D.I.Y. // Coffee Ground Scrub ☕️ มาผลัดผิวให้เนียนใส ไปกับสครับกาแฟกัน
Mini_Meen 55 18กลับมาพบกันอีกแล้วววววว
วันนี้ขอมาแชร์สูตรสครับที่ใช้อยู่บ่อยๆ ช่วงนี้ค่า พอ WORK FROM HOME อยู่ที่บ้าน ก็มีเวลาจัดแจงทำโน่นทำนี่เยอะขึ้นค่ะ และสิ่งที่คุณแฟนทำก็คือ COLD BREW COFFEE ตอนแรกก็เริ่มจากซื้อกาแฟคั่วบดมาทำเอง จากนั้นก็เริ่มสนุกซื้อเมล็ดกาแฟมาปั่นเองแล้ว ! พอเห็นว่ากากกาแฟจะต้องถูกทิ้ง ทางเราก็เสียดาย เลยจับเอามาทำสครับสักหน่อยดีกว่า พอลองใช้ครั้งแรกแล้วติดใจ ตอนนี้เลยต้องเก็บใส่กระปุกไว้ใช้ซะเลย
ออกตัวก่อนว่าเป็นคนไม่ทานกาแฟ เมื่อก่อนได้กลิ่นแล้วปวดหัวมาก เดี๋ยวนี้ก็เริ่มปรับตัวได้ค่ะ และยิ่งพอมาปั่น มาเล่นกับกาแฟมากขึ้น ความเมาใดๆ ก็เริ่มจางลง จนสามารถนำมาสครับตัวได้ 555555
การทำสครับกาแฟมีขั้นตอนไม่ยุ่งยากค่ะ แต่อาจจะต้องเตรียมตัว เตรียมอุปกรณ์กันเล็กน้อยเนาะ
เกริ่นมานาน ตอนนี้ทุกคนพร้อมกันแล้วใช่มั้ยคะ สำหรับการลงมือ DIY COFFEE GROUND SCRUB !
มาเริ่มกันเล้ยยย
วิธีการเลือกใช้กากกาแฟ
ถ้าจะให้ดีควรเลือกกากที่ไม่หยาบจนเกินไปค่ะ เพราะกาแฟจะบาดผิวเราจนเป็นแผลได้ สำหรับของมีน พอปั่นเมล็ดเองขนาดก็จะไม่ค่อยเท่ากัน ฉะนั้นหลังจากที่ BREW แล้ว มีนจึงเอามาปั่นอีกทีให้ละเอียดยิ่งขึ้น แต่สำหรับใครที่ซื้อมาหรือขอจากร้านกาแฟ ส่วนมากเนื้อจะไม่ค่อยหยาบค่า
วันนี้เราจะมาทำกันทั้งหมด 3 สูตรนะคะ
วัสดุอุปกรณ์
กากกาแฟ
น้ำมันมะพร้าว
สบู่เหลว/ครีมอาบน้ำ
สูตรที่ 1 PURE COFFEE
สูตรนี้ง่ายมาก ใช้กากกาแฟถูไปเลยจ้าาาาาา โดยจะผสมกากกาแฟ 1 ส่วน และน้ำอีก 1 ส่วน ให้พอมีของเหลว อาบน้ำให้ตัวเปียก จากนั้นค่อยๆ นวดสครับวนๆ เน้นบริเวณที่แห้งกร้าน ถูให้ทั่วเรือนร่างตั้งแต่คอยันเท้าได้เลย ถ้าใครชอบให้กลิ่นกาแฟสามารถฟอกสบู่ต่างๆ ให้เรียบร้อยแล้วสครับปิดท้าย ล้างออกให้สะอาดได้เลย
สูตรที่ 2 COCONUT COFFEE AND ME
ใครเป็นสาวกมะพร้าวต้องชอบ กลิ่นกาแฟอยู่กับน้ำมันมะพร้าวแล้วหอมมากเลย สูตรนี้จะช่วยให้สครับได้ง่ายขึ้น เพราะมีน้ำมันมะพร้าวเป็นตัวช่วยให้ผิวลื่น อัตราส่วนไม่ Fix มาก เอาที่เราชอบ Feeling ก็พอค่ะ มีนจะใส่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะให้พอลื่นเท่านั้น ใช้แล้วไม่ฝืด นวดวนๆ ไปให้ทั่วๆ เน้นบริเวณที่แห้งกร้าน จากนั้นล้างออก และอาบน้ำตาปกติ
สูตรนี้จะทำความสะอาดยากหน่อยนะคะ เพราะความน้ำมันมะพร้าว 55555 จะลื่นทั่วห้องน้ำไปหมด ระวังกันด้วยค่ะ จริงๆ สูตรนี้มีนแนะนำให้ทำเฉพาะจุดมากกว่า เช่น ข้อศอก หัวเข่า เท้า มือ
สูตรที่ 3 FOAMMIE COFFEE
สูตรนี้ก็ง่ายมาก เพียงผสมกากกาแฟกับครีมอาบน้ำที่เราชอบในอัตรส่วน 1 ต่อ 1 จากนั้นก็ฟอกตัวได้เลย สูตรนี้กากกาแฟของเราก็จะกลายเป็นสบู่ที่มีสครับ ! มีนชอบสูตรนี้นะ คือสครับตัวไปเพลินๆ แล้วก็เหมือนได้อาบน้ำไปในคราวเดียว
หลังจากที่เราสครับผิวเสร็จ ผิวนุ่มลื่นมากกกกกกกกก ความรู้สึกดีสุดๆ ไปเลยค่ะ และเคล็ดลับอีกอย่างที่มีนชอบทำหลังจากการสครับก็คือ หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว เช็ดตัวพอหมาด แล้วชะโลมน้ำมันมะพร้าวลงไปทั่วร่างกาย นวดๆ ให้น้ำมันค่อยๆ ซึมเข้าผิว บอกเลยว่าฟินสุดๆ ผิวจะนุ่ม เด้ง น่าสัมผัสมากๆ อ้อ แต่ถ้าใครไม่ชอบน้ำมันมะพร้าวก็สามารถใช้ Body Oil หรือโลชั่นที่มีทาต่อได้เลย สิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะสครับด้วยอะไร ต้องบำรุงผิวทันทีนะคะ เพื่อไม่ให้ผิวแห้ง
ปัญหาผิวก่อนสครับของมีนคือ บริเวณแขนขา จะมีความไม่เรียบเนียน ฟีลแบบสิวเสี้ยน ขนขุดเบาๆ ที่แขน ลูบไปคือไม่ชอบเลย 55555 แต่พอสครับแล้วสิ่งสกปรก เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งอุดตันต่างๆ ก็หายไปด้วย ดีงามมมมมม
ส่วนเรื่องความขาวใส มีนไม่ค่อยได้โฟกัสตรงนั้นเท่าไหร่นะคะ จะเน้นเรื่องการผลัดเซลล์ผิว ความเนียนนุ่มมมากกว่าค่ะ หลังจากใช้มา 3-4 ครั้ง รู้สึกผิวนุ่มขึ้น
จริงๆ สูตรสครับกาแฟมีแบบใส่น้ำตาลทรายแดงด้วยนะคะ จะช่วยให้เนื้อสครับละเอียดขึ้น แต่มีนไม่ได้นำมาใช้ กลัวมดขึ้นห้องน้ำ 55555
BENEFITS
1. เนื่องจากกาแฟมีฤทธิ์เป็นกรด สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนๆ ได้
2. คาเฟอีนในกาแฟช่วยให้การหมุนเวียนของโลหิตดีขึ้น
3. ให้ผิวเปล่งปลั่ง พร้อมด้วยคุณสมบัติของ anti-oxidants ที่ช่วยให้ผิวโกลว์สวย สดใส
4. ช่วยให้ผิวเรียบเนียน นุ่มมากขึ้น เพราะกากกาแฟช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
TIPS
ข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ที่อยากจะฝากกันคือ
การสครับด้วยกากกาแฟจะมีความเลอะเทอะพอสมควรนะคะ 555555 หลังจากสครับแล้วอย่าลืมทำความสะอาดห้องน้ำให้เรียบร้อยด้วย
สามารถพอกสครับกากกาแฟของเราไว้ได้ 2-5 นาที เพื่อให้กาแฟซึมเข้าสู่ผิว สำหรับใครที่ผิวแห้งและคันยิบๆ ให้รีบล้างออกนะ
สครับ 1-2 อาทิตย์ ครั้งก็เพียงพอค่ะ นอกจากผิวจะได้ไม่บอบบางเกินไปแล้ว เราก็จะได้ไม่ต้องทำความสะอาดห้องน้ำกันบ่อยๆ ด้วย 55555
สำหรับกากกาแฟที่มีนใช้เป็นแบบเปียก เพราะผ่านการทำมาสดๆ ฉะนั้นเค้าสามารถเก็บไว้ได้ไม่นานค่ะ มากสุดก็แค่ 1 อาทิตย์ แต่ถ้าใครชงกาแฟบ่อยๆ ก็แนะนำให้ใช้แบบใหม่ๆ จะดีกว่านะคะ
มีนได้ทดลองใช้กากกาแฟทั้งแบบที่ทำ COLD BREW และแบบ HOT COFFEE ปกติ ความรู้สึกไม่ต่างกัน แต่กลิ่นของกาแฟที่ได้ ตัวที่ผ่านการ BREW จะมีกลิ่นที่อ่อนกว่า มีนชอบแบบนี้มากกว่า เพราะถ้ากลิ่นกาแฟแรงมากไปจะแอบมึนหัวค่า
☕️☕️☕️☕️☕️