เมื่อคนดังเปิดเผยประสบการณ์แสนเจ็บปวดที่เสียลูกในท้อง

51 5
"แท้งลูก"   คำที่หลายคนยึดว่าเป็นตราบาปที่ไม่ควรยกขึ้นมาพูดคุยเพื่อเปิดเผยความรู้สึก  โดยเฉพาะเพศหญิงที่ผูกพันใกล้ชิดกับลูกในครรภ์ และต้องแบกรับกับความรู้สึกผิด เสียใจ  อับอายที่ไม่สามารถรักษาชีวิตน้อยๆในครรภ์ไว้ได้


แต่แท้จริงแล้ว นี่คือสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวพวกเรามากกว่าที่หลายคนคิด แม้จะมีการปลูกฝังความคิดว่า มีแต่ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ตอนอายุมาก สุขภาพไม่ดี หรือต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำที่เสี่ยงต่อการแท้ง แต่มันสามารถเกิดขึ้นได้กับหญิงสาววัยเจริญพันธุ์ที่สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตสุขสบายไม่เคยต้องจับต้องงานหนัก หรือคนที่่ต้องใช้แรงงานก็อาจจะแท้งได้ นั่นเป็นเพราะหลายสาเหตุปัจจัย ที่ทำให้ร่างกายยุติการตั้งครรภ์ ในขณะที่ผู้หญิงหลายคนถูกคาดโทษว่า ดูแลตัวเองไม่ดี แต่ไม่ค่อยมีคนนึกถึงว่า ฝ่ายพ่ออาจจะเป็นพาหะของแบคทีเรียที่ทำให้ติดเชื้อจนแท้ง หรืออาจจะเป็นความผิดปกติที่อสุจิ โครโมโซมของตัวอ่อน genes และอีกหลายสาเหตุ





Chrissy Teigen  ที่ต้องถูกกล่าวหาว่าแชร์รายละเอียดเรื่องแท้งลูกมากเกินไป
เมื่อไม่นานมานี้  Chrissy Teigen ได้ประกาศงดใช้ social media ชั่วคราว   หลังจากที่พยายามทำใจที่สูญเสียทารกที่เสียชีวิตในครรภ์มาได้สักระยะ   แต่เมื่อได้เข้าสู่ความซึมเศร้า  เธอจึงขอพักใจท่ามกลางการช่วยเหลือของคนใกล้ชิด
แต่ก่อนหน้านี้   Chrissy ถูกคนกลุ่มหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ว่า  เปิดเผยภาพ "ที่ควรจะเก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัว" และยัดเยียดภาพที่ไม่ได้สร้างความอภิรมย์ใจจนทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกอึดอัด  บ้างก็ว่า เธอใช้ความสูญเสียมาดึงดูดความสนใจจากสังคม  

แต่ก็มีคนที่เข้าใจถึงความรู้สึกนี้ และออกโรงปกป้องเธอว่า คนเรามีวิธีแสดงความเศร้าเสียใจแตกต่างกันไป บางคนอาจจะเก็บกดความรู้สึกไม่เปิดเผยให้ใครรับรู้ แต่บางคนก็อยากจะแชร์เรื่องราวความรู้สึกอย่างละเอียดให้คนภายนอกได้เข้าถึง Chrissy เป็นหนึ่งในกลุ่มนั้น เธอเจ็บปวดแสนสาหัสและต้องการเปิดเผยประสบการณ์ที่ต้องเสียลูกไประหว่างการตั้งครรภ์ในไตรมาสที่สอง และได้ตอบโต้เสียงวิจารณ์เรื่อง "แชร์"มากไปไว้ว่า .....


"ฉันขอให้คุณแม่และJohn ถ่ายภาพให้ค่ะ แม้ว่ามันจะสร้างความไม่สบายใจให้สักเท่าใด ฉันก็อธิบายให้ John ที่ลังเลใจเป็นอย่างมากในการเก็บภาพไว้ว่าฉันจำเป็นจะต้องทำจริงๆ และไม่อยากจะต้องบีบให้เขาทำด้วยคำขอร้อง ฉันบอกเลยว่า ณ ตอนนั้น เขารู้สึกไม่ดี สำหรับเขา เรื่องนี้มันดูไม่มีเหตุผลเลย แต่ฉันรู้ดีว่า มันเป็นสิ่งที่ใช้เตือนความทรงจำได้ตลอดไป เป็นเหตุผลเดียวกับที่เราถ่ายภาพตอนกำลังจูบกันในพิธีแต่งงาน เหตุผลเดียวกับที่เราเก็บภาพน้ำตาแห่งความดีใจที่ได้ให้กำเนิด Luna และ Miles และฉันรู้ได้เลยว่าจะต้องแบ่งปันเรื่องราวนี้กับคนอื่น "

" ฉันบรรยายออกมาได้ไม่หมดหรอกว่า แคร์ความเห็นของคนที่เกลียดรูปพวกนี้น้อยมากขนาดไหน ฉันไม่แคร์เลยว่า นี่เป็นสิ่งที่คุณจะไม่เลือกทำ ฉันอยู่กับคำพูดพวกนี้ได้ และเลือกที่จะทำมั้น ที่สำคัย ภาพพวกนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับทุกๆคน แต่มีไว้สำหรับคนที่เคยผ่านประสบการณ์เดียวกันหรือมีคนที่อยากรู้ว่าเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นแล้วจะรู้สึกอย่างไร ภาพพวกนี้มีไว้สำหรับคนที่มีความจำเป็นจะต้องได้รับรู้ ส่วนคนอื่นจะคิดอย่างไรนั้นไม่ได้มีความสำคัญกับฉันเลยค่ะ"









Beyonce  แท้งลูกมาแล้วหลายครั้ง และเรียนรู้ว่าจะต้องรักตัวเองก่อน

" มีหลายคู่ที่ต้องเผชิญกับการเสียลูกในครรภ์ไป มันได้สร้างผลกระทบอันใหญ่หลวงให้ชีวิตของฉัน เป็นสิ่งที่ยากลำบากที่สุดเรื่องหนึ่งที่ฉันได้มาพานพบ เป็นเหตุผลที่ฉันไม่ได้เปิดเผยเรื่องการตั้งท้องในครั้งที่สอง เพราะคุณไม่รู้เลยว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นในภายภาคหน้า มันหนักมากจริงค่ะ"


"ฉันว่ารักเพียงอย่างเดียวคงไม่ทำให้เราอยู่รอดไปได้ เธอพรากชีวิตจากฉันไป ฉันช่างโชคร้าย แทบจะหายใจออก ฉันปรารถนาจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้น"

นี่คือเนื้อเพลง Heartbeat ของดิว่าผู้โด่งดังที่แต่งขึ้นมาหลังจากที่แท้งลูก เธอยืนยยันว่า นี่คือเพลงที่เศร้าที่สุดเท่าที่เคยเขียนขึ้นมา แต่ก็ได้กลายมาเป็นการเยียวยาจิตใจจากเหตุการณ์ที่เศร้าที่เคบได้พบ เธอปกปิดความรู้สึกไว้จนพร้อมจะเปิดใจว่าได้เปลี่ยนความเจ็บปวดให้มาเป็นบทเรียนสำคัญ




คุณแม่ลูกสามได้อธิบายไว้ว่า เธอเคยพบกับการตั้งครรภ์ที่ยากลำบากจนต้องพักจากการทำงานเพื่อดูแลตัวเอง

"หลังจากที่แท้งลูกก็ทำให้เรียนรู้ว่า ฉันต้องทำหน้าที่แม่ให้กับตัวเองก่อนจะได้กลายเป็นแม่ของลูกค่ะ " หลังจากที่ให้กำเนิดลูกสาวก็ได้พบว่า เป้าหมายของตัวเองนั้นเปลี่ยนแปลงไป การแข่งขันเพื่อจะเป็นอันดับหนึ่งไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกแล้ว สิ่งที่เติมเต็มเธอได้คือการสร้างศิลปะให้เป็นตำนานสืบสานในภายภาคหน้า นั่นน่าจะหมายถึงการทุ่มเทเพื่อทายาทของเธอนั่นเองค่ะ







Duchess Meghan  สับสนว่าจะทำใจก้าวข้ามความเจ็บปวดอย่างไร


เมื่อหน้าร้อนที่ผ่านมา แฟนๆที่นิยมติดตามข่าวคราวของเชื้อพระวงศ์อังกฤษก็เดากันอื้ออึงในโลกออนไลน์ว่า ชายาคนงามของเจ้าชายHarry อาจจะกำลังตั้งครรภ์ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ออกงาน แต่ภาพจากการพูดคุยทาง social media ก็ทำให้บางคนเชื่อว่า เธอมีออร่าที่มีน้ำมีนวลของคุณแม่ตั้งท้อง


แต่คงไม่มีใครคิดไกลไปกว่านั้นว่า  ในขณะที่ชาวเน็ทและสื่อบางเจ้ากำลังเดากันอย่างสนุกสนาน  Meghan ก็ได้แท้งลูกไปอย่างเงียบๆ ...

เธอได้เล่าเรื่องราวผ่านบทความใน New York Times ว่า ได้เห็นน้ำตาของสามีในขณะที่เธอก็ร้องไห้ไปพร้อมกัน ในขณะที่จ้องมองเพดานในห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาล เธอก็ได้แต่คิดว่าจะเยี่ยายาจิตใจจากเรื่องนี้ได้เช่นไร

หลังจากที่ใคร่ครวญถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เหน็ดเหนื่อยที่ผ่านมา ก็ทำให้เธอได้ตระหนักว่า สิ่งที่จะเข้าสู่การทำใจให้ได้นั้นก็มาจากตำถามว่า " คุณโอเคมั้ย" เป็นอย่างแรก

ใช่แล้วค่ะ หลายครั้ง คนที่สูญเสียก็อยากจะได้ยินการแสดงความห่วงใยอย่างจริงใจเท่านั้นเอง








Zara Phillips    สิ่งที่หนักที่สุดคือการบอกให้โลกได้รับรู้

นัดดาของสมเด็จพระราชินีผู้เป็นญาติสนิทของเจ้าชาย Harry เป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ที่สูญเสียลูกในครรภ์ไป   โดยที่การแท้งครั้งแรกเกิดขึ้นหลังจากที่เธอประกาศเรื่องตั้งครรภ์ให้สาธารณชนได้รับรู้แล้วเพราะเพิ่งผ่านพ้นสามเดือนแรกที่ผู้คนนับว่าเป็นระยะปลอดภัย    แต่เธอกลับเสียลูกไปตอนที่ท้องได้สี่เดือน  และแท้งอีกครั้งหลังจากที่พยายามมีลูกคนที่สอง

ธิดาของเจ้าหญิง Anne ได้อธิบายว่า คนอื่นๆอาจจะต้องแจ้งข่าวร้ายนี้กับคนใกล้ชิดอย่างครอบครัวและเพื่อนๆ   แต่สำหรับเธอ เมื่อแท้งลูกแล้ว ก็ต้องประกาศให้สาธารณชนได้รับรู้ไปทั่ว ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยากเย็นที่สุด    ตอนที่แท้งลูกในช่วงแรกนั้น เธอไม่พูดถึงเรื่องนี้เลยเพราะบาดแผลยังสดใหม่เกินไป แต่ก็ได้รับจดหมายจากผู้คนที่แบ่งปันประสบการณ์ว่าเคยผ่านการแท้งมาเหมือนกัน และทำให้เธอมีกำลังใจขึ้นและได้รู้ว่า การแท้งสามารถเกิดขึ้นได้มากขนาดไหน


Zara ยังชี้ให้เห็นว่า ฝ่ายชายก็มีความเจ็บปวดไม่แพ้กัน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นคนที่อุ้มท้อง แต่ก็ต้องพบกับความรู้สึกย่ำแย่ที่สามารถแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นได้ พวกเขาก็ต้องสูญเสียลูกไปเช่นกัน






Mariah Carey   ถูกจับผิดเรื่องการตั้งครรภ์ แต่ก็แท้งในภายหลัง

การจับผิดคนดังว่าท้องหรือไม่ มักจะเป็นหัวข้อสำคัญที่สื่อนำเสนอเพื่อโกยเรตติ้ง และเรื่องนี้เคยสร้างความเจ็บปวดให้กับบางคนมาแล้ว

ในช่วงที่  Ellen DeGeneres กำลังถูกอดีตลุกจ้างและแขกรับเชิญใน talk show เปิดโปงว่า  ตัวตนจริงของเธอนั้นห่างจากสโลแกน Be Kind  มากมายนัก    นักร้องสาวเสียงระฆังผู้ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นตัวแม่ก็ได้เผยประสบการณ์ว่า  เธอเคยมีประสบการณ์ที่ย่ำแย่มาก่อน
ก่อนที่Mariahจะให้กำเนิดหนูแฝด  เคยมีข่าวลือโหมหนักว่าเธอกำลังตั้งท้องกับNick Cannon สามีในขณะนั้น  แต่เจ้าตัวยังไม่ปริปากเรื่องนี้   เมื่อเธอไปปรากฏตัวในรายการของ Ellen ก็ถูกบีบให้ดื่มเหล้าโชว์เพื่อพิสูจน์ว่าข่าวลือเป็นความจริงหรือไม่


" นาทีนั้น ฉันรู้สึกอึดอัดใจอย่างมากมายค่ะ และสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ทำให้ทำใจได้อย่างยากลำบาก"



ผู้หญิงมากมายที่เหตุผลที่ไม่ซับซ้อนที่จะไม่ประกาศเรื่องการตั้งครรภ์

- มันเป็นสิทธิ์ของพวกเธอ หากเป็นผู้ใหญ่ที่ดูแลรักผิดชอบตัวเองได้ก็ไม่ควรมีใครไปบีบบังคับให้เปิดเผยออกมา
- หลายคนอยากจะรอให้แน่ใจว่าผ่านพ้นช่วงที่การตั้งครรภ์ยังเปราะบาง เพราะหากโชคร้ายแท้งขึ้นมา จะได้ไม่ต้องพบกับคำพูดที่กระทบกระเทือนจิตใจ


และนั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Mariah แม้หน้ากล้อง เธออาจจะดูยิ้มแย้มเพราะความเกรงใจ Ellen แต่พิธีกรดังอาจไม่เคยเฉลียวใจว่า การบีบให้แขกรับเชิญคนดังเปิดเผยเรื่องการตั้งครรภ์จะได้สร้างแผลใจให้กับเธอ

" มันทำให้เราหวาดหวั่นและนำเราไปสู่ความมืดมนและยากจะทำใจรับ ตอนที่มันเกิดขึ้น ฉันไม่สามารถจะพูดกับใครได้ด้วยซ้ำ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยค่ะ"


สิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับ Mariah น่าจะอธิบายได้ชัดเจนว่า เหตุใดเราจึงไม่ควรไปจี้ถามผู้หญิงว่า "เมื่อไรจะมีลูก" หรือ "ท้องรึเปล่า" เพราะคุณไม่รู้เลยว่า พวกเธอต้องผ่านอะไรมาบ้าง นอกจากจะเป็นการไม่ก้าวก่าย เว้นระยะความเป็นส่วนตัวของคนอื่นแล้ว คุณคงไม่อยากทำร้ายผู้หญิงที่กำลังพยายามตั้งครรภ์หรือเคยแท้งลูกมาแล้วใช่ไหม  ?





Michelle Obama   จากความสุขสมหวังเมื่อตั้งครรภ์  ก็ดิ่งสู่ความรู้สึกว่าตัวเองทำผิดพลาดเพราะแท้ง


หลังจากที่แท้งลูก ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็ต้องพบกับเส้นทางที่มืดหม่นจากการเฝ้าโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุที่ลูกในครรภ์ต้องจากไป บางคนโทษ lifestyle ของตัวเอง บางคนโทษว่าร่างกายไม่่ดีพอ อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้หญิงแถวหน้าก็เคยผ่านความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน เธอบรรยายไว้ว่า เมื่อเสียลูกในครรภ์ไปก็รู้สึกเหมือนหลงทางและโดดเดี่ยว

"เราพยายามจะมีลูกด้วยกัน แต่มันไปไม่ได้ดีนัก เมื่อได้ผลการทดสอบการตั้งครรภ์ที่เป็นบวกมาก มันทำให้เราลืมความกังวลทุกอย่างและเคลิบเคลิ้มไปด้วยความสุข ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาฉันก็แท้ง เหลือไว้แต่ความรู้สึกทางกายที่อึดอัดคับข้องและทำลายความสุขที่ได้รับมาจนหมด"

"  ว่าตัวเองทำผิดพลาด   เนื่องจากฉันไม่รู้มาก่อนว่า ที่จริงแล้วการแท้งสามารถเกิดขึ้นได้บ่อยมาก   เพราะเราไม่พูดถึงมันเลย เราเอาแต่นั่งจ่อมจมกับความเจ็บปวด รู้สึกใจสลาย"


" ฉันว่าในฐานะที่พวกเราเป็นผู้หญิงแล้ว มันไม่ใช่เรื่องดีที่จะไม่เปิดเผยความจริงที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเรา "

หลังจากที่ประสบปัญหาแท้ง Michelle ที่เพิ่งเข้าสู่วัยสามสิบต้นๆก็เข้ารับการปรึกษาในศูนย์รักษาผู้มีปัญหามีบุตรยากและสามารถให้กำเนิดลูกสาวสองคนได้สมใจ


"ฉันคิดว่ามันสำคัญในการบอกเล่าคุณแม่สาวๆได้รู้ว่า การแท้งสามารถเกิดขึ้นได้ และนาฬิกาชีวิตมีอยู่จริง เพราะไข่ถูกสร้างอย่างจำกัด ฉันมารู้เรื่องนี้ในวัยสามสิบค่ะ"


การมองว่าการแท้งเป็นประเด็นต้องห้ามในการสนทนา   แม้จะมีรายงานตัวเลขการแท้งในอเมริกาว่า เกิดขึ้นได้ถึง 10%-15%  จากการตั้งครรภ์  บางรายงานก็ระบุว่าเกิดได้ถึง20%   ทำให้ผู้หญิงโทษตัวเอง ทั้งๆที่ดูแลตัวเองตามที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำทุกประการ   แต่อาจจะยังขาดความรู้เรื่องสาเหตุต่างๆของการแท้งที่ไม่สามารถควบคุมได้    ทำให้พวกเธอเหล่านั้นปิดปากเงียบ เฝ้าตั้งคำถามกับตัวเองและรู้สึกโดดเดี่ยวเพราะไม่อาจเปิดเผยความรู้สึกผิดนี้ได้


Dr. Zev Williams ผู้อำนวยการแห่ง Columbia University Fertility Center ระบุว่า จากการทำแบบสำรวจความเห็น มีผู้คนเกินครึ่งเชื่อว่าการแท้เกิดขึ้นนานๆครั้ง ทั้งๆที่อย่างน้อยเกิดขึ้นได้ถึง 20%จากการตั้งครรภ์ ผลของแบบสำรวจยังแสดงว่า ผู้หญิงเกิดความรู้สึกผิด คิดว่าทำอะไรสักอย่างผิดไป รู้สึกผิด และอับอาย แต่คุณหมอคนนี้ได้ยืนยัรว่า การแท้งที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากความผิดของฝ่ายหญิง

" หลายคนเชื่อว่า ความเครียดหรือการมีปากเสียงกับคนอื่นหรือการยกของหนักทำให้แท้งลูก มีผู้ที่โทษตัวเองมากอย่างน่าตกใจ ทั้งๆที่จริงแล้วแทบทั้งหมดจะไม่เกี่ยวกันเลย"




Mark Zuckerberg Priscilla Chan  แบ่งปันประสบการณ์ให้ผู้คนได้รู้ว่า "ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว"


คุณอาจจะเคยได้ยินคำว่า "มีลูกเมื่อพร้อม" อยู่บ่อยๆ    แต่ในบางครั้ง คุณอาจจะเคยเห็นคู่ที่พร้อมเต็มที่ในการให้กำเนิดทายาท    แต่ก็ประสบกับปัญหาบางอย่างจนทำให้เส้นทางที่จะเติมเต็มครอบครัวด้วยสมาชิกใหม่ต้องชะงักงัน    เมื่อคู่สามีมหาเศรษฐีได้เปิดเผยว่า   กว่าที่ลูกสาวคนโตจะลืมตาดูโลกขึ้นมา  ก็เคยผ่านการแท้งมาแล้วถึงสามครั้ง    เสียงตอบรับจากinternetก็ท่วมท้นไปด้วยผู้ที่มีประสบการณ์เดียวกัน
Mark Zuckerberg ได้เปิดเผยผ่าน Facebook ว่า

" เมื่อได้รู้ว่ากำลังจะมีลูก คุณจะเรู้สึกเต็มไปด้วยความหวัง คุณเริ่มจะจินตนาการว่าพวกเค้าจะเติบโตมาเป็นเช่นไรและฝันถึงอนาคตของพวกเค้า คุณเริ่มวางแผนต่างๆ แต่แล้วพวกเค้าก็จากไป มันเป็นประสบการณ์ที่โดดเดี่ยวเดียวดาย คนส่วนมากจะไม่เปิดใจเรื่องการแท้งเพราะกังวลว่าปัญหาเรื่องนี้จะแบ่งแยกพวกเค้าออกไปหรือสะท้อนให้เห็นว่ามีข้อบกพร่องหรือทำอะไรบางอย่างที่เป็นสาเหตุของการแท้ง คุณจึงเผชิญหน้ากับความทุกข์นี้เพียงลำพัง"

เมื่อบุคคลที่ถูกยกให้เป็นหัวกะทิระดับ top ในสังคมได้ส่งต่อข้อความให้ผู้คนได้รับรู้ว่า พวกเค้าไม่ได้เป็นทุกข์จากการแท้งลูกอยู่ลำพังก็ได้สร้างเสียงชื่นชมจากผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้หญิงที่เคยทุกข์ใจที่ต้องเสียลูกในครรภ์ไป จากที่เคยเฝ้าโทษตัวเอง ก็หันมาศึกษา fact ต่างๆที่ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการศึกษาวิจัย และสามารถปล่อยวางตัวเองจากความรู้สึกผิดที่เกาะแน่นในจิตใจได้



 



ความทุกข์ที่ต้องสูญเสียชีวิตน้อยๆที่ตั้งตารอคอยก็หนักหนามากอยู่แล้ว แต่ผู้หญิงอีกหลายคนต้องเผชิญกับความกดดันจากคำพูดคนรอบข้างที่ยังขาดความเข้าใจ ร้ายไปกว่านั้นอาจจะเข้าสู่ภาวะตึงเครียดจนซึมเศร้า ที่ต่างประเทศ มีความเคลื่อนไหวเพื่อสร้าง awareness เพื่อให้ผู้คนเปิดโอกาสให้ผู้สูญเสียจากการแท้งและทารกที่เสียชีวิตแรกเกิดได้ทำใจโดยไม่ก้าวก่ายหรือซ้ำเติม โดยจัดให้วันที่ 15 ตุลาคมเป็น Pregnancy and Infant Loss Remembrance Day และเราหวังว่า ผู้หญิงที่ต้องเผชิญกับประสบการณ์ที่ยากลำบากนี้ให้ก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยความเข้มแข็งและความเข้าใจจากคนรอบข้าง




The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE