิวดูกระจ่างใสทันทีที่ทา ดูเปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ และนอกจากนั้นยังมีการผสมไพร์เมอร์ซึ่งจะช่วยทำให้เราสามารถแต่งหน้าต่อได้เรียบเนียนมากยิ่งขึ้น


**ปล.ในรูปเราแอบเห็นของเมืองนอกเค้าจะมีสูตร BB Gel อีกตัวนึง สงสัยต้องอดใจรอเข้าไทยกันอีกสักพักค่ะ ^^

หลังจากที่รู้จักกับเนื้อ Moisturizer ไปแล้ว เราก็มีรู้จักกับ Booster

ซึ่งตัว Booster จะเข้ามาช่วยในเรื่องของปัญหาผิวต่างๆที่กวนใจสาวๆ แต่ละคนก็จะสามารถเลือกสูตรของตัวเองได้เลย สาวๆก็จะได้สกินแคร์ Clinique iD ที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวของสาวๆมากยิ่งขึ้น โดยที่ Booster จะมีให้เลือกทั้งหมด 5 สีหลักๆ

1.Delicate Skin [Code : Calm] สำหรับผิวระคายเคืองง่าย เพราะมีแลคโตบาซิลลัส โปรไบโอติก ช่วยลดเลือนรอยแดงบนผิว และยังเหมาะกับผิวทีี่แพ้ง่าย และเป็นสิว

2.Pore & Uneven Texture [Code : Polish] สำหรับผิวที่ไม่เรียบเนียน ช่วยปรับให้ผิวใสสว่าง ปรับสภาพผิวให้ดูสดชื่นขึ้น และช่วยให้รูขุมขนดูกระชับ เรียบเนียนมากขึ้น

3.Fatigue [Code : Energize] สำหรับผิวอ่อนล้า ไม่สดใส ช่วยกระตุ้นหลังผิว เพื่อปลุกผิวที่อ่อนล้า ให้ดูตื่นขึ้น ด้วยเทอรีน และยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและยืดอายุให้กับเซลล์ผิว

4.Lines & Wrinkle [Code : Smooth] สำหรับผิวที่มีริ้วรอย ให้ผิวชุ่มชื้น นุ่มนวลและเปล่งปลั่งด้วยเวย์โปรตีนเข้มข้น

5.Uneven Skin Tone [Code : Brighten] สำหรับผิวที่สีไม่สม่ำเสมอ ช่วยให้สีผิวดูสว่างสดใสและสม่ำเสมอกันมากขึ้น ด้วยสารสกัดเข้มข้นจากรากสมุนไพรแจแปนนิส แองเจลิก้า

*6.Sakura [Code : Reactive Skin] สำหรับผิวบอบบาง ช่วยเพิ่มสมดุล สร้างความแข็งแรงให้กับผิวด้วยสารสกัดจากดอกซากุระ

*7.Ginseng [Code : Sallow Skin] สำหรับผิวที่ไม่สดใส ช่วยให้ผิวดูเปล่งประกายอมชมพู ด้วยสารสกัดจากโสม

*เป็นสูตร Limited Edition สามารถหาซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ Clinique และที่ Sephora ค่ะ

วิธีการเลือก Clinique iD ก็คือ

1. เลือกเนื้อ Moisturizer ที่เหมาะกับสภาพตัวเอง

2. เลือก Booster ที่ตรงกับปัญหาผิวของตัวเอง

3. ก็จะได้ Clinique iD ในสูตรที่เหมาะกับเพื่อนๆ เหมือน Emilia Clarke

พูดถึงผลิตภัณฑ์กันไปเยอะ มาดูบรรยากาศภายในงานกันบ้างดีกว่าค่ะ


พอไปถึงทีมงานก็จะให้เราลงชื่อ พร้อมกับถ่ายรูปสวยๆคู่กับผลิตภัณฑ์ หลังจากนั้นพอสมาชิกมาครบ เราก็จะเริ่มกิจกรรมกัน ตามธรรมเนียมจีบันเราก็จะแนะนำตัว พร้อมทั้งชื่อ Login นั่นเอง หลังจากนั้นก็จะมี คุณจ๋าและคุณโบ๊ท มาช่วยแนะนำผลิตภัณฑ์ Clinique iD Tone-up 


ซึ่งก็ทำให้เรารู้จักกับตัว Tone-Up Gel มากขึ้น ในเนื้อครีมของสูตรนี้ จะเป็นเนื้อสีชมพูซึ่งทางแบรนด์ได้วิจัยมาแล้วว่าสีชมพู จะไม่ทำให้ผิววอกหรือหน้าเทา และเป็นโทนที่เหมาะกับทุกสภาพสีผิว และยังมีเทคโนโลยี Transforming Tint Release ที่จะอยู่เป็นพิกเมนต์แคปซูบในตัวเนื้อครีม ซึ่งเม็ดแคปซูลนี้แหละจะแตกตัวออกเวลาที่เราทา จะช่วยกระจายแสง ทำให้ผิวหน้าเราดูกระจ่างใสขึ้น

มาดูเนื้อกันชัดๆ จะสังเกตว่าเนื้อจะเป็นกึ่งเจลกึ่​งครีม และจะมีเนื้อของ Booster (ใสๆ) กดออกมาด้วยในประมาณ 10% และอีก 90% จะเป็นเนื้อ Moisturizing ซึ่งอันนี้ทางแบรนด์ก็คำนวณมาอย่างดีว่าทุกครั้งจะได้ปริมาณเท่านี้ ต่อมาเราจะเห็นว่าในเนื้อหลังเกลี่ยแล้วจะมีเม็ดขาวๆ เล็กๆ นั่นก็คือ แคปซูลที่จะแตกตัวออกและช่วยกระจายแสงให้กับผิวเรานั่นเอง


เรามาลองดูมือข้างที่ทากับไม่ทา จะเห็นได้เลยว่าสีต่างกันค่อนข้างมาก ด้านมือที่ทาเราทาประมาณ 2 รอบค่ะ 

สุดท้ายก็มีกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ ชิงรางวัลเซตสกินแคร์ของ Clinique กันไปแบบกรุงกริบ ยินดีกับสมาชิกที่ได้รับรางวัลด้วยนะคะ ^^

สุดท้ายก็ถ่ายรูปกันตามระเบียบ


ท้ายสุดนี้ต้องขอบคุณทาง Jeban และ Clinique ที่มีกิจกรรมดีๆ และเชิญเราไปร่วมกิจกรรมนี้ค่ะ ^^


NNINI.TECHA

NNINI.TECHA

ฮาโหล สวัสดีค่ะเพื่อนทุกคน ขอแนะนำตัวก่อนเราชื่อ "นีนี่"
เป็นสาวผิวผสมค่อนไปทางแห้งบ้าง มันบ้างตามสภาพอากาศและมลภาวะ สีผิวจะอยู่ประมาณ NC 15-20
ปัญหาผิว จะเป็นเรื่องรอยสิว รอยเส้นเลือด และเริ่มมีกระจางๆแล้วค่ะ TT
ชอบแต่งหน้า ชอบสกินแคร์ ชอบทำขนม ทำอาหาร และชอบไปเที่ยว ถ่ายรูปค่ะ

FULL PROFILE