หนาวนี้ต้องรอด ปากนุ่มน่าจุ๊ฟ ท้าหนาวแค่ไหนก็ไม่แตก
Pimpan Kaewlao 41 7
สวัสดีค่ะทุกคนนนน เข้าหน้าหนาวแล้ว เชื่อว่าเพื่อนๆบางคนต้องเจอปัญหาเช่นเราแน่ๆ ปัญหาที่ว่านั้น ปากนี่แหละค่ะ ปากแตกจ้าาา แห้งกรัง แตกยิ่งกว่าดินแห้งน้ำแล้ง ว่าซั่น!!! ใช่แล้วค่ะ เจอปัญหา ปากแตก แห้ง ไม่ชุมชื้น แล้วก็อาจจะถึงขั้นมีเลือดออกเลยนะบางที ลิปแมทอะหรอ โยนทิ้งได้เลยจ้าาา แตกไม่พอยังต้องมาเจ็บแผลที่มาพร้อมกันอีก โอ้วววม่ายยย ค้นหา รีวิวก็แล้ว อะไรก็ตามที่จะทำให้ปากเราสวย ดีขึ้น บำรุงพร้อมปกป้องให้ชุ่มชื้น เราก็ถูๆไถๆ ลองผิดลองถูก ซื้อมาใช้หลายตัว แต่ที่เราจะมาแนะนำวันนี้ เป็นไอเทมที่เราใช้แล้วโอเคร แล้วรู้สึกว่ามันได้ผลจริง ซึ่งก็อาจจะแล้วแต่ละบุคคลด้วย มาดูกันค่ะมามีตัวไหนบ้างงง ปล. รูปบางรูปเอาจากในเน็ตมาน๊าาาเนื่องจากเคยใช้มาแต่หมดแล้วทิ้งแล้ว อาจจะไม่มีรูปจึงต้องยืมมานะคะ 1.ปิโตรเลียมเจล
ตัวแรกเลย คุ้นหูคุ้นตากันอยู่แล้วสำหรับตัวนี้ ตัวนี้เราว่าออรินจิมาก ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นเหมาะสำหรับ คนที่ไม่ชอบกลิ่นแรงๆ และด้วยความเป็นปิโตรเลียมเจลตอนทาเราว่าแอบหนักๆปาก แต่ก็ชุ่มชื้นดีอยู่ ใช้ได้ตั้งแต่หน้ายันตัว ถึงอย่างนั้นก็ต้องใช้เป็นประจำ แต่เราไม่ชอบที่มันหนักปาก เหนียว เหนอะ มันเยิ้มไป ส่วนตัวไม่ค่อยชอบเท่าไร แต่หลายๆคนชอบ ก็แล้วแต่ คนอะเนอะ ถามว่าใช้แล้วดีไหมเราว่าดีนะแต่เราไม่ค่อยชอบเฉยๆที่รีวิวใช้เป็นแบบแพคเก็จเดิมอยู่นะคะยังไม่หมด ขนาดที่เราใช้เป็นแบบ 50 g ในวัตสันราคา 65 บาท หาซื้อได้ตามร้านทั่วไปเลยค่ะ ให้คะแนน 6/10 2.Lanige สีชมพู ตัวนี้ให้กลิ่นหอมเบอร์รี่อ่อนๆ เนื้อสีชมพูเราชอบนะเพราะบางเบา ชุ่มชื้นทันทีที่ทา ทาแล้วชุ่มชื้นนานให้ความวาวๆ อารมณ์แบบสาวเกาหลี ทาทิ้นแล้วทาตัวนี้อีกที ไร้รอยแตก ปากน่าจุ๊ฟมากพกพาสะดวก ด้วยความเป็นsleeping mask จะดีมากหากทาทิ้งไว้ตอนนอน ตื่นมาคือดีอะแกร ปากชมพูสุขภาพดีม้วกก ที่เราใช้เป็นขนาดทดลอง 3 g ราคา 100-200 ไม่แน่ใจจำไม่ได้ หมดแล้วใช้ต่อแน่ๆ หาซื้อได้ตามร้านเครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้า ให้คะแนน 9/10 หัก1 คะแนน ขนาดทดลองไม่มีช้อนเวลาจะใช้คือติดเล็บ555 3.Carmex ตัวนี้ถ้าเป็นตัวออรินจินอลใครที่ไม่ชอบกลิ่นน่าจะไม่เวิคนะคะ กลิ่นแบบขี้ผึ้งโบราณ หรืออะไรเราก็อธิบายไม่ถูก แต่มีกลิ่นอื่นๆอยู่จ้า วนิลาเอย สตอร์เบอร์รี่เอย เราใช้ออรินจิแล้วคือแบบกว่าจะหมดก็กล้ำกลืนกับกลิ่นนิดนึง แต่ใช้ไปสักพักคือชินเอง พอซื้ออีกทีเลยเลือกกลิ่นที่เป็นเชอร์รี่ ก็โอเคนะคะ กลิ่นดี ทาแล้วชุ่มชื้นนาน แต่จะมีความเย็นๆปากอยู่เด้อ แล้วแต่ความชอบด้วยค่ะ ขนาดที่เราใช้เป็น 4.25 g ในวัตสันราคาอยู่ที่ 135 บาท หรือตามห้างโลตัส ราคาประมาณ 100-150 ให้คะแนน 8/10 หักเรื่องกลิ่นกับความเย็นมันเย็นจนทำให้ปากเราบวมๆตรงขอบปาก? 4.Burt’s bees ตัวนี้คือต้องตำ ทั้งกลิ่นเอย ความน่าใช้ ขนาดที่พกพาง่าย ใช้ได้นาน ปากแห้งแตกแค่ไหนคือ เอาอยู่ ใช้ต่อเนื่องคือดีเวอร์ ชุ่มชื้นสุดๆ ทาแล้วปากไม่แตก ปากสวยหอม น่าจุ๊ฟทันที กลิ่นนางอารมณ์แบบเอาน้ำผึ้งมาทาปาก หอมอ่อนๆ หอมมากค่ะพี่ขาาา แต่ราคาแอบแรงอยู่นิดนึงแต่เทียบกับการใช้และคุณภาพไม่เสียดายเงินเลยค่ะ สำหรับปากแห้งแตกเยอะขาดการบำรุง แนะนำทาหนาๆก่อนนอน ตื่นมาคือชุ่มชื้นเหมือนได้ปากใหม่ ขนาด 4.25 g ในวัตสันราคา 280 บาท หาซื้อได้ในวัตสัน อีฟแอนด์บอย และร้านค้าชั้นในห้างสรรพสินค้า ให้คะแนน 10/10 มงลงงง ตรงนี้ ไม่หักเลยคร้าา เป็นยังไงกันบ้างคะกับไอเท็ม 4 ตัวที่สามารถกู้ปากที่ขาดการบำรุงอย่างหนักหน่วงให้กลับมามีชีวิตชีวา น่าจุ๊ฟอีกครั้งแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และผลลัพธ์ในการใช้ของแต่ละบุคคลซึ่งอาจจะแตกต่างกัน แต่สำหรับเรามันโอเครมากเลยจึงต้องบอกต่อ เพื่อนๆใช้ตัวไหนอยู่อย่าลืมมาแลกเปลี่ยนหรือแนะนำกันได้นะคะ สำหรับเราลาเลยละกันค่ะ เจอกันกระทู้หน้าน๊าา
ตัวแรกเลย คุ้นหูคุ้นตากันอยู่แล้วสำหรับตัวนี้ ตัวนี้เราว่าออรินจิมาก ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นเหมาะสำหรับ คนที่ไม่ชอบกลิ่นแรงๆ และด้วยความเป็นปิโตรเลียมเจลตอนทาเราว่าแอบหนักๆปาก แต่ก็ชุ่มชื้นดีอยู่ ใช้ได้ตั้งแต่หน้ายันตัว ถึงอย่างนั้นก็ต้องใช้เป็นประจำ แต่เราไม่ชอบที่มันหนักปาก เหนียว เหนอะ มันเยิ้มไป ส่วนตัวไม่ค่อยชอบเท่าไร แต่หลายๆคนชอบ ก็แล้วแต่ คนอะเนอะ ถามว่าใช้แล้วดีไหมเราว่าดีนะแต่เราไม่ค่อยชอบเฉยๆที่รีวิวใช้เป็นแบบแพคเก็จเดิมอยู่นะคะยังไม่หมด ขนาดที่เราใช้เป็นแบบ 50 g ในวัตสันราคา 65 บาท หาซื้อได้ตามร้านทั่วไปเลยค่ะ ให้คะแนน 6/10 2.Lanige สีชมพู ตัวนี้ให้กลิ่นหอมเบอร์รี่อ่อนๆ เนื้อสีชมพูเราชอบนะเพราะบางเบา ชุ่มชื้นทันทีที่ทา ทาแล้วชุ่มชื้นนานให้ความวาวๆ อารมณ์แบบสาวเกาหลี ทาทิ้นแล้วทาตัวนี้อีกที ไร้รอยแตก ปากน่าจุ๊ฟมากพกพาสะดวก ด้วยความเป็นsleeping mask จะดีมากหากทาทิ้งไว้ตอนนอน ตื่นมาคือดีอะแกร ปากชมพูสุขภาพดีม้วกก ที่เราใช้เป็นขนาดทดลอง 3 g ราคา 100-200 ไม่แน่ใจจำไม่ได้ หมดแล้วใช้ต่อแน่ๆ หาซื้อได้ตามร้านเครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้า ให้คะแนน 9/10 หัก1 คะแนน ขนาดทดลองไม่มีช้อนเวลาจะใช้คือติดเล็บ555 3.Carmex ตัวนี้ถ้าเป็นตัวออรินจินอลใครที่ไม่ชอบกลิ่นน่าจะไม่เวิคนะคะ กลิ่นแบบขี้ผึ้งโบราณ หรืออะไรเราก็อธิบายไม่ถูก แต่มีกลิ่นอื่นๆอยู่จ้า วนิลาเอย สตอร์เบอร์รี่เอย เราใช้ออรินจิแล้วคือแบบกว่าจะหมดก็กล้ำกลืนกับกลิ่นนิดนึง แต่ใช้ไปสักพักคือชินเอง พอซื้ออีกทีเลยเลือกกลิ่นที่เป็นเชอร์รี่ ก็โอเคนะคะ กลิ่นดี ทาแล้วชุ่มชื้นนาน แต่จะมีความเย็นๆปากอยู่เด้อ แล้วแต่ความชอบด้วยค่ะ ขนาดที่เราใช้เป็น 4.25 g ในวัตสันราคาอยู่ที่ 135 บาท หรือตามห้างโลตัส ราคาประมาณ 100-150 ให้คะแนน 8/10 หักเรื่องกลิ่นกับความเย็นมันเย็นจนทำให้ปากเราบวมๆตรงขอบปาก? 4.Burt’s bees ตัวนี้คือต้องตำ ทั้งกลิ่นเอย ความน่าใช้ ขนาดที่พกพาง่าย ใช้ได้นาน ปากแห้งแตกแค่ไหนคือ เอาอยู่ ใช้ต่อเนื่องคือดีเวอร์ ชุ่มชื้นสุดๆ ทาแล้วปากไม่แตก ปากสวยหอม น่าจุ๊ฟทันที กลิ่นนางอารมณ์แบบเอาน้ำผึ้งมาทาปาก หอมอ่อนๆ หอมมากค่ะพี่ขาาา แต่ราคาแอบแรงอยู่นิดนึงแต่เทียบกับการใช้และคุณภาพไม่เสียดายเงินเลยค่ะ สำหรับปากแห้งแตกเยอะขาดการบำรุง แนะนำทาหนาๆก่อนนอน ตื่นมาคือชุ่มชื้นเหมือนได้ปากใหม่ ขนาด 4.25 g ในวัตสันราคา 280 บาท หาซื้อได้ในวัตสัน อีฟแอนด์บอย และร้านค้าชั้นในห้างสรรพสินค้า ให้คะแนน 10/10 มงลงงง ตรงนี้ ไม่หักเลยคร้าา เป็นยังไงกันบ้างคะกับไอเท็ม 4 ตัวที่สามารถกู้ปากที่ขาดการบำรุงอย่างหนักหน่วงให้กลับมามีชีวิตชีวา น่าจุ๊ฟอีกครั้งแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และผลลัพธ์ในการใช้ของแต่ละบุคคลซึ่งอาจจะแตกต่างกัน แต่สำหรับเรามันโอเครมากเลยจึงต้องบอกต่อ เพื่อนๆใช้ตัวไหนอยู่อย่าลืมมาแลกเปลี่ยนหรือแนะนำกันได้นะคะ สำหรับเราลาเลยละกันค่ะ เจอกันกระทู้หน้าน๊าา