ดราม่าหน้าไร้Botoxของ J Lo : PR หรือจริงแท้แน่นอน?
candy 56 9
ตั้งแต่Jennifer Lopez เริ่มต้นโพรโมท Beaty line ที่มีจุดขายเรื่อง Anti Agingเมื่อปลายปี2020 ก็ได้สร้างกระแสตอบรับที่แตกออกเป็นหลายเสียง ความคลางแคลงใจที่เกิดขึ้นทำให้ J Lo Beauty กลายเป็นประเด็นบนหัวข้อข่าวgossip บีบให้ซุปตาร์สาววัย 51 ต้องออกโรงโต้ข้อกล่าวหา PR เกินจริง
เพราะอะไรถึงดราม่า?
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ Jennifer Lopez ถูกยกให้เป็นแรงบันดาลใจของความงามเหนือกาลเวลา เธอมีชื่อเสียงเลื่องลือเรื่องวินัยอันเคร่งครัดในการดูแลรุปลักษณ์ให้ดูอ่อนวัย แม้หลายคนจะเชื่อว่า บรรดาเซเลบที่มีฐานะอันมั่งคั่งย่อมสามารถใช้เงินเป็นเครื่องปูทางไปสู่ความงามในอุดมคติได้สะดวกสบายกว่าคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นสารพัดทรีทเมนท์ราคาแพงจากคลีนิคความงาม Skincare ระดับ high-end เทรนเนอร์และเชฟส่วนตัว แต่ถึงจะอย่างนั้น ท่ามกลางเซเลบสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน J Lo ดูเปล่งประกายด้วยรูปโฉมที่อ่อนกว่าวัยกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด ชื่อของเธอมักจะปรากฏตามคอนเทนท์ของนิตยสารความงามที่มุ่งนำเสนอกับวิธีรักษาความอ่อนเยาว์ต่อต้านแรงโน้มถ่วง ที่สำคัญ J Lo ได้ย้ำมาแล้วหลายครั้งว่า ใบหน้าของเธอปราศจากBotox อย่างสิ้นเชิง
แต่ก่อนหน้านี้ คำพูดของเธอไม่ได้จุดประเด็นดราม่าแต่อย่างใด
นอกจากจะสร้างอาณาจักรความร่ำรวยด้วยอาชีพ entertainer J Lo ยังเป็นนักธุรกิจหญิงที่จับอะไรเป็นเงินเป็นทองมาแล้วหลายอย่าง หลังจากที่คนดังอย่าง Rihanna และ Kylie Jenner ประสบความสำเร็จถล่มทลายอย่างการก่อตั้ง Beauty Brand เพื่อนร่วมวงการบันเทิงอีกหลายคนก็เริ่มเปิดตัว Brand เพื่อกอบโกยความสำเร็จเช่นกัน แต่ละคนก็ได้งัดเอาวิธีทางการตลาดต่างๆมาดึงดูดความสนใจและกระตุ้นยอดขายของสินค้า ไม่น่าแปลกใจเลยที่ J Lo จะนำเสนอจุดเด่นที่ทำให้ใครต่อใครต้องอิจฉาเพื่อโพรโมทผลิตภัณฑ์ ใบหน้าที่่อ่อนกว่าวัยของเธอนั่นเอง
เมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนจะเปิดตัว J Lo Beauty อย่างเป็นทางการ เธอได้เปิดเผยถึงความลับในการดูแลผิวพรรณให้ดูอ่อนเยาว์ว่า
"ฉันไม่เคยแตะ Botox ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้น ฉันไม่ได้ต่อต้านคนที่ฉีดนะ มันแค่ไม่ใช่แนวตัวเอง ฉันสนใจเรื่อง skincare จากธรรมชาติมากกว่า แต่ฉันก็อยากให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองได้ผลดีด้วย จึงอยากเพิ่มกรด hyaluronic เข้าไป อยากใส่ส่วนผสมที่ช่วยเรื่องผิวพรรณ เพราะว่าฉันไม่อยากจะลงเอยด้วยการฉีดหน้า ฉันไม่ได้บอกว่าจะไม่มีวันทำนะ แต่ถึงตอนนี้ ฉันไม่เคยฉีดเลย"
J Lo ได้ยกเครดิตให้กับสิ่งหนึ่งที่การันตีว่าดีต่อผิวอย่างมากมาย "น้ำมันมะกอก" และการใช้ SPF ปกป้องผิว
"แม่ของฉํนเคยพูดเสมอว่าใช้น้ำมันมะกอกช่วยได้ทุกส่วน มันเป็นเคล็ดลับที่ฉันใช้มานานหลายปีเพราะมันช่วยได้จริงๆ ตอนที่เราหารือกัน สิ่งที่ฉันเอ่ยออกมาเป็นอย่างแรกก็คือ ผลิตภัณฑ์จะต้องมีสารสกัดจากน้ำมันมะกอกเป็นส่วนประกอบหลัก"
"ฉันเคยลองผลิตภัณฑ์ drugstore ฉันเคยลองผลิตภัณฑ์ที่แพงที่สุด จึงได้กลับมาใช้เคล็ดลับที่แม่เคยแนะนำตอนที่ฉันยังเด็ก น้ำมันมะกอกสามารถบำรุงผม ผิวพรรณ เล็บ รูปร่าง มันเปรียบเหมือนกับส่วนผสมมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ ทำให้ส่องประกายออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ"
"ฉันเคยลองผลิตภัณฑ์ drugstore ฉันเคยลองผลิตภัณฑ์ที่แพงที่สุด จึงได้กลับมาใช้เคล็ดลับที่แม่เคยแนะนำตอนที่ฉันยังเด็ก น้ำมันมะกอกสามารถบำรุงผม ผิวพรรณ เล็บ รูปร่าง มันเปรียบเหมือนกับส่วนผสมมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ ทำให้ส่องประกายออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ"
คำว่าน้ำมันมะกอกได้สะกิดใจผู้คนจำนวนหนึ่ง แน่ล่ะว่า มันมีชื่อเสียงเรื่องการบำรุงเส้นผมและผิวกาย แต่ไม่ใช่ว่า เป็นที่ทราบกันอย่างกว้างขวางหรอกหรือว่า การใช้น้ำมันมะกอกกับผิวหน้านั้นอาจจะทำให้รูขุมขนอุดตันจากปริมาณกรด oleic ที่มีอยู่สูง และยังนำไปสู่การสะสมของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว แพทย์ผิวหนังบางคนก็ยังเคยออกมาแนะนำแล้วว่า ควรจะใช้น้ำมันตัวอื่นๆที่ไม่หนักผิวหน้าเหมือนกับน้ำมันมะกอก โดยเฉพาะคนที่มีผิวที่เสี่ยงต่อการเป็นสิวง่ายและแพ้ง่าย
ชาวเน็ทจำนวนไม่น้อยที่มั่นใจว่า หาก J Lo ไม่เคยฉีด Botox ตามที่ประกาศไว้จริงๆ เธอน่าจะใช้วิธีอื่นๆที่ให้ผลไม่ต่างจาก Botox ในคลีนิคความงาม
โดยเฉพาะ Cassandra Bankson influencer บน Youtube รายหนึ่งได้ยกเหตุผลต่างๆมาหักล้างคำพูดของ J Lo อย่างเผ็ดร้อน
" ถ้าคุณต้องการจะขายผลิตภัณฑ์เพื่อผิวหน้า ขอร้องเถอะ มีความจริงใจกันหน่อย"
Cassandra พูดปนหัวเราะในขณะที่ชี้ให้ผู้ชมเห็นว่า ภาพแคมเปญโฆษณา J Lo Beauty ได้ใช้ filter เบลอผิวให้ดูสวยเรียบเนียนไร้ที่ติ ในขณะที่ภาพจากงานพรมแดงก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เธอดูสวยamazing สุดๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นเหมือนกับในภาพโฆษณา
ยังมี influencer อีกหลายคนที่โจมตี J Lo beauty อย่างไม่ไว้หน้าด้วยข้อกล่าวหาเรื่องโฆษณาเกินจริง ไม่ซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค
Dr.Anil Rajani ท้าให้ผู้ชมใช้น้ำมันมะกอกเพื่อชะลอความแก่โดยไม่ต้อง Botox และเห็นตรงกันกับชาวเน็ทว่า สิ่งที่ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์คือประโยคว่า I'm not that person ไม่ใช่การยืนยันว่าไม่เคยฉีด Botox เพราะ Botox ไม่ได้เป็น "ตราบาป" ที่ทำให้คนที่เลือกชะลอความแก่ด้วยวิธีนี้รู้สึกไม่ดีอีกต่อไป แต่เป็นตัวเลือกส่วนตัวที่ไม่ได้เสียหายและสร้างความมั่นใจให้กับผู้คนมาแล้วมากมาย
หมอผู้นี้ยังชี้ว่าเธอน่าจะผ่านกระบวนการใดๆบ้าง หากไม่ได้ฉีดหน้า (หรือไม่ได้ฉีดด้วยสารยี่ห้อนี้) ยังมีวิธีอื่นๆจากคลีนิคศัลยกรรมที่ทำให้ผิวเต่งตึง ไม่หย่อนคล้อยลงไปตามวัย
Microneedling
Laser resurfacing
Radiofrequency treatment
Thermage
และอีกหลายวิธีที่ทำให้ผิวหน้าดูไม่เหี่ยวย่นไปตามวัย
รวมถึงความเห็นของDr.Anthony Youn ที่หลายคนนำมาเป็น reference ว่า แท้จริงแล้ว ใบหน้าของ J Lo เคยผ่านมีดหมอหรือเข็มฉีดยามาแล้วหรือไม่
หมอผิวหนังอย่าง Dr. Corey Hartman ถึงกับปล่อย meme ตัวนี้ออกมา! เขาเหน็บแนมไอคอนความงามด้วยอารมณ์ขันร้ายกาจว่า
" Jennifer Lopez คงจะลืมไปแล้วว่าเธอเคยฉีด Botox รึเปล่า แต่ผมรู้อย่างแน่นอนว่า เธอต้องใช้มากกว่าน้ำมันมะกอกเพื่อจะรักษาผิวสวย glow นั้นไว้"
" ก็นานาจิตตังนะครับ ขอให้ J Lo โชคดีกับน้ำมันมะกอกละกัน เราไม่เชื่อคุณ แต่เรายังรักคุณนะ Jenny"
มั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์
J Lo อธิบายถึงความมุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์ไว้ว่า"ฉันต้องการทำผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ฉันไม่ใช่คนประเภทที่แค่แปะชื่อตัวเองบนสินค้าแบบไม่เลือก มันก็เหมือนกับตอนที่ฉันเลือกเพลงหรือบทหนัง มันจะต้องเป็นสินค้าที่่ตอบสนองความคาดหวังของผู้คนที่มีต่อตัวฉัน ฉันไม่สามารถสร้างความผิดหวังให้ใครได้"
เวลาผ่านไปได้สักพัก J Lo ก็พร้อมออกมาโต้ตอบ เธอเจาะจงตอบความเห็นนี้ค่ะ
" ฉันขอพูดหน่อยเหอะว่า ตอนที่คุณกำลังแสดงอารมณ์ทางสีหน้า หน้าผากและคิ้วของคุณมันไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด แน่นอนว่าคุณฉีด Botox และก็ฉีดเยอะแยะซะด้วย และมันไม่เห็นเสียหายอะไร แค่บอกเฉยๆ"
ความเห็นนี้สามารถดึงดูดให้ J Lo ให้เข้ามาเชือดเฉือนจนกลายมาเป็นหัวข้อข่าว gossip
" ก็หน้าของฉันมันเป็นแบบนั้นนี่ จะบอกเป็นครั้งที่ห้าร้อยล้านนะ ฉันไม่เคยฉีด Botox หรือฉีดสารอื่นๆ หรือทำศัลยกรรม"
" ซื้อ JLO BEAUTY ไปใช้ และรู้สึกถึงความงามในแบบของตัวคุณ และมีความลับของJLO BEAUTY อีกอย่างจะบอกให้ ช่วยคิดบวกกว่านี้ มีความเมตตาและช่วยให้กำลังใจผู้อื่นบ้าง"
" อย่าเอาแต่โจมตีคนอื่น มันจะทำให้คุณทั้งอ่อนเยาว์และสวยงาม ส่งความรักให้เธอจ้ะ"
นอกจากนั้น เธอยังโชว์ผิวหน้าสุด glow เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงความเรียบเนียนหลังใช้ mask ของตัวเอง "ฉันแทบไม่เห็นสักริ้วรอยบนใบหน้าเลยค่ะ! มันเปล่งประกาย แน่นไปหมด มันเป็น mask ที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้ใช้มา"
"มันดีกว่า SK-II ซะอีก มันจะกลายเป็น mask ที่ขายดีที่สุดได้แน่ๆ"
Mask ที่ใช้แล้ว ริ้วรอยจางหายไปเลยหรือนี่ SK II อาจจะต้องสะดุ้งเบาๆ แต่ก็มีคนที่ค้างคางใจของคำโปรยในโฆษณาผลิตภัณฑ์ของเธอที่ว่า
"หากคุณต้องการ skincare สุดเริ่ด และต้องการจะสวย glow แบบนั้น คุณก็มีมันได้"
ในขณะที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา J Lo ได้เปิดเผยถึงเคล็ดลับความงามที่มาจากความทุ่มเท เธอไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ นอนให้ได้อย่างต่ำๆ 7 ชั่วโมง กินอาหารคลีน ออกกำลังกายอย่างเต็มที่สัปดาห์ละ 5-6 วัน
และถ้าคุณไม่ได้มี lifestyle เช่นนั้น แล้วหันมาใช้ J Lo beauty ครบเซ็ท ผิวหน้าจะ glow เด้งไม่แก่เหมือนกับเธอรึเปล่านะ ?
The Five S
คีย์สำคัญที่ J Lo ยืนยันว่าทำให้เธอสวยเปล่งปลั่งจนใครต่อใครต้องคอยถามเคล็ดลับ
Sleep หากเป็นไปได้เธอจะนอนให้ถึงสิบชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่อย่างต่ำต้อง 7-8 ชั่วโมง
Sunscreen เธอยืนยันว่าทาทุกวันไม่เคยขาดมากว่ายี่สิบปี ไม่ใช่แต่ตอตต้องเจอแดดแรง
Serum ตอนนี้ก็กำลังนำเสนอ J Lo beauty อยู่
Supplements คนอื่นจากไม่เห็นด้วยเรื่องอาหารเสริม แต่เธอเชื่อมั่นว่า จะสวยได้ต้องมาจากภายใน
Sano คำภาษา Spanish มาจาก vivir sano หมายถึงการใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดี
อย่างไรก็ตาม เรืองที่ Jennifer Lopez ได้ใช้บริการ Dr. Harold Lancer หมอผิวหนังผู้โด่งดังชื่อดังแห่ง Beverly Hills มานานหลายปีก็ไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด เขาคนนี้ได้สร้างธุรกิจ skincare ที่ขายดิบขายดี และนอกจาก J Lo ก็ยังมีลูกค้าระดับVIP อย่าง Victoria Beckham Margot Robbie และ Kim Kardashian เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า J Lo นำผลิตภัณฑ์Dr. Lancer Method ไปใช้ที่บ้าน และเธอก็ไม่ได้ทำนู่นนี่กับใบหน้ามากมาย เพราะว่ามี lifestyle ที่ตั้งอยู่บนสุขภาพที่ดีอยู่แล้ว จึงไม่ได้ใช้ laser หรือ LED มีแต่ treatment พื้นฐาน ผิวสวย glow ของเธอจึงมาจากขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก "ทุกวัน" ด้วยผลิตภัณฑ์อันเปี่ยมประสิทธิภาพของเขาเท่านั้น
แต่เมื่อ J Lo Beauty ถูกปล่อยตัวสู่ท้องตลาด Dr. Lancer อาจจะไม่สามารถพูดถึงลูกค้าระดับ A List ได้เช่นนี้อีกแล้ว
Good Genes - สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
เคยสังเกตกันไหมว่า บางคนที่ผิวพรรณสวยงามดูอ่อนกว่าวัยมากๆ จะได้รับกรรมพันธุ์มาจ่กพ่อแม่ ราวๆเจ็ดปีก่อน J Lo ก็เปิดเผยว่า ทั้งแม่และยายของเธอต่างก็เป็นสาวผิวสวย เธอจึงโชคดีมากที่ได้รับการถ่ายทอด genes นี้มาด้วย
ลองชมในภาพค่ะ แม่ของ J Lo มีอายุ 75 แล้วเชียวนะ!
ภาพจากยี่สิบปีก่อน ราวกับพี่น้อง!
มีผู้คนมากมายที่ปักใจเชื่อว่า หากจะสวยปิ๊งให้ได้แบบ J Lo ในวัยห้าสิบ ความรวยเท่านั้นคือคำตอบสุดท้าย แต่เราคือส่วนหนึ่งที่ชื่นชมlifestyle เพื่อสุขภาพและความงามที่เธอแน่วแน่มาร่วมๆสามทศวรรษ ไม่ว่าเธองามด้วยวิธีธรรมชาติดังที่ได้ยืนยันหนักแน่น หรือปิดบังเรื่องตัวช่วยอย่าง Botoxและศัลยกรรมตามที่เป็นดราม่านับตั้งแต่เปิดตัว skincare line แต่เมื่อนึกถึงสาวงามที่มีวัยขึ้นหลักห้าแล้ว เธอก็ช่างเจิดจรัสโดดเด่นมากจริงๆ
แล้วใครบ้างล่ะ ที่ไม่อยากจะสวยพริ้งเหมือนกับ J Lo ?
หากใครได้ทดลองใช้ J Lo beauty แล้ว ผลเป็นเช่นไร อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังนะคะ
The End