เส้นทางหลากมิติของ Scarlett Johansson
candy 59 7
.
เธอคือนางเอกที่ทำรายได้สูงสุดคนล่าสุด แต่กว่าจะก้าวมาถึงระดับนี้ได้ เส้นทางนักแสดงระดับ A List ก็ไม่ได้สวยงามราบรื่น ชีวิตนางเอกของ Scarlett เต็มไปด้วยขวากหนามและคำโจมตีต่างๆนานา
ลองมาติดตามกันค่ะว่า เธอจะต้องรับมือกับอุปสรรคใดบ้าง
เริ่มต้นด้วยการเป็นนักแสดงเด็กฝีมือน่าจับตามอง แล้วเติบโตมาขึ้นมาในภาพของ Sex Symbol
มีนักแสดงเด็กเพียงไม่กี่คนที่เติบโตในวงการและสามารถเพิ่มพูนชื่อเสียงจนก้าวมาอยู่แถวหน้า จนมีคำเปรียบเทียบว่ามันคือคำสาปนักแสดงเด็ก ( ถ้าไม่เจอกับขาลงเพราะความเปลี่ยนแปลงตอนโต ก็เป็นเรื่องฉาวที่ฉุดให้ชื่อเสียงเสื่อมเสีย)
แต่ Scarlett คือนางเอกที่โลดแล่นในวงการมาเกินยี่สิบปี จากเด็กหญิงหน้าสวยในหนัง The Horse Whisperer ในอีกห้าปีต่อมา ด้วยวัยเพียง18 ปี เธอก็ได้สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ใน Lost In Translation ด้วยบทบาทสาวขี้เหงาที่อาศัยในญี่ปุ่น ผลงานนี้ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลหลายเวที
แต่เรื่องฝีมือการแสดงกลับปลายเป็นประเด็นรอง เพราะผู้คนต่างอื้ออึงกันด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเรื่องฉากที่เธอใส่กางเกงชั้นในโปร่งใส และท่าทางที่เย้ายวนใจดูเป็นผู้ใหญ่จนแทบไม่น่าเชื่อว่าเธอเพิ่งจะเป็นสาว 18 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Scarlett ก็ไม่เคยหลุดจากโผ "สาว sexy ทีสุด" ไม่ว่าจะเป็นสื่อเจ้าใดจัดโหวต ก็ต้องมีชื่อของเธอติดในอันดับสูงๆตลอดมา แต่มันก็อาจจะไม่ใช่ผลดีต่ออาชีพนักแสดงมืออาชีพเสมอไป
ด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งที่ดึงดูดสายตาและบทบาทสาวร้อนในผลงานหนังหลายเรื่อง ทำให้มีคนนำเธอไปเปรียบเทียบกับ Lindsay Lohan และยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ focus กับความอวบอึ๋มมากกว่าเรื่องผลงาน แม้ว่าเธอจะเข้าชิงรางวัลสำคัญมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ถูกมองเป็น sex symbol มากกว่านางเอกคุณภาพ
ความอัดอั้นตันใจที่ถูกตีค่าเป็นวัตถุทางเพศ
" ชั้นสามารถใช้รูปร่างหน้าตามาเป็นข้อได้เปรียบในบางโอกาส แต่บางครั้งมันก็สร้างความอึดอัดใจมาก เพราะชั้นยึดมั่นเสมอว่าตัวเองเป็นนักแสดง ถึงสื่อมักจะนำเสนอภาพลักษณ์โดดเด่นจากเรื่องทำนองนี้ แต่ความจริงก็คือ ผลงานจำนวนมากของชั้นไม่ได้เน้นเรื่องความดึงดูดทางเพศ"
มิตรภาพกับ Woody Allen
การสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับผู้กำกับชื่อดังรายนี้จึงทำให้ Scarlett ถูกโจมตีมาตลอดระยะเวลาหลายปี เป็นเพราะสาเหตุใด เราจะขอสรุปให้เห็นภาพกันคร่าวๆ ค่ะ
- Woody เคยใช้ชีวิตคู่กับนางเอกโด่งดัง Mia Farrow และอุปการะลูกบุญธรรมร่วมกันพวกเค้ามีลูกตามสายเลือดด้วยกันคือ Ronan Farrow
- ชีวิตคู่ของ Woody และ Mia แตกสะบั้นไม่มีวันกลับไปมองหน้ากันได้ เพราะ Mia จับได้ว่า Woody แอบมีสัมพันธ์สวาทกับ Soon-Yi Previn ลูกบุญธรรมเชื้อสายเกาหลีที่ Mia รับตัวมาเลี้ยงดูกับอดีตสามี แต่ในภายหลัง Woody ยืนยันว่ารับอุปการะลูกบุญธรรมร่วมกับ Mia เพียงสองคน คือ Dylan และ Moses ไม่ใช่ Soon Yi และความสัมพันธ์ของ Woody กับ Mia ก็จบลงไปก่อนที่เริ่มมีความสัมพันธ์ทางกายกีบลูกบุญธรรมของเธอ ในตอนนั้น แม้จะอายุห่างกันหลายสิบปี แต่ Soon บรรลุนิติภาวะไปแล้ว จึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาว่าเป็นพวกใครเด็ก แต่เป็นความสัมพันธ์ที่สมยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย ห้าปีต่อมา ทั้งคู่ก็ได้แต่งงานใช้ชีวิตร่วมกันจนทุกวันนี้
- เรื่องราวความฉาวยังไม่จบ เมื่อ Mia ฟ้องร้อง Woody ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ Dylan บุตรสาวบุญธรรมวัย 7 ขวบ การต่อสู้ทางกฎหมายนั้นเข้มข้นและต้องใช้ทีมผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายมาพิสูจน์ความจริงที่ขาดพยานรู้เห็น ทีม Woody แย้งกลับว่า Mia โกรธแค้น Woodyที่แอบมีความสัมพันธ์กับลูกบุญธรรมของเธอจึงเอาคืนด้วยการปั้นเรื่องนี้ขึ้นมาทำลายชีวิตของเขา และยืนยันว่าเธอเทรนให้ลูกสาววัยไร้เดียงสาพูดโกหก
- ในที่สุด ผู้พิพากษาก็ตัดสินใจยกเลิกสิทธิการเยี่ยมลูกๆทั้งสามคน ( รวมทั้ง Ronan ที่เป็นลูกชายแท้ๆ) แต่ไม่ได้มีการดำเนินคดีในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศกับ Woody โดยมีคำอธิบายว่า
"เราคงไม่มีวันรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นจริงๆในวันนั้น แต่พฤติกรรมของคุณ Allen ต่อบุตรสาวนั้นมีความไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งและมีความจำเป็นที่เธอจะได้รับการคุ้มครอง " และเห็นด้วยกับความเห็นของจิตแพทย์ว่า ถึงแม้มีความเป็นไปได้ว่า Dylan จะไม่ได้ถูกล่วงละเมิดทางเพศ แต่เธอรู้สึกว่าตกเป็นเหยื่อ จำเป็นต้องได้รับการเยี่ยวยารักษาทางจิตใจด้วยการบำบัด
- เด็กๆเติบโตขึ้นมากับแม่ และเมื่อเข้าวัยผู้ใหญ่ Dylan ก็ได้เปิดใจออกสื่อดังว่า Woody ล่วงละเมิดเธอจริงๆ และบรรยายถึงความเจ็บปวดทางจิตใจที่ส่งผลกระทบถึงเธอจนถึงทุกวันนี้ และยังมีผู้สื่อข่าวโจมตี Woody มาตลอดเวลาหลายปี เขาไม่ใช่ใครคนอื่น แต่เป็น Ronan ลูกชายในสายเลือดของผู้กำกับดังนั่นเอง
- การเปิดใจของDylan และบทความแฉของ Ronan ทำให้กระแส Metoo ร้อนจนถึงขั้นเดือด นักแสดงที่เคยร่วมงานกับ Woody ถูกวิจารณ์ว่าสนับสนุนชายใคร่เด็กเพื่อความโด่งดังในวงการ หลายคนต้องออกมาแสดงความเสียใจและประกาศว่าจะไม่ร่วมงานกับผู้กำกับรายนี้อีก รวมไปถึงการบริจาครายได้ในการเล่นหนังของ Woody ให้การกุศล เช่น Timothée Chalamet Ellen Page Greta Gerwig Colin Firth และ Evan Rachel Wood
แต่ Scarlett คือ หนึ่งในคนกลุ่มน้อยที่ประกาศอย่างหนักแน่นว่า เชื่อคำพูดของ Woody ทุกอย่าง และจะร่วมงานกับเขาต่อไปในอนาคตโดยไม่ลังเล
เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว Scarlett ได้แสดงความเห็นต่อผู้กำกับกับ The Hollywood Reporter อย่างมั่นใจว่า
"ชั้นรัก Woody ค่ะ ชั้นเชื่อเค้า และชั้นจะร่วมงานกับเค้าต่อไป ไม่ว่าจะเมื่อไรก็ตาม"
" ชั้นไปพบกับเค้าทุกเวลาที่ชั้นสามารถเจอเค้าได้ ชั้นพูดคุยเรื่องนี้กับเค้ามาหลายครั้ง ชั้นเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา และเค้าก็ตอบแบบตรงๆกลับมาเช่นกัน เค้ายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง และชั้นก็เชื่อเค้าค่ะ"
คำพูดพวกนี้ได้จุดชนวนความไม่พอใจจากชาวเน็ท ตัวแทนองค์กรสิทธิมนุษยชน และแน่นอนที่สุดก็คือ Dylan Farrow ที่ได้วิพากษ์วิจารณ์บทบาทการเป็นตัวแทนเพื่อสิทธิสตรีของ Scarlett อย่างเผ็ดร้อน
"ชั้นรัก Woody ค่ะ ชั้นเชื่อเค้า และชั้นจะร่วมงานกับเค้าต่อไป ไม่ว่าจะเมื่อไรก็ตาม"
" ชั้นไปพบกับเค้าทุกเวลาที่ชั้นสามารถเจอเค้าได้ ชั้นพูดคุยเรื่องนี้กับเค้ามาหลายครั้ง ชั้นเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา และเค้าก็ตอบแบบตรงๆกลับมาเช่นกัน เค้ายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง และชั้นก็เชื่อเค้าค่ะ"
คำพูดพวกนี้ได้จุดชนวนความไม่พอใจจากชาวเน็ท ตัวแทนองค์กรสิทธิมนุษยชน และแน่นอนที่สุดก็คือ Dylan Farrow ที่ได้วิพากษ์วิจารณ์บทบาทการเป็นตัวแทนเพื่อสิทธิสตรีของ Scarlett อย่างเผ็ดร้อน
สื่อออนไลน์ต่างๆ ส่งบทความออกมาโจมตี Scarlett ว่าเป็น feminist จอมปลอม ชาวเน็ทเริ่มตั้งข้อกังขาในบทบาทของนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีของเธอ ในสัมภาษณ์กับ Vanity Fair ในเรื่อง Woody ดูจะอ่อนลงมาบ้าง
- สื่อดังยิงคำถามตรงๆว่า เธอเริ่มเปลี่ยนความคิดต่อเพื่อนซี้ต่างวัยไปบ้างหรือยัง
" ไม่รู้สิคะ รู้สึกยังไงชั้นก็บอกไปแบบนั้น นี่คือประสบการณ์โดยตรงของชั้น ชั้นไม่ได้รู้เรื่องนี้มากไปกว่าคนอื่นๆ ชั้นมีความใกล้ชิดกับ Woody เพียงฝ่ายเดียว เพราะเค้าคือเพื่อน แต่ชั้นไม่ได้รับข้อมูลเชิงลึกอื่นๆนอกเหนื่อจากมิตรภาพกับเขา"
- เธอคิดว่าที่ออกมาปกป้อง Woody นั้นเป็นการบอกกับเหยื่อว่าเธอไม่เชื่อพวกเค้าหรือไม่
"ชั้นเข้าใจนะว่าคำพูดนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับหลายคน แต่แค่เพราะว่าชั้นเชื่อเพื่อนของชั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าชั้นไม่ได้สนับสนุนผู้หญิง ไม่เชื่อผู้หญิง ชั้นว่าคุณต้องพิจารณาเป็นกรณีไป คุณจะเหมารวมโดยไม่ดูรายละเอียดไม่ได้ค่ะ มันเป็นความเชื่อส่วนตัวของชั้น เป็นสิ่งที่รู้สึกในใจ "
เพราะการยืนหยัดสนับสนุน Woody Allen อย่างที่คนดังคนอื่นๆไม่กล้าทำนั้น ทำให้ Scarlett ถูกเยาะเย้ยว่าเธอมีพฤติกรรมเข้าข่าย ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง จากงาน Women's March เมื่อไม่กี่ปีก่อน เธอเคยโจมตีเพื่อนร่วมวงการคนหนึ่งว่า กล้าดียังไงถึงมาออกหน้าออกตาสนับสนุนหน่วยงานที่สนับสนุนช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ( Time's Up ) แต่ลับหลังกลับใช้อิทธิพลบีบเหยื่อซะเอง และยังทวงเข็มกลัดคืน ในภายหลังก็มีการเปิดเผยว่าเป็น James Franco ที่ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดนักเรียนการแสดงที่เข้าคลาสกับเขา แต่เมื่อถูกถามเรื่องของ Woody เธอก็ได้ยืนยันว่า คนอื่นก็เอาแต่คาดเดาเรื่องที่ตัวเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและว่าร้ายให้กันเพื่อความสนุก และไม่ใช่ว่า Woody จะถูกตัดสินให้ได้รับโทษล่วงละเมิดสักหน่อย
อย่างไรก็ตาม ยังมีคนอีกมากที่โต้แย้งว่า พวกล่วงละเมิดทางเพศนั้นรอดพ้นจากกฎหมายไปได้มากหมายหลายครั้ง ทั้งจากการข่มขู่เหยื่อที่ไร้ความสามารถในการปกป้องตัวเอง การใช้อิทธิพลบิดเบือนเรื่องราว หรือจะเป็นเหตุสุดวิสัยที่เหยื่อไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยัน แต่ร่างกายจิตใจก็บอบช้ำไปแล้ว ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ คำกล่าวหาว่าเธอเป็นพวกมือถือสาก ปากถือศีลตัวจริงเริ่มอื้ออึงขึ้นมาเรื่อยๆ
จุดเริ่มต้นกระแสต่อต้านจาก Ghost In The Shell
ความไม่พอใจจากแฟนๆ Ghost In The Shell ที่พบว่า Scarlett คว้าบทบท Motoko นักฆ่าไซบอร์กสาวญี่ปุ่นนั้นดูจะไม่แตกต่างจากดราม่า casting หนัง live action เรื่องอื่นๆ เมื่อใดที่ประกาศตัวนักแสดงออกมา แฟนๆจำนวนมากก็ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยและเรียกร้องให้ re- cast องค์กร The Media Action Network For Americans ได้โจมตีว่า "ในวงการ Hollywood คนญี่ปุ่นหรือคนเอเชียนไม่สามารถรับบทคนญี่ปุ่นได้แล้วด้วยซ้ำ รวมไปถึงเ Constance Wu ( นางเอก Crazy Rich Asians) ที่จิกกัดว่า นี่ไม่ต่างจาก ฺฺblack face จากข่าวลือว่า producer หนังเรื่องนี้เคยทดลองใช้ CGI ทำให้นักแสดงผิวขาวดูเหมือนคนเอเชียนมากขึ้น
ดราม่าเรื่องนี้ถูกนำมาเชื่อมโยงกับสิ่งที่เรียกว่า white - washing ที่หมายถึงการคัดเลือกนักแสดง นางแบบ- นายแบบผิวขาวให้มารับบทนำ ด้วยความเชื่อว่า รูปลักษณ์ของคนผิวขาวเท่านั้นที่จะดึงดูดใจผู้ชม แม้ว่าต้นแบบของบทนั้นจะเป็นเชื้อชาติอื่นก็ไม่เป็นอุปสรรค Emma Stone เคยต้อ'ตะโกนขอโทษ Sandra Oh เพื่อนร่วมวงการในงานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำ เพราะเธอเคยรับบทลูกครึ่งจีน - ฮาวายเอียน - ฝรั่งผิวขาว และต้องแสดงจุดยืนว่า เธอเสียดายที่ไม่ไตร่ตรองเรื่องเลือกรับบทให้ดีๆ และดราม่านี้ได้เปิดตาให้เธอมองเห็นปัญหาเรื่อง white - washing ได้ชัดเจน
ดราม่าเรื่องนี้ถูกนำมาเชื่อมโยงกับสิ่งที่เรียกว่า white - washing ที่หมายถึงการคัดเลือกนักแสดง นางแบบ- นายแบบผิวขาวให้มารับบทนำ ด้วยความเชื่อว่า รูปลักษณ์ของคนผิวขาวเท่านั้นที่จะดึงดูดใจผู้ชม แม้ว่าต้นแบบของบทนั้นจะเป็นเชื้อชาติอื่นก็ไม่เป็นอุปสรรค Emma Stone เคยต้อ'ตะโกนขอโทษ Sandra Oh เพื่อนร่วมวงการในงานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำ เพราะเธอเคยรับบทลูกครึ่งจีน - ฮาวายเอียน - ฝรั่งผิวขาว และต้องแสดงจุดยืนว่า เธอเสียดายที่ไม่ไตร่ตรองเรื่องเลือกรับบทให้ดีๆ และดราม่านี้ได้เปิดตาให้เธอมองเห็นปัญหาเรื่อง white - washing ได้ชัดเจน
ในกรณีของ Scarlett แม้หนังหนังลงโรงไปนานหลายปีแล้ว แต่เรื่องนี้ยังพัวพันติดกับเธอไม่จางหายไปง่ายๆ ในตอนแรก เธอให้ความเห็นไว้กลางๆว่า
" ความหลากหลายเป็นสิ่งสำคัญในวงการ Hollywood ค่ะ และชั้นไม่มีวันอยากจะรับบทที่สร้างความไม่พอใจให้คนอื่น"
แต่หลังจากนั้น ได้มีการประกาศจากผู้สร้างหนัง Rub & Tug ว่า Scarlett ได้รับเลือกให้แสดงบทผู้ชายข้ามเพศ ซึ่งเป็นการหวนกลับมาร่วมงานกับผู้กำกับ Ghost In The Shell (ที่ล้มเหลวในการสร้างยอดรายได้) กระแสการต่อต้านก็พัดถล่มอีกครั้ง ชาวเน็ทกล่าวหาว่า Scarlett ใช้อภิสิทธิ์ของหญิงผิวขาวมาเบียดบังบทหนังจากคนที่เหมาะสมกว่า อย่างนักแสดงที่เป็นผู้ชายข้ามเพศจริงๆ
แม้ตัวแทนของเธอจะประกาศว่าทีนักแสดงอย่าง Felicity Huffman Jared Leto หรือ Jeffrey Tambor ก็เคยรับบทข้ามเพศมาแล้ว ( Jared คว้ารางวัล Oscar จากบทสาวทรานส์ด้วยซ้ำไป) แต่ในที่สุด เธอก็ถอนตัวออกจากหนังเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีคนเห็นดีเห็นงามไปกับดราม่านี้ไปซะหมด อย่างที่เราทราบกันดีว่า นักแสดงเพศทางเลือกบางคนก็ไปได้สวยกับการรับบท straight หรือนักแสดงที่ straight ก็สร้างประทับใจจากฝีมือการแสดงเป็นทรานส์ หลายคนมไม่เข้าใจว่า เหตุใด Scarlett จึงถูกโจมตีหนักจนต้องเทหนังเรื่องนี้ไป เพราะการแสดงเป็นเพศอื่นนั้น แตกต่างจากกรณี white - washing ที่เป็นเรื่องของ race ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ที่สำคัญ ในวงการมีนักแสดงชายข้ามเพศนั้นไม่มากนัก การ cast นักแสดงไม่ตรงกับเพศในบทไม่เคยเป็นประเด็นใหญ่โตมาก่อน หรือจะเป็นเพราะว่า คนเหล่านั้นมีอคติในตัว Scarlett ท่วมท้นมาก่อนแล้ว ?
ดราม่า meme ต้นไม้
" ในฐานะของนักแสดง ชั้นควรจะแสดงเป็นคนในทุกรูปแบบ หรือจะเป็นต้นไม้ เป็นสัตว์ก็ยังได้ เพราะมันคืออาชีพของชั้น ชั้นว่าดราม่าพวกนี้มันกลายเป็นเทรนด์ในวงการไปแล้ว มันเกิดขึ้นจากหลากหลายเหตุผล ในบางครั้งมันส่งผลกระทบในการสร้างผลงานศิลปะ เพราะชั้นคิดว่าศิลปะควรจะเป็นอิสระจากข้อบังคับใดๆ ชั้นว่าสังคมจะมีสัมพันธภาพที่ดียิ่งขึ้น หากเรายอมรับให้คนอื่นๆแสดงความรู้สึกได้โดยไม่คาดหวังว่าคนเราทุกคนจะต้องคิดอะไรเหมือนกันไปหมด"
quote จะให้แสดงเป็นต้นไม้ก็จะทำ หากมันเป็นงาน ทำให้โลกออนไลน์มี meme Scarlettในคราบต้นไม้เต็มไปหมด บางคนเปรียบเทียบเธอเป็นต้นไม้ฉากหลังของหนังเรื่องอื่นเพื่อประชดประชัน บางคนเอาเธอไปเล่นjoke ว่าอยากแย่งบท Groot และ Rocket
จนล่าสุด เธอได้ยอมรับกับ Vanity Fairว่า
" ชั้นรับมือกับสถานการณ์พลาดไปค่ะ ชั้นไม่ได้ทันใคร่ครวญถึงความรู้สึกของกลุ่มชาวทรานส์ว่ารู้สึกอย่างไรต่อนักแสดงทั้งสามคนที่เคยแสดงเป็นทรานส์ รวมไปถึงความรู้สึกของพวกเค้าที่มีต่อนักแสดงชายหญิงที่มารับบททรานส์ ชั้นยังไม่เข้าใจในประเด็นนี้ ยังไม่ได้เรียนรู้อย่างถ่องแท้ ชั้นได้เรียนรู้เพิ่มอีกเยอะในเหตุการณ์ที่ผ่านมา มันเป็นช่วงที่ยากลำบากค่ะ ชั้นรู้สึกย่ำแย่ที่ต้องเผชิญกับความรู้สึกว่าเรากลายมาเป็นพวกแยกแยะอะไรไม่ได้ "
quote จะให้แสดงเป็นต้นไม้ก็จะทำ หากมันเป็นงาน ทำให้โลกออนไลน์มี meme Scarlettในคราบต้นไม้เต็มไปหมด บางคนเปรียบเทียบเธอเป็นต้นไม้ฉากหลังของหนังเรื่องอื่นเพื่อประชดประชัน บางคนเอาเธอไปเล่นjoke ว่าอยากแย่งบท Groot และ Rocket
จนล่าสุด เธอได้ยอมรับกับ Vanity Fairว่า
" ชั้นรับมือกับสถานการณ์พลาดไปค่ะ ชั้นไม่ได้ทันใคร่ครวญถึงความรู้สึกของกลุ่มชาวทรานส์ว่ารู้สึกอย่างไรต่อนักแสดงทั้งสามคนที่เคยแสดงเป็นทรานส์ รวมไปถึงความรู้สึกของพวกเค้าที่มีต่อนักแสดงชายหญิงที่มารับบททรานส์ ชั้นยังไม่เข้าใจในประเด็นนี้ ยังไม่ได้เรียนรู้อย่างถ่องแท้ ชั้นได้เรียนรู้เพิ่มอีกเยอะในเหตุการณ์ที่ผ่านมา มันเป็นช่วงที่ยากลำบากค่ะ ชั้นรู้สึกย่ำแย่ที่ต้องเผชิญกับความรู้สึกว่าเรากลายมาเป็นพวกแยกแยะอะไรไม่ได้ "
จากมรสุมดราม่า พลิกกลับมาสู่ความเจิดจรัสในโลกมายา
Cancel culture จากโลกออนไลน์นั้นสร้างความกดดันหนักหน่วงให้กับคนดังก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า อาชีพในวงการจะ cancel ไปทุกกรณี หลายครั้ง หน้าที่การงานของพวกเค้ายิ่งทะยานสูงขึ้นกว่าเดิมทั้งๆที่ถูกโจมตีไม่มีชิ้นดี Scarlett ได้ส่วนแบ่งรายได้จากหนังที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลและกลายมาเป็นนางเอกทำเงินสูงสุดอันดับ 1 ประจำปีล่าสุด ผลงานจากหนัง Netflix ก็ปังเข้าตาผู้ชมและกรรมการรางวัลการแสดง เราพบเห็นชาวเน็ทที่แสดงความรู้สึกตรงกันว่า แม้จะไม่ชื่นชม Scarlett เท่าใดนัก แต่ก็อินกับการแสดงใน Marriage Story จนต้องหลั่งน้ำตาตามไปด้วย เมื่อได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Oscar ในสองสาขาในปีเดียวกันก็ยิ่งตอกย้ำว่า นี่คือช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของสาวบลอนด์แสนสวยคนนี้อย่างแท้จริง
ความท้าทาย.ใหม่ล่าสุดของ Scarlett คือ project หนัง ฺBlack Widow หลังจากที่ร่วมงานในหนัง Avengers มานานหลายปี ในที่สุดก็ได้รับความไว้วางใจให้ให้ฉายเดี่ยวในหนังของเธอเองได้สำเร็จ ได้รับการชื่นชมในเรื่องฝีมือการแสดงที่ควรค่าต่อรางวัลจากเวทีต่างๆไปแล้ว แล้วถ้าเป็นบทบาทของฮีโร่หญิงในหนังฟอร์มยักษ์จาก Marvel ล่ะ ?
หรือนี่จะเป็นอีกครั้งที่เธอได้พิสูจน์ว่า กระแสต่อต้านที่ผ่านมาไม่ได้กระทบกระเทือนความสำเร็จในฐานะนักแสดงแม้แต่น้อย
ความท้าทาย.ใหม่ล่าสุดของ Scarlett คือ project หนัง ฺBlack Widow หลังจากที่ร่วมงานในหนัง Avengers มานานหลายปี ในที่สุดก็ได้รับความไว้วางใจให้ให้ฉายเดี่ยวในหนังของเธอเองได้สำเร็จ ได้รับการชื่นชมในเรื่องฝีมือการแสดงที่ควรค่าต่อรางวัลจากเวทีต่างๆไปแล้ว แล้วถ้าเป็นบทบาทของฮีโร่หญิงในหนังฟอร์มยักษ์จาก Marvel ล่ะ ?
หรือนี่จะเป็นอีกครั้งที่เธอได้พิสูจน์ว่า กระแสต่อต้านที่ผ่านมาไม่ได้กระทบกระเทือนความสำเร็จในฐานะนักแสดงแม้แต่น้อย