ซีรีส์ต่างประเทศนำเสนอประเด็น"เหยื่อการข่มขืน"กันแบบไหน
candy 40 9
คดีฆ่าข่มขืนสุดสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้สร้างความคั่งแค้นให้กับคนในสังคมอย่างไม่สามารถบรรยายได้ถูก เพราะเหตุใด อาชญากรจิตใจต่ำช้าที่ย่ำยีเหยื่อผู้อ่อนแอแต่กลับรับโทษเพียงเบาบางไม่สมกับความผิด แล้วยังออกจากสถานที่คุมขังมาทำร้ายชีวิตคนอื่นให้แตกสลายไป พวกเราได้เฝ้าดูการก่อคดีซ้ำของ rapist โดยไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อใดก็ตามที่ได้ยินข่าวข่มขืน ก็ทำให้ประหวั่นพรั่นพรึงและหวาดระแวง หากว่า rapist เหล่านั้นจ้องทำร้ายตัวคุณหรือสมาชิกครอบครัวที่คุณรักล่ะ ? เราไม่สามารถจินตนาการถึงความเจ็บปวดของเหยื่อได้เลย ไม่ว่าจะป้องกันตัวด้วยความรอบคอบสักเพียงใด ก็ไม่สามารถรับประกันได้เต็มที่ว่ามันจะไม่เกิดขึ้น แม้แต่เด็กน้อยบริสุทธิ์ที่อยู่ในบ้านตัวเองก็ยังถูกทำร้าย รวมไปถึงคดีบีบหัวใจคนที่มีลูกหลาน เมื่อได้ยินว่า แม้แต่เด็กชายวัยชายวัยประถมก็สามารถลงมือข่มขืนเด็กหญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เรื่องราวที่ได้ยินมาแล้วไม่รู้ต่อกี่ครั้งได้ทิ้งคำถามสำคัญไว้ว่า
" เราจะป้องกันปัญหานี้ได้อย่างไร ?"
" เราจะป้องกันปัญหานี้ได้อย่างไร ?"
แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ แต่อาชญากรรมข่มขืนก็ยังเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน แม้กระทั่งในประเทศที่เจริญแล้ว ได้มีการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจเพื่อกวาดล้างเหล่า rapist รวมไปถึงการขึ้นทะเบียนผู้กระทำผิดทางเพศ คดีข่มขืนก็ยังสร้างความหนักใจให้กับผู้คนในสังคม
หลายคนเชื่อว่า วิธีดังกล่าว ก็ยังมีประสิทธิภาพเพื่อจัดการอาชญากรรมทางเพศที่เกิดขึ้นอย่างอุกอาจและป้องกันการกระทำผิดซ้ำได้ในระดับหนึ่ง หากปล่อยให้ปัญหานี้เรื้อรังต่อไปโดยไม่เดินหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อแก้ไข บ้านเมืองอาจจะเข้าสู่ความสิ้นหวัง ข่าวพาดหัวถึงคดีฆ่าข่มขืนได้กลายมาเป็นความเคยชินของคนในสังคมที่ต้องก้มหน้าก้มตารับสภาพเสี่ยงต่อการถูกอาชญากรข่มขืนทำร้าย
การถ่ายทอดแนวคิดว่าเรื่องข่มขืนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ผ่านสื่อบันเทิง
ในช่วงที่ยังเยาว์วัย เราอาจจะไม่เรียนรู้ประสบกาณณ์มากพอว่า ภาพความรักของชายหญิงในนิยายสุด classic รวมถึงละครเรตติ้งสูงปรี๊ดทั้งหลายนั้นได้ยัดเยียดแนวคิดที่บิดเบี้ยวจนทำให้มีคนเชื่อจริงๆว่า ในขณะที่ผู้ชายมีความต้องการทางเพศ คำว่า "ไม่" ของผู้หญิง ไม่ได้เป็นลูกไม้ที่ใช้ยั่วยวนปลุกอารมณ์ให้หื่นกระหายกว่าเดิม ไม่ใช่แค่อาการกระบิดกระบวนเล่นตัวเพราะความเขินอาย การใช้กำลังข่มขืนจนอีกฝ่ายเจ็บปวดทั้งร่างกายและหัวใจไม่ได้เยียวยาได้ง่ายดายด้วยคำพูดง้องอนและฉากจบที่ริมทะเลที่เป็นสูตรสำเร็จหวานเอียนชวนขนลุก
แต่มันช่างน่าหดหู่ที่แม้ว่าเราจะก้าวมาถึงปี 2021 กันแล้ว เรื่องของ normalization of rape culture ผ่านวงการ TV ก็ยังเป็นประเด็นสร้างข้อถกเถียงในสังคม ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากแสดงจุดยืนต่อต้านการนำเสนอเรื่องข่มขืนในรูปแบบของความรักอันแสนประทับใจ แต่ก็ยังมีผู้สร้างละครแนวเดิมๆมาดึงเรตติ้งจากผู้ชม ที่ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่พ้นเรื่องการข่มขืน
- พระเอกข่มขืนนางเอกเพื่อระบายความแค้นหรือหึงหวงจนต้องประทับตราความเป็นเจ้าของ แต่ไม่เป็นไร ความรักแสนหวานจะชนะทุกอย่าง พวกเค้าจะมีความสุขสมหวังกัน ราวกับกำลังขายไอเดียว่า หากจะรักใคร ก็ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติกันในความสัมพันธ์ ถึงพระเอกจะเป็น abuser ใช้กำลังขืนใจนางเอกจนเสร็จสมอารมณ์หมายก็ลงเอยแบบ happy ending
- นางร้ายจ้างชายกลัดมันไปข่มขืนนางเอกเพื่อสร้างตราบาปให้กับศัตรูหัวใจ ทั้งๆที่มีวิธีอื่นอีกมากมาย แต่ต้องจำเพาะเจาะจงว่าต้องเป็นการข่มขืนเท่านั้น พ่วงมากับแนวคิดที่ว่า ถ้าเป็นชายอื่นตั้งใจวางแผนล่วงละเมิดทางเพศนางเอกแล้วย่อมเป็นพวกชั่วช้าสามานย์ แต่ถ้าเป็นพระเอกล่ะไม่เป็นไร รับได้หมด
- นางร้ายเจอกับกรรมตามสนอง ต้องมาถูกข่มขืนอย่างรุนแรงจนเสียผู้เสียคน ย่ำวนอยู่กับการชดใช้กรรมอยู่เท่านี้
- ก่อนที่จะปล่อยฉากข่มขืนสร้างความบันเทิงใจ ( ให้ใคร?) สื่อยังไม่พลาด ต้องโพรโมทการถ่ายทำว่าเผ็ดแซ่บกันขนาดไหน
การนำเสนอเรื่องข่มขืนผ่านซีรีส์ต่างประเทศจะมีรูปแบบใดบ้าง พวกเค้าจะยังขายความบันเทิงด้วยภาพของ rapist ที่แก้แค้นผู้หญิงไร้ทางสู้ ด้วยการข่มขืนเธอ แล้วพัฒนาความสัมพันะ์จนกลายเป็นรักแท้เหมือนบางประเทศหรือไม่ มาติดตามกันค่ะ
คำเตือน มีเนื้อหาspoil เรื่องราว
อังกฤษ - Broadchurch Season 3 (์Netflix)
สะท้อนมาตรฐานข้อปฏิบัติต่อหยื่อข่มขืนที่แจ้งความขอความช่วยเหลือในกระบวนการยุติธรรม
Broadchurch ในซีซัน 3 ได้สร้างกระแสฮือฮาในอังกฤษด้วยการตีแผ่เรื่องอาชญากรรมทางเพศและการเปิดเผยคนร้ายตัวจริงที่ทำให้ผู้ชมตกตะลึง นับตั้งแต่ episode แรกที่เปิดตัวเหยื่อหญิงวัยกลางคนที่ผมตัดสั้นกุดและแต่งกายมิดชิด ก็เป็นการทุบประเด็นเรื่อง "ไม่มีใครเป็น perfect victim" ได้อย่างหนักหน่วง มีคนมากมายที่ยังมองเหยื่อการข่มขืนด้วยสายตาอันเต็มไปด้วยอคติ กล่าวโทษว่าพวกเธอมีส่วนผิดที่เอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยง แต่งตัวล่อแหลมปลุกความกระหายทางเพศ ปล่อยตัวให้เข้าใกล้ผู้ชายกันเพียงสองต่อสอง แต่ความเป็นจริงนั้น มันเป็นเรื่องเลวร้ายที่เกิดได้กับทุกคน แม้ว่าคุณจะระวังตัวเป็นอย่างดีก็ตาม
ซีรีส์เรื่องนี้ได้เล่าเรื่องราวของ Trish สาวใหญ่ที่โทรขอความช่วยเหลือจากตำรวจ เธอถูกพบในสภาพที่มึนงงเลื่อนลอยจากภาวะที่กระทบกระเทือนใจอย่างหนักจนไม่สามาถสื่อสารเรื่องราวที่ครบถ้วนนัก ตำรวจพบว่าเธอถูกคนร้ายโจมตีที่หัว และลงมือข่มขืนในขณะที่ปิดตาเธอ เรื่องราวสุดบัดซบนี้ทำให้ Trish เข้าสู่สภาวะช็อคอย่างรุนแรง แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ที่ทำคดีร้ายแรงมาก่อนยังต้องสะเทือนใจ
ถามว่าซีรีส์เรื่องนี้สมจริงแค่ไหน ? ผู้สร้างได้เชิญ survivor ที่ต่อสู้กับประสบการณ์เลวร้ายแบบเดียวกันในชีวิตจริงมาเป็นที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิด การประชันฝีมือของนักแสดงไม่ได้มีจุดประสงค์ในการสร้างความบันเทิงเพียงเท่านั้น แต่เป็นการถ่ายทอดให้ผู้คนได้ตระหนักว่า เหยื่อข่มขืนต้องเจ็บปวดมากมายสักเพียงใด และมันยากเย็นแค่ไหนเพื่อจะพยายามกลับมาเป็น "ปกติ" เหมือนเดิมให้ได้ หลายคนไม่สามารถเอาชนะความทรงจำที่โหดร้ายที่ตามหลอกหลอน ต้องทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วยทางจิตใจ รู้สึกราวกับตายทั้งเป็น หรือมืดมนไร้หนทางจนถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตต่อไป
Broadchurch ได้เปิดโลกทัศน์ของเราถึงกระบวนการทางแพทย์และทางกฎหมายเมื่อเจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อเหยื่อข่มขืน ผู้เชี่ยวชาญได้พูดจากกับเธอด้วยความนิ่มนวล ให้เกียรติ และอธิบายถึงขั้นตอนต่างๆอย่างชัดเจน และให้ความสำคัญต่อจิตใจของเหยื่อเป็นอย่างยิ่ง เหยื่อจะถูกพาไปที่ศูนย์ให้คำปรึกษาผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ และที่ปรึกษาจะยืนยันว่า หากเหยื่อรู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่สบายใจในจุดใด พวกเค้าจะหยุดขั้นตอนการตรวจสอบหลักฐานต่างๆทันที (สารภาพว่า เป็นคนที่ไม่ได้ร้องไห้กับดราม่าทางTV มากนัก แต่เริ่มต้นที่เห็นเหยื่อร่ำไห้ในขณะตรวจร่างกาย เราก็น้ำตาซึมแล้วค่ะ)
การสอบปากคำเป็นสิ่งที่ยากเย็นที่สุดจุดหนึ่ง เธอต้องพยายามรวบรวมสตินึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ยังไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้เพราะยังช็อคหนัก และเอ่ยปากขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไป และสิ่งที่ได้ยินกลับมาคือ
" คุณไม่มีเรื่องที่ต้องพูดขอโทษเลยครับ"
ใช่แล้วค่ะ เหยื่อไม่มีความผิด ไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ ไม่มีสิ่งใดที่ติดค้างจนต้องขอโทษใครทั้งนั้น
การสอบปากคำเป็นสิ่งที่ยากเย็นที่สุดจุดหนึ่ง เธอต้องพยายามรวบรวมสตินึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ยังไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้เพราะยังช็อคหนัก และเอ่ยปากขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไป และสิ่งที่ได้ยินกลับมาคือ
" คุณไม่มีเรื่องที่ต้องพูดขอโทษเลยครับ"
ใช่แล้วค่ะ เหยื่อไม่มีความผิด ไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ ไม่มีสิ่งใดที่ติดค้างจนต้องขอโทษใครทั้งนั้น
เมื่อการสืบสวนหาตัวคนร้ายมาลงโทษได้เริ่มต้นขึ้น ชีวิตของเหยื่อก็ยังต้องดำเนินต่อไป ศูนย์ช่วยเหลือผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศไม่ได้ยุติหน้าที่ตรงที่การเก็บหลักฐานเท่านั้น แต่ยังส่งcaseของเหยื่อ่ให้กับศูนย์ที่ช่วยเหลืออีกแห่งเพื่อจัดที่ปรึกษาที่จะติดต่อหาเธอภายใน24 ชั่วโมง กระบวนการนี้เองที่จะช่วยให้เหยื่อเข้าสู่การบำบัดรักษาจิตใจ และมีอาสาสมัครเข้ามาพูดคุยดูแล ส่วนผู้คนในชุมชนก็มองเหตุการณ์นี้ด้วยความเห็นใจ ไม่ใช่สายตาพิพากษาว่าเป็นเรื่องฉาวโฉ่คาวโลกีย์
นอกจากนั้น ตำรวจได้ติดตั้งปุ่มฉุกเฉินให้เธอใช้เรียกช่วยเหลือการมีผู้ประสงค์ร้ายเข้ามาที่บ้าน แต่แม้กระนั้น Trish ก็รู้สึกขวัญผวาจนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะบอกกับลูกสาววัยรุ่นเช่นไร ความอับอายทำให้เธอคิดว่า คนร้ายน่าจะฆ่าทิ้งเธอไปเสียก็ดี
นอกจากนั้น ตำรวจได้ติดตั้งปุ่มฉุกเฉินให้เธอใช้เรียกช่วยเหลือการมีผู้ประสงค์ร้ายเข้ามาที่บ้าน แต่แม้กระนั้น Trish ก็รู้สึกขวัญผวาจนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะบอกกับลูกสาววัยรุ่นเช่นไร ความอับอายทำให้เธอคิดว่า คนร้ายน่าจะฆ่าทิ้งเธอไปเสียก็ดี
แต่ไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่จะคุ้นเคยกับหลัก ตำรวจที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์คนหนึ่งได้ตั้งข้อสังเกตว่าคำให้การของเจ้าทุกข์มีช่องโหว่บางอย่าง จะมั่นใจได้หรือไม่ว่าเธอพูดความจริงง ก็ได้รับการสั่งสอนที่เด็ดขาดจากตำรวจรุ่นพี่ว่า ในการไขคดีล่วงละเมิดทางเพศ จะต้องเริ่มจาก "เชื่อในตัวเหยื่อเสมอ" ตัวเจ้าทุกข์ไม่ได้ติดต่อมามาด้วยคำพูดเปล่าๆ เธอมีบาดแผลตามร่างกายที่กำลังรอผลตรวจทางนิติเวช และยังแสดงอาการกระทบกระเทือนใจอย่างหนัก
ขั้นตอนสำคัญเป็นอย่างยิ่งในคดีข่มขืน ที่ปรึกษาจะสร้างความไว้ใจและคอยรับฟังเมื่อเหยื่อต้องการระบายความทุกข์ เป็นการเยียวยาจิตใจให้พร้อมรับความกดดันในการตามจับกุมู้กระทำผิด นั่นเป็นเพราะว่า เหยื่อจะต้องให้ข้อมูลต่อตำรวจอีกหลายครั้ง ซึ่งล้วนแล้วเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากจะนึกถึง คำถามบางอย่างอาจจะกระตุ้นให้เกิดความหวาดกลัวและรู้สึกเหมือนถูกล่วงละเมิดสิทธิส่วนตัวเกินรับได้ แต่เมื่อมีที่ปรึกษาคอยสนับสนุนอยู่ข้างๆระหว่างการสอบปากคำ จะช่วยให้ตำรวจได้รับข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อคดีมากขึ้น
นี่คือคำพูดของที่ปรึกษาเหยื่อจากการล่วงละเมิดทางเพศจากซีรีส์เรื่องนี้
" คุณตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งหน้าแต่งตัวเพื่อมาคุยกับฉันตรงนี้ได้ นี่ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่แล้วนะคะ อาชญากรรมพวกนี้ทำให้คุณรู้สึกว่าได้สูญเสียตัวตนไปราวกับว่าไร้แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ว่ายังมีแสงสว่างนั้นรออยู่ค่ะ และเราจะตามหาแสงสว่างนั้นไปด้วยกัน"
สารสำคัญที่ซีรีส์เรื่องนี้ส่งต่อถึงเหยื่อข่มขืนและคนรอบข้างคือ แม้จะร่างกายและจิตใจได้ถูกทำร้ายจนเจ็บปวดแสนสาหัส แต่พวกเค้าสามารถลุกขึ้นมาเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อีกครั้ง หากได้รับการช่วยเหลือจากผู้ที่มีความเข้าใจและปราศจากอคติ เราไม่สามารถหาเหตุผลที่น่าฟังข้อใดเลยที่จะชักจูงให้เชื่อได้ว่า ฝ่ายที่ควรถูกตั้งข้อรังเกียจจะเป็นเหยื่อที่ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจอย่างหนัก ถูกดูหมิ่นเกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แต่เหยื่อคือผู้เราควรให้กำลังใจเพื่อให้รู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ลดทอนคุณค่าของพวกเค้าไปได้ต่างหาก
ขั้นตอนสำคัญเป็นอย่างยิ่งในคดีข่มขืน ที่ปรึกษาจะสร้างความไว้ใจและคอยรับฟังเมื่อเหยื่อต้องการระบายความทุกข์ เป็นการเยียวยาจิตใจให้พร้อมรับความกดดันในการตามจับกุมู้กระทำผิด นั่นเป็นเพราะว่า เหยื่อจะต้องให้ข้อมูลต่อตำรวจอีกหลายครั้ง ซึ่งล้วนแล้วเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากจะนึกถึง คำถามบางอย่างอาจจะกระตุ้นให้เกิดความหวาดกลัวและรู้สึกเหมือนถูกล่วงละเมิดสิทธิส่วนตัวเกินรับได้ แต่เมื่อมีที่ปรึกษาคอยสนับสนุนอยู่ข้างๆระหว่างการสอบปากคำ จะช่วยให้ตำรวจได้รับข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อคดีมากขึ้น
นี่คือคำพูดของที่ปรึกษาเหยื่อจากการล่วงละเมิดทางเพศจากซีรีส์เรื่องนี้
" คุณตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งหน้าแต่งตัวเพื่อมาคุยกับฉันตรงนี้ได้ นี่ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่แล้วนะคะ อาชญากรรมพวกนี้ทำให้คุณรู้สึกว่าได้สูญเสียตัวตนไปราวกับว่าไร้แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ว่ายังมีแสงสว่างนั้นรออยู่ค่ะ และเราจะตามหาแสงสว่างนั้นไปด้วยกัน"
สารสำคัญที่ซีรีส์เรื่องนี้ส่งต่อถึงเหยื่อข่มขืนและคนรอบข้างคือ แม้จะร่างกายและจิตใจได้ถูกทำร้ายจนเจ็บปวดแสนสาหัส แต่พวกเค้าสามารถลุกขึ้นมาเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อีกครั้ง หากได้รับการช่วยเหลือจากผู้ที่มีความเข้าใจและปราศจากอคติ เราไม่สามารถหาเหตุผลที่น่าฟังข้อใดเลยที่จะชักจูงให้เชื่อได้ว่า ฝ่ายที่ควรถูกตั้งข้อรังเกียจจะเป็นเหยื่อที่ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจอย่างหนัก ถูกดูหมิ่นเกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แต่เหยื่อคือผู้เราควรให้กำลังใจเพื่อให้รู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ลดทอนคุณค่าของพวกเค้าไปได้ต่างหาก
มีการยืนยันจาก rape survivor ในอังกฤษว่า ขั้นตอนการปฏิบัติต่อเหยื่อข่มขืนที่ปรากฏในซีรีส์ตรงตามประสบการณ์จริงของพวกเธอ แต่แม้จะรู้ดีว่า ขั้นตอนเหล่านั้นจะตั้งบนพื้นฐานในความเป็นมืออาชีพและให้ความสำคัญต่อสุขภาพจิตของเหยื่อ เมื่อได้เห็นอีกครั้งก็ย้ำเตือนให้ดำดิ่งไปในความทรงจำอันโหดร้ายจนต้องสะเมือนใจ หากเป็นการสอบสวนโดยไม่คำนึงถึงสภาพจิตใจเหยื่อ
แน่นอนว่า ในอดีต ที่อังกฤษก็เคยมีเจ้าทุกข์ที่ร้องเรียนว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่มาแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือความเปลี่ยนแปลงที่ยกมาตรฐานข้อปฎิบัติต่อเหยือที่ถูกกระทำลำเรา และเราเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากย่อมปรารถนาจะเห็นความเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน
แต่เมื่อใดที่วันนั้นจะมาถึง ?
แน่นอนว่า ในอดีต ที่อังกฤษก็เคยมีเจ้าทุกข์ที่ร้องเรียนว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่มาแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือความเปลี่ยนแปลงที่ยกมาตรฐานข้อปฎิบัติต่อเหยือที่ถูกกระทำลำเรา และเราเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากย่อมปรารถนาจะเห็นความเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน
แต่เมื่อใดที่วันนั้นจะมาถึง ?
คำเตือน มี การspoil เนื้อหาซีรีส์
เกาหลี - Hogu's Love
เมื่อเหยื่อตั้งครรภ์จากการถูกข่มขืน และตัดสินใจไม่ทำแท้ง
ดูแค่ชื่อเรื่องและความใสแบ๊วของพระเอกก็ทำให้คิดว่านี่เป็นซีรีส์แบบ feel good แต่แท้จริงแล้ว Hogu's Love กลับเต็มไปด้วยดราม่าที่หนักหน่วง จากการสะท้อนสภาพสังคมที่ไม่ยอมรับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม้จะเกาหลีใต้จะพัฒนารุดหน้าไม่แพ้ประเทศที่เจริญรุดหน้าอื่นๆ และพยายามสร้างมาตรฐานต่างๆเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเพศ แต่การปลูกฝังแนวคิดที่หยั่งลึกจนยากจะเปลี่ยนแปลงทำให้ ผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้าง หรือเลี้ยงดูลูกโดยไม่มีผู้เป็นพ่อเด็กอยู่เคียงข้างถูกยัดเยียดตราบาปมาให้ กลายเป็นเรื่องน่าอดสูที่บางคนยังเลือกจะปิดบังเพราะไม่ต้องการให้ใครมาดูถูกดูแคลน
แม่เลี่ยงเดี่ยวยังต้องพบกับอุปสรรคหนักถึงขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นแม่ที่ตั้งครรภ์เพราะถูกข่มขืนล่ะ ?
นางเอกที่เป็นเหยื่อข่มขืนที่ถูกเรียกว่า date rape ซึ่งเป็น term ที่ดูจะไม่มีใครพูดถึงมากมายนักที่สังคมบ้านเรา แต่ดูเหมือนว่าหลายคนมองผ่านการกระทำนี้และยังถูกเหมารวมให้เป็นการมีเพศสัมพันธ์อย่างยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย แต่มันคืออาชญากรรมที่ทำร้ายเหยื่อไปแล้วมากมายเช่นกัน
date rape คืออะไร ?
ความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นจากผู้กระทำที่มีความสัมพันธ์กับเหยื่อ อาจจะเป็นเพื่อนสนิท คู่เดท คนรักที่ได้รับความไว้วางใจจากเหยื่อ จากในอดีตที่มีความเชื่อว่า rapist จะเป็นคนแปลกหน้าที่แฝงตัวในเงามืดเข้ามาจู่โจมข่มขืนเหยื่อ แต่แท้จริงแล้ว คดีส่วนใหญ่เกิดจากคนที่เหยื่อรู้จักเป็นอย่างดี
แต่ในทางกฎหมายจากหลายประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างเหยื่อกับผู้กระทำไม่สามารถลบล้างความผิดไปได้ date rape ในหลายกรณีจะเกิดขึ้นจากการฤทธิ์เหล้ายา ไม่ว่าฝ่ายผู้กระทำจะวางแผนไว้ก่อนหรือไม่ แต่การฉวยโอกาสข่มเหงเหยื่อที่เมาขาดสติและไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ก็ถือเป็นอาชญากรรมล่วงละเมิดทางเพศไม่ต่างจากการใช้กำลังบีบบังคับเหยื่อ
date rape คืออะไร ?
ความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นจากผู้กระทำที่มีความสัมพันธ์กับเหยื่อ อาจจะเป็นเพื่อนสนิท คู่เดท คนรักที่ได้รับความไว้วางใจจากเหยื่อ จากในอดีตที่มีความเชื่อว่า rapist จะเป็นคนแปลกหน้าที่แฝงตัวในเงามืดเข้ามาจู่โจมข่มขืนเหยื่อ แต่แท้จริงแล้ว คดีส่วนใหญ่เกิดจากคนที่เหยื่อรู้จักเป็นอย่างดี
แต่ในทางกฎหมายจากหลายประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างเหยื่อกับผู้กระทำไม่สามารถลบล้างความผิดไปได้ date rape ในหลายกรณีจะเกิดขึ้นจากการฤทธิ์เหล้ายา ไม่ว่าฝ่ายผู้กระทำจะวางแผนไว้ก่อนหรือไม่ แต่การฉวยโอกาสข่มเหงเหยื่อที่เมาขาดสติและไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ก็ถือเป็นอาชญากรรมล่วงละเมิดทางเพศไม่ต่างจากการใช้กำลังบีบบังคับเหยื่อ
Hogu's Love ได้เล่าถึงชีวิตของ โดฮี นักว่ายน้ำสาวสวยชื่อดังที่ต้องปกปิดความลับเรื่องการตั้งครรภ์ ด้วยความหวาดหวั่นว่า หากสังคมรับรู้ว่าเด็กในท้องไม่มีพ่อก็จะถูกสังคมตัดสินว่ามีมลทินจนอาชีพการงานพังทลาย วิธีดำเนินเรื่องราวโดยมีปริศนา " ใครคือพ่อเด็กตัวจริง?" สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ชมเมื่อพบว่า โดฮีตั้งท้องเพราะถูกเพื่อนผู้ชายที่สนิทสนมกันฉวยโอกาสข่มขืนเธอที่กำลังเมามาย หลายคนเชื่อว่า หากยุติการตั้งครรภ์ตั้งแต่เนิ่นๆน่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด แต่เธอพยายามรับมือกับสถานการณ์ด้วยการอุ้มท้องอย่างลับๆและคลอดเพื่อยกลูกให้ผู้อื่นอุปการะ
แต่เมื่อเหยื่อข่มขืนพยายามเดินหน้าในชีวิตต่อไปโดยที่ยังต้องเผชิญหน้ากับrapist ที่ทำร้ายเธอ โฮกู ผู้ชายแสนดีอย่างเหลือเชื่อก็โผล่เข้ามาชีวิตของเธอ เขาแสดงออกชัดเจนว่าบูชาเธอราวกับนางฟ้าและยอมรับเรื่องทารกน้อยที่ไม่สามารถระบุตัวตนพ่อทั้งยังดูแลใส่ใจราวกับเป็นลูกของตัวเอง พลังงานด้านบวกจากเจ้าชายคนนี้ทำให้เธอคิดถึงอนาคตในอีกเส้นทาง การสร้างครอบครัวกับผู้ชายที่ยอมรับเธอและลูกอย่างจริงใจนั่นเอง แต่สังคมที่ยังไม่ยอมรับแม่เลี้ยงเดี่ยวได้อย่างเต็มที่ จะยอมรับแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ท้องเพราะถูกข่มขืนได้หรือไม่.
เมื่อชายหนุ่มแสนดีได้ล่วงรู้ความลับเรื่องที่เธอเป็นเหยื่อข่มขืน เขาย่อมช็อคหนัก แต่เป็นเพราะความสะเทือนใจที่คนรักต้องพบกับชะตากรรมที่โหดร้าย มันไม่ได้ลดทอนความรักที่เขามีต่อเธอและลูกแต่อย่างใด และยังได้ยืนยันว่า เธอไม่ควรอับอายหรืออยากหลบหนี แต่เธอเป็นผู้ที่สมควรจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุด เขาคนนี้นี่เองที่ขอร้องให้เธอฟ้องร้องเอาผิดกับ rapist ไม่ให้รอดจากการกระทำต่ำช้านี้
เนื้อหาดราม่าหนักหน่วงจากซีรีส์เรื่องนี้อาจจะทำให้ผู้ชมจำนวนหนึ่งอึดอัดคับข้องใจกับความอยุติธรรมที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องพบเจอ โดฮีอาจจะเจอกับผู้ชายที่เข้าใจและคอยสนับสนุนเธออย่างไร้เงื่อนไขจนทำให้เธอก้าวต่อไปด้วยจิตใจที่แข็งแรงขึ้น แต่เมื่อได้เห็นว่าเหยื่อได้รับการปฏิบัติที่ย่ำแย่ Hogu's Love ก็อาจจะไม่ได้เป็นผลงานที่ช่วยให้กำลังใจผู้ที่เป็นเหยื่อข่มขืนนัก เหยื่อจะก้าวต่อไปได้อย่างไรหากไม่มีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาคอยช่วยเหลือให้กำลังใจเหมือนในซีรีส์
สิ่งที่ชวนจิตตกจาก Hogu's Love คือท่าทีของคนรอบข้างเหยื่อที่ถูกข่มขืนนั่นเองค่ะ เริ่มตั้งแต่ประธานในสังกัดของโดฮีที่รับรู้เรื่องราจากปากของเธอเองว่าตั้งครรภ์เพราะถูกเพื่อนในสังกัดเดียวกันข่มขืน แต่โน้มน้าวให้เธอประนีประนอมกับอีกฝ่าย แม้จะทำท่าทางเหมือนกับกำลังเห็นใจ แต่ใช้สายตาหยามหยันราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเธอ หรือจะเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนที่ไม่พยายามปิดบังอคติที่มีต่อเธอเลยแม้แต่น้อย บรรยากาศในการสอบปากคำนั้นมีทั้งคำพูดและท่าทางเชิงดูแคลน
"ผมเจอเหยื่อข่มขืนมาเยอะ พฤติกรรมของคุณที่เล่ามาดูขัดขืนไม่มากพอ"
คำนิยามคือการขัดขืนที่มากพอเป็นอย่างไรกันแน่ ? คำถามที่ว่า ทำไมไม่ขัดขืนให้มากกว่านี้ ดูไม่ได้ต่างจากการตอกย้ำว่า เป็นความผิดของเหยื่อที่ถูกข่มขืน ทั้งๆที่เคยมีผู้อธิบายว่า พวกเธอหวาดกลัวมากจนไม่สามารถขยับตัวได้ หรือไร้เรี่ยวแรงต่อสู้เพราะสภาพร่างกายไม่พร้อมจากความเจ็บป่วยหรือความเมามาย แต่กลับกลายเป็นว่า อาจจะฟังไม่น่าเชื่อถือหรือถูกตีความเป็นการสมยอม
"ทำไมถึงมีเด็กล่ะ คุณทำแท้งก็ได้นี่"
โดฮีได้ตอบคำถามด้วยสายตาเย็นชาว่า
" นี่คือสิ่งที่เหยื่อควรจะทำเหรอคะ "
ร่างกายและจิตใจของเหยื่อได้รับผลกระทบเมื่อถูกข่มขืน แต่เจ้าหน้ามีท่าทีเย้ยหยันการตัดสินใจของเจ้าทุกข์ โดยไม่เปิดใจยอมรับการตัดสินใจที่เหยื่อ "มีสิทธิ์" จะเลือกด้วยเหตุผลแตกต่างกันไป
ภาพที่เจ้าหน้าที่ไม่พยายามทำความเข้าใจจากมุมมองของเหยื่อและใช้อคติส่วนตัวในการสอบปากคำอาจจะกลายมาเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ขัดขวางไม่ให้เหยื่อขอความช่วยเหลือ ไม่มีใครที่อยากจะพบกับการซ้ำเติมให้เจ็บกว่าเดิมหลังจากถูกกระทำชำเรา
หลังจากที่โดฮีเดินหน้าฟ้องร้องผู้กระทำผิด แต่เป็นเพราะว่า rapist คนนี้หนุ่มคนดังที่สร้างความชื่นชมจากสังคมในขั้นที่ได้รับฉายาว่า "น้องชายแห่งชาติ" ทำให้บรรดาแฟนๆ ยืนหยัดเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างเต็มที่ พวกเค้าไม่รับฟังคำพูดของโดฮีแม้แต่น้อย แล้วรวมตัวกันเพื่อประท้วงและคุกคามโดฮีในวันแต่งงานด้วยการตะโกนด่าว่าเธอเป็นผู้หญิงสำส่อน แม้เธอจะแสดงความแข็งแกร่งไม่หวาดหวั่นต่อการคุกคามนี้ แต่ในชีวิตจริง จะมีเหยื่อข่มขืนสักกี่คนที่สามารถรับมือกับเรื่องรุนแรงเช่นนี้ได้ ?
คำเตือน มี การspoil เนื้อหาซีรีส์
ญี่ปุ่น - Last Friends
การข่มขืนที่เกิดจากน้ำมือคนรัก
เมื่อพูดถึงผู้ร้ายคดีข่มขืน อาจจะมีคนจินตนาการถึงชายหน้าเหี้ยมท่าทางผิดปกติที่ดูไม่น่าเข้าใกล้ แต่หากผู้ลงมือกระทำชำเราเป็นคนใกล้ตัวที่เหยื่อรักและไว้ใจอย่างคนรักหรือสามีล่ะ ? เคยมีคนนำเรื่องความทุกข์ใจมาขอคำปรึกษาในโลกออนไลน์ว่าถูกสามีข่มขืนแล้วจะแจ้งความได้หรือไม่ แม้ว่าตามกฎหมายจะระบุว่าแม้ผู้กระทำจะเป็นสามี แต่ถือว่าได้ก่ออาชญากรรมทางเพศ จะต้องได้รับโทษ เสียงตอบรับในประเด็นนี้กลับแตกแยกกันออกไป ทั้งสนับสนุนให้ภรรยาแจ้งความและฟ้องหย่า ทั้งวิจารณ์ว่าเป็นความผิดของเธอเองที่ไม่สามารถทำหน้าที่ภรรยาได้อย่างครบถ้วน หรือจะเป็นคำแนะนำให้เธออดทนเพื่อลูก และหาทางออกอื่น เช่น ยินยอมให้สามีปลดปล่อยอารมณ์กับหญิงบริการ
คนในสังคมอาจจะคิดต่างกันในเรื่องนี้ แต่คนส่วนใหญ่ได้คำนึงถึงความเจ็บปวดของเหยื่อที่ถูกกระทำด้วยน้ำมือของคนรักหรือไม่ เราก็ยังไม่แน่ใจนัก
ซีรีส์ญี่ปุ่นในความทรงจำของหลายคนเรื่องนี้ได้สั่นสะเทือนอารมณ์ด้วยประเด็นความรุนแรงในครอบครัว โซสุเกะ- มิจิรุเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยความรักแสนหวาน พวกเค้าตัดสินใจอยู่กินกันด้วยความวาดหวังถึงชีวิตคู่รักที่แสนสุข โซสุเกะที่ทั้งสุภาพและเป็นที่พึ่งพาได้ดูเหมาะสมกับมิจิรุผู้อ่อนโยนบอบบางอย่างไร้ที่ติ ทั้งยังมีหน้าที่การงานราชการที่มั่นคงและนิสัยที่ดูซื่อตรงไม่เจ้าชู้ ดูเหมือนว่ามิจิรุจะเป็นผู้โชคดีราวกับถูก jackpot ใหญ่เลยทีเดียว
แต่ทันทีที่เขาสัมผัสได้ว่า เธอไม่ได้มอบความสนใจจดจ่อต่อเขาเพียงผู้เดียว โซสุเกะก็เผยตัวตนอีกด้านที่น่าสะพรึงกลัวออกมา เขาไม่ได้ต้องการความรักจากเธอเท่านั้น แต่ยังต้องการครอบครองเธอทุกลมหายใจ และไม่ลังเลที่จะใช้กำลังเพื่อกำราบไม่ให้เธอคิดเปลี่ยนใจไปมองใครคนอื่น จากการตบหน้าก็เพิ่มดีกรีความรุนแรงจนสาวคนรักฟกช้ำไปทั้งตัว จากเดิมที่มิจิรุเคยรู้สึกอบอุ่นใจกับความรักของโซจิโร่ เธอก็หวาดกลัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องหลบหนีออกมา แต่เขาไม่ยอมรามือ และลงมือทำร้ายคนรอบตัวมิจิรุด้วยความหึงหวง โซสุเกะคลั่งถึงขั้นข่มขืนมิจิรุที่กรีดร้องอย่างหวาดกลัว หลังจากถูกย่ำยี เธอดูเลื่อนลอยไร้วิญญาณ เห็นได้ชัดว่ามันทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าตอนถูกตบตีซะอีก
โซสุเกะเป็น abuser ที่แสดงออกหลายบุคลิก ยามที่ไม่ได้มีเรื่องขัดใจ เขาช่างอ่อนโยนใจดีโดยไม่ได้เสแสร้ง แต่เมื่อหวาดระแวงในตัวคนรัก ปีศาจร้ายที่ซ่อนอยู่ก็จะปรากฏตัวออกมาทำร้ายเธอโดยไม่คิดลังเลใจ แต่เพียงไม่นานต่อมา เขาก็จะร่ำไห้ด้วยความสำนึกผิดและเฝ้าขอร้องให้มิจิรุยกโทษให้ แต่เธอตกอยู่ในวังวนของเหยื่อความรุนแรงในครอบครัวที่ไม่สามารถเลิกรากับ abuser ได้เด็ดขาด ทั้งๆที่ถูกทำร้ายรุนแรงอยู่ฝ่ายเดียว แต่เธอพยายามอธิบายว่า พวกเค้าต่างก็ผ่านชีวิตโดดเดี่ยวที่โหดร้ายและโหยหาครอบครัวเหมือนกัน เธอจึงไม่สามารถปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวได้
แต่เรื่องนี้ไม่ได้อวสานด้วยฉากริมทะเลที่พระเอก-นางเอกเคลียร์ปัญหาหัวใจจนกลับมารักกันหวานชื่น แม้จะเป็นละคร แต่ก็สะท้อนปัญหาความรุนแรงในครอบครัว เลือดเนื้อ น้ำตา และความสูญเสีย ไม่ได้ถูกนำมาปั้นเป็นแฟนตาซีหลอกตัวเองว่า เหยื่อข่มขืนจะหันมารัก abuser อย่างหมดใจ
ในบางประเทศ รัฐบาลได้จัดสรรโพรแกรมการบำบัดสำหรับอาชญากรทางเพศโดยเฉพาะในระหว่างที่ถูกคุมขังในเรือนจำ ด้วยจุดมุ่งหมายในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอันเป็นอันตรายต่อสังคม และมีการติดตามคุมประพฤติเมื่อนักโทษได้รับการปล่อยตัว แต่สำหรับผู้ที่กระทำความผิดร้ายแรง (ข่มขืนแล้วฆ่า หรือ ทำอนาจารเด็ก) ศาลจะพิจารณาโทษหนัก อาชญากรที่เป็น serial rapist บางรายจะถูกสั่งจำคุกตลอดชีวิต โดยกำหนดให้ต้องชดใช้ความผิดอย่างต่ำ 30 ปีโดยไม่ลดหย่อนโทษปล่อยตัวก่อนกำหนด
คำเตือน มี การspoil เนื้อหาซีรีส์
อเมริกา - Unbelievable
ตีแผ่การทำงานผิดพลาดของตำรวจที่กล่าวหาว่าเหยื่อเป็นสาวลวงโลก
ในอีกฝั่งหนึ่งของโลก การตีแผ่ความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายไม่ใช่เรื่องต้องห้าม มีการสร้างหนังและซีรีส์จากเรื่องที่เกิดขึ้นจริงมาแล้วหลายครั้ง รวมไปถึงเค้าโครงเหตุการณ์ความจริง ที่ถูกนำมาปรับแต่งเป็นซีรีส์ Unbelievable แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น แต่ก็ใช้ข้อเท็จจริงหลายจุดโดยมีข้อมูลจากเหยื่อตัวจริง
ซีรีส์ได้เล่าถึง Marie Adler* เด็กสาววัยรุ่นที่แจ้งความว่าถูกคนร้ายบุกเข้าไปในบ้านแล้วข่มขืนเธอ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้วิเคราะห์ถึงคำให้การและหลักฐานต่างๆแล้วเชื่อว่ามันดูขัดแย้งกันเกินไป จึงตั้งข้อหา Marie ว่ามีความผิดฐานแจ้งความเท็จ เพราะถูกกดดันอย่างหนักเธอจึงยินยอมจ่ายค่าปรับเพื่อยอมรับว่าตัวเองโกหกจริงๆ
แต่ปัญหาใหญ่ก็คือ เธอไม่ได้โป้ปดแต่อย่างใด
สิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ต่างจากการถูกเหยียบย่ำซ้ำเติมให้ Marie จมลงไปในห้วงแห่งความทุกข์ลึกลงกว่าเดิม เมื่อถูกย่ำยีจนต้องร้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจก็สร้างความทุกข์แสนสาหัสแล้ว แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ยัดเยียดให้เป็นผู้กระทำผิด บีบคั้นให้เธอไร้ทนทาง เราไม่สามารถบรรบายได้เลยว่าเธอจะต้องเจ็บปวดสักเท่าใด
* เหยื่อตัวจริงไม่ได้มีชื่อสกุลนี้
หากต้องเจอกับสถานการณ์เดียวกัน บางคนอาจไม่แน่ใจว่า จะพยายากเริ่มต้นใหม่ได้อย่างใด หลังจากที่ต้องพบกับสิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิต เธอถูกคนร้ายเอาจี้มีดจี้ ปิดตา มัด นาทีแห่งความเป็นความตายอาจตามหลอกหลอนให้หวาดกลัวไปตลอดชีวิต เมื่อหวังพึ่งพากระบวนทางกฎหมายเพื่อนำตัวคนร้ายมาลงโทษ สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือ เหยื่อที่ต้องกลายมาเป็นผู้ต้องหาเสียเอง แม้แต่แม่อุปถัมป์ก็ยังไม่เชื่อถือในคำพูดของเธอด้วยซ้ำ
Marie ยังมีโชคอยู่บ้างเมื่อตำรวจหญิงที่ตามแกะรอยคนร้ายคดีข่มขืนได้สังเกตถึงความเชื่อมโยงกับคดีอื่นๆ ในที่สุดพวกเค้าก็พบหลักฐานที่ใช้มัดตัวคนร้ายได้แน่นหนา และยังพบหลักฐานที่ยืนยันความบริสุทธิ์ให้กับ Marie อย่างแจ่มแจ้งที่สุด เธอหาใช่จอมลวงโลก ความผิดพลาดของตำรวจผู้สอบสวนเมื่อแจ้งความนั้นแทบทำให้เธอแตกสลายและอาจจะไม่กอบกู้ตัวตนเดิมกลับมาได้อีก เมื่อมีโอกาสพิสูจน์ความจริงว่านี่คือความผิดพลาดอันร้ายแรงของตำรวจ Marie ก็เดินหน้าห้องร้องเรียกค่าเสียหาย และทำข้อตกลงว่า ฝั่งสถานีตำรวจต้องชดเชยให้เธอจำนวน $150,000 ซึ่ง Marie ในชีวิตจริงได้บรรยายไว้ว่า เจ้าหน้าที่บีบบังคับให้เธอยอมรับว่าไม่มีเรื่องข่มขืนเกิดขึ้น และยังขู่ว่าจะโยนเธอออกไปจากสถานีตำรวจหากเธอยังยืนกรานว่าถูกข่มขืนจริงๆ
ขอยืนยันอีกครั้งว่า เรื่องข่มขืนไม่ควรนำมาผูกร้อยเรียงกับพล็อทความรักโรแมนติคที่ยังวนเวียนไม่จางหายไปจากวงการละครไทย เพราะนี่คือปัญหาที่ทุกฝ่ายควรให้ความสำคัญอย่างจริงจัง ถึงแม้ว้าจะเป็นประเด็นเปราะบางที่หมิ่นเหม่ในความรู้สึกของหลายคน แต่การแสดงภาพที่สมจริงเพื่อชี้ให้เห็นถึงผลกระทบอันใหญ่หลวงเมื่อเหยื่อถูกล่วงละเมิด รวมไปถึงการระดมหาแนวทางเพื่อป้องกันปัญหา ย่อมมีประโยชน์ต่อผู้ชมมากว่าการมอมเมามายาคติที่ขัดแย้งความรู้สึกเช่นนี้
The End