ดราม่าไปกันใหญ่ : Harry Styles แมนไม่พอเพราะใส่เดรส?

53 7
 เมื่อนักเคลื่อนไหวทางการเมืองหญิงชื่อดังฝ่ายอนุรักษ์นิยมของอเมริกาประกาศต่อต้าน Harry Styles ว่าขาดความมาดแมนเพราะใส่เดรส reaction จากสังคมจะเป็นเช่นไร  ดราม่าความแมนนี้จะดุเดือดขนาดไหนกันนะ






วัฒนธรรมในสังคมมนุษย์มิได้เกิดจากการหล่อหลอมให้คงทนถาวรจนไม่สามารถแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่เปรียบเหมือนสายธารที่ม่เคยหยุดนิ่ง พัดพาเอาเรื่องราวมากมายจนกฎเกณฑ์เดิมๆเริ่มจางหายไป



แต่ความคิดที่แตกต่างได้สร้างความขัดแย้งเสมอ แม้จะเป็นโลกที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีความเจริญรุดหน้า แต่ก็มีคนกลุ่มใหญ่ในสังคมที่ยึดมั่นในแนวคิดดั้งเดิม และประนามผู้ที่แสดงความแตกต่างทางความคิดอย่างไม่ไว้หน้า สิ่งหนึ่งที่มักถูกยกมาเป็นข้อถกเถียงกันเสมอคือ "การแสดงถึงความเป็นชาย" ที่สังคมคาดหวังให้ผู้ชายต้องแสดงความแข็งแกร่งทุกกระเบียดนิ้ว โดยอย่ามิแต่จะคิดที่แตะต้องการแสดงออกที่คล้ายผู้หญิง


หากจะเป็นชายที่แท้จริง หลายคนตงได้ยินกฎเกณฑ์เหล่านี้มาก่อน

- ห้ามเผยความอ่อนแอด้วยการหลั่งน้ำตา และต้องต่อสู้กับทุกสถานการณ์ด้วยความกล้าแกร่ง ถึงจะย่ำแย่เพียงใดก็เก็บกดไว้

- เป็นเจ้าของบทบาทของผู้นำอย่างเด็ดขาด ไม่ปล่อยให้เพศตรงข้ามเข้ามาแนะนำหรือมีส่วนในการตัดสินใจ


- จำกัดบทบาททางเพศอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือfashion เลือกใส่เสื้อผ้าที่มีไว้สำหรับผู้ชายเท่านั้น บางคนแค่เลือกใส่สีพาสเทลก็ถูกเหยียดหยามซะแล้ว



สิ่งเหล่านี้ได้นำไปสู่เรื่อง Toxic masculinity อันเป็นต้นตอของปัญหาต่างๆที่ฝังรากลึกในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ การใช้ความรุนแรงในครอบครัว และ การเหยียดผู้หญิง เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ คนจำนวนไม่น้อยได้ลุกึ้นมาเคลื่อไหวเพื่อต่อต้านแนวคิด Toxic masculinity ด้วยความปรารถนาว่า จะได้เห็นสังคมยกระดับขึ้นมาสู่การยอมรับความเท่าเทียมทางเพศ และตระหนักว่า ผู้ชายสามารถแสดงออกคล้ายคลึงกับเพศตรงข้ามได้โดยไม่มีกำแพงที่ได้ชื่อว่า "สมชายชาตรี" มาปิดกั้น เพราะพวกเราต่างเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน








   แนวคิด gender fluid ได้ถูกนำเสนอผ่าน platform ต่างๆอย่างกว้างขวาง   Harry Styles    เป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ได้ให้คำนิยามของเพศตัวเองอย่างชัดเจน   เขาสร้างชื่อเสียงในวงการด้วยภาพของผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษ และใช้ชีวิตอย่างไม่เกรงคำครหาจากตัวเลือกทาง fashion ที่ดูนุ่มนวลเหมือนผู้หญิง   บางครั้งเขาจะเลือกใส่ชุดที่ดูกรุยกรายขึ้้นแสดงดนตรี   ทำเล็บให้ดูสวยเนี้ยบเคลือบด้วยสีสันสดใส   ในขณะที่หลายคนตั้งคำถามไม่หยุดหย่อนว่า หรือที่จริงแล้ว Harry จะปิดบังตัวตนที่มีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกันเหมือนกับเพื่อนร่วมวงกาอีกหลายคนรที่ต้องเก็บเรื่องเป็นเกย์ให้เป็นความลับเพื่อรักษาฐานแฟนคลับเพศหญิง   เขากลับไม่ได้คอยมาแก้ข่าว และปล่อยให้เรื่องเพศดูคลุมเครือ และมันไม่ได้กระทบต่อความนิยมของเขาแต่อย่างใด   ศิลปินหนุ่มอดีตบอยแบนด์คนนี้ยังได้รับความนิยมอย่างสูงในกล่มแฟนๆวัยรุ่นเพศหญิง  และได้รับเสียงชื่นชมเรื่องการวางตัวเป็นแบบอย่างในฐานะคนรุ่นใหม่  หลังจากที่VOGUE อเมริกาได้ก่อตั้งมายาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษได้คัดเลือกผู้ชายคนมาถ่ายแบบขึ้นปกแบบเดี่ยวเป็นคนแรก   ชื่อของ  Harry Styles   ไม่ทำให้แฟนๆแปลกใจแต่อย่างใด   


ภาพของศิลปินหนุ่มหล่อเหลาที่ใส่เดรสยาวหรูหราขึ้นปก Bible แห่งโลก fashion ไม่ทำให้นักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายขวาอย่าง Candace Owens ปลาบปลื้มใจนัก อันที่จริงแล้ว เธอพยายามชี้ให้เห็นว่า การที่คนดังชายหันมาใส่เดรสนั้นสามารถทำลายสังคมได้เลยทีเดียว!

หญิงสาวที่สนับสนุน Donald Trump อย่างสุดหัวใจรายนี้ได้วิจารณ์หน้าปก VOGUE จนสังคมได้แตกตื่นสนใจว่า


"ไม่มีสังคมใดจะอยู่รอดไปได้หากขาดผู้ชายที่เข้มแข็ง ประเทศทางตะวันออกรู้เรื่องนี้ดี ในฝั่งตะวันตกนั้น มันไม่ใช่เหตุบังเอิญที่แนวคิดผู้ชายแสดงออกแบบผู้หญิงได้ยายตัวพอๆกับการสอนให้เด็กๆได้เรียนรู้เรื่องมาร์กซิสต์   นี่คือบ่อนทำลายอย่างเปิดเคย  จงเอาชายชาตรีกลับคืนมา"







เราต่างรู้ดีค่ะว่า ยังมีคนมากมายที่เห็นด้วยกับเธอ และร่วมเหยียดหยามการแสดงตัวตนของ Harry อย่างเผ็ดร้อน แต่ยังมี reaction จากสื่อและชาวเน็ทอีกเพียบที่โต้ตอบในทำนองที่ว่า มันจะดีแค่ไหน หากสังคมของเรา มีผู้ชายที่สมชายอย่างแท้จริงมากขึ้น ความเป็นชายที่ว่า หมายถึงคนที่ให้เกียรติเพศที่อ่อนแอ ไม่ใช้กำลังและอำนาจล่วงละเมิดคนอื่น ร่วมสนับสนุนแนวคิดที่เสมอภาค ถึงพวกเขาเหล่านั้นจะยืมกระโปรงและเดรสของสาวๆมาใส่บ้าง แต่ถ้าปัญหาการคุกคาม-ล่วงละเมิด - ความรุนแรงลดน้อยลงไป สังคมที่เปี่ยมไปด้วยสันติก็ไม่น่าจะใช่เรื่องในฝันที่จับต้องไม่ได้อีกต่อไป







จริงหรือที่ชายชาวตะวันออกต่อต้านการแสดงออกแบบเพศหญิง


แม้ว่าเรื่องเพศทางเลือกจะยังไม่ได้รับการสนับสนุนในบางประเทศฝั่งตะวันออก  แต่ fashion ที่ดูfeminine อยู่คู่กับสังคมเอเชียมาโดยตลอด  หรือจริงๆแล้ว Candace Owens กำลังเรียกร้องให้สังคมตะวันตกกดขี่หญิงและเชิดชูชายเป็นใหญ่อย่างไร้เงื่อนไขเหมือนกับในตะวันออกนอดีตที่ยึดมั่นแนวคิดแบบขงจื๊อว่า ผู้ชายเป็นตัวแทนแห่งสวรรค์  และผู้หญิงมีหน้าที่เชื่อฟังชายเพียงเท่านั้น ?
วง K Pop ที่สร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลกอย่าง BTS ยังต้องเจอกับการ bully เพราะนำเสนอรูปลักษณ์ที่ดู feminine  จากการแต่งหน้าที่จัดจ้านกว่าไอดอลฝรั่ง(บวกกับลักษณะทางพันธุกรรมที่ไม่ได้มีหนวดเครารกครึ้มและรูปร่างใหญ่โต)  หลายต่อครั้งที่ชาวเน็ทจากโลกตะวันตกจิกกัดพวกเค้าว่าเป็นวงเกย์  แต่นั่นไม่ได้มีปัญหากับแฟนๆในโลกตะวันออกแม้แต่น้อย
เรื่อง cross dress ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในญี่ปุ่น  แม้ว่าจะเป็นส่นน้อยของสังคม แต่บริการ gender-bending makeover  ได้รับความนิยมจนมี salon เปิดให้บริการคุณผู้ชายที่อยากจะลองแต่งกายเป็นหญิงแบบครบวงจร  


นอกจากจะมีบาร์สำหรับหน่มที่นินมแต่หญิงให้ร่วมสังสรรค์กันโดยเฉพาะ  ในสื่อบันเทิงของญี่ปุ่นจะขาดเรื่องนี้ไปไม่ได้เลย  คุณจะได้เห็นไอดอลชายแต่งหญิงในบางโอกาส  รงมไปถึงvariety show ที่เชิญหนุ่มแต่งหญิงมาแชร์ประสบการณ์   ส่วนมากจะแต่งหญิงกันอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ใส่แค่เดรสเหมือน Harry  แต่ต้องเปลี่ยนให้เหมือนหญิงเป๊ะ


Olivia Wilde เดือดแทน "หล่อนมันน่าสมเพช!"


แม้ตัวนักร้องหนุ่มอังกฤษชื่อดังจะปิดปากเงียบไม่โต้ตอบคำวิจารณ์เรื่องใส่เดรสจนไม่สมกับเป็นชาชาตรี คำพูดของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายขวาไม่ทำให้เพื่อนฝูงของ Harry happy นัก โดยเฉพาะ Olivia Wilde ที่ร่วมงานกับ Harry ในผลงานเรื่องใหม่ เธอถึงกับปรี๊ดใส่ Candace Owens ว่าพูดจาน่าสมเพช

Olivia ยืนยันว่า เธอปลื้มใจมากที่ Harry ได้เข้ามาร่วมแสดงในโพรเจ็คท์หนังเรื่องใหม่

" สำหรับฉัน เขามีความสมัยใหม่มากและชั้นได้วาดหวังไว้ว่า ความมั่นใจแบบผู้ชายของ Harry นั้นปราศจาก toxic masculinity มันเป็นสิ่งบ่งบอกถึงคนเจนเดียวกับเขาและเป็นอนาคตของโลกเราค่ะ เขาเป็นต้นแบบที่ดีในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นอะไรที่ทรงพลังและไม่ธรรมดา เมื่อได้เห็นว่า คนที่อยู่ในฐานะแบบเขาจะให้คำนิยามใหม่ว่าผู้ชายที่เต็มไปด้วยความมั่นใจนั้นเป็นเช่นไร "




David Bowie  ใส่เดรสชิคๆ เป็นไอคอนมาตั้งแต่ยุค70s


กับคำถามที่ว่า สังคมจะอยู่รอดได้อย่างไร หากผู้ชายที่ที่โด่งดังหันมาเป็นต้นแบบในการใส่เดรส ?


เอ๊ะ   แต่ตอนที่ David Bowie ยังมีชีวิตในฐานะ superstar ก็รอดพ้นผ่านวิกฤติต่างๆมาแล้วหลายครั้ง     ชุดกระโปรงของเขาไปเกี่ยวอะไรกับปัญหาสังคมกันนะ ?
 David Bowie ผู้ล่วงลับเคยแสดงความเป็นขบถต่อค่านิยมสังคมมายาวนานหลายสิบปีได้ต้อนรับนักข่าวมาที่บ้านของเขาในเดรสสวย  เขาสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนที่ยังสับสนในเรื่องการแสดงออกทางเพศให้ยอมรับเรื่อง androgyny      เขาเคยผ่านการค้นหาตัวเอง จากที่บอกว่าเป็น Gay ก็เจอตัวตนใหม่คือ ฺBi - Sexual  และลงท้ายเขาก็มาได้รู้ว่า คำจำกัดความเรื่องเพศของตัวเองไม่ได้ตรงกับคำว่า Gay  หรือ  Bi เลย  เขาแต่งงานกับนางแบบระดับตำนานและมีลูกด้วยกัน  และเป็นศิลปินต้นแบบของ แนวคิด androgyny ผู้ไม่หวาดหวั่นต่อคำพิพากษาจากสังคม

ผู้คนมากมายทั่วโลกต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ความคลุมเครือเรื่องเพศของ Bowie ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอัจฉริยะเรื่องดนตรีของเขาแม้แต่น้อย  มันยิ่งทำให้เขาดูโดดเด่นตรึงตราใจแม้จะจากโลกนี้ไปแล้ว


Iggy Pop "การแสดงถึงความเป็นหญิงไม่มีอะไรน่าอาย"


เมื่อพูดถึงศิลปินเจ้าของฉายาเจ้าพ่อเแห่งดนตรี punk Iggy Pop เคยสร้างแรงบันดาลใจด้วยถ้อยคำที่สนับสนุนเพศตรงข้ามไว้ว่า

" ผมไม่รู้สึกอายในการใส่เดรสเหมือนกับผู้หญิง เพราะความเป็นหญิงไม่ใช่เรื่องอับอายแม้แต่นิด"

และนั่นน่าจะเป็นคำอธิบายชัดเจนที่มีต่อดราม่าผู้ชายใส่เดรส      แม้ว่านั่นอาจจะไม่ใช่รสนิยมของคุณ  และคุณอาจจะรู้สึกแปลกหากชายคนใกล้ตัวลุกขึ้นมาแต่งตัวคล้ายผู้หญิง  แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ควรอับอายหรือต้องประจานสักหน่อย  




การแสดงออกแบบ Gender Fluid ไม่ใช่เรื่องต้องห้ามในยุคโมเดิร์น

อาจจะมีคนจิกกัด Ezra Miller ที่แต่งกายแบบ gender fluid อย่างเปิดเผยว่า  เป็นชายที่หิวโหยความสนใจและต้องการจะสร้างชื่อในกลุ่ม LGBTQ      อย่างไรก็ตาม   การแสดงตัวตนของเขานั้นเรียกว่าท้าทายในอาชีกนักแสดงเป็นอย่างยิ่ง   เพราะในหมู่นายทุนที่ส่วนใหญ่เป็นชายทรงอิทธิพล    พระเอกที่ใส่เดรสและโพสท่าเผ็ดแซ่บไม่ต่างจากผู้หญิงนั้นอาจจะดูห่างไกลจากผู้ที่ได้รับวางตัวให้รับบท superhero    แต่เขาก็สามารถฝ่าฟันจนคว้าบท The Flash มาได้ในที่สุด




แม่Harry ป้อง "ใครๆก็สนุกกับการแต่งตัวทั้งนั้น"
Harry ได้สัมภาษณ์กับ VOGUE ไว้ว่า

" สิ่งที่น่าตื่นเต้นก็คือ การขีดเส้นแบ่งกำกับชัดเจนเริ่มจางหายไปไป จากที่ต้องกำกับว่าผู้หญิงต้องแต่งตัวยังไง ผู้ชายต้องแต่งตัวยังไง เมื่อได้ทะลายกำแพลงลงไปแล้ว คุณสามารถเปิดพื้นที่ในการสร้างควาสนุกสนานได้ครับ บางครั้งที่ผมไปซื้อเสื้อผ้าแล้วก้พบว่าชุดผู้หญิงมันดูดีชะมัดเลย เมื่อใดที่คุณตั้งกำแพงขึ้นมา ก็เหมือนกับสร้างข้อจำกัดให้ตัวเอง การเล่นสนุกไปกับเสื้อผ้านั้นสร้างความสุขให้มากมาย ผมไม่คอยมาคิดให้เยอะถึงความหมายของมัน มันก็แค่เป็นการขยายพื้นที่เพื่อสร้าสรรค์อะไรขึ้นมาครับ"




แม่ของเขาก็ยังเห็นด้วยว่า ไม่ควรตีเส้นแบ่งว่าเพศใดควรจะต้องใส่อะไรได้บ้าง   และ เธอเองเลี้ยงดู Harry จากการเล่นแต่งตัวมาตั้งแต่เด็ก และเขาก็สนุกกับมันมากๆ  " มีใครบ้างล่ะที่จะไม่ชอบทดลองแต่งนู่นนี่ไปเรื่อย" แม่ Harry กล่าวอย่างไม่ซีเรียส


การเลี้ยงดูลูกแบบ gender neutral

.ในตะวันตก เริ่มมีพ่อแม่จำนวนหนึ่งที่ไม่ใช้แนวคิดเดิมในการกำหนดเพศให้กับลูก    ทิ้งแนวคิดที่ว่า  เด็กชายจะต้องคู่กับสีฟ้า เด็กหญิงจะต้องใส่สีชมพู  แต่เปิดโอกาสให้ลูกเลือกสิ่งที่ชอบเอง  หากลูกชายเรียกร้องจะใส่เดรสก็ไม่ห้ามปรามหรือปิดกั้นด้วยความหวาดวิตกว่าลูกจะเติบโตมาเป็นเกย์
Megan Fox  ได้อธิบายว่าลูกชายคนโตมีความคิดสร้างสรรค์มาก เค้าเลือกเสื้อผ้าใส่เองและชอบออกแบบ  บางครั้งก็เลือกเดรสมาใส่   แต่เมื่อเข้าโรงเรียน ก็พบกับคำพูดของเด็กผู้ชายคนอื่นๆว่า เป็นผู้ชายจะต้องไม่ใส่เดรสและห้ามใส่สีชมพู   ทำให้เธอต้องคอยกำชับกำลูกให้มีความมั่นใจ ไม่ว่าคนอื่นจะมีความเห็นเช่นใดก็ตาม  

" ลูกชายบอกฉันว่า ตอนหนูเดินเข้าไปในนห้องเรียน พวกเด็กผู้ชายหัวเราะกันใหญ่ แต่หนูไม่แคร์ หนูชอบเดรสนี่นา"




ชาวเน็ทบางคนรู้สึกเดือดร้อนแทนNaomi Watt และ Liev Schreiber ที่ร่วมถ่ายวีดีโอกับ Kai ลูกชายที่ชื่นชอบการแต่งกายแบบเด็กหญิง คุณพ่อพระเอกยังเคยพาน้องที่แต่งตัว Harley Quinn ไปร่วมงาน Comic Con และตำหนิพวกเค้าอย่างดุเดือดว่าไม่กลัวลูกเปลี่ยนไปเป็นเพศอื่นหรืออย่างไร " ให้เค้าทำตัวเป็นผู้ชายเหมือนที่ควรจะเป็นสิ"


คำตอบที่เรียบง่ายคือ   ครอบครัวเค้าดูไม่เดือดร้อนสักนิด   ดูมีความสุขอบอุ่นชัดๆ ลูกเค้าจะเลือกแต่งกายแบบไหน หรือโตขึ้นจะเป็นเพศอะไร   คนนอกจะยื่นมือเข้าไปตัดสินทำไมกันหนอ 


"เสื้อผ้าไม่ได้ได้แบ่งแยกเพศ" คำพูดของชาวเน็ทคนนี้อาจจะสะท้อนแนวคิดของสังคมโมเดิร์นที่ยอมรับความแตกต่างได้มากขึ้น ในขณะที่ในอดีต คนที่แสดงออกไม่ตรงกับเพศสภาพหรือมีรสนิยมการแต่งกายที่แตกต่างอาจจะถูกลงทัณฑ์รุนแรง แต่ทุกวันนี้ พวกเราสามารถวัดความเป็นชายที่ตรงไหน หรือว่าผู้ชายใส่ชุดกางเกงเท่านั้นที่จะขับเคลื่อนสังคมให้อยู่รอด หากชายเหล่านั้นกลายเป็นคนหมู่มากที่ใช้กำลังบีบบังคับคุกคามผู้อ่อนแอให้เป็นเบี้ยล่างและคอยเหยียดหยามคนแสดงออกอย่างแตกต่าง สังคมมนุษย์จะก้าวหน้าจริงหรือ ?



The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE